หลังจากที่สร้างปรากฎการณ์ขวัญผวาให้กับเหล่าผู้ชมไปทั่วโลกจนในขณะนี้ภาพติดตาน่าขนลุกก็ยังไม่หายเมื่อได้นึกถึงกับภาพยนตร์เรื่องhereditary   มาล่าสุดกับหนังที่ยิ่งหนักข้อเล่นงานผู้ชมอย่างไม่บันยะบันยังหลอนประสาทผู้ที่ต่างได้รับชมจนต้องกลับมาขบคิดจนปวดหัวราวกับภาพในภาพยนตร์ยังคอยเล่นซ้ำๆในห้วงความคิด จึงอาจต้องขอเตือนกับผู้ที่ขวัญอ่อนและจิตใจหวั่นไหวได้ง่ายเนื่องจากภายในอุดมไปด้วยภาพที่ไม่น่าพึงใจแสนรุนแรงกับเสียงชวนหลอนประสาทอาจต้องขอแนะนำว่าอย่าเสี่ยงจะดีกว่า

        ผลงานการกำกับฝีมือน่าจับตามองที่กวาดคำชื่นชมจากทั้งคนดูและนักวิจารณ์ท่วมท้นอย่างAri Aster กลับมาครั้งนี้ได้เน้นย้ำให้เราเป็นประจักษ์แล้วว่านายคนนี้ยังมีของอีกมากและพร้อมที่จะโชว์ฝีไม้ลายมือให้เราได้ประหลาดใจอีกเป็นแน่

    เมื่อได้รับชมความประทับใจที่ยังคงตราตรึงอยู่ทั้งที่ออกมาจากโรงหนังแล้วก็คือความช่างคิดช่างทดลองทั้งในการเขียนบทและการถ่ายภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของเสียงประกอบซึ่งถูกออกแบบมาอย่างดีทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมันเป็นทั้งการสะท้อนภาวะประสาทหลอนตัวละครและหลอนประสาทคนดูไปด้วยยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว  กล่าวถึงตัวบทบ้าง ผู้เขียนรู้สึกว่าเป็นบทภาพยนตร์ที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านการเล่าเรื่องและเหมือนเป็นการสะท้อนตัวตนบางส่วนของผู้เขียนบทหรือตัวของAri Aster เองได้อย่างดีประเด็นหลายอย่างก็เป็นสิ่งที่ช่างน่าถกเถียงหลังออกมาจากโรงหนังใหม่ๆ

ลูกเล่นที่ชอบอีกอย่างของหนังคือการพยายามปั่นประสาทคนดูให้เข้าไปอยู่ในโลกวิปริตแสนสดใสแสงจ้าใบนั้นทั้งการเคลื่อนกล้องชวนมึนหัวแต่ไม่ได้ฉวัดเฉวียนชวนคลื่นเหียนเพียงแค่มุมกล้องแปลกตาที่สร้างภาวะไม่สบายสายตาและขอกล่าวอีกครั้งว่าเมื่อการเคลื่อนกล้องแบบนี้ผนวกเข้ากับเสียงประกอบที่ได้กล่าวไปข้างต้นก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือยาหลอนประสาทขั้นรุนแรงมันถูกสรรค์สร้างขึ้นมาราวกับจะมาสร้างฝันร้ายให้กับผู้ชมอย่างไม่ต้องสงสัย

      กล่าวโดยสรุปนี่เป็นผลงานที่น่าประทับใจอีกเรื่องของผู้กำกับเป็นภาพยนตร์ที่มีการคิดและทดลองอยู่พอสมควรบทภาพยนตร์เขียนได้อย่างชาญฉลาดโดยมันตอบโจทย์ทั้งในด้านเรื่องราวและเป็นการสะท้อนถึงส่วนเสี้ยวความนึกคิดของผู้เขียนบทเป็นอย่างดี การเคลื่อนกล้องและเสียงที่ถูกออกแบบมาช่วยขับเน้นให้ตัวหนังมีเอกลักษณ์เป็นที่น่าจดจำ  เพียงแต่ว่าผู้ที่ไม่อาจรับภาพกับเนื้อหาอันมีความรุนแรงอย่างมากก็ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยง