เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
StarryKnight’s DiaryStarryKnight04
[OS Kookjin] Only you
  • [OS] Only you

    Pairing : Jungkook x Seokjin

    Author : StarryKnight04

    Note : เป็นเรื่องแรกที่แต่ง ภาษาอาจจะยังเพี้ยน เว้นบรรทัดงงๆ เนื้อเรื่องกับตัดจบอาจจะยังไม่ค่อยดีนัก แต่ฝากฟิคนี้ไว้ในอ้อมแขนทุกคนด้วยนะงับบ มีอะไรติชมได้เสมอค่า 








    “เช้านี้อากาศดีนะครับฮยอง” 


    ชายหนุ่มว่าพลางเอื้อมมือไปเปิดผืนผ้าม่าน แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาภายในห้องสีขาวขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก มือหนาผลักบานหน้าต่างออกให้ลมอ่อนๆพัดโชย พากลิ่นหอมของมวลดอกไม้นานาชนิดในสวนให้ลอยเข้ามา


    “ท้องฟ้าวันนี้ปลอดโปร่ง เหมาะกับการเดินเล่นมากๆเลยนะครับ” 


    “เดินเล่นไป กินไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ไป แบบที่ฮยองชอบไงครับ” 


    จองกุกหันหลังเดินไปยังบริเวณกลางห้อง ขาเรียวก้าวตรงไปยังจุดที่มีเตียงสีขาวขนาดกลางตั้งอยู่ ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างๆเตียง ก่อนมือหนาจะยื่นไปเกลี่ยปอยผมนุ่มสีดำขลับออกจากใบหน้าเนียนของบุคคลที่นอนหลับพริ้มอยู่บนเตียง 


    เสียงสัญญาณของเครื่องวัดชีพจรที่ดังเป็นจังหวะเบาๆอยู่ภายในห้องเรียกรอยยิ้มขมขื่นให้ปรากฎบนใบหน้าคม


    “ถ้าวันนั้น...”


    “ถ้าวันนั้นผมเชื่อที่ฮยองพูดละก็...”


    หยาดน้ำตารินไหลอาบแก้ม ยื่นมืออันสั่นเทาไปกอบกุมมือบางไว้แน่นพลางสะอื้นตัวโยน


    ปกติแล้วจองกุกไม่ใช่คนอ่อนแอ ไม่ใช่คนที่จะเสียน้ำตาให้กับอะไรง่ายๆ 


    แต่กับเรื่องนี้ ต่อให้เขาอยากทำตัวเข้มแข็งแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อยู่จริงๆ


    “ทำไมล่ะครับ ฮึก ทำไมคนที่ต้องเป็นแบบนี้ถึงเป็นฮยอง...ทำไมถึงไม่ใช่ผม ฮึก ทั้งที่..ทั้งที่เป็นความผิดของผม..!” 


    ใบหน้าหล่อเหลาฟุบลงไปกับเตียง ผ้าปูเตียงที่เริ่มเปียกชื้นบ่งบอกได้ดีว่าตอนนี้จองกุกร้องไห้หนักขนาดไหน


    “ทั้งที่คนที่ควรจะถูกรถชนในวันนั้น ฮึก! ต้องเป็นผมแท้ๆ...!”



    เพราะความประมาทเลินเล่อของเขาในวันนั้น..



    ถ้าเขาไม่โหมงานหนักจนเพลียจัด ถ้าเขามีสติมากกว่านี้ เขาก็คงจะไม่เดินก้าวลงถนนไปทั้งๆที่สัญญาณไฟข้ามถนนมันเปลี่ยนเป็นสีแดงไปแล้ว แล้วซอกจินฮยองก็คงไม่ต้องลำบากรับเคราะห์แทนเขาแบบนี้..


    จองกุกได้แต่นึกโทษตัวเองในใจ ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นที่ซอกจินพุ่งตัวเข้ามาผลักเขาออกจากถนนจนโดนรถชนเข้าเสียเองยังคงวนเวียนในหัวเหมือนเทปที่ถูกกรอซ้ำๆ ภาพร่างของชายหนุ่มที่นอนแน่นิ่งกับกลิ่นคาวของเลือดที่ได้สัมผัสยังคงตราตรึงและตามหลอกหลอน 




    เป็นแผลทางใจ ที่ต่อให้ผ่านไปเป็นสิบๆปีก็คงไม่มีวันหาย.. 















    เปลือกตากระพริบถี่ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมา จองกุกเงยหน้าขึ้นจากเตียง คราบน้ำตายังคงเด่นชัดบนใบหน้า 


    ไม่รู้ว่าเวลาผ่านมาเท่าไหร่แล้ว แต่ที่แน่ๆตัวเขาคงจะร้องไห้จนเผลอหลับไป


    มือหนายังคงกอบกุมมือที่เล็กกว่าของคนเป็นพี่ไม่ปล่อย เรียวนิ้วลูบเกลี่ยไปตามหลังมือของซอกจิน ก่อนจะบรรจงประทับริมฝีปากลงไปอย่างแผ่วเบา


    “ผมจะรอนะครับซอกจินฮยอง..”


    “จะรอจนกว่าฮยองจะฟื้นขึ้นมา ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ก็ตาม”


    “รักนะครับฮยอง รีบๆกลับมาหาผมนะครับ”

































    “เอ้า คัท!!”


    เสียงของผู้กำกับดังขึ้นเป็นสัญญาณให้ช่างกล้องที่กำลังถ่ายกดหยุดอัดวีดิโอ


    เสียงอื้ออึงพูดคุยกันของสต๊าฟดังขึ้นหลังจากที่นิ่งเงียบกันมานานเพื่อทำการถ่ายทำละคร




    ใช่ อ่านไม่ผิดหรอก




    สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ทั้งหมดเป็นเพียงบทละครเท่านั้นเอง




    “ทำได้ดีมากเลยครับคุณจอนแล้วก็คุณคิม! โดยเฉพาะคุณนะครับคุณจอน คุณเข้าถึงอารมณ์ได้ดีจนผมตกใจเลย! ยิ่งฉากร้องไห้นั่นคุณแสดงได้สมบทบาทมากโดยที่ไม่ต้องพึ่งน้ำตาเทียมเลยคุณทำได้ยังไง”


    ผู้กำกับเอ่ยชมนักแสดงทั้งสองคนอย่างไม่ขาดปาก จองกุกค้อมหัวรับคำชมอย่างมีมารยาท ส่วนซอกจินที่ตอนแรกนอนนิ่งบนเตียงก็ลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มรับเช่นกัน


    “ขอบคุณนะครับ แต่พวกผมเองก็ยังต้องฝึกอีกมาก โดยเฉพาะเจ้าเด็กนี่ หลังจากนี้คงต้องขอรบกวนด้วยนะครับคุณผู้กำกับ” ซอกจินว่าพลางวางมือลงขยี้กลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาลของคนอายุน้อยกว่า จองกุกขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ชอบให้ใครมาทำเหมือนว่าเขาเป็นเด็กเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ถ้าเป็นปกติเขาคงจะปัดมือทิ้งอย่างไม่ใยดีไปแล้ว 



    ก็นะ ไม่ว่าเมื่อไหร่คิมซอกจินก็เป็นข้อยกเว้นของเขาเสมอ















    สองร่างเดินเคียงกันบนท้องถนนใหญ่ หลังจากที่การถ่ายทำในส่วนของวันนี้จบลงพวกเขาก็ขอแยกตัวออกมาก่อน อากาศในช่วงค่ำเย็นสบายจนพวกเขาเลือกที่จะเดินเล่นรับลมมากกว่าการนั่งรถกลับ 


    ในมือของซอกจินถือถ้วยไอศกรีมขนาดใหญ่ไว้ ขนมหวานกลิ่นสตรอเบอร์รี่ที่เจ้าตัวโปรดปรานถูกส่งเข้าปากคำแล้วคำเล่า ซอกจินหลับตาพริ้ม มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างมีความสุข จองกุกหัวเราะเบาๆอย่างเอ็นดูพลางส่ายหัว จะโตแค่ไหน เมื่อได้กินของกินที่ถูกใจซอกจินฮยองของเขาก็ไม่ต่างอะไรไปจากเด็กที่พึ่งได้ของเล่นชิ้นใหม่หรอก


    “เปื้อนหมดแล้วนะครับ”


    “ย่าห์! พี่เช็ดเองได้น่า!”


    “งั้นหรอครับ? ก็เห็นพี่ปล่อยให้มันเลอะอยู่ตั้งนาน ก็เลยนึกว่าอยากให้ผมเช็ดให้”


    “จองกุก!!”


     จองกุกเอื้อมมือไปปาดคราบสีชมพูตรงมุมปากของคนข้าง ก่อนจะเลียกินมันซะเอง กลั้วหัวเราะยามที่อีกฝ่ายโวยวายใส่เหมือนจะโกรธ แต่ใบหน้าสวยๆที่ขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอายนั่นมันน่ารักจนอดแกล้งไม่ได้จริงๆ


    “ไม่เอาน่า ไม่งอนสิครับ อุตส่าห์มีเวลาได้อยู่ด้วยกันทั้งที” มือหนากอบกุมมือที่เล็กกว่าของซอกจิน สอดนิ้วประสานกันพลางกระชับมันให้แน่นขึ้น บีบเบาๆเพื่อง้อพี่ชายพ่วงสถานะคนรักที่งอนสะบัดหน้าหนีเขาไปอีกทาง


    ความจริงแล้วจองกุกกับซอกจินคบกันมาได้หลายปีแล้ว แต่มีน้อยคนที่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขา มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบัง สังคมในตอนนี้เปิดกว้างมากขึ้น พวกเขามีอิสระที่จะคบหาดูใจกับคนที่รักไม่ว่าจะต่างเพศหรือเพศเดียวกัน แต่ทั้งซอกจินและจองกุกมองว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นจะต้องป่าวประกาศออกไป ทั้งคู่ไม่เคยบอกใคร คนที่รู้ก็เห็นจะมีแค่ครอบครัว เมมเบอร์คนอื่นๆกับเพื่อนสนิทของพวกเขาเพียงไม่กี่คนเท่านั้น


    ทั้งซอกจินและจองกุกต่างก็ไม่ได้แสดงออกมากนัก ไม่มีถ้อยคำบอกรักหวานซึ้งในทุกคราที่ได้พบหน้า ไม่ได้พาไปเดทในที่ที่โรแมนติกอย่างที่คู่รักทั่วๆไปทำกัน 



    เพียงแค่กอดหรือจับมือ



    เป็นความสัมพันธ์ที่เรียบง่ายไม่หวือหวาแต่อบอุ่นทุกครั้งที่ได้สัมผัส นั่นแหละคือสิ่งที่พวกเขาปรารถนา ด้วยตารางงานของเขาทั้งคู่ต่างก็รัดตัว ดังนั้นช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันสองคนในตอนนี้มันถึงพิเศษมากกว่าช่วงไหนๆ


    “นี่ จองกุก”


    “ครับ?”


    “สมมตินะ.. ถ้าสมมติเรื่องที่เกิดในละครมันเกิดขึ้นจริง นายจะทำยังไง?”


    “ทำไมจู่ๆถึงถามอะไรแบบนั้นละครับ..?” จองกุกเลิกคิ้วสงสัย นัยน์ตาคมจดจ้องไปที่คนรักที่ตอนนี้หลุบตาก้มหน้ามองพื้น สีหน้ากังวลใจอย่างปิดไม่มิด


    “ก็ ก็แบบ ถ้าสมมติพี่ถูกรถช—“ 


    เรียวนิ้วยกขึ้นทาบริมฝีปากอวบอิ่มก่อนจะทันได้พูดจบประโยค จองกุกสาวเท้าเข้าหา แขนแกร่งอีกข้างโอบเอวบางเข้ามากอดแน่น ซอกจินสะดุ้งเล็กน้อยกับการกระทำที่ปุบปับ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนใดๆ เขาชอบเวลาที่อีกฝ่ายกอด ชอบความอบอุ่นและห่วงใยที่ถูกส่งผ่านมาทางร่างกาย 


    “อย่าพูดอะไรที่มันไม่เป็นมงคลกับตัวเองแบบนั้นสิครับ”


    “..”


    “จะเกิดอะไรขึ้นผมก็ไม่ทิ้งพี่ไปหรอกครับ ไม่มีวัน” 


    “เพราะงั้น..”


    “ไม่ร้องนะครับคนดี”


    ขอบตาร้อนผ่าวก่อนหยาดน้ำตาจะร่วงหล่น



    จองกุกมักจะรู้เสมอเวลาที่เขามีเรื่องกังวลใจ...



    เสียงนุ่มทุ้มปลอบประโลม มือหนาลูบศีรษะของคนที่ซุกหน้ากลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองอยู่ที่อกของเขาเบาๆ เขารู้ว่าพี่ซอกจินของเขาขี้กังวลแค่ไหน


    “ร้องไห้ตาบวมขนาดนั้น เดี๋ยวก็หมดสวยหรอกครับ”


    “ย่าห์! ใครสวยกัน พี่ออกจะหล่อขนาดนี้!” ฟาดมือลงไปบนอกแกร่งดังป๊าบ จองกุกยิ้มขำ คนรักของเขาเริ่มกลับมาอารมณ์ดีขึ้นแล้ว


    มือหนาประคองใบหน้าหวานให้เงยขึ้นมาสบตาเขา นิ้วโป้งลูบเกลี่ยเบาๆที่หางตาเพื่อเช็ดคราบน้ำตาออก ปฏิเสธไม่ได้ว่าใบหน้าของซอกจินยามน้ำตาคลอเบ้านั้นช่างงดงามเหลือเกิน แต่สำหรับเขาแล้วยังไงคนตรงหน้าก็เหมาะกับรอยยิ้มที่สุด


    “ไม่สบายใจเพราะช่วงนี้ผมร่วมงานกับพี่ไอยูบ่อยๆเหรอครับ?” จองกุกกระซิบถามพลางประทับจูบบนหน้าผาก 


    ซอกจินสะดุ้งเล็กน้อย บางทีจองกุกก็รู้ดีเกินไปจริงๆ


    “กะ ก็นายปลื้มเขามากไม่ใช่หรอ? แต่พี่ก็เข้าใจนะ เขาทั้งสวยทั้งเก่ง ตรงสเป็คนายเลยนี่นา”


    “พี่เองก็ทั้งสวยทั้งเก่งนะครับ?”


    “ย่าห์! ไม่ต้องมายอกันเลย”


    “พูดจริงนี่ครับ เนี่ย กินเก่ง เล่นมุกแป้กเก่ง งอแงก็เก่ง”


    “นั่นมันใช่คำชมที่ไหนเล่า!” ซอกจินแหวใส่ ที่พูดมาไม่เห็นจะเป็นคำชมสำหรับเขาเลยสักนิด!


    ..แล้วก็ทำตัวน่ารักเก่งด้วย


    “ฮ ฮะ...?” คราวนี้ซอกจินถึงกับพูดไม่ออก ถ้อยคำหวานๆที่ได้ยินจากจองกุกไม่บ่อยนักเปรียบเสมือนหมัดขวาที่ฮุกเข้าอย่างจัง สมองมึนเบลอไปชั่วครู่ก่อนซอกจินจะก้มหน้างุดพยายามซ่อนสีหน้าที่แดงก่ำไปถึงหูของตนไม่ให้จองกุกเห็น


    “พี่เล่นทำตัวน่ารักขนาดนี้ จะให้ผมไปมองไปสนใจใครที่ไหนอีกล่ะครับ” ริมฝีปากหนาก้มลงคลอเคลียแก้มนิ่ม สูดดมกลิ่นหอมจางๆจากผิวเนียน 



    กลิ่นหวานๆของดอกไม้แบบที่เขาชื่นชอบ



    สบู่ก็ใช้กลิ่นเดียวกันแท้ๆ ไม่รู้ทำไมพออยู่บนตัวพี่ซอกจินถึงได้หอมขนาดนี้



    “ขอโทษ.. แต่มันอดไม่ได้จริงๆ แต่ไม่ใช่ว่าพี่ไม่ไว้ใจนายนะ”


    “ผมรู้ครับ จะขอโทษทำไมล่ะครับ พี่ซอกจินที่งอแงเพราะหึงผมน่ะน่ารักจะตาย”


    จองกุกยิ้มกว้างจนตาปิด จากตอนแรกที่คลอเคลียเบาๆ เปลี่ยนมาเป็นกดจมูกลงฟัดแก้มอย่างหมั่นเขี้ยว 



    อา.. เหมือนว่าเขาจะรักคนตรงหน้านี้มากเกินไปแล้ว



    “ถ้าพี่ยังกังวลอยู่ งั้นเรามาทำอะไรๆให้มันชัดเจนไปเลยมั้ยครับ?”


    “นายหมายความว่ายังไง?” 


    จองกุกไม่ตอบอะไร เรียวแขนคลายอ้อมกอดก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าคนรัก มือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทพลางหยิบของบางอย่างออกมา


    “ความจริงตั้งใจจะเซอร์ไพรซ์วันวาเลนไทน์ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วเร็วขึ้นไม่กี่วันก็คงไม่เสียหายอะไร”


    “จองกุก..” 


    ขอบตากลับมาร้อนผ่าวอีกครั้ง ความนัยที่สื่อมาจากประโยคนั้น คิมซอกจินรู้ดีว่าจองกุกกำลังจะพูดอะไร และเพราะแบบนั้นเขาถึงรู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง 



    ครั้งนี้ไม่ใช่ด้วยความเสียใจ แต่เป็นน้ำตาแห่งความยินดี..



    “ไม่ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ให้โอกาสจอนจองกุกคนนี้ได้ปกป้องดูแลคิมซอกจินต่อจากนี้นะครับ ผมสัญญาว่าจะไม่มีวันทำให้พี่เสียใจ”


    กล่องกำมะหยี่ขนาดเล็กกว่าฝ่ามือเพียงเล็กน้อยถูกยื่นมาตรงหน้า แหวนทองคำขาวเรียบวงนึงวางอยู่ภายใน บนแหวนสลักอักษรย่อเล็กไว้ 4 ตัว อักษรชื่อของพวกเขาทั้งคู่




    JK & J




    แต่งงานกับผมนะครับ พี่ซอกจิน
















    ———————



    แฮ่ จบไปแล้วกับฟิคเรื่องแรก ตามไปฟีดแบคในทวิตได้นะฮะ!

    แท็กนี้เลย -> #StarryKnightDiary


    ขอบคุณค้าบบบ 











Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
ไรท์แต่งดีมากเรยค่ะ..หยุดยิ้มไม่ได้เรยยจกุกอบอุ่นฟุดๆ...รอนะคะ❤❤