เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Sorry, I'm Ovary-Reactเนตรธิ ~
"It's Getting Worse", Really?
  • "อาการคุณมัน beyond PMDD ไปเยอะแล้ว เหมือนจะเป็นซึมเศร้าแล้ว"

    .. พีค ..
    สตั๊นท์ไป สามวิ
    นี่เป็นคำพูดคุณหมอหลังจากเราอวดว่าเราเขียนบล็อกเรื่อง PMDD ด้วยนะ 
    มีการพูดต่อว่า "หมอว่าจะบอกนานแล้ว แต่ลืม"

    .. พีคในพีค เข้าไปอีก ...

    เหตุการณ์ข้างบนนั้นเกิดก่อนเราจะโอเวอร์โดสตัวเองจนเห็นภาพหลอนนะ
    ว่าจะเขียนนานแล้ว แต่ด้วยความที่ไม่รู้ว่ามันบียอนด์ไปเป็นอะไรกันแน่ ก็เลยต๊ะไว้ในหัวก่อน รอไปเจอหมออีกครั้งก่อน

    ทุกครั้งที่เราไปพบจิตแพทย์ จะไม่เหมือนไปหาหมอ เราอารมณ์ดีและก็หัวเราะเยอะ จนเราเคยคิดเหมือนกันว่าหมอเคยเจอคนไข้ตลกแบบนี้หรือเปล่า
    เรามักจะได้รับคำชมเสมอ ว่า "คุณเก่งมากเลยที่เข้าใจตัวเองขนาดนี้" "เห็นต้นตอปัญหา" "ดูแลตัวเองได้ดี"

    แต่ว่าในการไปพบหมอครั้งล่าสุดเมื่อสี่วันที่ผ่านมาของเรา มันพลิกไปเลย ..  



  • เราซึมมาก รู้ตัวด้วยว่าซึมเซาเหลือเกิน 
    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาแก้แพ้ที่เรายังกินอยู่บ้างเพื่อให้หลับ หรือเพราะอารมณ์เรากันแน่ 
    แต่รู้สึกว่าในตัวมันหนัก มันห่อเหี่ยว  ไม่มีเรี่ยวจะเดิน 

    เป็นการพบหมอครั้งแรกที่เราแทบไม่สบตาหมอและไม่หัวเราะเลย
    เราก็เล่าให้หมอฟังว่าเราก็ยังมีพฤติกรรมทำร้ายตัวเองเดิมๆ ไม่รู้จะหยุดยังไง กลับมาหงุดหงิดการนอนไม่หลับตอนกลางคืน ติดเตียงตอนกลางวันและเศร้าซึมมากจริงๆ 

    คุณหมอถามว่า "เราจะแก้ไขเรื่องนี้ยังไงกันดี"
    เราไม่มีคำตอบ เราบอกว่าเราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน 

    สิ่งที่เราบอกหมอมันเริ่มไม่เป็นเหตุเป็นผล ไม่มองความจริงและท้อแท้ เราบอกว่าเราไม่อยากตื่น ตื่นมาก็รู้สึกแย่ โมโหโลก เบื่อ รำคาญตัวเอง อยากหลับยาวๆ เวลาจะได้ผ่านไปไวไว นอกจากนั้นเราก็เงียบๆ .
    ความรู้สึกที่ชัดเจน คือ เราอยากเลิกเป็นตัวเราเองแป๊บนึงได้มั้ย เหนื่อย ขอถอดตัวเองออกมาจากร่างนี้เพื่อพักแป๊บนึงได้ไหม อะไรพวกนี้ 


    ซึ่งมันไม่มีทางทำได้ ..
    คุณหมอพูดว่า "ไม่มีใครรีเซ็ตชีวิตตัวเองได้ แม้แต่คนที่หลับเพราะโคม่าเป็นเดือน ตื่นมาก็ยังเป็นชีวิตตัวเอง"

    เราก็รู้อยู่แล้ว
    พอมันทำไม่ได้ เราก็เกลียดตัวเอง โกรธทุกอย่างที่ทำให้เราเป็นแบบนี้ ..


  • คุณหมอพูดว่า "หมอขอพูดตรงๆ อาจจะดูใจร้ายไปหน่อย แต่ตอนนี้คุณเสียหลักมาก "

    ใช่ เราเห็นด้วย .
    ทำไมเราที่เคยเป็นคนไข้ที่น่ารักและได้รับคำชมเสมอๆ วันนี้โดนคุณหมอดุ เสียงแข็ง โดนเตือนหรืออะไรๆ ที่เราก็รู้อยู่แล้วล่ะ ทำไมมันกลายเป็นอะไรแบบนี้
    เราได้แต่เงียบเพราะรู้สึกผิด
    เกลียดตัวเองชะมัด

    เป็นการไปพบจิตแพทย์ครั้งแรกที่พอเดินออกมาจากช่องรับยาแล้วเราร้องไห้
    เราไม่เคยร้องไห้เลยตลอดการไปหาหมอครึ่งปีที่ผ่านมา  

    แต่วันนี้รู้สึกเหมือนจะตาย รู้สึกเหมือนนาฬิกาที่กำลังหยุดเดิน ..

    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเราอัดอั้น
    หรือเพราะเราเห็นคุณหมอเขียน MDD บนหัวกระดาษในแฟ้มคนไข้ของเรากันแน่
    จะเป็นซึมเศร้าแล้วเหรอ ?
    เราร้องไห้ ร้องไห้ และร้องไห้

    เสียใจ โกรธ ตกใจ สับสน รู้สึกผิด เกลียด 

    มันควรจะดีขึ้นไม่ใช่เหรอ ? มันไม่ควรแย่ลง ทำไมเราทำให้มันแย่ลงขนาดนี้ 
    แล้วนี่จะบอกพ่อกับแม่ยังไง พอคิดถึงจุดนี้ก็ยิ่งร้องไห้ ..

  • เราซึมๆ ไปสองสามวัน
    เราคิดว่ามันเป็นอาการช็อคที่คาดว่าจะเป็นโรคซึมเศร้า แฟนเราก็คิดแบบเดียวกัน
    อย่างน้อยการเป็น PMDD เราก็คาดเดาได้ว่ามันจะมาเดือนละครั้ง และมันจะหายไปเมื่อหมดประจำเดือน แต่ถ้าเป็นโรคซึมเศร้า เราจะคาดเดาไม่ได้เลยว่ามันจะโจมตีเราตอนไหน ไม่โอเคเลย ..



    แต่แปลกนะ .
    แฟนเรากลับบอกว่า เขาเห็นแววตามีชีวิตของเรากลับมาแล้ว 

    หืม ?
    ในหัวเรากลับเห็นภาพว่านาฬิกาชีวิตเรามันหยุด ติ๊ก และค่อยๆ เดินถอยหลัง
    เรารู้สึกแบบนี้จริงๆ ไม่เข้าใจเหมือนกัน ยังอธิบายความรู้สึกตรงนี้ไม่ถูก 

    แฟนเราบอกว่า เรากลับมาเป็นตัวของตัวเองแล้ว เขาไม่ได้เจอเราเวอร์ชันนี้นานแล้ว
    ประมาณว่าพอหมอบอกว่าเป็นโรคซึมเศร้าปุ๊บ เราก็หายเลย ฮ่า ๆๆ
    เขาบอกว่าเราอาจเป็นคนประเภทที่ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรจะไม่เข้าใจและทุกข์ แต่ถ้ารู้แล้วว่าความบ้าบอทั้งหลายแหล่นั้นเกิดจากอะไรกันแน่ จะโอเค ดี รู้แล้วจะจัดการกับชีวิตได้

    เออ ,,
    ก็อาจจะเป็นไปได้นะ
    พอเราหายช็อค เราก็รู้สึกว่า โอเคถ้ามันจะเป็นก็เป็น ถ้ามันจะตายก็ตาย ต้องกินยาทุกวันก็กิน รู้คำตอบแล้วเราก็เลิกตั้งคำถามกับความไม่เข้าใจ ไม่พอใจในหัวตัวเองไปได้มากเหมือนกัน
    ใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน พอ

    บางทีก็รู้สึกว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายมากกว่า ..

    get up,
    survive,
    and go back to bed .. จบ


    นั่นแหละ
    เราก็เลยไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้มันแย่ลงจริงๆ เหรอ ? ถ้ามันทำให้รู้สึกว่าจัดการกับชีวิตได้ชัดขึ้น (มั้ง)

    แต่อีกสามวันข้างหน้า เราอาจจะกลับไปเป็นบ้าหนักๆ อีก ใครจะรู้
    คงต้องค่อยๆ หาคำตอบกันต่อไป ..



    ปล. ยาใหม่ขมคอมาก ทรมาน :'(
    ปล. 2 ต่อให้เป็นโรคใหม่ ก็กะว่าจะไม่เปลี่ยนชื่อเรื่องนะ ยังไงมันก็เริ่มจากตรงนั้น .
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in