.
ดาเนียล(KDN)×แสนดี(OSW)
หมายเหตุ: ตอนนี้เป็นตอนต่อจากตอน
เจ้ากบกับแซนดี้จากโปรเจค #SayItNielOng นะคะ
ขอให้มีความสุขกับการอ่าน
.
.
ดาเนียลกำลังร้อนใจ
เขานั่งรอพบศาสตราจารย์เฮนรี่นานกว่าสามชั่วโมงแล้ว ไม่รู้ว่าไอ้คนก่อนหน้าเขามันเข้าไปคุยอะไรนักหนาตั้งสามชั่วโมงไม่ยอมออกมาสักที ให้ตายสิ เวลาที่โลกมนุษย์เดินเร็วกว่าโลกเวทมนตร์เสียด้วย
ถ้าแซนดี้กลับบ้านไปแล้วไม่เจอเขาจะเป็นยังไง หมอนั่นอาจจะตกใจแล้ววิ่งวุ่นตามหาตัวเขาเสียให้ควั่กก็ได้ เขาไม่อยากให้แซนดี้เป็นห่วง เขารู้ว่าอีกฝ่ายชอบคิดมากและขี้กังวลขนาดไหน ถ้าเขาสามารถเขียนโน้ตทิ้งไว้ได้ เขาคงทำไปแล้ว แต่เขาดันรู้จักแซนดี้ในฐานะหมานี่สิ ดาเนียลได้แต่ถอนหายใจ
.
"เป็นอะไร"
"มีนัดเหรอ"
เอ็ดเวิร์ด ไลเอ่ยถามหลังจากเห็นเขาทำตัวหลุกหลิกลุกลนจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ แถมยังก้มๆเงยๆดูนาฬิกาไม่ต่ำกว่าสิบรอบภายในครึ่งชั่วโมง
ดาเนียลหันไปพยักหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ ตอนนี้เขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่พร้อมจะตอบคำถามหรืออธิบายอะไรให้ใครฟัง เขาคิดว่าตอนนี้เขาคงกำลังทำตัวน่ารำคาญ เพราะเอาแต่ขยับยุกยิกและถอนหายใจฮึดฮัด แต่เขาไม่สามารถทำใจให้สงบนิ่งได้จริงๆ ให้ตายเถอะ ทำไมเขาต้องกระวนกระวายกลัวนายเพี้ยนจะเป็นห่วงขนาดนี้ด้วย คงเพราะความเป็นคนดีของเขานั่นแหละ คิดแล้วก็ขอถอนหายใจอีกที
.
เขากับแซนดี้อยู่ด้วยกันนานกว่าสามเดือนแล้ว ตอนแรกดาเนียลไม่ได้กะจะอยู่ที่โลกมนุษย์นานขนาดนั้น เขาตั้งใจไปเที่ยวพักผ่อนในวันหยุด แต่ดันจับพลัดจับผลูไปอยู่กับนายจอมเพี้ยนซะได้ ทีจริงจะเรียกว่าจับพลัดจับผลูก็ไม่เชิง เพราะวันนั้นเขาเดินตามแซนดี้กลับบ้านไปเอง และนั่นเป็นสิ่งที่เขาตั้งคำถามกับตัวเองมาตลอดว่าทำไมวันนั้นเขาถึงเดินตามมนุษย์แปลกหน้ากลับบ้าน อาจเป็นเพราะวันนั้นฝนตก เขาทั้งหนาวและหิว แถมยังเพิ่งเดินทางมาถึงโลกมนุษย์ไม่นาน ทำให้ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ดังใจ และตอนนั้นบังเอิญเจอแซนดี้พอดี
มันก็ใช่อยู่หรอก
แต่ไม่ได้หมายความว่าหากวันนั้นเขาบังเอิญเจอคนอื่น เขาจะเดินตามคนอื่นกลับบ้านเสียหน่อย และเขาก็คิดว่าแซนดี้เองก็คงไม่เอ่ยปากชวนหมาทุกตัวที่บังเอิญเจอในวันนั้นกลับบ้านด้วยเช่นกัน
แบบนี้เรียกว่า โชคชะตา ได้หรือเปล่า
เอ่อ
ก็อาจจะได้
แต่ไม่ไหวมั้ง
ฟังดูโรแมนติกจนขนหัวลุก โชคชะตาระหว่างพ่อมดกับมนุษย์ประหลาดเนี่ยนะ ให้ตายเถอะ ถ้านี่เป็นหนังสือนิยายพ่อมดเรื่องดัง เขาคงอุทานว่าเคราเมอร์ลิน คิดมาได้ไง บ้าไปแล้วเหรอ ไม่เห็นจะเข้ากันสักนิด เขาคิดว่าเขาคงติดเชื้อเพ้อเจ้อจากแซนดี้แล้วแน่ๆ
ไอ้ตัวแพร่เชื้อเอ้ย
ร้ายกาจนักนะ
กลับไปของับสักที
พอยิ่งคิดไปเรื่อยเปื่อยก็ยิ่งอยากกลับบ้านมากกว่าเดิม เมื่อไหร่จะได้พบศาสตราจารย์เฮนรี่ ดาเนียลอยากกลับโลกมนุษย์จะแย่แล้ว
.
.
.
.
.
แสนดีกำลังร้อนใจ
เขาวิ่งกระหืดกระหอบไปมาทั่วหมู่บ้านนานเกือบชั่วโมงเพื่อตามหาเจ้ากบ เขาไล่ถามพนักงานรักษาความปลอดภัยและเพื่อนบ้านที่อยู่ทั่วบริเวณทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก แต่กลับไม่มีใครพบเห็นเจ้ากบสักคน มันจะเป็นไปได้ยังไง หมาอ้วนเดินออกจากหมู่บ้านจะไม่มีใครเห็นเลยเหรอ เขาไม่อยากจะเชื่อ
.
เขากับเจ้ากบอยู่ด้วยกันนานกว่าสามเดือนแล้ว เจ้าหมาซามอยด์แสนรู้ของเขามักจะมารอเขากลับบ้านที่หน้าบ้านทุกวัน มันจะหันมาสบตาเขาทุกครั้งที่เขาเปิดประตูลงจากรถ ถึงมันจะชอบทำเป็นไม่สนใจตอนที่เขาเข้าไปเล่นด้วย บางครั้งไม่ยอมหันมาตอนที่เขาเรียกชื่อหรือแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินบ้าง แต่เขาคิดว่ามันทำเป็นวางท่าไปงั้นแหละ เพราะหูและหางของมันขยับทุกครั้งที่เขาเข้าไปใกล้
และเจ้ากบยังเป็นหมาประหลาดที่ชอบนอนดูหนังอยู่บ้านมากกว่าออกไปวิ่งเล่น ขนาดเสาร์อาทิตย์เขาชวนมันไปเดินเล่นในหมู่บ้าน มันยังทำท่าอิดออดไม่ยอมไปแล้วใช้อุ้งเท้าสะกิดให้เขาเปิด netflix แทนเลย
หมาขี้เกียจแบบนี้น่ะเหรอจะมัวไปเที่ยวเล่นจนลืมเวลากลับบ้าน ถ้าบอกว่ามันนอนขึ้นอืดจนกลายเป็นหมู เขายังจะเชื่อมากกว่า
หรือจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากบ
หรือมันจะเดินเล่นเรื่อยเปื่อยจนหลงทางหาทางกลับบ้านไม่ถูก
แสนดีถอนหายใจ
เขาทั้งเครียดและวิตกกังวลจนปวดเกร็งต้นคอไปหมด เขาพยายามบีบนวดเพื่อผ่อนคลาย แต่มันไม่ช่วยเลยสักนิด จิตใจของเขายังพะวักพะวงกับการตามหาเจ้ากบ เขาโพสต์ข้อความตามหาเจ้าตัวดื้อและรูปถ่ายของมันลงสื่อออนไลน์หลากหลายช่องทาง ก่อนจะคว้ากุญแจบ้านกับเสื้อนอกมาสวมและออกไปตามหามันอีกครั้ง
.
.
.
.
.
ดาเนียลกำลังรีบ
ขายาวก้าวฉับฉับด้วยความว่องไวเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย
เขาตัดสินใจไม่รอพบศาสตราจารย์เฮนรี่แล้วรีบเดินทางกลับโลกมนุษย์ เพราะเวลาล่วงเลยไปนานกว่าที่คาด เขากลัวว่าจะกลับไปไม่ทันเวลาที่แซนดี้กลับบ้าน เขาจึงวานให้เอ็ดเวิร์ดเอางานไปให้ศาสตราจารย์เฮนรี่แล้วขอเลื่อนนัดเป็นวันอื่นแทน ซึ่งน่าจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรก ไม่น่านั่งรอตั้งนานสองนานเลย คิดแล้วก็หงุดหงิดตัวเองที่ตัดสินใจช้า
.
สถานนีรถไฟคับคั่งไปด้วยผู้คน เขาลืมไปว่าช่วงเย็นวันศุกร์ผู้วิเศษมักเดินทางไปกลับระหว่างโลกมนุษย์และโลกเวทมนตร์มากกว่าปกติ ให้ตายเถอะ เขาน่าจะเผื่อเวลามากกว่านี้ ทำไมถึงสะเพร่าแบบนี้นะ เป็นอีกครั้งของวันที่ดาเนียลหงุดหงิดตัวเอง
ไม่รู้ว่าป่านนี้แซนดี้จะเลิกงานหรือยัง เขาภาวนาให้นายเพี้ยนเลิกงานช้ากว่าปกติ ไม่ก็มีงานด่วนกะทันหันหรืออะไรก็ได้ที่พอจะถ่วงเวลาได้ เขาไม่อยากให้แซนดี้ไม่สบายใจหากกลับบ้านแล้วไม่เจอเขา
ขอร้องล่ะ
ขอให้ทันเวลาทีเถอะ
.
.
.
.
.
แสนดีกำลังเครียด
เขาตามหาเจ้ากบทุกที่ที่คิดว่ามันน่าจะไป แต่กลับไม่พบแม้แต่ร่องรอยของมัน เขาไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อ เขารู้สึกเหมือนกำลังจะสติแตก เขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเดินตามหา ไล่ติดประกาศ และถามคนแถวนั้น แต่นั่นไม่ช่วยให้สภาพจิตใจของเขาดีขึ้นเลยสักนิด ตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกหมดหวังและไร้เรี่ยวแรง
ไม่รู้ป่านนี้เจ้ากบของเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง จะหลงทางไปอยู่ที่ไหนแล้ว จะหิวข้าวหรือเปล่า ถ้ามีคนทำร้ายจะทำยังไง ความคิดมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวยิ่งทำให้เขาประสาทเสีย เขาพยายามห้ามความคิดตัวเองไม่ให้คิดมากแต่ไม่สามารถทำได้ เขาอยากออกตามหาเจ้ากบอีกครั้งแต่เขาไม่รู้จะไปตามหาที่ไหน ท้องฟ้าก็เริ่มมืดและฝนยังทำท่าจะตกอีก
เขาควรทำยังไงต่อดี
ไม่ไหวแล้ว
แสนดีจะร้องไห้
.
.
.
.
.
ดาเนียลกลับถึงบ้านแล้ว แต่บ้านกลับปิดมืดไม่เปิดไฟสักดวง ทั้งที่ปกติแซนดี้มักจะเปิดไฟหน้าบ้านและนอนเกลือกกลิ้งดูโทรทัศน์อยู่ที่ชุดโซฟารับแขก รถก็จอดอยู่ แต่ดูเหมือนคนจะไม่อยู่บ้าน แล้วหมอนั่นหายไปไหน เขาเดินหาแซนดี้ทั่วบ้านแต่ไม่พบ ออกไปไหนตอนค่ำมืดฝนตกแบบนี้นะ หรือจะออกไปตามหาเขา
ดาเนียลเริ่มกังวลมากขึ้น เขาควรทำยังไงดี เขากลับร่างพ่อมดเพื่อคิดหาทางออก พลันหันไปเห็นชายคนหนึ่งกำลังเดินตรงมาทางนี้
เดี๋ยวนะ
นั่นใช่แซนดี้ของเขาหรือเปล่า
ดาเนียลพยายามเพ็งพินิจิและพบว่า ใช่จริงด้วยว่ะ แล้วหมอนั่นไปเดินตากฝนทำไมวะเนี่ย ให้ตายเถอะ นี่ไม่ใช่มิวสิควีดีโอเพลงเศร้าที่จะมาเดินเอื่อยแสดงซีนอารมณ์นะ เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี ดาเนียลรีบวิ่งไปคว้าแขนคนเพี้ยนที่กำลังเดินเซื่องซึมตากฝนประหนึ่งพระเอกมิวสิควีดีโอเพลงรักอกหัก
"รีบเข้าบ้านเร็ว"
แต่เขากลับถูกผลักออก
พวกเขาตะโกนคุยกันแข่งกับเสียงฝนและยื้อกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่ดาเนียลจะใช้เวทมนตร์ทำให้อีกฝ่ายสลบไป
.
.
ดาเนียลเกลียดฝนตก เขาเกลียดเวลาเนื้อตัวเปียกปอน และต้องเหยียบย่ำบนพื้นเฉอะแฉะ มีน้ำเจิ่งนองไหลกระเซ็นทุกครั้งที่เท้าสัมผัสพื้น การเดินตากฝนไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับเขา การตะโกนคุยกันกลางฝนก็เช่นกัน กว่าเขาจะพาแซนดี้เข้าบ้านได้ก็เล่นเอาหมดแรง เพราะแซนดี้ไม่เคยเห็นเขาในร่างพ่อมด เขาจึงไม่ต่างจากคนแปลกหน้า แต่เขาอยากพาแซนดี้เข้าบ้านให้เร็วที่สุดจึงจำเป็นต้องใช้เวทมนตร์
อีกไม่นานเขาคงถูกเรียกไปสอบสวนเพราะใช้เวทมนตร์กับมนุษย์ คงต้องให้แซนดี้ช่วยยืนยันว่าเขาไม่ได้ทำร้าย เจ้าตัวไม่ได้รับอันตรายหรือเกิดความเสียหายใดๆ แต่นั่นหมายความว่าเขาต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้แซนดี้ฟัง และมันเป็นสิ่งที่เขากลัว
ดาเนียลรู้ดีว่าไม่มีความลับในโลก หากไม่บอกวันนี้ก็ต้องบอกวันหน้า เขาไม่มีทางอยู่ในร่างหมากับแซนดี้ได้ตลอดไป แต่เขากลัว
กลัวปฏิกิริยาตอบรับจากอีกฝ่าย
กลัวแซนดี้จะเปลี่ยนไปหากรู้ความจริง
อย่างที่บอกเขากับแซนดี้อยู่ด้วยกันนานกว่าสามเดือนแล้ว คนอยู่บ้านเดียวกันใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันย่อมผูกพันกันเป็นธรรมดา แล้วหมอนั่นดันชอบเล่าเรื่องของตัวเองให้เขาฟังทุกวัน ถึงเขาจะทำได้แค่รับฟังแต่มันก็สนุกดี เขามีความสุขที่ได้ฟังแซนดี้เล่าเรื่องราวต่างๆ ได้รับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่าย ถึงหมอนั่นจะชอบถามเขาแล้วตอบเองแต่มันก็ตลกดี ไหนจะทั้งกอด ทั้งหอม ทั้งเล่านิทานก่อนนอนให้ฟังทุกคืน วันหยุดก็ไปเดินเล่นไม่ก็นอนดูหนังด้วยกันกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกันและกันไปแล้ว ทั้งที่เขาไม่ควรปล่อยให้ทุกอย่างเลยเถิดขนาดนี้ หรือเขาไม่ควรเดินตามแซนดี้กลับบ้านตั้งแต่แรก เขาควรแยกตัวออกมาตั้งแต่ตอนที่แซนดี้ถาม แต่พอเห็นใบหน้าและรอยยิ้มของอีกฝ่ายเขาก็ทำไม่ได้
ถึงแซนดี้จะคิดว่าเขาเป็นแค่สัตว์เลี้ยง สิ่งที่ทำทั้งหมดคือการแสดงความรักระหว่างเจ้านายกับสุนัข แต่สำหรับเขามันไม่ใช่ เขาเป็นพ่อมดไม่ใช่สุนัขจริงๆ และเขาไม่เคยคิดว่าแซนดี้เป็นเจ้านาย แม้ตอนนี้เขาจะยังไม่แน่ใจว่า ความสัมพันธ์ของพวกเขาอยู่ในรูปแบบใด แต่แซนดี้เป็นคนพิเศษ เขาให้แซนดี้คนพิเศษของเขา และมันเป็นความสัมพันธ์พิเศษที่เขาไม่อยากเสียไป
.
.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in