เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Book Reviewmoneymonday
[รีวิว] ทาสรักอ๋องโฉด | สนพ. Mee-D

  • เรื่องย่อของทางสำนักพิมพ์

    นับตั้งแต่ถูกขายเข้ามาเป็นทาสในจวนเสวียนตั้งแต่เยาว์วัย “เฉินเสี่ยวหม่าน” ก็รู้สถานะของตนเองดี ครั้นเมื่อถูกเจ้านายที่ร่ำสุราจนเมามายเข้าใจผิดว่าเป็นสตรีบังคับขืนใจ เขาก็ต้องอดทนอดกลั้นไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง ตนเป็นทาสรับใช้ มอบทั้งชีวิตและร่างกายนี้ให้กับผู้เป็นนาย จนท้ายที่สุดแล้ว แม้แต่หัวใจก็ยกให้กับผู้เป็นนายไปด้วย เพียงแต่ว่า ทาสเช่นเขามีเจ้านายแค่คนเดียว แต่เจ้านายกลับมีทาสรับใช้อยู่นับไม่ถ้วน...เมื่อเฉินเสี่ยวหม่านรู้สึกตัวจึงนำทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มี ไปคุกเข่าต่อหน้าเจ้านายเพื่อไถ่ตัวเองจากการเป็นทาส แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นการครอบครองอย่างทารุณอีกครั้ง...ในฐานะทาส เขาจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านาย ขยันหมั่นเพียร มุมานะอดทน นี่เป็นสิ่งที่เขาจดจำได้ขึ้นใจ แต่ไม่มีใครเคยสอนเขาเลยว่า

    “เมื่อทาสอย่างเขาตกหลุมรักเจ้านายควรจะทำเช่นไร?”



    ย่อเนื้อเรื่อง ช่วงต้นประมาณ ¼ ของเล่มแรก

    พระเอก หรงเซิ่ง หรือเฉินอ๋อง น้องชายของฮ่องเต้ที่รบเก่งมีอำนาจล้นฟ้าเป็นรองแค่ฮ่องเต้คนเดียว ไปพักที่จวนเสวียนที่นายเอก เฉินเสี่ยวหม่าน เป็นทาสอยู่ วันหนึ่งฮีเกิดเมาแล้วไปข่มขืนนายเอกเข้าเพราะเข้าใจว่าเป็นสาวรับใช้ พอตื่นเช้ามาก็จำอะไรไม่ได้ เฉินเสี่ยวหม่านเองก็ไม่ยอมบอกใคร ตอนแรกหรงเซิ่งพยายามหาตัว ‘สาวใช้’ คนนั้นแต่ก็ไม่เจอ ระหว่างนั้นเจอกับเฉินเสี่ยวหม่าน รู้สึกคุ้นๆ แปลกๆ น่าสนใจดี แต่ก็ไม่ได้อะไร ผ่านไปซักพักก็กลับไปเฝ้าชายแดนเหมือนเดิม เวลาผ่านไป เหมือนว่าทุกอย่างก็จะผ่านไปแล้วด้วย แต่เฉินเสี่ยวหม่านดันไปเจอชายปริศนามีบาดแผลเจ็บหนักบนเขา พอพากลับมารักษาตัวก็รู้ว่าเจ้าตัวความจำเสื่อมจำเรื่องอะไรไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว ชายคนนี้หน้าตาเหมือนหรงเซิ่งอย่างกับแกะ แต่เฉินเสี่ยวหม่านก็ไม่คิดว่าเป็นหรงเซิ่ง ตั้งชื่อให้ว่า ปู้จือ (แปลว่า ไม่รู้) แล้วก็อยู่ด้วยกันจนตกหลุมรักกัน จนกระทั่งถูกเจอ แล้วปู้จือก็ถูกพากลับไปรักษาฟื้นความทรงจำที่วังหลวง และหลังจากที่ได้เจอกันอีกครั้ง หรงเซิ่งที่ความทรงจำกลับมาแล้วก็ยังจำความสัมพันธ์กับเฉินเสี่ยวหม่านตอนตัวเองเป็นปู้จือได้ ก็รับเฉินเสี่ยวหม่านมาเป็นทาสของตัวเองแล้วพากลับไปอยู่ด้วยที่จวนที่ชายแดน เฉินเสี่ยวหม่านแน่นอนว่าก็ดีใจมาก พาน้องชายน้องสาวตามไปอยู่กับคนรักอย่างเต็มใจ เรื่องเหมือนจะแฮปปี้เอนดิ้ง แต่มันกลับไม่ได้จบแค่นั้น...


    คะแนน

    ความสนุก น่าสนใจ และน่าติดตาม   7.5 / 10
    ความรันทด                                         7 / 10
    ความอิหยังวะ                                 ★★★★☆


    รีวิว

    ก็ตามชื่อเนอะ555 ตอนแรกนึกว่าเรื่องนี้จะเป็นแนวนายทาส สวรรค์เบี่ยง ตบจูบๆ อย่างเดียว แต่ปรากฏว่ามีพล็อตความจำเสื่อมผสมเข้ามาด้วย

    ส่วนที่ชอบ หลักๆ อย่างนึงเลยคือชอบการ portray คาแรคเตอร์ของนายเอก ก็คือแกนหลักของตัวเฉินเสี่ยวหม่านผูกติดอยู่กับความเป็นทาส เพราะงั้น identity ไม่ว่ามองอะไรมองไปทางไหนก็จะมีความเป็นทาสแฝงติดอยู่ตลอด ซึ่งเข้าใจได้มากเพราะก็เกิดโตมาเป็นทาสตั้งแต่เล็กอ่ะนะ และเพราะความเป็นทาสสุดๆ แบบนี้มาเจอกับเมะที่เป็นอ๋องโฉดอำนาจเป็นรองแค่ฮ่องเต้ก็เลยเกิดเป็นไดนามิคที่น่าสนใจดี เฉินเสี่ยวหม่านถูกฝังหัวกับการเป็นทาส หน้าที่ของทาส ฯลฯ ของตัวเองมากๆ ก็เลยนำไปสู่การจำยอมสุดขีดด้วยเหมือนกัน แต่ทีนี้พอเกิดเหตุไปรักกับปู้จือ (พระเอกตอนความจำเสื่อม) แล้วมาเจอกันอีกรอบตอนพระเอกความทรงจำกลับมาแล้วก็เลยยิ่งเกิดเป็นคอนฟลิคต์ว่า รักเขาก็จริง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องตระหนักถึง power imbalance หรือความมีอำนาจไม่เท่ากันในความสัมพันธ์ของตัวเองไปด้วยพร้อมกัน แล้วยิ่งพอพระเอกความทรงจำกลับมาแล้วก็ยิ่งนิสัยไม่เหมือนปู้จืออีกเลยอีก

    จากเดิมที่เฉินเสี่ยวหม่านก้มหน้ายอมรับสถานะทาสได้โดยไม่เดือดร้อน แต่พอถูกคนที่ตัวเองรัก (อาจเรียกว่าอดีตคนรักเลยได้ด้วยซ้ำ) ปฏิบัติกับตัวเองด้วยการปฏิบัติแบบเจ้านาย-ทาส ก็เกิดขัดแย้งในใจ เริ่มต่อต้านสถานะทาสนี้ขึ้นมาอย่างจริงจัง ซึ่งเราคิดว่าคนเขียนทำได้ดีทีเดียวกับการพัฒนาความอึดอัดสับสนในใจของเฉินเสี่ยวหม่านไปพร้อมๆ กับการแสดงการกระทำผีเข้าผีออกของพระเอก บวกกับนิสัยที่ต่างจากตอนเป็นปู้จือไปโดยสิ้นเชิง การวางตัวเป็น ‘เจ้าชีวิต’ โดยแท้จริงของพระเอก ทุกอย่างก็มาแตกหักที่การตัดสินใจของเฉินเสี่ยวหมานว่า ไม่อยากเป็นทาสแล้ว ไม่ต้องการเป็นตัวตนอยู่ใต้เท้าคนอื่น ทุกกระทำตามใจชอบแบบนั้นอีกแล้ว

    การเปลี่ยนแปลงที่เล่ามาทั้งหมดนี้คือดำเนินไปตลอดเนื้อเรื่องเล่มแรกไปจนถึงต้นๆ เล่มสอง ซึ่งเราชอบมาก โดยเฉพาะวีรกรรมชั่วช้าสารพัดที่พระเอกทำใส่นายเอกก็มากมาย ทั้งทำร้ายร่างกายจิตใจ ทั้งทำให้นายเอกสับสนกับความรู้สึก สำหรับเราคือชอบ ยิ่งอ่านยิ่งอยากรู้เลยว่าตอนท้ายคนเขียนจะคลายปมให้พระเอกแกแก้ตัวได้ยังไงบ้าง



    **ต่อจากนี้เป็นสปอยล์เล่ม 2**


    .
    .
    .

    พอขึ้นเล่มสองแล้ว สำหรับเรานั่นคือจุดที่ทุกอย่างเริ่มแผ่ว เฉินเสี่ยวหมานไปไถ่ตัวจากการเป็นทาส ออกไปเป็นประชาชนคนธรรมดาค้าขายเลี้ยงชีพ ถึงตรงนี้แล้วเราเริ่มเดา (& คาดหวัง) ว่าต่อจากตรงนี้ก็คงเหมือนได้เซ็ตซีโร่ความสัมพันธ์กันแล้วใช่มั้ย จากนี้ทั้งคู่จะเหมือนได้มีฐานะเสมอกันขึ้นมาบ้างแล้ว แล้วปมต่อจากนี้ก็จะเป็นระหว่างเฉินอ๋องหรงเซิ่งกับคนธรรมดาเฉินเสี่ยวหม่านที่ยืดหยัดได้ด้วยตัวเองแล้ว...ใช่มั้ย!?!

    ไม่ใช่อ่ะ 555

    หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องชุลมุนจนสุดท้ายเฉินเสี่ยวหมานต้องกลับไปเป็นทาสของหรงเซิ่งอีกครั้ง ถูกบังคับปั๊มตรานิ้วมือลงบนสัญญาทาสตลอดชีวิต ส่วนนี้สำหรับเราก็เป็นอีกส่วนพีคเหมือนกันเพราะเป็นส่วนแสดงด้านต่อต้านของเฉินเสี่ยวหม่านดีมากๆ ตอนถูกบังคับปั๊มลายนิ้วก็ดิ้นจนนิ้วหัก ไม่พอยังพยายามขุดดินหนี ถูกพระเอกท้าให้ใช้มือข้างที่หักขุด ก็ขุด ซีนนี้เราชอบมากๆ เพราะมันยิ่งทำให้เห็นชัดเจนถึงความมุ่งมั่นจะปฏิเสธฐานะทาสของเฉินเสี่ยวหม่านจริงๆ (แล้วก็ทำให้กังวลด้วยว่าพระเอกมันชั่วหนักข้อขนาดนี้แล้วจะรีเทิร์นกลับมาได้ไงเนี่ย555) ยิ่งไปกว่านั้นก็ยิ่งคาดหวังด้วยว่าความแข็งกร้าวแบบนี้มาปะทะกับพระเอกแล้วจะเป็นยังไงต่อไป น่าสนใจมากๆ!

    แต่มันก็ผ่านมา...แล้วก็ผ่านไป...

    ทุกอย่างก็เหมือนกลับไปเป็นเหมือนเดิม555 เฉินเสี่ยวหม่านก็ยังกลัวหรงเซิ่งเหมือนเดิม ยอมทำทุกอย่างเหมือนเดิม มีโมเมนต์ขมขื่นใจบ้างพอเป็นพิธี แต่ก็มาแล้วก็ผ่านไป ไม่ทิ้งความเปลี่ยนแปลงอะไรไว้

    ยิ่งไปกว่านั้น พออยู่ดีๆ พระเอกเริ่มทำดีขึ้น (แต่ยังบังคับจิตใจอะไรต่อมิอะไรอยู่นะ) นายเอกก็เริ่มใจอ่อน พอคนของจินเจา (องค์ชายของเผ่าซยงหนูที่สู้อยู่กับแคว้นตัวเอก เคยถูกเฉินเสี่ยวหม่านช่วยชีวิตไว้เลยรู้สึกดีกับเฉินเสี่ยวหม่าน) จะมาพาหนีไป สุดท้ายก็เหมือนไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย ซีนเอามือหักขุดดินแสนสะเทือนใจเหมือนสลายไปเป็นธาตุอากาศ สุดท้ายแล้วแค่ทำดีด้วยขึ้นมาหน่อย ก็กลับไปยินยอมตัวตายถวายรักเหมือนเดิม พัฒนาการด้านตัวละครหายวับเหมือนเฉินเสี่ยวหมานย้อนกลับไปเป็นเฉินเสี่ยวหมานตอนต้นเรื่องใหม่อีกที ตอนอ่านถึงตรงนี้นี่เฟลจนต้องวางหนังสือแล้วไปทำอย่างอื่นเลย มันแบบ ฮึ่ยย เจ็บไม่จำเลยเว้ย!!!

    แต่หลังจากนั้นเฉินเสี่ยวหม่านก็ถูกเจินเจาจับไปเป็นตัวประกันเผ่าซยงหนูแลกกับเมืองสามเมือง เกิดเป็นปมอีกว่าระหว่างเฉินเสี่ยวหมานกับบ้านเมืองพระเอกจะเลือกใคร พอถึงวันเจรจาหรงเซิ่งก็ปฏิเสธไม่แลก ไม่พอเอาธนูมายิงใส่เฉินเสี่ยวหมานแบบกะจะฆ่าให้ตายเลยด้วย (จริงๆ มันก็มีเหตุผลที่ทำแบบนี้อยู่ แต่ก็นั่นแหละ) เฉินเสี่ยวหมานใจสลาย เจินเจาแกล้งทำเป็นว่าเฉินเสี่ยวหมานตายจริง ส่งศพคนหน้าคล้ายไปให้พระเอก พระเอกเสียใจมากกกกกกกกกจัดงานศพฝังอย่างดีในที่ฮวงจุ้ยสุดเริ่ดที่ตัวเองเคยจองไว้ แล้วก็มาบุกซยงหนูแบบสู้ตาย

    เกิดเหตุนั่นนี่โน่น สุดท้ายสงบศึกกันได้ คณะทูตซยงหนูก็มาที่แคว้น มีงานฉลองสงบศึกกันใหญ่โต ถึงตรงนี้ก็เฉลยว่าเฉินเสี่ยวหมานยังไม่ตาย แต่ตัดใจจากหรงเซิ่งได้แล้วและที่มาก็เพื่อขอให้ฮ่องเต้ยกเลิกสัญญาทาสตัวเองให้ จากตรงนี้ไปก็เป็นปฏิบัติการตามง้อขอคืนดีของพระเอก

    จุดน่าสนใจอย่างนึงตรงนี้คือถึงพระเอกจะรู้แล้วว่าตัวเองรักนายเอก อยากขอคืนดีด้วย แต่ก็ยังไม่ค่อยรู้ตัวเท่าไหร่ว่าเคยทำอะไรไว้กับเขาแรงเบอร์ไหนบ้าง แล้วก็ยังมีความคิดอยู่อีกว่า ‘เขาเป็นของข้า’
    เราชอบตรงซีนที่จินเจาพูดกับหรงเซิ่งมาก จินเจาพูดว่าเขาไม่ใช่ของข้าหรือเจ้า ไม่ใช่ของใครทั้งนั้น เขาเป็นคนของตัวเอง อันนี้โอมากๆๆๆ ชอบทั้งบทสนทนาอื่นๆ ที่ตามมาด้วยตอนเทียบว่าใครดีกว่าใคร555 แล้วก็เท้าความไปถึงตอนเฉินเสี่ยวหม่านเป็นตัวประกัน จริงๆ ไดเลมม่าประเภทต้องเลือกระหว่างรักหรือประเทศชาติมันก็มีมาตั้งแต่ยุคมนุษย์หินโน่นแล้วอ่ะนะ555 ซึ่งสำหรับเราไม่ว่าตัวละครจะตัดสินใจเลือกทางไหนเราก็ได้หมดเลย แล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าสนใจกับที่เอาเรื่องต่างคนต่างตัวเลือกระหว่างศัตรูหัวใจทั้งสองคนมาสร้าง contrast ให้กันและกัน ไหนจะที่จินเจาพูดอีกว่าเจ้าเคยเลือกชาติ เฉินเสี่ยวหม่านก็ย่อมจำได้ว่าเจ้าเลือกชาติ ถ้าอนาคตต้องเลือกอีก เขาก็รู้ว่าเจ้าจะเลือกอะไร แล้วคิดเหรอว่ารู้แบบนี้แล้วเขาจะเชื่อใจเจ้าได้? ตรงนี้เราว่าเป็นพ้อยท์ที่ดีเลย

    แต่! ขณะเดียวกัน...ทั้งคู่ก็ยังต่างกันโดยเนื้อแท้อยู่แล้วด้วยอ่ะนะ5555 มันไม่ใช่แค่ว่าคนนึงเลือกชาติ อีกคนเลือกรัก จบ แต่มันยังมีพ้อยท์ว่าคนนึงเลือกชาติและเผด็จการทำตัวเป็นเจ้าชีวิต กับอีกคนที่เลือกรักและให้ความเคารพไม่พยายามบงการชีวิต ซึ่งสำหรับเรา คุณลักษณะสองอย่างนี้มันแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง เอามาปนกันเองไม่ได้ ถ้าหรงเซิ่งทำตัวดีกว่านี้ ต่อให้เลือกชาติเฉินเสี่ยวหมานก็อาจจะไม่ถึงขั้นตัดใจขนาดนี้ก็ได้? ใครจะไปรู้?

    อีกจุดที่ไม่ชอบในประเด็นนี้ คือการที่เฉินเสี่ยวหม่านเหมือนรวบยอดตัดสินจุดแตกหักไว้ที่เหตุการณ์เดียวเลยคือการถูกยิง (พระเอกเลือกชาติไม่เลือกรัก) โดยที่แทบไม่ได้พูดถึงถึงการปฏิบัติย่ำแย่สารพัดก่อนหน้าเลยซักนิด ทั้งที่มุมมองของเราคือปัญหามันบ่มเพาะมาจนถึงจุดที่ถูกพระเอกยิงเป็นฟางเส้นสุดท้าย มากกว่าการที่การถูกพระเอกยิ่งเป็นต้นเหตุสาเหตุเดียวโดดๆ เลยที่ทำให้ตัดใจได้

    นอกเหนือจากนี้แล้วก็มีฉากเปิดเผยแบ็คสตอรี่พระเอกที่...แบบว่า...เขียมมาก เหมือนเป็นใหญ่เป็นโต เหมียนช่วยสร้างความลุ่มลึกน่าสนใจให้คาแรคเตอร์ แต่จริงๆก็ไม่นะ มันเป็นเรื่องที่รู้ๆ กันอยู่ตั้งนานแล้วเลยด้วยซ้ำ พวกสาเหตุหรือเหตุการณ์ตั่งต่างที่พูดมามันไม่ได้ช่วยให้เรา ‘อ้ออ ที่แท้ก็เพราะแบบนี้ ถึงได้ทำแบบนั้น’ เลยซักนิดเดียว ยอมรับก่อนว่าส่วนนึงอาจจะเพราะเราชิน trope เป็นอ๋องเป็นฮ่องเต้แล้วต้องสร้างภาพปกปิดความจริงในใจอยู่แล้วเลยอาจจะอินยากหน่อย แต่เอาจริงๆ ในตัวนิยายเองถ้าจำไม่ผิดในเล่มแรกนี่ก็มีพูดอยู่แล้วเหมือนกันว่าพระเอกเป็นอ๋อง จะทำตัวเปิดเผยความคิดไม่ได้ เพราะงั้นการที่พระเอกทำตัวเย็นชาต่อต้านไม่ยอมรักใครก็เป็นสิ่งที่จะอนุมานได้ต่อจากคำบรรยายพวกนั้น มันเลยแบบ อ่ออืมแล้วไงวะ มาเล่าเรียกคะแนนสงสารตอนโค้งสุดท้ายงี้หรอ 5555

    อีกจุดที่เกิดหลายครั้งในเรื่องที่ไม่ชอบเลยคือการที่เฉินเสี่ยวหม่านต้องคอยมีคนรอบข้าง (ซึ่งก็ดันเป็นคนฝั่งพระเอกด้วยนะ) คอยบอก คอยอธิบายตลอดเวลาว่า เขาชอบเจ้านะ เขาแคร์เจ้ามาก ดูสิเขาทำให้เจ้าขนาดไหน ฯลฯ ซึ่งนี่รู้สึกว่ามันมักง่ายเกินไป และยิ่งกลายเป็นลดทอนการกระทำของพระเอกในการแสดงออกการไถ่บาปตัวเองอีก เหมือนว่าการกระทำของพระเอกคนเดียวไม่เพียงพอ ต้องให้คนอื่นมากรอกหูให้นายเอกฟังไปด้วยว่าเขาช่างดีเลิศขนาดไหน

    แล้วส่วนสุดท้าย ที่ไม่ชอบที่สุด ไม่โอเคที่สุดในเรื่อง คือการที่พอนายเอกไม่ใจอ่อน พระเอกก็พยายามจะลบความทรงจำเพื่อจะกลับไปเป็นปู้จือให้ได้ นี่รู้สึกว่าเป็นการกระทำที่โชว์ความทุ่มเทต่ำมาก โอเคมันความเสี่ยงสูงจริง ยอมรับ ทำแบบนี้อาจตายได้เลยนะ! อันนี้ยอมรับ แต่ขณะเดียวกัน ฮีก็เพิ่งจะมาพยายามงอนง้อขอคืนดีได้แค่เดือนเดียวเอง! เดือนเดียว! แล้วก็ยังไม่แน่เท่าไหร่เลยด้วยซ้ำว่าได้สำนึกการกระทำเก่าๆ ไปมากน้อยเท่าไหร่ เพิ่งจะทำดีๆ พูดจาดีๆ ได้แป๊บๆ ก็มาฝังเข็มจะลบความทรงจำดื้อๆ เฉยเลยแบบนี้มันเลยแบบ...ทำอะไรของเอ็งฟะ

    การทำอะไรที่เสี่ยงสูง รุนแรงและปุบปับแบบนี้มันชวนให้นึกถึงความรักแบบบ้าคลั่ง เน้นอารมณ์ชั่วขณะไม่คิดหน้าคิดหลัง สำหรับเราให้ฟีลประเดี๋ยวประด๋าวมากกว่าการมาค่อยๆ พยายามทำดีซื้อความเชื่อใจคืนให้เป็นกิจจะลักษณะ ยิ่งสำหรับเราที่เป็นคนชอบแนวกลับใจมาไถ่โทษทีหลังแล้วต้องสำนึกตัวเยอะๆ เลยค่อนข้าง อื้มมมม อิหยังวะ หน่อยๆ ไม่ถูกใจ

    แล้วไม่ใช่แค่นั้น ตอนจบนี่ก็คือ......เอ่อ............?????????? อ๊ากเรียล???????

    ไม่รู้เหมือนกันว่าบทเรียนของเรื่องนี้คืออะไร555 เหมือนกำลังจะบอกว่า ทำชั่วลงไปแล้ว ก็แก้อะไรไม่ได้นอกจากการ...เลิกเป็นตัวเอง? หรอ? 555

    อาจจะฟังดูไม่ดี แต่คิดๆ แล้วมันก็เหมือนคนเขียนใส่ปมในความสัมพันธ์ตัวเอกเข้าไปจนตัวเองจนมุม ไม่รู้จะแก้ความไม่เชื่อใจแล้วยังไงเลยเอาแม่มงี้เฉยเลย เราไม่โอเคมากกกกก มากๆๆๆ อย่างที่บอกไปแล้วว่าชอบพาร์ทพระเอกทำชั่วไว้เยอะแล้วมาไถ่โทษทีหลัง คือส่วนตัวเชื่อในการสำนึกและปรับปรุงตัวก็เลยยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่

    ไม่พอนะ การทำแบบนี้ก็โคตรรรรเห็นแก่ตัวเลยป่ะ เหมือนสละความสัมพันธ์ชองพระเอกกับคนอื่นทุกคนเพื่อแลกกับความรักของนายเอกคนเดียว ในท้ายที่สุด นายเอกได้คนรักคืน แต่ฮ่องเต้เสียน้องชาย เสวียนจิ่นเสียเพื่อน มันแบบ... เป็น win สำหรับคนคนเดียวที่คนอื่นนอกเหนือจากนั้น lose มันโอเคจริงๆเหรอวะ...ไม่ว่าจะเขียนจดหมายบันทึกเล่าเรื่องอะไรทิ้งไว้ขนาดไหนก็เถอะ แต่มันก็สร้างความสัมพันธ์กับความทรงจำออกมาไม่ได้เหมือนเดิมเป๊ะๆ มั้ยอ่ะ...

    แล้วตอนพิเศษ 1 ก็ยังมีมาทำเป็นแย้มๆ ว่า เอ๊ความทรงจำหายไปจิงเป่าน้า แหมแต่ไม่มีใครรู้หรอกแค่เขาทรีตแฟนเขาดีก็พอแล้ว ละนี่แบบ... ไม่ไหวป่ะว้า ถ้าหลอกจริงนี่ก็ยิ่งเลวร้ายหนักเข้าไปกว่าเก่าเลยนะ เหมือนไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจริงๆ ด้วย แล้วมาทำเป็นเริ่มต้นใหม่บนตัวตนที่เสแสร้งใหม่ รักอยู่บนความหลอกลวง มันโรแม้นตรงไหน!!!!!!! ไม่ซื้อ!!!!!!! แล้วไหนจะที่คุยกันเรื่องคู่เสวียนจิ่นซูสุ่ยว่าเสวี่ยนจิ่นวางแผนหลอกให้แฟนท้องแบบจริงจังตั้งใจเตรียมการมาดีอยู่แล้วเพราะคิดใช้ลูกผูกมัดอีก โอยเคียสว่ะแม่ งงไปหมด ข้อความที่เรื่องอยากจะสื่อคืออะไรกันแน่ อยู่ตรงไหนหรอ แล้วมันยิ่งน่าโมโหเพราะเหมือนจะพูดสวยหรูผ่านจินเจาว่า ‘เขาไม่ใช่ของใคร เขาเป็นคนของตัวเอง’ แต่ในความเป็นจริงแล้วอีเมะก็ทำอะไรตามใจตัวเองใส่เคะได้หมด แล้วเอามาพูดขำๆ ได้อย่างกับว่าเคะเป็นสิ่งของ action speaks louder than words นะคะ จะเขียนไดอะล็อกสอนใจได้ขนาดไหนแต่สุดท้ายแล้วทัศนคติมันก็แสดงออกมาให้เห็นได้อยู่ดีจากมุมมองการเล่าเรื่องของตัวเอง โอ๊ย


    อื่นๆ

    การแปล – เรื่องสำนวนอะไรไม่มีปัญหาเท่าไหร่ แต่มีแอบเจอใช้คำทับศัพท์บางจุด ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่คนนะ แต่สำหรับเราเราไม่ชอบการใช้คำทับศัพท์ในนิยายแนวโบราณที่ตัวละครไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ เพราะรู้สึกว่ามันทำให้รู้สึกไม่สมจริง ในเรื่องนี้ก็มีพูดว่า ต้มซุป เซ็นสัญญา อ่านแล้วก็รู้สึกแอบตะหงิด นอกเหนือจากนี้แล้วก็มีอีกจุดนึงที่สะดุดใจ (แต่ก็ยอมรับว่าเป็นจุดที่เล็กน้อยจริงๆ ที่เอามาพูดนี่ก็อาจจะดูเข้าข่ายเหมือนจงใจจับผิดแล้ว55) คือตัวละครพูดประมาณ 'ข้าไม่ต้องการชีวิตหรูหราฟู่ฟ่า' ซึ่งสำหรับเราว่าคำว่า หรูหราฟู่ฟ่า ในบริบทนี้มันทำให้ฟังดูตลกและขัดอารมณ์มากในสถานการณ์ที่จริงจัง แอบหลุดมู้ดยังไงไม่รู้เหมือนกัน555

    นอกจากนี้แล้วก็มีเรื่องพิมพ์ผิด อันนี้เยอะจริงต้องตำหนิทางสำนักพิมพ์เลย ปล่อยผ่านมาได้ไงเยอะขนาดนี้ เหมือนงานรีบ

    แต่อนึ่ง สุดท้ายนี้...เราชอบเรื่องคู่ของจินเจาในตอนพิเศษนะ555 non-con น่ะมันแน่อยู่แล้ว (คาดหวังอย่างอื่นไม่ได้หรอก) แต่นี่ชอบไดนามิคแบบนี้ดีอ่า ไม่รู้จะมีออกเรื่องแยกของตัวเองมั้ย จริงๆ คิดว่าไม่น่ามี แต่ถ้ามีก็คงซื้อ555
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in