เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
หมูติดปีก STORYKittikorn Kitpaiboonchai
เมื่อเด็กตาบอดได้มอบบทเรียนชีวิตให้กับฉัน.
  •   ขณะที่กำลังนั่งรถโดยสาร เรามองไปเห็นเด็กคนหนึ่งขึ้นรถโดยสารมากับพ่อ ซึ่งพอขึ้นมาแล้วเขาก็เอาโทรศัพท์พ่อมานั่งเล่นเกมในโทรศัพท์อย่างใจจดใจจ่อ และจริงจังมากๆ ในตอนนั้น เราคิดถึงตัวเองที่กับเด็กคนนั้นว่า ยุคสมัยมันผ่านมาเร็วจริงๆอะไรหลายๆอย่างก็เปลี่ยน เรามองเด็กที่นั่งเล่นโทรศัพท์คนนี้และคิดตีโพยตีพายไปต่างๆนาๆในใจว่า เด็กคนนี้จริงจังพอกับเด็กคนอื่นๆทั่วไปในสมัยนี้ที่ชีวิตวนเวียนอยู่กับของพวกนี้มากเกินไป เหมือนกับยุคของสมาร์ทโฟนเข้ามาครอบงำเด็กในโลกใบนี้ไปแล้ว (แต่มองอีกทีคงอาจจะเพราะเด็กๆตัวเราเองไม่เคยได้มีแบบนี้มั้งก็เลยอาจจะอิจฉาเด็กมันขึ้นมา)

       พอสักพักเด็กคนนั้นก็เอาโทรศัพท์คืนให้พ่อพร้อมกับพูดอะไรสักอย่างเราเองก็ไม่ได้ยิน แต่ดูเหมือนจะให้พ่อเข้าแอพหรืออะไรให้ แต่พ่อกลับปฎิเสธไปว่าเหมือนแบตจะหมดแล้ว ตอนนั้นเราเองก็ไม่ได้คิดอะไร จนเมื่อสองพ่อลูกกำลังจะลงจากรถ ขณะที่พ่อปลุกให้ลูกตื่นและส่งสัญญาณว่าถึงแล้ว เด็กคนนั้นค่อยๆลุกขึ้นและเอามือจับๆบริเวณตามเบาะรอบๆตัวเหมือนควานหาอะไรสักอย่าง พอเขาลุกออกจากเบาะนั่งโดยสาร สิ่งที่ทำให้เราแปลกใจ คือน้องหลับตาอยู่และยังไม่ลืม เราเอะใจและแอบสงสัยจนสักพักเห็นพ่อพยายามจะพยุงน้องให้เดินลงรถ นั่นก็เป็นคำตอบกับเราเลยว่าตาของน้องมองไม่เห็นทั้งสองข้าง ทำให้เรานึกย้อนกลับไปตอนที่เราเห็นน้องกำลังเล่นกดโทรศัพท์เล่นเกม เราตกใจว่าทำไมน้องถึงเล่นได้ทั้งๆที่ตาสองข้างมองไม่เห็น พอมาคิดดูแล้วบางทีน้องอาจจะอยากลองสัมผัสความสุขเหมือนที่เด็กๆคนอื่นๆมี แม้ตาน้องจะมองไม่เห็นภาพบนหน้าจอโทรศัพท์ ได้ยินแค่เสียงและโทรศัพท์ที่สั่นเวลากดบนหน้าจอ อาจจะเป็นความสุขเล็กๆสำหรับเด็กคนหนึ่งที่ไม่ได้มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบเหมือนคนอื่นๆ ที่อยากจะลองสัมผัสว่าการมีชีวิตแบบปกติมันเป็นยังไง เราว่าน้องเป็นคนที่เข้มแข็งมากๆ น้องทำตัวเองไม่เหมือนกับคนพิการเลย น้องพยายามทำทุกอย่างให้ได้ด้วยตัวเอง แม้มันจะไม่ได้โอเคในทุกๆอย่าง

       จนทำให้เราได้รู้ว่า เรายังต้องมองอะไรให้มากขึ้นกว่าเดิมให้มากๆ เราพยายามบอกคนอื่นๆว่าอย่าตัดสินอะไรภายนอกถ้ายังไม่รู้จักดีก่อน กลับเป็นเราที่กลืนน้ำลายตัวเอง เหตุการณ์นี้มันสอนให้เรานั้นต้องจูนความคิดเราใหม่ เราว่าเราเปิดกว้างแล้วแต่มันก็ยังกว้างไม่พอ บางทีบางอย่างที่เราคิดว่าสำหรับตัวเราแล้วมันไม่โอเค แต่สำหรับบางคนมันอาจช่วยมอบความสุขให้กับเขาก็ได้ มันก็คงเหมือนกับอะไรที่เราชอบ แต่คนอื่นไม่ชอบเหมือนกับเรา นั่นก็ไม่แปลก แต่มันต้องเปิดใจให้แก่กัน ไม่ใช่เอาสิ่งที่ชอบและไม่ชอบมาทับถมกัน เราขอบคุณน้องมากๆที่มอบบทเรียนทางความคิดและชีวิตให้กับเรา.

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in