วันนี้เปลี่ยนบรรยากาศ เรามาคุยเรื่อง การวางแผนทุนการศึกษาลูก แบบขั้นเทพ กัน
เนื่องจากผมยังไม่มีลูก หลายคนอาจจะคิดว่า ผมคงไม่เข้าใจความยากลำบากของคุณพ่อคุณแม่
แต่ผมก็จำได้ว่า สมัยเด็ก ผมมีทางเลือกในการเรียนน้อย
นั่นคือ ผมจำเป็นต้องเข้าเรียนโรงเรียน/มหาวิทยาลัยของรัฐให้ได้
เพื่อที่จะสามารถเบิกค่าเทอมจากสิทธิข้าราชการของคุณแม่ได้ (ให้มีส่วนต่างให้น้อยที่สุด)
เพราะถึงแม้คุณแม่จะเป็นคนที่เก็บเงินเก่งมากและพยายามในการเก็บ/เตรียมเงินไว้ให้ผมได้เรียน
แต่หากต้องไปเรียนโรงเรียนเอกชน ก็คงต้องกระเบียดกระเสียรมากกว่านี้อีกมาก
เอาล่ะ ... กลับมาเข้าบทความของเรากันต่อดีกว่า
.... เรามาเริ่มกันเลย
ทำไมจึงต้องวางแผนทุนการศึกษาลูก
เพราะเราทุกคน รู้กันดี อยู่แล้วว่า การศึกษาเป็นหนึ่งในมรดกเพียงไม่กี่อย่าง
ที่สามารถส่งต่อให้ลูกได้ และมั่นใจว่าลูกของเราจะไม่ทำมันหายไป
หากเขาได้รับการศึกษาที่เหมาะที่สมควร เขาก็น่าจะสามารถที่จะเอาวิชาไปหาเลี้ยงชีพต่อไปได้
- นิสัย วินัย การศึกษา และประสบการณ์ เป็นสิ่งที่จะอยู่ติดตัวเสมอ -
ทำไมจึงต้องวางแผนทุนการศึกษาลูก แบบขั้นเทพ
เพราะการวางแผนที่ดี ควรเผื่อทางหนีทีไล่ ทั้ง "Plan A" + "Plan B"
หากเราเตรียมเฉพาะ "Plan A" แต่เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ก็คงจะลำบากไม่ใช่น้อย
คำว่า ขั้นเทพของเรา ก็มาจากการวางแผน "Plan A" + "Plan B" นี่แหละ
Plan A คือ การเตรียมเงินให้เพียงพอสำหรับการศึกษาในระดับสูงที่สุดที่คาดว่าจะส่งลูกเรียน
เช่น ในบทความนี้ สมมติว่าเป็นระดับปริญญาตรี
Plan B คือ การเตรียมเงินให้เพียงพอในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อโอกาสในการศึกษาต่อของลูกเราได้
โดย Product ที่จะนำมาใช้ในการวางแผนครั้งนี้ คือ ประกันชีวิต นั่นเอง
4 ขั้นตอนในการวางแผนทุนการศึกษาลูก แบบขั้นเทพ
1. คำนวณ "Plan A"
โดยประมาณการจำนวนเงินที่ต้องใช้เป็นทุนการศึกษาลูกในระดับชั้นปริญญาตรี
2. คำนวณ "Plan B" โดยประมาณการจำนวนเงินที่ต้องใช้เป็นทุนการศึกษาลูก ตั้งแต่
- ระดับชั้นอนุบาล
- ระดับชั้นประถมศึกษา
- ระดับชั้นมัธยมต้น
- ระดับชั้นมัธยมปลาย หรือ ปวช.
- ระดับชั้นปริญญาตรี
3. คำนวณ "จำนวนปี" ระยะเวลาในการวางแผนทุนการศึกษาลูกในระดับปริญญาตรี
เช่น ปัจจุบันลูกอายุ 2 ขวบ และคาดว่าลูกจะเริ่มเรียนระดับปริญญาตรี เมื่ออายุ 18 ปี
ดังนั้น จะได้ว่า ระยะเวลาในการวางแผน คือ 18-2-1 = 15 ปี นั่นเอง
4. นำผลลัพธ์ที่ได้จากข้อที่ 1-2-3 มา Match กัน โดยกำหนดให้
จำนวนเงินที่ได้จาก "Plan A" หารด้วย "จำนวนปี" คือ เบี้ยประกันที่เหมาะสมในแต่ละปี
จำนวนเงินที่ได้จาก "Plan B" คือ ทุนประกันขั้นต่ำที่ควรมี
"จำนวนปี" ที่ได้ คือ อายุสิ้นสุดกรมธรรม์พร้อมรับเงินคืน
ทีนี้ เรามาลองดูตัวอย่างกันสักกรณีดีกว่า
มีต่อหน้า 2
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in