เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
alone in the mountainsnichised
ความแค้น
  • ดูเหมือนว่าพริมจะแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยการนอน ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าไหร่ เพราะทุกครั้งที่หลับก็จะมีใครสักคนเข้าฝันมาคุยกับเธอเสมอ พริมนอนลืมตามองฝ้าเพดาน อยากจะพักผ่อนเฉยๆ บางทีการนอนเฉยๆ แต่ไม่หลับอาจจะเป็นทางออก 

    พริมปิดไฟปิดผ้าม่านให้เรียบร้อย แต่ห้องก็ไม่มืดขึ้นสักเท่าไหร่ พริมมองไปที่หน้าต่างอย่างหวาดระแวง กลัวว่าจะมีใครโผล่มาทักทายอีก เธอจึงตัดสินใจสวดมนต์ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาพริมไม่ใช่คนเคร่งศาสนา จะสวดมนต์ก็ต่อเมื่อไปวัดกับพ่อแม่ หรือไปงานสำคัญๆ เท่านั้น พริมจำได้ว่าพ่อเคยบอกไว้ว่าบทอิติปิโสจะเชิญเทวดามาคุ้มครอง ไม่รู้ว่าอยู่ต่างแดนจะเชิญใครมาคุ้มครองได้บ้างไหม ยายยังบอกเลยว่าทำวีซ่าไม่ผ่าน

    เนื่องจากพริมไม่ได้สวดมนต์มานานแล้ว เธอก็จำบทสวดไม่ได้ ลองท่องในใจแบบผิดๆ ถูกๆ ในหัวพลันนึกถึงเรื่องผีที่เคยฟัง เมื่อตัวเอกสวดมนต์เพราะกลัวผี แต่จำบทไม่ได้ผีเลยมาช่วยสวด พริมจึงตัดสินใจกูเกิลบทสวดอิติปิโสแล้วเซฟเก็บไว้ในมือถือ ผีแถวนี้อาจจะมาช่วยเธอสวดมนต์ไม่ได้ แต่ก็น่าละอายใจถ้าพวกเขาผ่านมาเห็นตอนกำลังท่องบทผิด

    ยังไม่ทันที่พริมจะได้สวดมนต์ เจ้ากวางตัวเดิมก็มาป้วนเปี้ยนที่ริมหน้าต่าง พริมมองเห็นร่างของมันผ่านเงาจากผ้าม่านบางเบาอันเดิมที่ไม่เคยบังอะไรได้ พริมตัดสินใจแหวกผ้าม่านดู ตัวของเจ้ากวางสูงใหญ่และมีหนอนชอนไชไม่ต่างจากเดิม พริมถอนหายใจ เหนื่อยหน่ายมากกว่ากลัว มันร้องครวญครางเสียงดังเสียดหู 

    “จะเอาอะไรอีก” พริมถาม

    เจ้ากวางยังคงครวญครางต่อไป พริมจึงนึกขึ้นมาได้ว่าชาลีเคยบอกว่าเขาสื่อสารกับเธอผ่านความฝันได้เท่านั้น แต่พอรู้แบบนี้พริมก็นอนไม่หลับแล้ว เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรกับเจ้ากวาง พริมก็นั่งมองมันเฉยๆ มันเองก็มองพริมกลับมาอย่างสิ้นหวัง ร่างเน่าเปื่อยของเจ้ากวางไม่น่ามองนัก แต่เหมือนกับว่าภูมิต้านทานของพริมจะมีมากขึ้น

    เวลาผ่านไปไม่นาน พริมไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งมองหน้าเจ้ากวางผ่านช่องว่างเล็กๆ ระหว่างม่านที่หน้าต่าง เสียงล้อบดลงบนกรวดแว่วเข้ามา เหมือนว่าใครสักคนจะกลับมาแล้ว เจ้ากวางหายไปทันที พริมเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่น ชะเง้อดูว่าใครกันที่มาถึง เมื่อเห็นว่าเป็นแมรี่ พริมจึงออกไปทักทาย

    “เป็นอย่างไรบ้างคะ เห็นลาคแลนบอกว่าคุณออกไปล่าพอสซัม” พริมถามไปตามมารยาท

    “อ๋อ ได้มาหลายตัวเลย มาดูนี่สิ”

    แมรี่เปิดกระโปรงหลังรถโฟร์วีลฝุ่นจับให้พริมดู ที่หลังรถมีซากพอสซัมวางกระจัดกระจายเต็มไปหมด น่าจะสักประมาณ 5-6 ตัวได้ รอยเลือดเปรอะเปื้อนไปทั่วรถ กลิ่นคาวคละคลุ้ง แต่แมรี่ดูเหมือนจะชินกับสภาพนั้นแล้ว จัดการย้ายซากพวกมันใส่กระบะที่เตรียมไว้อย่างสบายๆ มีเจ้าแคชนั่งยิ้มลิ้นห้อยอยู่ข้างๆ สายตายังคงดูไร้เดียงสาเช่นเคย แต่ที่เขี้ยวมีรอยเลือดเปรอะเปื้อนอยู่

    “เดี๋ยวฉันต้องไปถลกหนัง และถอนขนมัน เธออยากดูมั้ย” แมรี่ถามเหมือนกับว่าชวนพริมไปจัดสวน 

    “เอ่อ ไม่ละกันค่ะ พอดีว่ากำลังอ่านหนังสือค้างไว้อยู่” พริมกลัวเหมือนกันว่าจะถูกมองว่าเป็นคนเมือง กลัวซากพอสซัม กลัวเลือด ไม่อยากสกปรก แต่เมื่อพริมนึกถึงชาลีและแอนนา คิดว่าพอสซัมน่าจะมีเรื่องราวของตัวเองที่อยากเล่าให้เธอฟังเช่นกัน พอจินตนาการไปไกลก็คิดได้ว่าควรเอาตัวเองให้รอดจากเหตุการณ์ตรงหน้าก่อน

    “ขอตัวนะคะ” พริมกลับไปในห้องนั่งเล่น แล้วหยิบหนังสือมั่วๆ บนชั้นมาอ่าน

     ไม่นานหลังจากนั้นลาคแลนและเจคก็กลับมา พวกเขาดูเหนื่อยล้าแต่ก็สดชื่นเหมือนได้ออกกำลังกาย ลาคแลนและเจคทยอยกันไปอาบน้ำ หลังจากนั้นจึงไปช่วยแมรี่ทำอาหารเย็น พริมอึกอัก ไม่แน่ใจว่าควรเข้าไปช่วยไหม บรรยากาศในห้องครัวดูมีมนต์สะกดเหมือนทุกครั้ง กลิ่นซอสเนื้อลอยออกมาเตะจมูก แต่เมื่อเท้าพาเธอไปยืนอยู่หน้าห้องครัว พริมก็ลังเลขึ้นมาอีก ก้อนเนื้อชิ้นใหญ่วางอยู่กลางเคาน์เตอร์ในครัว ภาพหัวกวางในวันแรกที่มาเยือนที่แห่งนี้แว้บเข้ามาในหัวเธอ พริมสงสัยขึ้นมาว่านี่คือชาลีหรือเปล่า

    เย็นวันนั้นพวกเขาทานสปาเกตตีโบโลญเนสเนื้อกวางอีกครั้ง พริมรู้สึกกินไม่ลงเมื่อนึกถึงชาลีและภาพเจ้ากวางในร่างเปื่อยเน่าที่ชอบมาทักทายเธอในเวลาว่าง รสชาติของซอสเนื้อกลมกล่อมเข้มข้นเหมือนเคย แต่เมื่อทานติดๆ กันในเวลาไม่กี่วัน พริมก็พาลรู้สึกเลี่ยนขึ้นมา

    เย็นวันนั้นผ่านไปอย่างราบรื่นจนพริมเองก็ประหลาดใจ หรือเป็นเธอเองที่เริ่มปรับตัวได้กับเรื่องราวในหุบเขาแห่งนี้ เมื่อถึงเวลาเข้านอน พริมลังเลว่าจะถามลาคแลนเกี่ยวกับเรื่องสรรพสิ่งในป่า คะแนนวีซ่า และอะไรอีกมากมาย แต่เธอรู้สึกเหมือนมีกำแพงระหว่างเธอกับลาคแลน เขาไม่น่าจะเข้าใจหากเธอเล่าออกไป นอกจากจะได้เจอเอง

    เมื่อหัวถึงหมอนพริมก็หลับไปทันที ในความฝัน ชาลีรอเธออยู่แล้ว เขาปรากฏกายในร่างคน ผมสั้นเหมือนขนกวางผีน้ำตาลเงางามเหมือนเคย เขากวางสวนงามบนหัวขยับไปมาน่าหวาดเสียว ในความฝันนี้พวกเขายืนอยู่ในห้องห้องหนึ่ง

    “เหมือนกับว่าแอนนาจะเล่าให้เธอฟังเรื่องคะแนนวีซ่าแล้ว” ชาลีกล่าวขึ้นมาก่อน

    “ฉันกำลังสงสัยอยู่เลยว่านายจะว่าอย่างไร” พริมตอบทันที เธอคิดเรื่องนี้มาทั้งวันแล้ว

    “กวางน่ะ ไม่โชคดีเหมือนต้นแอปเปิล พวกเขาถูกเก็บกินเพียงแค่ผลที่ออกมา วงจรชีวิตยาวนานกว่า ในขณะที่กวางอย่างพวกฉัน เกิดมาเพื่อโดนล่าในพื้นที่ล่าสัตว์ที่มีรั้วล้อมรอบ เพราะพวกเราเป็นเอเลี่ยนสปีชีส์ นอกพื้นที่ล่าสัตว์เราก็อาจจะไปทำลายพืชพื้นถิ่นซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของพวกนกบินไม่ได้พวกนั้น”

    “แล้วทำไมในโลกนอกความฝันนายถึงมีร่างกายเน่าเปื่อย”

    “เพราะความแค้นยังไงล่ะ” ชาลีผายมือไปยังรอบๆ พริมจึงสังเกตเห็นว่าห้องที่เธออยู่เป็นห้องแล่เนื้อ มีซากสัตว์มากมายทั้งกวาง หมูป่า และวัว มีดขนาดเล็กใหญ่แขวนอยู่ข้างกำแพง เมื่อเห็นสิ่งรอบกายจมูกก็พลันได้รับกลิ่นเลือดขึ้นมา ในมุมห้อง มีซากพอสซัมกองใหญ่ มีทั้งที่ถลกหนังแล้ว และยังไม่ได้ทำอะไร

    ชาลีเล่าต่อไป “ฉันน่ะ อยู่ที่หุบเขาแห่งนี้มานาน พี่น้องกวางแดงมากมายถูกล่าไปเรื่อยๆ และถูกนำเข้ามาใหม่ แต่ฉันน่ะเอาตัวรอดเก่ง พออยู่นาน ฉันจึงเห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับสัตว์น้อยใหญ่ในที่แห่งนี้บ้าง ความแค้นจากพี่น้องกวางแดงและเพื่อนสัตว์สายพันธุ์อื่นถูกสะสมไว้ที่ฉัน ความแค้นต่อมนุษย์ที่เอาพวกเรามาไว้ในที่ที่เราไม่ควรจะอยู่ แล้วล่าพวกเราเพื่อเงินและความสนุกรวมอยู่ที่ฉัน แล้วในที่สุดแซมก็ฆ่าฉันสำเร็จ” หน้าตาของเขาบิดเบี้ยว เลือดสีแดงเข้มไหลออกมาจากตาเป็นสาย หยดลงบนเสื้อของเขาเปรอะเปื้อนไปหมด

    “หรือว่านาย… เกิดอะไรขึ้นกับแซมกัน” พริมพยายามเชื่อมโยงเรื่องราวในหัว

    “แซมน่ะหรอ เขาเป็นลูกค้าประจำของเจค อาศัยอยู่ไม่ไกล เขาไม่ได้แคร์สักนิดว่าพวกฉันเป็นภัยต่อระบบนิเวศอย่างที่พวกเจคยกมาเป็นข้ออ้าง สำหรับเขา เขาล่าเพื่อความสนุกเท่านั้น เนื้อฉันเขายังไม่กินเลย แต่เธอน่ะ ได้กินเนื้อของฉันไปบ้างแล้วนะ เป็นไงล่ะ อร่อยมั้ย” ชาลีแสยะยิ้ม

    “ฉัน...ขอโทษจริงๆ” พริมไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดออกไป ถ้าหมูหรือไก่ที่เธอเคยกินมาเข้าฝันแบบนี้ เธอก็คงเผลอขอโทษไปเหมือนกัน

    “ความแค้นของฉันน่ะมันรุนแรงจนส่งผลให้ฉันสามารถปรากฏกายให้แซมเห็น วันนั้นแซมออกเดินทางแต่เช้ามืดไปที่แม่น้ำ ฉันก็แค่แวะไปทักทายตอนเขากำลังว่ายน้ำ แต่เหมือนกับว่าจิตใจโหดเหี้ยมของเขาจะเปราะบางกว่าที่คิด อยู่ดีๆ ก็หัวใจวายตายไปเอง ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย” ชาลีพูดยิ้มๆ รอยเลือดที่ไหลออกมาจากตาเริ่มแห้งเกรอะกรังเป็นสีน้ำตาล ในมือเขากำลังถือหนอนตัวเล็กๆ ที่ไม่รู้ว่าไปหามาจากไหน

    “แล้วฉันล่ะ ฉันเกี่ยวอะไรด้วย” พริมถาม ในเมื่อทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอสักนิด

    “พวกเราก็แค่อยากให้มีคนรับรู้น่ะ จงบอกเล่าเรื่องราวของฉัน บอกเล่าความแค้นของสัตว์และพืชในหุบเขารังกิตาตา มนุษย์สร้างบาดแผลไว้มาก เธอเองก็เป็นมนุษย์ เธอควรมีส่วนในการรับผิดชอบบาดแผลที่มนุษย์สร้างไว้เหมือนกัน”

    ภาพของชาลีในห้องแล่เนื้อค่อยๆ มืดลง พริมหลับสนิทเป็นครั้งแรกที่มาเยือนที่แห่งนี้และไม่ฝันอีกเลยจนถึงเวลาตื่น


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in