เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First StoryPhatchariya Pansing
Long day journey

  • งานที่เกือบไม่ได้เขียนและเกือบไม่มีเรา ในบางวันที่อยากจะหายไป แต่เพราะเหตุใดกันที่เรายังมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่ว่าบางทีความเศร้าก็มีข้อดีอยู่ในตัวมัน


    มันทำให้เรารู้จักว่าแท้จริงแล้วความสุขมีหน้าตาเป็นเช่นไรทำให้รู้ว่าเราจะต่อสู้กับความทุกข์ที่จะเข้ามาอีกยังไง ทำให้เราเติบโตและกล้าหาญขอบคุณหนังสือทุกเล่มที่เราได้อ่าน และท่องในโลกอีกใบ ทำให้เราได้รู้ถึงความสุขและความสงบภายในจิตใจ และด้วยตัวของเราเอง ขอบคุณทุกๆคนที่ผ่านมาในชีวิตทั้งคนที่สนิทและไม่สนิท คนที่ทำให้สุขใจ คนที่ทำให้เราร้องไห้

    “ขอบคุณ”

    ขอบคุณทุกสถานการณ์ที่เสนอบทเรียนและวันที่เราสุขใจ วันที่เราได้เรียนรู้ เราได้เปิดใจรับสิ่งใหม่ๆเข้ามารู้จักรักและให้อภัย รู้จักให้และรู้จักเมตตา รูจักตนเองมากขึ้นผ่านการเขียนและการอ่าน

     

    ทำไมถึงอยากเขียนหนังสือ

    คำตอบทำความฝันให้เป็นจริงซักที เป็นนักเขียนหาความหมายและการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันจากสังคมและฝีกฝนพัฒนาไปเรื่อยๆ เพราะการเรียนรู้ไม่เคยหยุด ตราบที่ยังมีลมหายใจ J เขียน แม้ไม่มีผู้อ่าน แต่เชื่อว่าเมื่อเวลาล่วงเลยไป เมื่อเรากลับมาอ่าน คงเห็นคุณค่าของช่วงเวลามากขึ้นอ่านไดอารี่ตอนเป็นวัยรุ่น กับ ตอนที่เรามีวัยวุฒิ วัยชราแล้ว คงจะสนุกดีพิลึก เรามีความสุขกับการเรียนรู้การอ่าน คือ ชีวิต- การเขียน คือ จิตใจ เพราะชีวิตคือการมีความสุข เติมเต็มความฝัน ตั้งคำถาม สงสัยทำความเข้าใจโลกที่แสนกว้างใหญ่อย่างนี้ ทุกอย่างมีความสวยงามในตัวเองเสมอทั้งตัวเรา โต๊ะ เก้าอี้ บ้าน สิ่งของทุกอย่าง เมื่อมีโทษก็ต้องมีคุณทุกสิ่งล้วนมีคุณค่าในตนเอง เราเกิดมาทำไม เป็นคำถามโลกแต่แต่คงเป็นคำถามเดียวที่ทำให้เราสู้ต่อไปในทุกๆวันเพื่อพิสูจน์ความเป็นเรา สนุกกับวันต่างๆที่ผ่านเข้ามา

     

     

    เพราะชีวิต คือ การเดินทาง Life is like a journey


     

     

    ตอนนี้ฉันอายุได้ยี่สิบปีเป็นวัยแห่งการค้นหาตัวเอง ฉันจะทำงานอะไรในอนาคตกันนะ  ฉันอยากรู้จัง ว่าในอนาคตตัวเองจะเป็นยังไงทุกสิ่ง ทุกอย่าง มันจะเปลี่ยนไปหรือเปล่านะ

    ความฝัน ความคิดความต้องการ ความทะเยอทะยาน อีโก้ มันจะมากขึ้นหรือเปล่า

    เราจะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่ดีและมีความสุข

    มากขึ้นนะทำไมหลายๆคนจึงให้ความสำคัญกับ

    เงินมากๆทั้งๆที่ตัวเราก็ไม่ได้เกิดมาพร้อมเงินซักหน่อย รางวัลชีวิตคือการมีเงินให้มากที่สุด ใช่หรือเปล่านะ คนที่มีเงินมากๆจะใช่คนที่มีความสุขมากๆหรือเปล่า นี่คือ คำตอบที่ฉันจะค้นหา

     

     


     

     

    ความฝัน

    : ตอนนี้ฉันมีฝันละฝันอยากเป็นนักท่องเที่ยว นักผจญภัย นักสอน ประมาณเป็นคุณครู หรือไม่ก็อาจารย์นี่แหละ นักเรียนที่ดีที่สุด เป็นเพื่อนที่ดีต่อเพื่อนๆ จะไม่เป็นคนที่ทุกคนรักหรอกนะ เพราะเป็นไปได้อยู่แล้วละที่จะทำให้ทุกคนรักเรานะ เป็นลูกสาวที่ดีที่ทำให้พ่อแม่นั้นได้ภูมิใจเป็นผู้ที่ค้นพบความสุขที่อยู่ในใจ ตัดจากสิ่งที่เป็นวัตถุ ความโลภอยู่กับธรรมชาติ วิถีเดิมๆที่เราได้อยู่อย่างสงบ และสบายใจ ใช้ชีวิตแบบช้าๆสวนกระแสโลกที่ความเร็วเป็นสิ่งสำคัญ ความเร็ว จนดูเหมือนฉาบฉวยและไม่จีรังไม่เข้าใจสิ่งใดอย่างละเอียด ลึกซึ้ง โลกที่ห่วงแต่ความสุขส่วนตน จนหลงลืมความทุกข์ของผู้อื่น ฉันไม่อยากเป็นผู้ใหญ่ใจร้าย ที่หวังเอาแต่ได้ ไม่เคยเห็นใจผู้อื่นไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ได้จนลืมความถูกต้องและยุติธรรม ฉันอยากเป็นฉันที่สามารถช่วยเหลือผู้อื่นมีความสุขกับสิ่งเล็กๆน้อยๆได้อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ใช้ชีวิตเรียบง่าย สบายๆไม่ทำความเดือดร้อนให้กับใคร


     

     

     

    ชีวิตเราเรามักจะหาสิ่งต่างๆ มาปรนเปรอ ความสุข ความต้องการของเราเสมอเราไม่เคยหยุดความต้องการนั้น เพราะเราเติมมันไม่เคยเต็มหรือเราเองกันแน่ที่ไม่เคยพอใจกับสิ่งที่มีอยู่ บางคนความสุขอยู่ไกลถึงอเมริกาบางคนความสุขอยู่ที่ร้านเหล้า อ้าว แล้วความสุขจริงๆแล้วคืออะไรกันนะนิยามความสุขของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไป ไม่มีใครถูกใครผิดทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับทัศนคติ ความคิดของตัวคนคนนั้นเองนั่นแหละว่ามีความฝันแล้วอยู่กับสิ่งไหน รู้สึกมีความสุขที่สุด

    ถ้าเปรียบ ชีวิต คือ การเดินทาง ถ้าฉันมีร้อยกิโลเมตร ตอนนี้ก็เดินมาได้ ยี่สิบกิโลแล้วซินะ เราก็มาไกลเหมือนกันนะแต่ละวันผ่านไป อย่างรวดเร็ว บางที ฉันคิดมาก ฉันเศร้า ฉันเหงา แล้วฉันก็ยิ้มและสุขใจอีกครั้ง เวลา เป็นสิ่งที่เดียวที่เดินไปข้างหน้า มันไม่มีวันย้อนกลับแม้เพียงหนึ่งวินาทีตอนนี้ ก็จะกลายเป็นอดีต หากแต่อดีตนั้นจะสวยงามหรือเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม เหลือไว้เพียงความทรงจำให้เราได้ย้อนคิดถึงไม่ว่าจะดีหรือร้าย ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราเรียนรู้ไปเรื่อยๆ

    ในที่สุดแล้ว การเดินทางของเราจะสิ้นสุด ณ ที่แห่งใดแล้วจะจบแบบไหน แฮปปี้ หรือ จบไปแบบงั้นๆ จบแบบไม่อยากมีตอนต่อไปจบแบบมืดมนและสิ้นหวัง หรือจะจบฉากเยี่ยงวีรบุรุษเป็นความทรงจำของคนรุ่นต่อๆไป  นี่ซินะถึงเรียกว่า โลก เรา ก็ เหมือน กับ ละคร ส่วนตัวเรานั้น เป็นดั่งผู้กำกับ

    คอยกำกับบทบาทหน้าที่วันนี้เธอเป็นนางเอกนะ วันนี้เธอเป็นนางร้าย วันนี้จบแบบแฮปปี้วันนี้มีแต่ความเครียดแค้นใครกันหนอที่คอยชักจูงเราให้ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่เสมอ  ถ้าจะคิดให้ดีก็ตัวเราเองมิใช่หรือ สมองของเราหรือใครกันนะ สภาพแวดล้อม เวลา คนรอบๆข้าง ล้วนเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเรามีหน้าที่ที่จะต้องเข้าใจ ยอมรับ และปรับตัว ไปตามการเปลี่ยนแปลงทว่าต้องไปละทิ้งส่วนที่เป็นเรา คุณค่า และความดี เป็นสิ่งที่เปลี่ยนไปได้ง่ายหากแต่เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เราได้ตระหนักว่า นี่คือความสุขของการเป็นมนุษย์เข้าใจโลก เข้าใจชีวิต  

     

     

    บทที่หนึ่ง

    ความตั้งใจและ เป้าหมาย ที่จะออกเดินทาง

    -จาก จินตนาการ ก้าวไปสู่ ความเป็นจริง-

    ทุกคนต่างมีฝัน ใช่แล้วละฝันที่จะออกบินออกไปสู่โลกกว้าง โลกที่เต็มไปด้วยสิ่งแปลกใหม่ ความท้าทายและความตื่นเต้นรออยู่ข้างหน้า แต่สิ่งที่ยากที่สุด กลับเป็นการเริ่มต้นเริ่มที่จะออกเดินทาง ใช่ ทุกคนต่างมีความตั้งใจ ความมุ่งมั่นหากแต่ความมุ่งมั่นนั้นยังแผ่วเบา สิ่งที่รั้งนักเดินทางไว้ คือ ความกังวลความกลัว ในสิ่งที่ไม่แน่นอนกับหนทางข้างหน้า ความไม่สบายกายความไม่สบายใจเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่อยากเผชิญ ดังนั้นจึงเป็นการยากอยู่พอควรที่จะคิดจะออกจากวังวนแห่งความกลัวเหล่านี้เพราะความไม่แน่นอนเป็นสิ่งคาดเดาไม่ได้ และเรามักไม่คุ้นชินมักเป็นตัวปัญหาที่สร้างความว้าวุ่นใจ กังวล และไม่สามารถคาดเดาได้เลยดังเรื่องที่แม่นกสอนลูกนกให้หัดบิน ในคราแรกลูกนกอาจจะกลัว ไม่กล้าไม่อยากเดินออกจากเขตแดนที่สบายใจ ไปเจอกับสิ่งที่ไม่คุ้น ผู้เป็นแม่นกก็จะคอยผลักดัน สอนให้หัดบิน ถูกบ้าง ผิดบ้าง อาศัยเวลาและความอดทน แม่ทั้งกลัวกังวล เป็นห่วง ตื่นเต้น และดีใจ กับการได้เห็นลูกนกตัวน้อยๆเติบใหญ่จากนกตัวน้อยฝึกหัดบิน ปีกเล็กๆของเจ้านกนั้น ยังไม่แข็งแรง ผู้เป็นแม่ต้องคอยดูแล ฝึกบินอย่างใกล้ชิด แต่พอโตมาหน่อย นกน้อยเริ่มพึงใจ นึกว่าตนเก่งเที่ยวบินอย่างอิสระ ทิ้งผู้เป็นแม่คอยเฝ้าห่วงหา หากลูกบินไปที่ดีๆ แม่นกก็สุขใจหากลูกนกบินไปในป่าที่น่ากลัว แม่ก็ยิ่งทุกข์ใจมากกว่าหลายเท่า ถ้าถามว่าทำไม แม่ถึงรักเราได้ขนาดนี้นะ คงเป็นเพราะ เราคือทั้งหมดที่แม่มีเลือดเนื้อและจิตวิญญาณแม่อยู่ที่เราเสมอ แม่รักเราทุกเวลา ไม่ว่าเราจะเป็นอย่างไรยังไงก็ตามการจะออกเดินทางเราก็ควรจะนึกถึงคนที่อยู่(ด้านหลังเราเสมอมา  ดังนั้น ก้าวเดินทุกๆก้าวชีวิตนั้นแสนจะสำคัญเพราะแม่ไม่สามารถอยู่กับเราได้ตลอดไป หากเรามิเคยหัดบินเลย ก็ไม่มีวันที่จะบินได้ เช่นเดียวกับคนหากไม่เคยได้ออกไปเจอโลก เจอความจริง ได้เรียนรู้ก็เท่ากับว่าเขาเหล่านั้นไม่มีวิชาชีวิตติดตัวเลย ดังนั้นทุกคนควรจะออกไปดูโลกไปดูชีวิต มองทุกอย่างให้กว้าง และไกลมากขึ้นเพื่อที่จะได้เป็นมนุษย์ที่เป็นมนุษย์อย่างแท้จริง เพราะชีวิตคือการเดินทางถ้าไม่ได้ออกเดินทาง ก็เท่ากับว่า เรายังมิได้ใช้ชีวิตเลย….

    ดังนั้นถึงเวลาออกบินแล้วละกางปีกของเราออกมา บินไปไกลสุขอบฟ้า แล้วมองดูว่าโลกนี้สวยงามเพียงใดบ้างอาจจะโหดร้าย แต่มันก็คือความเป็นจริงของโลกที่เราจะต้องทำความเข้าใจกางปีกออก และบินออกไปยังโลกที่กว้างใหญ่ยังมีอะไรที่เราต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจอีกเยอะ เพราะนี่คือ ความหมายของชีวิตเพราะชีวิต คือการเดินทาง เดินไปข้างหน้า เดินไปสู่จุดหมายที่เรามิอาจรู้ได้ว่ามันจะ ณ ที่แห่งใด

     

     

    บทที่ 2

    การวางแผนของนักเดินทาง


    ที่ผ่านมาฉันเป็นคนที่ชอบดูถูกและไม่เคารพตัวเองเลย ฉันมักมองตัวเองต่อยต่ำและไร้ค่าแต่ความจริง เราสามารถประเมินค่าได้จากตรงไหนเหรอ?  ความสวย ความรวย ความจน ความสุขหรืออะไรกันแน่นะ

    ตอนนี้ละฉันจะต้องสร้างปณิธานใหม่ความสุขมิได้อยู่ที่ความสวยบนใบหน้า ความสิเหน่หาจากคนรอบข้างหากแต่เป็นจิตใจที่สวยงาม และความสุขกายสบายใจ ได้ทำในสิ่งที่ตนเองคิดฝันมิต้องคอยจัดแต่งรูปแบบชีวิตให้สวยหรู เลือกอยู่อย่างเรียบง่ายและมีความสุขค้นหาสิ่งที่เรียกว่า คุณค่าภายในจิตใจ

    ตอนนี้ฉันอาจจะเล็กเกินไปที่จะรู้จักโลกกว้างแต่รอฉันหน่อยนะ ฉันจะไขความลับนั้นออกมาให้ได้

    ตอนนี้เรามีหน้าที่เรียนรู้ภาษาเพื่อใช้ในการสื่อสารกับคนทั้งโลกภาษาอังกฤษ ภาษาที่เต็มไปประวัติศาสตร์ ภาษาสากล ภาษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเมื่อฉันรู้ภาษาแล้ว การติดต่อคงง่ายขึ้นมาก ต่อไปฉันก็จะเข้าใจความคิดแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับชาวต่างชาติ มีความรู้มากมายให้ค้นหาและต่อยอด ขอบคุณจริงๆที่ทำให้เราได้มีโอกาสรู้จักภาษาอังกฤษยิ่งเรียนก็รู้สึกว่าโลกนี้มันช่างกว้างใหญ่ ทุกอย่างต่างมีที่มาและความสวยงามซ่อนอยู่ในตัวของมันอย่างเช่นการที่ฉันได้เรียนวิชาวรรณคดีภาษาอังกฤษ ฉันรู้สึกรักและชอบวิชานี้มากๆเป็นวิชาที่สอนให้เราเห็นถึงความสวยงามของตัวหนังสือ การถักทอร้อยเรียงตัวอักษรให้คนอ่านได้ขับเคลื่อนจิตวิญญาณและจินตนาการลงไปลึกซึ้งกับทุกๆตัวอักษร ค้นหาความรู้และความจริงของชีวิต บางประโยคก็ตบหัวเราบางประโยคก็จับใจจนยากที่จะอธิบาย บางความคิดความอ่านของผู้เขียนช่างตรงกับเราเปิดใจ และรู้สึกดีไปกับการอ่าน เหมือนได้รู้จักเพื่อนใหม่และครูที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่เดินเล่นภายในใจที่มาจากจินตนาการของเรา

    ไม่ว่าจะเป็นเลนนี่และจอร์จ(Ofmice and men)ที่สอนให้เราได้เห็นถึงมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่แม้ความทุกข์ยากลำบากทั้งกายและใจจะเป็นอุปสรรคให้พวกเขาต้องทนทุกข์ทว่าตัวละครทั้งสองก็แสดงให้เห็นถึงความรัก และมิตรภาพ ความอบอุ่นและความสุขจากความรักที่ไม่หวังสิ่งใดตอบแทนขอบคุณเจ้าชายน้อยที่ทำให้เรามองเห็นคุณค่าของการใช้ชีวิต ความรักและมิตรภาพจินตนาการและ ความสุข ในบางจังหวะของชีวิต อาจจะต้องมีซักช่วงหนึ่งที่เราจะออกเดินทาง

    ขอบคุณโลกของวรรณกรรมที่ทำให้ฉันเรียนรู้การใช้ชีวิตจากตัวละครต่างๆเมื่อเร็วๆนี้ฉันเพิ่งได้เรียน Jesus Christ super star และอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันชอบมากเลยก็คือเรื่องราวของเจ้าชายน้อย ในหนังสือวรรณกรรมเยาวชนเล่มนี้ แฝงไปด้วยปรัชญาในชีวิตที่ทุกคนควรมีจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ

    บางบทพูดถึงความสวยงามภายในจิตใจ ที่มองแต่เพียงข้างนอกก็ไม่มีใครเห็น บางสิ่ง สัมผัสไม่ได้แต่รับรู้ได้ด้วย ใจ ดังเช่น ความรักความอบอุ่น ความห่วงใย

    บทที่ 3

    ความสุขระหว่างการเดินทาง

    Case Study No.1 - ในวันที่รถเสีย อารมณ์ขุ่นมัว


    ในวันที่รถเสียอารมณ์ขุ่นมัว หงุดหงิด ผู้คนที่ผ่านไปมา คนแล้วคนเล่ามองดูเรา แล้วผ่านไปเพราะแต่ละคนต่างมีบทบาทหน้าที่ มีเวลาเป็นของตนเอง ลำพังแค่เรื่องตนเองก็แย่แล้วก็รถมึงเสีย ก็ดูแลไปดิ ก็จริงอยู่ที่สังคมปัจจุบันเปลี่ยนไปมาก เวลาเป็นสิ่งที่มีค่า หากแต่น้ำใจ และการเอาใจเขามาใส่ใจเรา เป็นเรื่องที่ดูแล้วโลกสวย เกินไปในยุคที่คนจริงเค้าอยู่กัน เฮ้อ นี่เราเกินมายุคที่ตัวกูของกูมึงไม่เกี่ยว แล้วหรอเนี่ย แต่เนอะ มองในด้านหนึ่งเขาคงมีธุระที่เร่งรีบจริงๆแหละแฟนรออยู่ เจ้านายตามตัว แม่ไม่สบาย ปัญหามากมายพาใจอ่อนล้าในฐานะที่เราเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี คงต้องพึงสำนวนที่ว่า อัตหิ อัตโน นาโถตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ตึงงงงก็ช่วยๆประคับประคองตัวเองให้อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้

           ทุกๆอย่างดูเป็นความผิดพลาดจริงไหมในชีวิตของคนเราไม่สามารถหลบหนีหรือหลีกหนีปัญหาต่างๆได้หรอก เมื่อเรามีความสุขความสุขนั้นก็ดูจะไม่มั่นคง ให้เวลาสุขไม่นานความทุกข์ความไม่สบายใจก็มาเยือนอีกซะนี่ เราอาจจะบอกได้ว่า นี่เป็นธรรมดาของชีวิต  ที่เกิดมาในบางทีเจอกับความผิดหวังเกิดเหตุที่เราไม่อยากให้เกิด แต่ทว่าก็เป็นบทเรียนและสอนอะไรหลายๆอย่างในชีวิตของเราได้เป็นอย่างดีทีเดียว

    เพียงแค่เราลองเปิดใจปัญหาทุกปัญหามันมีทางออกของมันอยู่ แต่เรากลับนิ่งเฉย ไม่อยากกระทบกับมันไม่อยากจะเผชิญหน้า คอยแต่หลบหนีปัญหา ความยาก ความลำบากต่างๆที่น่าจะเป็นครูที่ดีที่สุด เรากลับหลีกเลี่ยงไปอย่างน่าเสียดายเราได้มีโอกาสอ่านบทสัมภาษณ์ของคนที่ประสบความสำเร็จหลายๆท่านแทบไม่มีคนไหนเลยที่ไม่เคยไม่เจอกับปัญหาและความยากลำบากเราคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นแบบทดสอบความเอาจริงเอาจังของเราต่างหากเป็นบททดสอบในชีวิตที่เราเชื่อได้เลยว่า มีโจทย์ยากๆแบบนี้ให้เราได้เจอมันบ่อยๆเป็นแน่แท้เราเลยคิดว่าหากเรากำลังท้อกำลังเบื่อหน่ายกับชีวิตให้ลองคิดและทบทวนสิ่งต่างๆปล่อยปัญหานั้นไว้ แล้วฮึดกำลังที่มีอยู่นั้น มาจัดการกับปัญหาทีละเล็กทีละน้อย

    อย่าไปโหมกำลังเข้าใส่สุดท้ายเราจะเหนื่อยเปล่าๆ ค่อยๆคิดค่อยๆแก้ไข ลองคิดดูดีๆว่าเมื่อก่อนมีปัญหาเราก็จัดการและแก้ไขมันได้บางปัญหาเราอาจจะต้องใช้เวลา ความอดทน และความกล้าหาญสักหน่อยดังนั้นหากเจอกับความยากลำบากคราใด ให้สร้างกำลังใจ ท้อได้ แต่อย่าท้อแท้ท้อเทียมก็พอ แล้วลุกขึ้นมาสู้กับมันอีกซักตั้งหากล้มก็ให้พักแล้วกลับมาสู้อีกครั้งหนึ่งเราเชื่อว่าความพยายามและความมุ่งมั่นสามารถเอาชนะปัญหาต่างๆได้อย่างราบคาบขอให้มีความหวังอยู่เสมอแค่นั้นเอง

    “ปรับตัว ; มองมุมกลับปรับมุมมองมองว่าชีวิตเราแสนสบาย แปลกแต่จริง ใจมันสบายนักแล”

    Case Study No.2 - ในวันที่ มช เต็มไปด้วยหมอกและควัน

    มีแต่เสียงบ่นระงมงึมงำกับสิ่งที่เกิดในมหาวิทยาลัยที่ครั้งหนึ่งซึ่งก็ไม่นานเท่าใดเคยมีแต่อากาศสดใส สดชื่นและกลิ่นหอมอ่อนๆจากต้นไม้ใบหญ้า มีเสียงบ่นหนาหูทว่าไม่มีใครเอ่ยถึงที่มาและการเยียวยา ถ้าถามว่าหมอกและควันเหล่านี้มาจากไหนมันก็มาจากฝีมือมนุษย์เราเองด้วยกันทั้งนั้น ได้แต่ว่า กล่าวโทษกันและกันแต่กลับไม่ทำอะไรให้ดีขึ้นเลย แทนที่จะปลูกต้นไม้เพิ่มอากาศบริสุทธิ์ลงมือทำเดียวนี้ตอนนี้ ไม่ต้องหาตัวการ ไม่ต้องไปโทษใครลงมือทำ ช่วยกันให้ดีขึ้นดีกว่าไหม

          “ปรับมุมมอง อากาศร้อน :อาบน้ำซักหน่อยก็ชื่นใจ ความสุขง่ายๆที่ใครๆก็มีได้”


     

    ระหว่างการเดินทางย่อมมีอุปสรรค

    หากการถึงจุดหมายคือสิ่งสุดท้ายในชีวิตเป็นไปได้ไหมว่าก่อนจะถึงจุดๆนั้นเราต้องผ่านอุปสรรคต่างๆ มากมายเพื่อพิสูจน์ว่าจุดหมายนั้นมีคุณค่าซะก่อน

           ในช่วงชีวิตแต่ละปีแต่ละวันที่ผ่านไป มีเหตุการณ์ ปัญหา เยอะแยะมากมายผ่านเข้ามาบางช่วงรู้สึกว่าเป็นทุกข์เจียนตาย แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ และมีความสุขเสมอมาจริงๆแล้วชีวิตของเรายิ่งโตขึ้นปัญหาที่ผ่านมาเข้ามานั้นก็ดูจะร้ายแรงขึ้นไปเรื่อยๆแต่แปลกจัง ยิ่งโตขึ้นเรากลับรู้สึกมีภูมิคุ้มกัน มีภูมิต้านทานไม่ให้เจ็บและช้ำมากเกินไป

           จากที่เคยโดนตำหนิติเตียนตอนเด็กๆเราจะโมโห ไม่สบอารมณ์ เรากลับรู้สึกว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นคำสอนที่จะทำให้เราเก่งขึ้น ทำให้เราพัฒนา

            ตอนที่เราอกหัก เราร้องไห้จะเป็นจะตายแต่พอโตขึ้นเรากลับรู้สึกว่าความรักของเราช่างใกล้ตัว  ความรักที่ทรงอนุภาพนั้นมาจากพ่อแม่เราจึงลดการร้องไห้จากการถูกทิ้ง และทำร้ายทางจิตใจ สิ่งเล็กๆน้อยๆไม่สามารถทำให้เราท้อแท้ นี่ซินะ ความเข้มแข็ง

           ระหว่างการเดินทางถึงจุดหมายเราผ่านการทดสอบมามากมายทั้งทดสอบ ความแข็งแรงทางร่างกาย ทางจิตใจ ความอดทนถ้าเราหมดความหวัง กำลังใจ เราก็ถึงจุดหมายได้ช้าลง ช้าลง จนกระทั่งหยุดความฝันไว้ไม่ไปต่อ

    ความฝัน จุดมุ่งหวังดูเหมือนจะเลือนรางไปทุกที

           แต่เชื่อไหมว่า ชีวิตไม่เคยโชคร้ายหมดหวังเสมอไป แสงสว่างมีอยู่ทุกที่ แรงบันดาลใจ ความมุ่งหวัง มีอยู่ทุกที่แต่ทว่าขึ้นอยู่กับ ดวงตาผู้แข็งแกร่งมากพอ ที่จะมองเห็นมัน

           เมื่อผิดหวัง เสียใจ เราจะเกิดการเรียนรู้ความผิดหวัง ไม่ใช่ความพ่ายแพ้เสมอไป แต่เขาคือ ครูที่ทำให้เรารู้จักฮึดสู้เป็นครูที่สอนให้เราไม่ยอมแพ้ระหว่างเดินทาง ฉันจึงเจออดีต ปัจจุบัน อนาคต…

    ความสำเร็จได้มาแน่นอนมันไม่ใช่เหลือง่าย แต่มันก็ไม่ยากเกินไปหรอกนะ ความพยายาม ความมุ่งมั่นความอดทน สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องมีอยู่ในหัวใจนักสู้ เพียงแต่ต้องอาศัยแรงบันดาลใจและความทะเยอทะยาน พลังแห่งความฝัน ใส่จินตนาการและความรัก ความสุขและแรงขับที่มองไม่เห็น นั่นคือ กำลังใจ

    บางทีคุณเคยรู้สึกรึเปล่าว่าทำความสุขหล่นหายบางทีก็หายไปนาน บางทีก็จากเราไปเพียงชั่วครู่ แต่ที่แน่ๆ คือรู้ว่าเราไม่สามารถเหนี่ยวรั้งให้เรามีความสุขตลอดไป อุปสรรค ยาชูกำลังยิ่งพลาดยิ่งมากประสบการณ์ มากการพัฒนา ฝึกฝน และฝึกกล้ามเนื้อให้แข็งแรงต่างจากคนที่อ่อนซ้อม อาจได้รับบาดเจ็บได้ เมื่อมีพายุลูกใหญ่ผ่านเข้ามาในชีวิต


     

     

     

     

     


    บทที่4

    Last but not least

    ความฝันความฝันของคุณคืออะไร สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความผิดพลาดอยู่มากมายแต่พยายามอย่างสุดกำลังที่จะทำความฝันนั้นให้สำเร็จ มันอาจจะดูยากแต่ผู้หญิงคนนี้มีความเชื่อมั่นเสมอว่า เราจะผ่านมันไปได้เพียงเพราะอุปสรรคและปัญหาต่างๆ ไม่สามารถหยุดยั้งเราให้ทำสิ่งมหัศจรรย์ได้หรอก

    ขอแค่มีใจที่มุ่งมั่นและพยายาม เริ่มต้นลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยความรักและความตั้งใจ

    ไม่ว่าจุดหมายจะอยู่แห่งใดเราก็สามารถไปได้ดั่งฝัน ขอแค่ไม่ทิ้งความฝันเราไปเสียก่อน

    ดังนั้นจงอย่าได้ลืมฝันเพราะฝันเป็นสิ่งที่คอยกระตุ้นให้เรามีชีวิต และมองโลกนี้ไม่โหดร้ายเกินไป

    เมื่อเธอเหนื่อยจงหยุดพักกลับไปหาผู้ที่รักเรา และผู้ที่เรารักมากที่สุดในโลก กลับไปหาสถานที่ที่อบอุ่นน้ำเสียงที่คอยปลอดประโลมเราในวันที่เราท้อแท้และหมดหวังในชีวิต

    จงวางใจในชีวิตเสียเถิดเพราะ  ไม่ว่าสถานการ์จะเลวร้ายมากแค่ไหนชีวิตก็จะดำเนินไปได้ อย่าท้ออย่าเศร้ามากเกินไปจงวางใจและมีชีวิตที่ได้ใช้ชีวิตจริงๆ

    เวลาสิ่งเดียวที่ผ่านไป ไม่เคยหวนย้อนกลับมา กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เมื่อวันที่สายไปเพราะเวลา ไม่เคยหยุดเดิน ในบางทีเราใช้ชีวิตโดยไม่ได้สนใจเวลา ปล่อยมันทิ้งไปหายใจไปวันๆ สับสน และหมดกำลังใจ

    ในขณะที่เวลาเดินหน้าไปเรื่อยเรากลับสวนทางมัน

    นำความผิดหวังและซึมเศร้าเป็นตัวนำทางทั้งที่จริง เราควรขับเคลื่อน ด้วยความหวัง และควมมุ่งมั้น

    ความฝันที่วันหนึ่งจะต้องเป็นจริงให้ได้

    จงยอมรับข้อผิดพลาดของตนแล้วนำสิ่งนั้นมาแก้ไข

    เอาใหม่ลุกขึ้นสู้

    มีความแตกต่างระหว่างการนั่งรอแรงบันดาลใจกับ การออกไปผจญภัยแล้วพบว่า แท้จริงแล้ว เพื่อนที่ชื่อแรงบันดาลใจ ไม่เคยหายไปไหน

    เขาอยู่ข้างๆเราเสมอมา


    บทที่ 5

    วันแห่งการเปิดเทอม เดินทางมาถึง เปิดเทอมของวิชาชีวิต”

    ตอนนี้ฉันทำหลายๆสิ่งพร้อมๆกัน มันน่าทึ่งใช่ไหมละ ใช่แล้วฉันผู้ที่อายุยี่สิบเอ็ดแล้วยังคงใช้เงินพ่อกะแม่แต่ที่ได้เรียนรู้มากขึ้นทุกวันคือบทเรียนจากชีวิตที่ห้องเรียนหรือหนังสือก็สอนไม่ได้ วันนี้ฉันตื่นแต่เช้าด้วยพลังจากแรงบันดาลใจการเริ่มต้นธุรกิจกระเป๋าดีเดย์ในครั้งนี้ ดูเหมือนจะไม่ง่ายตามที่คิดไว้ทว่ามันทำให้ฉันเป็นส่วนหนึ่งและรู้สึกภาคภูมิใจมากที่จะได้ส่งต่อผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้มันเป็นครั้งแรกที่ฉันได้มีโอกาสตัดสินใจหลายๆอย่างด้วยตนเอง เริ่มตั้งแต่การวางแผนเริ่มซื้อผ้า มองหาวัสดุ และท้ายที่สุดคือการตัดและเย็บ ประกอบมันเป็นรูปร่างแต่แน่นอนว่าการทำงานครั้งนี้จะไม่มีทางสำเร็จ ถ้าหากไม่มีพ่อคนที่เชื่อในตัวฉันเสมอมา พ่อวางใจให้ฉันกู้เงินมาลงทุนจำนวน สี่พันบาทเพื่อให้ฉันได้ต่อยอดและพัฒนาศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัว แม่ ผู้ที่คอยให้คำปรึกษาแรงพลังขับเคลื่อนในแต่ละวัน แม่บอกฉัน และเชื่อมั่นในตัวฉันเสมอ ท่านคอยกระตุ้นผลักดันให้ฉันสู้และมองเห็น สัมผัสถึงคุณค่าของการทำสิ่งต่างๆด้วยความรักความใส่ใจ อีกคนที่สำคัญมากๆสำหรับการทำโปรเจ็คกระเป๋า ป้าดาว แม้ป้าจะเป็นเพื่อนบ้านแต่ความรู้ของฉันคือป้าเป็นคนที่สนิทและเป็นคุณครูที่ยิ่งใหญ่ท่านสอนให้รู้จักกับความดีและความสงบสุขความรักที่สวยงามที่อบอุ่นและทำให้ฉันอิ่มเอมใจอย่างมาก                หลายๆครั้งมีท้อบ่าง แต่ฉันรู้ดีเสมอว่าฉันเอาอยู่สถานการณต่างๆจะคลี่คลาย อดทน รอ และโฟกัสที่การแก้ปัญหา รับผิดชอบและยอมรับความผิดพลาด กล้าหาญ และปรับตัว ปรับแก้ไข พัฒนา และท้าทายความสามารถเรียนรู้ ท้ายที่สุดเติบโตอย่างมันคง แข็งแรง

     

     


    ฉันเชื่อมั่นในการเรียนรู้ฉันเลือกที่จะเรียนมสธ ต่อและเรียนอย่างขยัน ตั้งใจ ฉันมีเป้าหมายที่จะจบปริญญาสองใบให้ได้ในเวลา ห้าปี แม้ว่าอาจจะใช้ความขยัน และความถึกแต่ฉันมั่นใจในความสตรองและความมุ่งมั่น ฉันชอบและเริ่มเรียนรู้ระบบของการบริหารและพัฒนาบุคลากรของภาคธุรกิจมากขึ้นทุกวัน ใช่ ฉันสามารถเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนในหนังสือมาปรับเป็นกลยุทธ์ในชีวตจริงได้เจ๋งไปเลยใช่ไหมละ แน่นอนว่ามันอาจจะรู้สึกเหนื่อยบ้าง หรือท้อบ้างบางคร้งอาจลืมเป้าหมายไป แต่อย่าลืมว่าความรู้เหล่านี้แหละที่จะเป็นบันใดต่อยอดความคิด ปัญญา และนำพาสังคม ชุมชนของเรา และตัวเรา ไปในทางที่ดี เป็นแสงสว่างให้กับสังคมได้ตลอดไป

    นอกจากที่ฉันได้ตำแหน่งเป็นนักธุรกิจหน้าใหม่




    นึกศึกษาของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

     ฉันยังมีโอกาสเข้าฝึกงานที่โรงแรมเลอเมอริเดียนเธอรู้ไหมว่าวันแรกที่ฉันได้เข้าไปทำงานที่นั่นฉันตื่นเต้น ประหม่ามากแค่ไหนแต่สุดท้ายมันก็ผ่านไปได้ด้วยดีในทุกวัน แจ่ฉันรู้สึกขอบคุณ หลายอย่าง หลายคนที่ทำให้ฉันได้รับประสบการณ์ ได้เรียนรู้สิ่งที่แปลกใหม่และทำให้ฉันมีแรงที่จะพัฒนาและทำให้ดีต่อไป บางครั้งก็โมโห หงุดหงิดแต่ทว่าทุกๆครั้งที่เกิดเรื่องไม่คาดคิดสิ่งเหล่านั้นจะสอนฉันเสมอๆ ตลอดเลยละ แต่อยู่ที่ว่ากว่าที่ฉันจะเรียนรู้และเข้าใจสิ่งนั้นได้เร็วแค่ไหนเรื่องการทำงานร่วมกับผู้อื่นให้ดีเป็นเรื่องที่สำคัญมากเราต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา มองหา โฟกัสที่จุดดีๆของทุกคนและทุกเรื่องใช้สติและหัวใจในการทำงาน ทำงานด้วยความสุข สนุก และมีเป้าหมาย ที่สำคัญคือการที่ว่าเราได้ทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว ขอบคุณพ่อแม่ เพื่อน ทุกๆปัจจัย เหตุการณ์ ความสงบและความสุขที่หลั่งไหลอยู่ในทุกอณูของร่างกาย ขอบคุณจริงๆพรุ่งนี้จะเป็นเช้าที่สดใส ตัวฉันนั้นเปี่ยมพลังและมีความคิดสร้างสรรค์โลดแล่นเพื่อความสนุกและความสุขของทุกคนตลอดไป ขอบคุณแม่พ่อมากๆเลยนะ




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in