เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Memoirs of a JapanophileK. W.
Hana Yori Dango...


  • ชื่อเรื่องไม่ได้จะมาเล่าเรื่องละครดังที่นำแสดงโดยมัตสึโมโต้ จุนแห่งอาราชิที่สร้างปรากฏการณ์ความโด่งดังไปทั่วบ้านทั่วเมืองเมื่อนานมาแล้วแต่อย่างใด แต่ว่าบล็อกนี้แค่อยากพูดเรื่องดอกไม้ประจำชาติ (ในทางเทคนิค) เพราะมันก็ไม่ใช่ดอกไม้ประจำชาติจริงๆ หรอก เพียงแต่เวลาเราพูดถึงญี่ปุ่นก็ต้องบอกว่าเป็น "แดนซากุระ" ไม่เห็นมีใครบอกว่าเป็น "แดนเบญจมาศ" สักราย แม้ว่าความจริงดอกไม้ประจำชาติของญี่ปุ่นคือดอกเบญจมาศ (หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า "คิคุ" นั่นเอง)

    อ้าว...สรุปว่าสปอยหัวข้อซะงั้น (ฮา) โอเคตอนนี้คงจะพูดถึงดอกซากุระเป็นหลักแล้วกัน 

    ภาพจำของดอกซากุระคือดอกไม้สีชมพูกลีบบอบบางที่สร้างความประทับใจให้กับคนจำนวนมากเพราะความสวยหวานและ #ทุกอย่างดูสวยขึ้นเมื่อเป็นสีพาสเทล (ฮา) ก็ทำให้ราคาตั๋วเครื่องบิน ราคาที่พัก พุ่งขึ้นสูงมากทีเดียวในช่วงเทศกาลชมดอกซากุระ หรือที่รู้จักกันในนาม "ฮานามิ" (ข้าวเกรียบรวยเพื่อนไหมล่ะคุณ) 

    อีกเหตุผลหนึ่งที่ความงามของดอกซากุระจับตาจับใจคนจำนวนมากก็เพราะว่ามันช่างมีเวลาอันแสนสั้นที่จะได้ชื่นชม เพราะเมื่อซากุระบานแล้วก็ร่วงโรยไปในเวลาอีกไม่นาน นอกจากนี้ถ้าช่วงฤดูซากุระมีฝนโปรยปรายลงมาตามประสาประเทศเกาะ ดอกซากุระอันแสนสวยงามก็จะมีอันปลิดปลิวไปในระยะเวลาอันรวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย

    เรีัยกได้ว่า...จองตั๋วมาอย่างดี วางแผนมาอย่างดี เจอฝนตกลงมาทีอาจจะนกมันถ้วนหน้า!






  • ครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้เราได้ไปโตเกียวในหน้าซากุระโดยบังเอิญเมื่อไปเที่ยวอเมริกา (พอร์ตแลนด์แดนฮิปสเตอร์)และตัดสินใจ stopover ที่โตเกียวสามสี่วันด้วยความหวังที่จะได้มาเที่ยวญี่ปุ่นหน้าซากุระ

    แต่ความตลกร้ายประการแรกก็คือ เมื่อเราไปถึงพอร์ตแลนด์วันแรก ต้นเชอร์รี่หรือต้นซากุระที่เราๆ ท่านๆ รู้จักกันนั้นมันดันบานเต็มที่ท่ามกลางอาการแจ่มใส สวยสุดๆ แม้ฉากหลังที่เป็นอเมริกันชนก็ตาม แถมพอเช็คพยากรณ์อากาศล่วงหน้าก็พบว่าเราอาจจะเจอฝนที่โตเกียว 

    ถ้านี่คือการดูหนัง...เรากำลังถูกสปอยล่วงหน้าไปเรียบร้อยแล้ว

     
    ซากุระพอร์ตแลนด์ สวยแบบฮิปสเตอร์!

    อากาศดี แดดดี ซากุระดีเราก็ต้องถ่ายรูปกันให้หนำใจ เพราะบรรยากาศมันรื่นรมย์สมกับที่พอร์ตแลนด์ได้รับการเลือกให้เป็นเมืองที่น่าอยู่อันดับต้นๆ ในอเมริกา บรรยากาศที่คนทุกเพศทุกวัยออกมาชื่นชมธรรมชาติ เล่นดนตรีร้องรำทำเพลงในสวน ปิคนิค ขี่จักรยาน ท่ามกลางแดดอุ่นๆทำให้เรารู้สึกว่าการมาฮานามิแบบฝรั่งๆ นี่ก็เก๋ดีไม่หยอก 

    ตัดฉากมาที่สองอาทิตย์ต่อมาที่โตเกียว

    วันก่อนมาถึงอุเอโนะฝนตก มุมยอดนิยมในสวยอุเอโนะก็โกร๋นไปเสียเยอะแล้ว!

     

    อย่ากระนั้นเลย เราไปตามหาที่ต่อไป ซึ่งก็คือที่ศาลเจ้ายาสุกุนิ (Yasukuni Shrine) ที่ก็เป็นที่ยอดฮิตของใครอีกหลายคนที่ชอบมาดูซากุระเช่นกัน...

    และที่นั่นก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง เพราะแม้ซากุระที่นั่นจะโรยไปมากแล้ว แต่ก็ยังคงสวยอยู่มาก...

    ความคอนทราสต์ของศาลเจ้าแห่งนี้คือเมื่อคุณเดินเข้ามาเรื่อยๆ ความขึงขัง เข้มครึม และเงียบสงบของศาลเจ้าด้วยสีที่ใช้อย่างสีดำ สีน้ำตาลของลายไม้ กลับมีสีชมพูอ่อนๆ และสีขาวของดอกซากุระบานเต็มไปหมดมีทั้งแบบดอกเดี่ยว ดอกซ้อน ระย้าย้อย จะเอาแบบไหนมีให้ดูกันเหลือเฟือ

    แถมพอเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ จนใกล้จะถึงบริเวณที่ตั้งของศาลเจ้าจริงๆ เราก็ได้พบกับต้นซากุระที่กิ่งก้านเกาะเกี่ยวกันราวกับราวกับเป็นหลังคาและร่มเงาให้กับวัดพร้อมกับดอกสีชมพูอ่อนๆ ที่บานเต็มไปหมด บรรยากาศอันเงียบสงบในยามสาย ศาลเจ้าอันเข้มขรึมและศักดิ์สิทธิ์ และดอกซากุระที่เหมือนจะเป็นสีสันให้กับโลกที่จริงจังก็ทำให้เราตกหลุมรักช่วงโมงยามแห่งความไม่แน่นอนของธรรมชาติขณะนี้ขึ้นมาทันใด มันมีทั้งความสวยงามของธรรมชาติและความโศกเศร้าลึกๆ ที่ความสวยงามนั้นไม่ยืนยงถาวร

    (วะบิซะบิอะไรทำนองนั้นสินะ...)

    มุมหนึ่งในยากุสุนิ

    เข้าใจแล้วว่าทำไมวัฒนธรรมฮานามิ (ที่ไม่ใช่ข้าวเกรียบรวยเพื่อน) มันถึงได้แข็งแรงมากในญี่ปุ่น มันสวยแบบนี้นี่เอง

    แต่ช้าก่อน! ราวกับว่าจะประทับใจกันไม่สุด (หรือพยายามจะเอาชนะใจข้าพเจ้าให้โหวตซากุระญี่ปุ่นชนะซากุระอเมริกาก็ไม่ทราบได้) ณ ช่วงเวลาแห่งการชื่นชมดอกไม้ สายลมเบาๆ ก็ค่อยๆ พัดมาที่ต้นซากุระ และขณะนั้นเอง...

    กลีบดอกสีชมพูอ่อนๆ ก็ค่อยๆ ร่วงลงมาเป็นสาย...

    เป็นสาย...

    เป็นสาย...

    ข้าพเจ้าไม่รอช้า คว้ามือถือขึ้นมาถ่ายคลิปวิดีโอด้วยเพราะอยากให้คนอื่นได้เห็น แต่ยังไม่ทันไร พี่สาวคนข้างๆ ที่เดินทางมาด้วยขึ้นก็พูดขึ้นมาว่า

    "อย่าเพิ่งถ่าย"

    ไอ้เราก็งงว่าทำไมถึงห้ามถ่าย ไม่เห็นมีใครห้าม (ฮา) แถมโอกาสแบบนี้มันหายาก อยากให้ทุกคนที่เป็น friends เราใน Facebook ได้เห็นความงามแบบเดียวกัน แต่พอเอามือถือลงเท่านั้นแหละ...ข้าพเจ้าก็เลยเข้าใจแจ่มแจ้ง

    บางครั้ง...ของบางอย่าง เลนส์กล้องใดๆ อาจไม่สามารถบันทึกความสวยงามของความจริงเบื้องหน้าและความรู้สึกต่างๆ ที่ประกอบความเป็นจริงนั้นได้


    สิ่งที่เราจะใช้บันทึกภาพความทรงจำก็อาจจะต้องใช้ "ตา" ของเรานี่แหละที่จะจดจำและบันทึกภาพทุกอย่าง เพราะตาของคนเรามันเชื่อมกับสมองและหัวใจ 

    บางครั้งความสวยงามจะสวยงามได้ไม่ได้มาจากการ "จับภาพ" หากแต่มันต้อง "จับใจ" ของเราก่อนต่างหาก...

    ไม่แปลกอะไรเลยที่ไม่นานนี้เราจะได้ยินข่าวว่าอเดลจะหัวเสียและขอให้แฟนเพลงชมเธอตัวเป็นๆ แทนที่จะง่วนอยู่กับการจับภาพหรือถ่ายคลิปวิดีโอบันทึกการแสดงของเธอเพื่อเอาไปแชร์กันภายหลัง เพราะศิลปินอย่างอเดลคงจะอยากให้แฟนเพลงของเธออยู่กับห้วงนาทีที่เธอแสดงและส่งผ่านอารมณ์ความรู้สึกจากสายตาสู่หัวใจของคนทุกคน มากกว่าจะต้องผ่านเลนส์กล้องก่อนที่จะผ่านหัวใจ

    ก็ live show ควรจะทำให้คุณ alive และ lively มากกว่าแค่ entertainment สินะ...

    บางทีเราอาจจะอยู่ในยุคเทคโนโลยีที่สามารถจะเก็บอะไรทุกอย่างได้โดยใช้เนื้อที่เพียงน้อยนิด external hard disk ที่สามารถเก็บข้อมูลหนังหรือเพลงที่เพียรเก็บกันไว้ก็พุ่งขึ้นไปในระดับเทราไบท์ แม้ flash drive อันเล็กแสนเล็กก็เก็บข้อมูลได้ในระดับกิกาไบต์ 

    เราจึงเพียรบันทึกทุกอย่างอย่างเอาเป็นเอาตาย

    จนบางครั้งเราก็ลืมไปว่าเราไม่ได้ live the moment นี่หว่า!!

     


  • กลับมาที่ Hana Yori Dango และดอกซากุระ!

    Hana Yori Dango แท้จริงแล้วมาจากสำนวนที่เป็นที่รู้จักกันในญี่ปุ่นแปลว่า "ให้ชื่นชอบของที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง (กินได้จริงจากดังโงะ) มากกว่าที่จะชอบของที่สวยงามแต่กินไม่ได้ (ฮานะก็คือดอกไม้)"

    แต่ชีวิตของคนเราคงจะเปล่าเปลี่ยวและแห้งแล้งแน่ๆ ถ้ามัวแต่ใช้ชีวิตโดยไม่มีสิ่งสวยงามและเพลิดเพลิน

    เพราะมนุษย์ก็ต้องการอาหารให้หัวใจและความรู้สึกได้เสพเหมือนกัน...

    (แต่พยายามเสพด้วยตาเนื้อก่อนนะ อย่าเพิ่งให้เลนส์กล้องมันทำงาน!!!)  

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in