เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My Little Spacehcinhcin
(OS) Lily of the Valley - LayChen ft.ChanBaek
  •  ขวดแก้วสีเขียวกำลังหมุนอยู่กลางวงของชายหนุ่มหลายคน

    สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ขวดนั้นด้วยความหวัง

    บ้างก็หวังให้โดนเพื่อนคนที่แอบหมั่นไส้ บ้างก็หวังอย่าให้โดนตัวเอง

    คิม จงแด ก็เป็นหนึ่งในคนที่หวังว่าจะไม่โดนตัวเอง

    แต่โชคกลับไม่เข้าข้างเขา เพราะเมื่อขวดเจ้ากรรมนั่นหยุดหมุนลงปากขวดก็ชี้มาที่เขาพอดี

    จงแดได้แต่ยิ้มแหยๆ ไปให้เพื่อนอีกแปดคนที่เหลือ

     

    “จริงหรือกล้า” โอ เซฮุน ชายหนุ่มผมสีส้มสดเอ่ยถาม

     

    “จริงละกัน”

     

    “ในพวกเรา8คน ใครคือคนล่าสุดที่ทำให้พี่ร้องไห้”

     

    เซฮุนเอ่ยถามพร้อมยักคิ้วข้างซ้ายให้เขา มองยังไงก็ดูออกว่าโอเซฮุนจงใจจะถามเขาแบบนี้

    เขาเองสนิทกับเซฮุนไม่น้อย ทำไมจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะทำอะไร

    ถ้าเกิดว่าคนๆนั้นไม่ได้นั่งอยู่ในวงนี้ด้วยมีหรือเซฮุนจะเอ่ยปากพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา

    เพราะเรื่องที่เขาร้องไห้ในวันนั้นคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องก็คือคนที่ทำให้เขาร้องไห้นั่นแหละ

     

    “รีบตอบมาเลยนะจงแด” ปาร์ค ชานยอล ตีเข้าที่แขนของเขา

     

    “ใช่ ยังไงนายก็ต้องตอบนะจงแด” บยอน แบคฮยอน รีบเอ่ยเสริมทัพคนสนิท

     

    ได้ทีพวกเพื่อนๆของเขาก็เอาใหญ่ จงแดเองก็ทำได้แต่เพียงถอนหายใจเบาๆ

    กฎยังไงก็เป็นกฎในเมื่อเขาเองก็ตัดสินใจร่วมวงเล่นแล้วจะเดินออกไปก็ไม่ใช่เรื่อง

     

    “อืม...น่าจะเป็นพี่อี้ชิง” พอเขาเอ่ยออกไปเซฮุนก็ชูนิ้วโป้งพร้อมยิ้มกว้างออกมา

     

    จาง อี้ชิง นั่งอยู่ตรงข้ามเขา อีกฝ่ายกำลังมองมาที่เขา

    เราสบตากันสักพัก สุดท้ายก็เป็นจงแดที่เป็นคนแพ้หลบสายตาคู่นั้นออกมา

     

    “หมุนได้แล้วจงแด” โด คยองซู ตะโกนเร่งเขา

     

    มือบางเอื้อมไปหมุนขวดสีเขียวตรงหน้า จะโดนใครกันนะ...

    สุดท้ายขวดสีเขียวก็หันปากขวดไปหาพี่ใหญ่ของกลุ่ม คิม มินซอก

     

    “พี่มินซอก จริงหรือกล้า”

     

    “ต้องกล้าอยู่แล้ว”

     

    เสียงเฮและปรบมือดังขึ้นมินซอกยกมือสองข้างขึ้นพลางก้มหัวน้อมรับคำสรรเสริญ

    สายตาของคนในกลุ่มกลับมาจับจ้องที่จงแดรอฟังคำสั่งของจงแดกันอย่างลุ้นๆ

     

    “ส่งข้อความไปหาคนที่พี่ชอบ บอกเขาว่าพี่ชอบเขามากแค่ไหน”

     

    มีเสียงแซวจากเพื่อนๆในกลุ่มขึ้นมามากมาย พร้อมกับสายตาค้อนๆ จากพี่มินซอกส่งมาให้จงแด

    พวกเรารู้กันว่าพี่มินซอกแอบชอบพี่ลู่หานมานานแล้วแต่เจ้าตัวไม่กล้าบอกออกไปเสียที

    เห็นทีวันนี้คงจะถึงโอกาสได้บอกความในใจที่แอบเก็บเอาไว้เสียที

     

    มินซอกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์แล้วกดส่งออกไป ก่อนส่งให้น้องๆ ในกลุ่มได้ดู

    ‘เราชอบลู่หานนะ ชอบมานานแล้ว เราชอบทุกอย่างทีลู่เป็นชอบทุกอย่างที่ลู่ทำ’

    แม้ว่ามินซอกตอนนี้จะหน้าแดงเหมือนลูกมะเขือเทศเจ้าตัวก็ยังคงส่งสายตาค้อนมาหาจงแด

    จงแดได้แต่หัวเราะเบาๆ พลางยกมือขอโทษอีกฝ่าย

     

    “ผมก็ชอบทุกอย่างที่พีมินซอกทำตะกี้นะครับ แต่ว่าตอนนี้หมุนก่อนได้ไหม”คิม จุนมยอนเอ่ยแซว

     

    หลังพูดจบจุนมยอนก็โดนมินซอกฟาดไปทีหลังเสียเต็มแรง

    พวกเราหัวเราะออกมาพร้อมกันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันมันมีความสุขแบบนี้นี่เอง

    มินซอกเริ่มหมุนขวดแก้วสีเขียวอีกครั้ง และครั้งนี้มันก็หยุดลงที่

     

    “ชานยอล จริงหรือกล้า”

     

    “ระดับผมแล้วนะพี่ ยังไงก็ต้องกล้าอ่ะ”

     

    “จูบคนที่นั่งข้างซ้ายนาย”

     

    ข้างซ้ายของปาร์คชานยอลจะเป็นใครไปเสียได้นอกจากแบคฮยอนคนเดิม

    แม้ว่าทั้งคู่จะชอบบอกปฏิเสธว่าไม่ได้คบกันบอกเพียงแต่ว่าเขากับแบคฮยอนเป็นคนสนิท

    แต่การกระทำทุกอย่างที่ชานยอลกับแบคฮยอนทำให้กันมันสื่อชัดเจน

    เรียกได้ว่ามินซอกเล่นได้ถูกจุดพอดีก็ได้

    เพราะว่าคนพูดมากแบบแบคฮยอนตอนนี้กำลังนั่งเงียบกริบพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีแดง

     

    ชานยอลหันไปมองคนสนิทข้างซ้าย ใช้มือสองข้างของตนจับที่ใบหน้าของคนตัวเล็ก

    ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แตะริมฝีปากทับลงไปบนปากของอีกฝ่าย

     

    “แค่นี้พอนะ ไม่อยากจะทำให้ใครดู”

     

    “เขินหรอพี่ชานยอล อะกิ๊วกิ๊ว พี่ชานยอลเขินอ่ะทุกคน” คิมจงอินที่แซวเขาพร้อมตบมือหัวเราะอย่างถูกอกถูกใจ แหม อย่าให้ถึงทีเขาบ้างเสียแล้วกันเจ้าจงอิน

     

    ชานยอลกลับมาสนใจที่เจ้าขวดตรงหน้า หมุนมันอย่างมีความหวัง

    ขอให้โดนเจ้าจงอิน อยากจะเอาคืนเสียนิดหน่อย

    คนอย่างปาร์คชานยอลไม่ยอมให้เจ้าจงอินมาล้ออยู่ฝ่ายเดียวหรอก

    แต่สวรรค์ก็ไม่เข้าข้างปาร์คชานยอลขวดสีเขียวชี้ไปที่ชาวจีนหนึ่งเดียวในกลุ่มแทน

     

    “จริงหรือกล้าดีพี่อี้ชิง”

     

    “กล้า”

     

    จงแดรู้สึกแปลกๆจากสายตาของปาร์คชานยอล

    ชานยอลมองมาที่เขาด้วยสายาที่ไม่น่าไว้วางใจ ให้ตายเถอะ

    เขาไม่น่าปล่อยให้พวกเพื่อนๆ รู้เรื่องของเขากับพี่อี้ชิงเลย

     

    “เดินไปกอดคนที่พี่แคร์ที่สุดในกลุ่มพวกเรา แล้วก็บอกว่าพี่แคร์เขามากแค่ไหนด้วยนะครับ”

     

    ชานยอลก็อยากจะรู้นักว่าถ้าพี่อี้ชิงพูดออกมาว่าเป็นจงแด

    เจ้าจงแดของพวกเขาจะยังมานั่งร้องไห้เสียใจว่าพี่อี้ชิงไม่แคร์กันแบบวันนั้นมั้ย

    คนสนิทของปาร์คชานยอลกระซิบที่หูเขาของ ‘สุดยอดเลยชานยอล’

    มือหนาของชานยอลขยี้ไปบนผมของคนสนิทอย่างเอ็นดู

     

    ถ้าถามว่าใครทำตัวแปลกมากสุดตอนนี้ ทุกคนคงจะพร้อมใจชี้ไปที่จงแด

    จงแดนั่งไม่อยู่เฉย สายตามองไปทางนู้นทีมองไปทางนี้ที

    จุนมยอนแอบกระซิบบอกคยองซูว่า จงแดต้องกลัวว่าอี้ชิงจะไม่ตอบตัวเองแน่ๆ

    คยองซูเองก็เห็นด้วยกับจุนมยอนแต่คนที่พี่อี้ชิงแคร์ที่สุดจะไปพ้นจงแดได้ยังไง

    ทุกคนรู้ดี มีแต่คิมจงแดนั่นแหละที่ไม่รู้ ชอบน้อยใจอยู่เรื่อยไป

     

    จางอี้ชิงลุกขึ้นยืน เดินไปหาคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงข้าม

    เขาดึงมือของจงแดให้ลุกขึ้นยืน สองมือจับจงแดเข้ามาในอ้อมกอดลูบผมจงแดอย่างเบามือ

    คิมจงแดไม่รู้ว่าจะวางมือของคนไว้ตรงไหนสุดท้ายก็เอามันขึ้นมาลูบบนหลังของคนเป็นพี่

     

    “พี่แคร์เรามากนะจงแด พี่รู้ว่าเราชอบคิดว่าพี่ไม่แคร์เราแต่มันไม่จริงหรอกนะจงแด พี่แคร์เรามากๆนะตัวเล็กของพี่”

     

    จงแดรู้ว่าตอนนี้เพื่อนๆคนอื่นกำลังมองอยู่แต่เขาเองก็ห้ามน้ำตาของตัวเองไม่ได้แล้ว

    จางอี้ชิงรู้สึกความชื้นบนเสื้อของตน ตัวเล็กของเขาร้องไห้

    อี้ชิงดึงจงแดออกห่าง ลูบบนใบหน้าเล็กของอีกฝ่ายอย่างละมุน

     

    “โอ๋ๆ ไม่เอาไม่ร้องไห้นะจงแด พี่ขอโทษนะครับ”

     

    อี้ชิงกดริมฝีปากของตนลงบนหน้าผากของคนตัวเล็กดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดอีกครั้ง

    จงแดดันตัวออก ปาดน้ำตาบนใบหน้าของตนเอง

     

    “แดก็ขอโทษพี่อี้ แดไม่ควรคิดแบบนั้น ขอโทษนะครับ”

     

    จางอี้ชิงไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ยิ้มให้อีกฝ่าย

    ยิ้มที่อบอุ่นของจางอี้ชิง ยิ้มที่คิมจงแดตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น

     

    “คุยกันเรียบร้อยแล้วก็จบเนอะ พอละเลิกเล่น มิชชั่นคอมพลีทละ” มินซอกเอ่ยบอก

     

    อี้ชิงกับจงแดมองทุกคนด้วยสายตาคาดโทษ คนอื่นๆ ก็ได้แต่ยิ้มแหยชี้นิ้วไปใส่คยองซู

    คยองซูที่โดนชี้เลยต้องโชว์ยิ้มรูปหัวใจไปให้คนทั้งสอง

     

    “เดี๋ยวนะ นี่พวกเราจะเลิกเล่นแล้วจริงดิ”

     

    “อะไรของพี่อ่ะพี่ชานยอล” น้องเล็กของกลุ่มเอ่ยขึ้นอย่างขัดใจ

     

    “เอ้า ก็ฉันยังไม่ได้เอาคืนจงอินเลย แบบนี้มันไม่ได้นะเว่ยมันไม่แฟร์”

     

    “ทำใจเหอะพี่ชานยอล ผมอ่ะสุดยอดละ ไม่ได้เอาคืนผมง่ายๆแน่”

     

    “นี่ทุกคน ฉันจริงจังนะ ฉันอยากเอาคืนจงอิน”

     

    แม้ว่าชานยอลจะโวยวายต่อแค่ไหน เพื่อนในกลุ่มก็ทำเมินไม่สนใจเสียอย่างนั้น

    จะมีก็แต่แบคฮยอนี่นั่งหัวเราะหน้าดำหน้าแดงอยู่ข้างๆเขา

     

    “แบคหัวเราะอะไรอ่ะ”

     

    “ก็หัวเราะชานไง ทำตัวเหมือนเด็กไปได้”

     

    “ก็จงอินแกล้งชานก่อนอ่ะ แบคก็เห็น”

     

    “ไม่เอาไม่งอแงสิชาน”

     

    “ขอรางวัลปลอบใจได้มั้ยครับ”

     

    สุดท้ายปาร์ค ชานยอลก็ได้รางวัลปลอบใจจากบยอน แบคฮยอน

    ริมฝีปากนุ่มกดลงบนแก้มของคนร่างสูงอย่างเบาๆก่อนจะรีบก้มหน้าลงอย่างเขินอาย

    ชานยอลตอนนี้ได้แต่นั่งเอามือลูบไปบนแก้มวนไปวนมา

     

     

     



    “จงแด มาหาพี่มา”

     

    เสียงเรียกของคนที่คุ้นเคย ทำให้คิมจงแดรีบลุกขึ้นไปหาจาง อี้ชิง

    คนเป็นพี่พาเขาเดินออกมาที่ระเบียง มือหนากำลังกุมมือของเขา

    หัวใจที่เคยแห้งเหือดก็เหมือนได้รับหยดน้ำวิเศษเติมลงไปให้ชุ่มชื้น

     

    “ทำไมเราถึงร้องไห้เพราะพี่ล่ะตัวเล็ก”

     

    คิม จงแดสะดุ้งนิดหน่อยหลังจากได้ยินคำถามจากคนร่างสูง

    ได้แต่กังวลใจว่าคนร่างสูงจะมองว่าตนเป็นคนงี่เง่าเอาแต่ใจ

    จาง อี้ชิงได้แต่มองคนข้างกายพร้อมกับลูบลงบนมือบางอย่างเบามือ

     

    “จงแด บอกพี่เถอะนะ พี่ไม่มองว่าเรางี่เง่าหรอกนะ”

     

    เหมือนเป็นลูกกุญแจที่ปลดล็อคความกังวลของคนตัวเล็ก

     

    “พี่อี้หายไปนาน ไม่ติดต่อมาเลย แดก็แค่น้อยใจ”

     

    อี้ชิงมองคนข้างๆ อย่างนึกเอ็นดู

    คิม จงแดคนนี้ก็ยังเป็นคิม จงแดคนเดียวกันกับเมื่อสามปีก่อน

    คิม จงแดที่เขามอบใจไปให้ทั้งหัวใจ

    เขาดึงคนร่างบางเข้ามาในอ้อมกอด เอ่ยกระซิบลงบนข้างหูของคนตัวเล็ก

     

    “ไม่ต้องน้อยใจนะครับ พี่กลับมาแล้ว พี่จะไม่ไปไหนจากจงแดแล้วนะครับ”

     

    เพราะเหตุการณ์วุ่นวายต่างๆ ที่ทำให้เขาต้องกลับไปอยู่จีนสักพัก

    หลายๆ ครั้งที่ยุ่งจนไม่ได้ติดต่อกลับมา ไม่ใช่ไม่คิดถึงไม่นึกถึง

    อี้ชิงคนนี้จะไม่นึกถึงจงแดดวงใจของเขาได้อย่างไร

     

    “พี่อี้ชิง” เสียงเล็กๆจากคนในอ้อมกอดเอ่ยเรียกเขา

     

    “ว่าไงตัวเล็ก” อี้ชิงตอบพลางลูบผมของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

     

    จงแดเขย่งเท้าขึ้น ปากนุ่มนิ่มใกล้ชิดกับหูของคนตัวสูง

    เอื้อนเอ่ยสี่คำสั้นๆ ที่ทำให้ใจของคนร่างสูงเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่ได้

     

    “แดรักพี่อี้”

     

    แล้วอย่างนี้อี้ชิงจะไม่หลงไม่รักจงแดได้อย่างไร

     

    “พี่ก็รักจงแด” อี้ชิงเอ่ยตอบอีกฝ่ายไป

     

    จงแดแนบศรีษะลงบนอกกว้างของคนร่างสูง

    แค่ได้รับความอบอุ่นจากพี่อี้ชิง คิมจงแดคนนี้ก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว

     

     

     

     


    “อย่าบังได้ไหมเซฮุน นายตัวสูงก็ไปอยู่ข้างหลังสิ”

     

    “พี่ไปอยู่ข้างหลังเองไหมล่ะครับพี่คยองซู”

     

    “หลบไปทั้งคู่นั่นแหละ พี่มองไม่เห็น” สิ้นเสียงพี่ใหญ่ของกลุ่มทั้งคยองซูและเซฮุนก็ต้องหลบให้

     

    มือของมินซอกจับอยู่ตรงประตูมีน้องๆในกลุ่มที่มาร่วมวงแอบดูคนนอกระเบียงกัน

    แต่พอคนข้างหลังเริ่มมองไม่เห็น เบียดกันอีกครั้ง มินซอกเองก็เริ่มเซ

    สุดท้ายมือที่วางไว้บนประตูก็ไปเผลอเลื่อนมันเสียได้

    หากบอกว่าคนนอกระเบียงสะดุ้งตกใจแล้ว คนข้างในก็ตกใจไม่แพ้กัน

     

    “เอ่อ คือพี่แค่แวะมาจะล็อคประตูเฉยๆ ไม่ได้ตั้งใจจะมากวนงั้นพี่ไปล่ะนะ” พูดจบมินซอกก็เดินออกไปก่อน ทิ้งให้น้องๆที่เหลือยืนหน้าซีดกัน

     

    “คือผมมาเป็นเพื่อนพี่มินซอก” โอเซฮุนรีบเอ่ย แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

     

    “ชานอ่าแบคง่วงแล้วไปกันเถอะนะ” คู่คนสนิทก็ลากกันออกไปโดยมีจุนมยอนแอบเดินตามหลังไปด้วย

     

    พอคยองซูกับจงอินเห็นสายตาอี้ชิงมองมาเชิงไล่ ก็สะดุ้งเสียแรง

     

    “ผมเองก็ต้องรีบไปนอน ไปก่อนนะพี่ ฝันดีครับ”จงอินก็ก้าวขาจะเดินออกไป แต่ก็รู้สึกเหมือนเพื่อนตาโตจะไม่ได้เดินตามมาก็เลยต้องหันกลับไปดึงเพื่อนตาโตออกมาด้วย

     


     

    อี้ชิงเมื่อเห็นคนอื่นสลายตัวออกไปหมดแล้วเลื่อนมือปิดประตูลงอีกครั้ง

    หันหน้ากลับมาหันคนตัวเล็ก มือหนาสองข้างจับใบหน้าของคนตัวเล็ก

    โน้มใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้ มอบจูบแสนหวานและอ่อนโยนให้คนตัวเล็ก

     

     


    คนในบ้านที่แกล้งเดินกลับห้องตัวเอง แท้จริงแล้วก็เดินกลับมาแอบมองอีก

    แต่รอบนี้รักษาระยะห่างพอตัว ได้แต่อมยิ้มกันยกใหญ่

    ได้เห็นเพื่อนมีความสุข พวกเขาเองก็มีความสุขไปกับเพื่อน

     





     ป.ล. เป็นเลย์เฉินเรื่องแรกหลังจากแอบชอบคู่นี้ลับๆมานาน ได้ไอเดียขึ้นมาเลยลองแต่งดู

    หวังว่าจะชอบกันนะคะ 

    ป.ล.2 ดอก Lily of the Valley เป็นดอกไม้สีขาว รูปร่างคล้ายกับระฆัง ดอกไม้ชนิดนี้สื่อความหมายได้มากมาย ทั้งความบริสุทธิ์ ความนอบน้อม ความอ่อนหวาน และยังสื่อความหมายว่า ความสุขที่หวนกลับมาอีกด้วย ดังนั้นเราจึงเลือกดอกไม้ดอกนี้มาเป็นtitleของฟิคเรื่องนี้

    twitter : @hcinhcin

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in