เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ดูแล้วดี good to see !liebefriday
Bangkok Traffic (love) Story รถไฟฟ้า มาหานะเธอ จังหวะของชีวิต และโอกาสที่สองของความรัก
  • " คุณเคยเชื่อในเวลาและโอกาสของชีวิตหรือเปล่า ? "
    รถไฟฟ้า มาหานะเธอ ภาพยนตร์ที่จะทำให้คุณได้พบกับใครสักคน ผ่านจังหวะและช่วงเวลาต่าง ๆ ของชีวิต
    หากจะมีคนกล่าวว่า รถไฟฟ้า มาหานะเธอ เป็นหนังรักเบอร์ต้น ๆ ของเมืองไทย ก็คงจะไม่เกินจริงเท่าไหร่นัก เพราะถึงแม้ว่าตัวหนังเอง จะค่อนข้างเก่ามากในระดับที่ว่าผ่านช่วงเวลามาเกินสิบปีแล้วก็ตาม แต่หนังรักเรื่องนี้ ก็ยังคงครองใจใครอีกหลาย ๆ คน ถึงขนาดที่ว่ามันถูกนำกลับมาเป็นทอปปิกให้พูดถึงอยู่เรื่อย ๆ เสมอในช่วงเวลาที่ผ่านมา...

    ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ตัวเราเองพึ่งได้มีโอกาสดู และได้ทำความเข้าใจถึงเนื้อเรื่องหลักของมันจริง ๆ ก็ตอนที่ช่วงอายุของเราล่วงเลยวัยเรียนมาแล้ว เพราะในช่วงที่หนังเรื่องนี้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ใหม่ ๆ นั้น ด้วยความที่ตัวเราเองยังคงเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ที่ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของการมีใครสักคนในชีวิตมากนัก ตัวเราในตอนนั้นเคยสงสัยเกี่ยวกับชีวิตว่ามันมีจริง ๆ เหรอ ไอ้ความรู้สึกที่ว่าเหงา เหงามากซะจนทนไม่ไหว หรือการใช้ชีวิตแบบตัวคนเดียวจนเบื่อหน่าย ไอ้การที่ต้องมานั่งกินข้าวคนเดียว ทำอะไรด้วยตัวคนเดียวเนี่ย มันยากถึงขนาดนั้นเลยเหรอ 

    จนกระทั่งเราได้ย้อนกลับมาดูหนังเรื่องนี้ีอีกครั้งในวัยยี่สิบกว่าปี บอกได้เลยว่าชุดความคิดในตอนนั้นกับตอนนี้ มันเปลี่ยนไปมากจริง ๆ ด้วยความที่เราโตขึ้น ไม่ว่าจะทั้งด้านความคิด หรือมุมมองต่าง ๆ ที่ผ่านมาของชีวิตเองก็ตาม จึงทำให้เราได้เข้าใจถึงมุมมองต่าง ๆ ของหนัง ที่ต้องการจะสื่อออกมาได้อย่างชัดเจน เพราะตัวหนังเองพยายามบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของคนในวัยทำงาน ที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสออกไปใช้ชีวิตอย่างการเที่ยวเล่น สังสรรค์ หรือใช้ชีวิตของตนเองได้เต็มที่อย่างสมัยที่ยังเป็นนักเรียนหรือนักศึกษา เนื่องด้วยชีวิตของคนในวัยทำงานนั้น ต่างมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่มากมาย บวกกับยังต้องทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพ แค่การใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างการตื่นเช้ามาทำงาน และเลิกงานในตอนเย็นมันก็เหนื่อยมากเกินพออยู่แล้ว ซึ่งบางคนกว่าจะกลับถึงบ้านก็อาจจะต้องใช้เวลาไปทั้งหมดเกือบ 3 ส่วน 4 ของวันไปแล้ว มันจึงยากมากที่คนในช่วงวัยนี้ จะสามารถสร้างความสัมพันธ์ใหม่ ๆ กับใครสักคนในชีวิตได้ 


    " เหมยลี่ " ( รับบทโดย คริส หอวัง ) พนักงานออฟฟิศสาวในวัย 30 ปี ผู้ซึ่งไม่เคยผ่านประสบการณ์การมีแฟนมาเลยสักคนในชีวิต ไม่ว่าจะตอนเรียนหรือตอนทำงานเองก็ตาม เธอมักจะใช้ชีวิตตัวติดกับเพื่อนมาโดยตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งเพื่อนคนสนิทที่สุดในกลุ่มอย่าง " เป็ด " ( รับบทโดย ปาณิสรา อารยะสกุล ) ได้แต่งงานและกำลังจะออกไปใช้ชีวิตคู่กับสามี จึงส่งผลให้ เหมยลี่ เป็นเพียงคนเดียวของกลุ่ม ที่ยังไม่เคยมีใครผ่านเข้ามาและใช้ชีวิตร่วมกันกับเธอ เธอจึงเริ่มตระหนักได้ว่า หลังจากนี้ชีวิตของเธออาจจะไม่ได้มีเป็ดอยู่ข้าง ๆ เหมือนวันเก่า ๆ อย่างที่ผ่านมาอีกแล้ว เธอจึงต้องพยายามเริ่มต้นหันกลับมาใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียว ในแบบที่เธอเองก็ไม่เคยนึกฝันมาก่อน...


    จนกระทั่งเธอได้บังเอิญมาพบกับ " ลุง " ( รับบทโดย ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ ) วิศวกรหนุ่มที่ทำงานให้กับรถไฟฟ้ามหานคร 
    ( BTS ) ซึ่งอย่างที่เราทราบกันดีว่าชีวิตของคนในกรุงเทพส่วนใหญ่นั้น จะใช้การเดินทางจากรถสาธารณะเป็นหลัก และด้วยความบังเอิญต่าง ๆ เหล่านี้เอง ที่ทำให้ทั้งสองได้พบเจอกันอยู่บ่อย ๆ ตามสถานีต่าง ๆ ของ BTS 

    ซึ่งในการพบกันแต่ละครั้งของทั้งสองคนนี้ ดูเหมือนว่าตัวของเหมยลี่เองอยากที่จะเข้าไปใกล้ชิด และพยายามทำความรู้จักกับลุงให้มากขึ้นกว่านี้ แต่เหมือนในทุก ๆ ครั้งที่ทั้งสองอยู่ด้วยกัน เหมยลี่เองก็มักจะทำสิ่งของสำคัญหลาย ๆ อย่างของลุงพังไปต่อหน้าต่อตาซะอย่างงั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรตัวของลุงเองก็ไม่เคยโกรธหรือต่อว่าเธอเลยสักครั้ง ซึ่งมันกลับยิ่งทำให้ทั้งสองได้ใกล้ชิดและสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ทั้งสองต่างได้ใช้เวลาร่วมกันทำในสิ่งต่าง ๆ อีกมากมาย

    จนเวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหมยลี่ได้บังเอิญรับรู้ว่าลุง จะต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศถึง 2 ปี ซึ่งมันทำให้หัวใจที่เริ่มมีความหวังในวัย 30 ปีของเธอ กลับต้องพังทลายลงไปอีกครั้ง เธอผิดหวังและเสียใจเป็นอย่างมาก ที่จังหวะของเวลาในชีวิต ได้พรากความรักในแบบที่เธอเคยวาดฝันไว้หายไป สุดท้ายแล้วเธอจะต้องกลับมาเริ่มต้นใช้ชีวิต ด้วยตัวคนเดียวอีกครั้งต่อไป...


    เวลาผ่านไปถึง 2 ปี เหมยลี่ก็ยังคงใช้ชีวิตคนเดียวเหมือนเดิมอย่างทุกที จนกระทั่งในปีนี้มันแตกต่างกันออกไป เมื่อเธอได้บังเอิญมาพบกับลุงอีกครั้งบนสถานีรถไฟฟ้า BTS ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวและความสัมพันธ์ของทั้งสอง ซึ่งคราวนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งเช่นเดียวกัน ที่จังหวะของเวลาในชีวิต สิ่งที่เคยพรากความรักดี ๆ ของเธอหายไป กลับกลายเป็นสิ่งเดียวกันที่นำพาความรักนั้นกลับมาหาเธออีกครั้ง...


    หากจะกล่าวว่า " ความรักเป็นเรื่องของเวลาและโอกาส " ส่วนตัวเรามองว่ามันก็จริงนะ อย่างการที่เราจะสามารถพบเจอใครสักคนในชีวิต มันก็ล้วนเกิดมาจากความบังเอิญต่าง ๆ ของชีวิตนี่แหละ ยิ่งชีวิตในวัยทำงานแล้วละก็ บอกได้เลยว่าการจะพบเจอใครสักคนนี่มันยากมากจริง ๆ ซึ่งในตัวหนังเองก็พยายามสะท้อนถึงมุมมองของการใช้ชีวิตในกรุงเทพ ที่ภายนอกดูแสนจะวุ่นวาย แต่มองลึก ๆ เข้าไปภายในความวุ่นวายที่ว่านั้น ก็ยังคงมีคนที่ต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวอยู่กับความเหงา และยังต้องการใครสักคนเข้ามาเติมเต็มพื้นที่ว่างภายในจิตใจ

    และถึงแม้ว่าตัวหนังเองจะผ่านช่วงเวลาที่ยาวนานมาเป็น 10 กว่าปีแล้วก็ตาม แต่ในยุคสมัยนี้ความเปลี่ยนแปลงบางอย่างของสังคมไทย ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากจากในเวลานั้นสักเท่าไหร่ ทั้งสภาพการจราจรที่ยังติดขัด ทั้งสภาพของสังคมที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนยังหยุดอยู่กับที่ แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดคือ โลกของเทคโนโลยี ซึ่งตอนนี้การจะเข้าไปทำความรู้จักกับใครสักคน คงจะไม่ยากมากถึงขนาดเมื่อก่อนแล้วแหละ เนื่องจากปัจจุบันเรามีแอปพลิเคชัน ที่สามารถใช้ในการหาคู่มากมาย โดยที่ไม่ต้องออกไปพบเจอกันตามสถานีรถไฟฟ้าอีกต่อไปแล้ว แต่เหนือสิ่งอื่นใดแอปพลิเคชันเหล่านี้ ก็ยังคงต้องใช้ โอกาสและเวลาดี ๆ อีกเช่นเดียวกัน 

    เพราะฉะนั้นแล้วหากใครที่กำลังท้อแท้ หรือกำลังเจอกับความเหงา เราขอให้หนังเรื่องนี้ เป็นหนึ่งในกำลังใจดี ๆ ให้กับทุกคน ที่ยังคงต้องการใครสักคนผ่านเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แล้วสักวันหนึ่งเขาคนนั้น คนที่คุณรอคอยคงจะมาถึงในไม่ช้า :-) 

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in