A: สำหรับวิธีการซื้อ มีแนะนำ 3 แบบ เลือกแบบใดแบบหนึ่งก็ได้นะครับ
1. DCA (Dollar-Cost averaging) หมายถึง การซื้อด้วยมูลค่าเท่าๆกันทุกเดือน
โดยคุณแจ้งกับ บลจ. เลยว่า จะสั่งซื้อเดือนละกี่บาทในวันที่เท่าไหร่ของเดือน
มีข้อดี คือ สะดวก ง่าย และผลตอบแทนในเกณฑ์มาตรฐานใกล้เคียงกับผลตอบแทนตลาด
เช่น ปี 2560 คุณต้องการซื้อ 12,000 บาท คุณสั่ง บลจ. ได้เลยว่า ให้ตัดเดือนละ 1,000 บาท
ในวันที่ 7 ของทุกเดือน (สมมตินะครับ)
2. VA (Value averaging) หมายถึง การซื้อเพื่อให้พอร์ทของเรามีมูลค่าตามที่กำหนดไว้ทุกเดือน
เช่น ปี 2560 คุณต้องการให้แต่ละเดือน พอร์ทคุณมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเดือนละ 1,000 บาท
และเมื่อปลายปี มีมูลค่า 12,000 บาท
คุณก็สั่งซื้อเลย เดือนแรก 1,000 บาท >> พอร์ท 1,000 บาท
ต่อพอถึงเดือนที่ 2 หุ้นขึ้นเป็น 1,300 คุณก็ซื้อเพิ่มแค่ 700 บาท >> พอร์ท 2,000 บาท
พอถึงเดือนที่ 3 หุ้นลงเป็น 1,500 บาท คุณก็ซื้อเพิ่ม 1,500 บาท >> พอร์ท 3,000 บาท
ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงสิ้นปี
ข้อดี คือ ต้นทุนจะถูกกว่าแบบแรก
(ราคาแพงไม่ซื้อ รอซื้อเมื่อราคาถูก ต้นทุนถูก ผลตอบแทนเพิ่ม)
แต่มีข้อเสีย คือ มีความซับซ้อนมากกว่าแบบแรก
3. การลงทุนแบบ Active เป็นการจับจังหวะตลาด
เมื่อหุ้นลง ซื้อ เมื่อหุ้นขึ้น ไม่ซื้อ วิธีการแบบนี้แหละที่ทำให้หลายคนมาซื้อหุ้นกันปลายปี
โดยที่ไม่รู้เลยว่า หุ้นถูกที่สุดจะอยู่ที่จุดไหน อาจจะอยู่ที่เดือนเมษายน หรือ พฤศจิกายนก็ได้
วิธีที่ 3 สามารถสร้างผลตอบแทนได้มาก แต่ก็มีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนน้อยที่สุดก็ได้เหมือนกัน
สำหรับ มือใหม่ แนะนำว่าใช้วิธีที่ 1 ก่อนดีกว่า พอคล่องแล้วค่อยขยับเป็น 2
แล้วค่อย แบ่ง 50/50 (50% ใช้วิธีที่ 1 หรือ 2 และอีก 50% ใช้วิธีที่ 3)
หวังว่า คงเป็นข้อมูลได้นะครับ ถ้าสนใจเรื่องไหนอีกลองถามมาได้นะครับ
Q : ขอบคุณมากนะคะ ได้ความรู้มากเลย เดี๋ยวขอทำความเข้าใจก่อน แล้วขอถามอีกนะคะ
หากท่านใดมีข้อสงสัย ต้องการสอบถามเกี่ยวกับเรื่องการวางแผนการเงิน
ทั้งเรื่อง การวางแผนภาษี การวางแผนเกษียณ ทุนการศึกษาบุตร
สามารถติดต่อได้ที่ Inbox
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in