เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ไถเป่ย 281provdtha
day2 : ลื้อจะเริ่มอีกรอบแบบนี้เลยเหรอวะ

  • DAY 2

    __________


    วันแรกอะมายา วันต่อมาสิของจริง





    ปกติคนไปเที่ยวต่างประเทศเขาจะตื่นกันกี่โมง?

    ถ้าทริปก่อนๆ ก็คง 7-8 โมง กว่าจะพิรี้พิไรรอคนโน้นคนนี้ก็สายๆ กว่าจะได้ออก

    ส่วนดิชั้นทริปนี้ สิบโมงเช้าค่ะ…

    ปัดโธ่เว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย!




    พอยกหลังขึ้นจากเตียงได้ก็พบว่าคนเตียงบนตื่นก่อนนานแล้วสภาพอาบน้ำเตรียมตัวเรียบร้อยและยืนมองอย่างอาฆาตมาดร้ายอยู่ อุ่ย ขอโทษค่า /กราบแบบไม่แบมือ พี่หวายไล่เราไปอาบน้ำ กว่าจะเสร็จสี่แปดสิบหกกระบวนท่าก็สิบเอ็ดโมงนู่น พี่หวายบอกว่าตื่นมากิน Brunch (มื้อเช้าควบมื้อเที่ยง) พอดี เนื่องจากเราไม่ได้แพลนไว้ให้วันต่อไปเลย คิดเอาสดๆ หน้างานสรุปก็มาจบที่ห้างใต้สถานีไทเมนสเตชั่น




    ในร้านก็มีเมนูอะไรต่างๆ เหมือนอาหารญี่ปุ่นแหละ ใจจริงก็อยากกินอาหารเซตนะ หน้าตาดูดี แต่จบที่สิ่งนี้เพราะไม่อยากกินแพง กลัวเงินหมดก่อน…ราคาน่าจะประมาณชามละ 145-150 หยวน ก่อนกินก็แอบซีดอยู่สามวิ ฮือ แพงค่า แต่ถ้าให้ถูกกว่านี้คงต้องเดินไปกินเคเอฟซี แมค ร้านขนมปัง ไม่ก็ซูชิเทคเอาท์ก้อนละสิบหยวนนู่น แต่เอาวะ มีคนมาด้วยแถมมาเที่ยวด้วยจะขี้งกเกินไปก็น่าเกลียด แดกๆ ไปเหอะ (เอ่า เก้วกาดเฉย)




    ของพี่หวาย (เขาถ่ายเอง)
    “ทำไมต้องใส่มะเขือเทศอะ เข้ากันตรงไหน?”


    ของเรา (อร่อยกว่าโยชิโนยะสาขาไทย)



    หาอะไรยัดลงท้องเสร็จ ก็มายืนเสี่ยงทายกันไม่ไกลจากทางแตะบัตรเข้าสถานี ไปไหนดีจ๊ะ ไปไหนดี ซึ่งพี่หวายก็ให้ความร่วมมือโดยการไม่ช่วยกูคิดอะไรเลย “แล้วแต่ พี่ไปได้หมด” ดี นี่สิเพื่อนแท้




    ได้!!!!!!!!!!!1




    /ทุบเทอในใจเปนหมื่นล้านครั้ง




    รอรถไฟ ถุงเท้าคนข้างหน้าน่ารัก มีน้องด้วย


    เราเลยมุดใต้ดินไปอนุสรณ์สถานดร.ซุน ยัตเซ็น (Sun Yat-sen Memorial Hall) ความใหญ่โตโอ่อ่าเป็นเอกลักษณ์ของเมืองจีนเขาแหละ เราเข้าทางด้านหลัง รอบๆ เป็นสวนตกแต่งสวยงาม มีนักท่องเที่ยวประปราย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นท้องถิ่นจับกลุ่มกันซ้อมเต้นเป็นหย่อมๆ ใช่ ซ้อมเต้นกันที่นี่แหละ สุดทึ่ง เพลงจีนเอย ฝรั่ง เกาหลี ฮิปฮอปต่างๆ เป็นพื้นที่สาธารณะที่แท้จริงอะ เราสังเกตการณ์รอบๆ ก่อน ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย จากตรงนี้เห็นตึกไทเป 101 (Taipei 101) ด้วย ไม่ต่างอะไรจากหอเอนปิซ่าเลยค่ะ















    ถือตึกกันเก่งจ้า (เอารูปนี้ไปส่งงานด้วย)


    ข้างในอาคารเป็นพิพิธภัณฑ์ แต่ละห้องแต่ละชั้นก็จะแสดงผลงานศิลปะแตกต่างกันไป มีการตัดกระดาษแดงเป็นลวดลายที่เราไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร แต่ตอนม.ปลายเหล่าซือเคยสอนให้ทำเหมือนกัน ตอนนั้นตัดเป็นคำว่าโชคดี? แต่อันนี้แอดว๊านซ์กว่ามาก


    เออะ

    มีทั้งประวัติของพรรคก๊กมินตั๋ง นอกจากนิทรรศการแล้วชั้นใต้ดินยังเป็นห้องเรียนของคนทั่วไปด้วย จะเป็นคลาสพิเศษสอนภาษา วาดรูป ส่วนไฮไลต์ก็ต้องเป็นรูปปั้นดร.ซุนขนาดใหญ่มหึมาบนเก้าอี้ เราเดินมาเกาะระเบียงชั้นสอง ท่านยังสูงเลยเราไปอีกหน่อยนึงแหน่ะ ไม่นานประมาณเกือบๆ บ่ายโมง เราไม่ได้คาดหวังอะไรกับที่นี่เท่าไหร่ แต่ดันมาตอนที่เขาผลัดเวรยามทหารกันพอดีก็เลยได้ดูไปด้วย












    คือมันเป็นที่มาของคำว่าหนึ่งร้อยแปดกระบวนท่าจริงๆ เยอะมาก สิบห้านาทีเลยมั้งที่ไม่หยุดตะเบ๊ะ ตบปืน เดินแบบหุ่นยนต์ ส่งเสียงห้าวหาญ วนไปเรื่อยๆ จนเหนื่อยแทนพี่ทหารเขาเลย คนจีนเองก็คงสนใจมาก เป็นบัตรหลุมสี่พันห้า ส่วนเราบัตรดอย







    รูปปั้นคุณทหาร





    เสร็จจากที่นี่ เราก็ข้ามถนนไป Songshan Cultural and Creative Park ระหว่างทางก็เดินเจอซากุระกำลังบานพอดี ตื่นเต้นดีใจกันอยู่สองคน พี่หวายออกแนวงงว่าที่นี่ก็มีด้วยหรอ ทำไมบานเร็ว ตามประสาคนคุ้นเคยกับญี่ปุ่น ส่วนเรา...ฮือออออออ ซากูร้าาาาจัง เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิต คาวาอิเด๊ส แง๊ รัวถ่ายรูปไม่ยั้งซึ่งต้นมันอยู่ริมรั้วสถานีตำรวจ 555555 งง แต่ก็น่ารักดี




    โดนดุว่าไปถ่ายทำไมกลางถนน เอ่า ก็มันไฟแดงให้คนข้ามอะ



    น้อนนนนนนนนนนน (หลุดโฟกัสกระจุย)

    จนวันนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่ามันคือซากุระจริงๆ หรือเปล่า แต่คิดว่าใช่

    สวนซงชานก็เป็นอีกหนึ่งอาร์ตสเปซที่มีชื่อเสียงพอสมควร (คราวก่อนเราไป Huashan 1914 creative park ก็แพทเทิร์นตึกคล้ายๆ กัน) ที่นี่เป็นโรงงานยาสูบเก่าสมัยญี่ปุ่นมายึดเป็นอาณานิคม ตึกภายนอกก็ยังคงแบบเดิมไว้ โถงทางเดินก็รู้สึกได้ว่าคลาสสิก มีนิทรรศการหลายอย่างจัดอยู่ เราก็เดินเข้าไปดูแบบผิวๆ เหมือนเดิม ตรงโกดังเก่าเองก็มีนิทรรศการชั่วคราวของศิลปินมาแสดง เราก็เมียงมองบูธขายตั๋ว แต่เห็นราคาแล้วก็ขอบาย 55555 คือมันก็ไม่ได้แพงหรอกค่ะ 100-150 หยวนอัพ ไม่เกิน 300 ประมาณนี้ แต่เก็บไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า (ขี้งกนั่นเอง)













    พอเดินไปจนทั่ว ข้างๆ ก็มีตึกบิดโค้งสูงๆ สวยๆ หน้าต่างกระจกเป็นแพทเทิร์น มีชื่ออย่างหรูหราว่า Taipei New Horizon Shopping Complex กับส่วน The Eslite Spectrum สี่ชั้นล่างเป็นห้างตั้งแต่ชั้นใต้ดินซึ่งเป็นชั้นร้านอาหารกับโรงหนัง ชั้น 1-2 ขายเสื้อผ้า ของใช้ต่างๆ ส่วนชั้น 4 คือเด็ด มันคือร้านหนังสือ Eslite ที่เป็นเชนสโตร์ของไต้หวัน คล้ายๆ คิโนะคุนิยะ ซีเอ็ด บีทูเอส แต่ที่นี่ Eslite (มันอ่านว่า เอสไลท์หรืออีลิท ใครทราบช่วยบอกด้วยค่ะ จำเป็นมากๆๆๆๆ)เนี่ย เราชอบมาก เพราะมีหนังสือหลายประเภท ขอโทษนะ...เยอะชิบหายเลยค่ะ ตกแต่งสวย มีเก้าอี้ให้นั่ง ขายของที่ระลึกด้วย เครื่องเขียน แผ่นเพลง โมเดลของเล่น ครบ







    เราชอบเดินดูปกหนังสือ มันสวยอะ คือไม่ใช่ของไทยเราไม่สวยนะ แต่มันไม่หลากหลายแบบนี้อะค่ะ ยิ่งงานที่เป็น นิเทศศิลป์/Communication Arts แบบนี้คนสนใจก็ควรมาดูงานหลายๆ แบบอะเนอะ







    หนังสือ 18+ ก็มีจ้า (ที่สนใจเพราะหนังเรื่อง The Handmaiden เลย)
    จริงๆ จะซื้อด้วยนะเล่มนี้ ต่อสู้กับตัวเองหนักมาก แต่ก็...ไม่เอาดีกว่า


    เดินจนหิวแต่ไม่อยากกินของหนัก ก็เลยลงมาดูที่ชั้นใต้ดิน มีคาเฟ่ ร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านก๋วยเตี๋ยวไทย ใช่จ่ะ ชื่อร้านเขียนกันโต้งๆ เลยว่า Very Thai Noodles (เท่าที่เห็นมีหลายสาขามาก) ก็ดูดีมีเครื่องปรุง มีน้ำต้มยำ แต่ตกม้าตายที่ข้างกระจกร้านแปะสติกเกอร์ด้วยฟอนต์ Tahoma เป็นภาษาไทยน่ารักๆ (ลืมแล้ว ไม่แน่ใจ แต่ก็ประมาณนี้)ว่า “อร่อยมาก/มีความสุขมาก”




    ผิด!!!! ไม่อร่อย เห็นฟอนต์ก็รู้แล้วว่าไม่อร่อย!!!!!




    จริงๆ ก็คงอร่อยแหละ คนกินเยอะเลย แต่อีโก้สูงเลยเดินไปร้านเบเกอรี่ Wu Pao Chun แทน เรามารู้ทีหลังว่าเป็นร้านดังของคนไต้หวันเนี่ยแหละ ถึงว่า คนเยอะทุกครั้งที่มาเลย (สองครั้งเองมึง) เนื่องจากเรากับพี่หวายเป็นขนมปังเลิฟเวอร์กันทั้งคู่ ก็เลยลองโดนกันสองสามอย่าง




    แต่ถามว่าได้หยิบอันเบสเซลเลอร์หรืออันซิกเนเจอร์ของเขามั้ยอะ ก็ไม่ 5555
















    ครัวซองต์ไส้แยมเบอร์รี่ อร่อยดี หวานๆ เปรี้ยวๆ กรึบๆ เนื้อขนมปัง


    อยู่ที่นั่นจนกระทั่งบ่ายแก่ๆ เราก็กลับ นั่งใต้ดินข้ามกลับมาที่อนุสรณ์สถานเจียงไคเชก (Chiang Kai-Shek Memorial Hall) ใหญ่โตยิ่งกว่าเมื่อเที่ยงอีกค่ะ ทั้งประตูทางเข้าเอย คอนเสิร์ตฮอลสองฝั่งเอย สวนข้างๆ ก็ร่มรื่นย์ มีลานจอดรถใต้ดิน แถมลานกว้างขนาดตลาดนัดสี่ที่เห็นจะได้ ตลาดในข่าว #ป้าทุบรถ สามารถมาตั้งขายที่นี่พร้อมกันหมดยังได้เลยอะ เหลือที่ให้จอดรถด้วยมั้งเนี่ย ส่วนตัวอาคารเขาไม่ได้ปิด แต่ปรับปรุงข้างนอกอยู่พอดี เราไปก็เจอจีนมุง เกาหลีมุงพอดีเหมือนกันเพราะมาทันทหารเปลี่ยนเวร ลงมาเชิญธงชาติที่กลางลานลง




    ตามมาถือถึงนี่เลยเหรอ


    น้องมากับคุณแม่มั้ง นับก้าวเวลาขึ้นบันได อี เอ้อ ซาน น่ารักมากๆๆๆๆๆ
    เรา: /ยิ้มให้คุณป้า อ่า...เค่ออ้ายยา (น่ารักจัง) 
    คุณป้า: /ยิ้ม
    แต่น้องขึ้นทีละขั้นๆ ช้า ก็เลยเดินนำขึ้นไปก่อน
    น้อง: เจี่ยเจีย... (พี่สาว) /เรียกด้วยเสียงเล็กๆ
    แงงงงงงงงงงงงงง นร้องงงงงงงงงงงงงงง นู่ลักๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อยากบีบแจ้มมมมมมมมมมม








    ลืมบอกไปว่าที่นี่ก็ไม่ต่างจากฝั่งดร.ซุนเท่าไหร่ เพราะมีกลุ่มนักเรียนมาทัศนศึกษา ลูกเด็กเล็กแดงมาวิ่งเล่น หมาก็มี มีเด็กๆ มัธยมมาซ้อมเต้นกันเป็นนิจ มีวงโยฯ มาซ้อมด้วยอะคิดดู






    ชีวิตคนที่นี่เขาก็ดูสงบดีนะคะ มีที่พักผ่อนหย่อนใจทำกิจกรรมได้ ถ้าที่ไทยมีพื้นที่แบบนี้เยอะๆ ก็คงดี แต่ร้อนแน่ อยู่กันไม่ได้




    บัตรดอยแปดร้อยบาทที่สนามราชมังฯ ตอนเชิญธงลงตอนเย็น อปป้าไต้หวันสุด คนวิ่งตามไปดูเพียบ



    เสร็จแล้วเราก็นั่งรถไฟต่อไปที่แลนด์มาร์กที่ทุกคนต้องเคยมา ตลาดนัดกลางคืนซีเหมินติง (Ximending Night Market) นั่นเอง เขาว่าเป็นสยามของไทเป มีเสื้อผ้า ร้านอาหาร รองเท้า ขนมหวาน สตรีทโชว์ เราก็พยายามจะเดินให้ครบทุกตรอกซอย แต่-งงทางนิดหน่อยเลยไม่รู้ว่าไปครบมั้ย บางซอยก็เดินผ่านแล้วผ่านอีกอีร้านนี้



    ขอโทษนะ คิดดีไม่ได้เลยค่า 55555555555555555555 (รสชาติเฉยๆ อย่าไปกิน)









    200 หยวนกับเนื้อวัวเผาโรยผงตามชอบ กินให้ไตกับมะเร็งถามหากันปัยเรย





    สองร้านต่อไปนี้ ไม่พูดถึงไม่ได้เพราะประทับใจมาก ไม่ได้กินนะแต่ยืนดูเขาทำนานมาก เป็นร้านอาหารนี่แหละอยู่ติดกันเลย รูปแรกเขาทำหอยทอด ขอตั้งชื่อให้ว่า มอหอหอยทอด (=โมโหหอยทอด) เพราะทำแรงมากอีเวง ลื้อโกดใครมาอะ ตีกระทะดังแป๊ะๆๆๆๆๆๆ สาดน้ำมันโครมๆๆๆ สาดยิ่งกว่าสงกรานต์ กลัวแทนคนกินเลยอะค่ะ นี่ไม่ใช่หอยทอดหอยนางรม นี่คือนี่คือน้ำมันทอดแป้ง!!!!







    ส่วนเถ้าแก่คนนี้กำลังทำข้าวผัด ดูลักษณะความรุนแรงจากเม็ดข้าวที่กระจุยกระจายอยู่บนขอบกระทะนั่นสิคะ จริงๆ อันนี้ถ่ายตอนทำแรกๆ ต้องดูตอนใส่เนื้อใส่ไข่ ผักต่างๆ ลงไปแล้ว โอโห วัดเส้าหลินเว่อ เคาะตะหลิวเปรี๊ยะๆๆๆๆ ข้าวกระเด้งกระดอนไปหมด บางเม็ดดีดมาใส่เราด้วย ขอตั้งชื่อให้ว่า ข้าวผัดเกรี้ยวกราด โอย สะใจ!!!!!!!!!!!!!!!1







    จนต้องบอกลาไปกับวันนี้แล้ว เราก็เดินกลับที่พักกัน เดินได้สบายเพราะอากาศดีแถมไม่ไกลมากด้วย พอทำธุระส่วนตัวเสร็จกันก็ดึกๆ มานั่งเล่นโทรศัพท์จับเข่าคุยเรื่อยเปื่อยเพราะยังไม่ง่วง แต่ด้วยความที่เราไม่ได้นั่งกินเมนดิชอีกแล้วก็เลยหิว เซเว่นแถวที่พักเท่านั้นคือคำตอบ (จริงๆ มีแฟนมิลี่มาร์ทติดทางลงตึกเลย แต่อยากเดินไกล)  


    จบบทนี้ด้วยอาหารตั่งต่างในเซเว่นแล้วกันนะคะ กุ้ดไน้



    หรูหรา


    อร่ามตา


    ยอดเยี่ยม


    ยิ่งใหญ่


    เกรียงไกร


    งามวิไล


    ไต้หวัน!!!! 


    = ขนมปังแพ รสเนยในเซเว่นบ้านเราอันละ 15 บาท แต่เนื้อแน่นเนียนกว่า 15 เท่า


    เหล้าพีชและกับแกล้มของเขา



    นอน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in