หนังสือเล่มนี้เนื้อหาสอดคล้องกับเหตุการ์ณของบ้านเมืองบางเหตุการณ์และสังคมที่ผู้บริหารบางคนกำลังอิ่มเอมกับความมั่งคั่งของเงินทองที่ได้มาและไม่มองถึงอนาคตแต่อีกมุมกลับกันกำลังขาดหาย คุณธรรม และจริยธรรม สังคมคงต้องการสิ่งเดียวที่คาดหวังให้เกิดขึ้นคือทำความรู้จัก และเข้าใจคำว่า “พอ”ซึ่งจะทำให้สังคมและองค์กรจะมีแต่ความมั่นคงและยั่งยืนโดยแท้
อ่านๆไปผมว่ามันก็ดีนะครับมันช่วยเตือนสติเราได้บ้างที่ไม่ให้ลุ่มหลงกับเงิรจนไม่ดูอะไรเลยคิดอย่างเดียวว่าจะรวยทางลัด จริงๆเราไม่ต้องผมว่าเราก็มีความสุขได้นะ มีเท่าที่มีแต่อย่างว่าทุกวันนี้อะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมดซะแล้ว จึงทำให้เกิดความกดดันการบีบคั้นทำให้คนใรสังคมเปลี่ยนไปไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ใช้ชีวิตได้สบายไม่ต้องกลัวอาจชญากรรมแต่สมัยนี้ไปไหนก็ต้องระวังตัว
ทุกวันนี้คนเราขาด“คุณธรรม”อย่างมาก ซึ่งในปัจจุบันนั้นคนไทยหรือคนทั่วโลกนั้นอยู่ในยุคที่มีการแข่งขันอย่างเต็มรูปแบบจึงหาแต่วิธีเอาชนะอย่างเดียว โดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แข่งกันกันทุกระดับซึ่งการแข็งขันนั้นทำให้คุณธรรมในใจของคนเราลกลงไปด้วย เพราะต้องการความชนะและเมื่อแข่งขันตามกติกาแล้วไม่สามารถได้ จึงมำให้เกิดการเล่นนอกกติกดาการเอาเปรียบซึ่งกันและกัน ทำให้ความมีน้ำใจ ความเอื้ออาทร ค่อยๆจางหายไปมีการใช้เล่ห์เหลี่ยม จากมิตรกลายเป็นศัตรู ทำให้คุณธรรมของคนหายไปเมื่อคุณธรรมค่อยๆจางหายไป ทุกอย่างในกระบวนการก็เปลี่ยนไปหมดสังคมก็เปลี่ยนตามไปด้วย
และขาด “จริยธรรม” ในการใช้ชีวิตเอาแต่คิดว่าจะทำอย่างไรให้ตนเองชนะได้ไม่รู้ผิด รู้ถูก ไม่รู้ว่าสิ่งไหนดีหรือเลว และไม่ใช่ความถูกต้องเป็นหลักขอเพียงชัยชนะที่ต้องการได้ ซึ่งขาด จริยธรรมเป็นอย่างมาก ขาดความดีงามของมนุษย์ที่เคยมีอยู่ จนทำให้ไม่รู้จักว่า จริยธรรมคืออะไร และจางหายไปในที่สุด
หากบริหารธุรกิจบนรากฐานของค่านิยมแห่งความดีอย่างความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา และยุติธรรมก็สามารถสร้างความมั่งคั่งให้ธุรกิจได้เช่นกัน แล้วยังได้มีทักษะที่สำคัญ ๆของนักบริหารไว้ด้วย อาทิ ภาวะผู้นำ การตัดสินใจ การปลูกฝังค่าความนิยมแนวคิดในการเลือกทรัพยากรบุคคลเข้ามาในองค์กรด้วย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in