เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
A Head Full of MusicVaSiMo
Mandopop Discovery : JJ Lin
  • เรื่องมีอยู่ว่าช่วงประมาณ 2 เดือนก่อน ปกติเวลาเราทำงานเบื่อๆในตอนบ่าย
    ก็จะฟังวิทยุในเว็บ Radio Garden ซึ่งสามารถเลือกฟังวิทยุออนไลน์ได้ทั่วโลกเลย
    อยากได้ภาษาแปลกแค่ไหน เมืองที่อยู่ไกลแค่ไหน ถ้าเน็ตท่านไหวก็ฟังได้เกือบทั้งหมด
    เราเลยลองไปฟังวิทยุสิงคโปร์ เพราะเห็นว่ามีช่องหลายภาษาดี อยากฟังรู้เรื่องก็ฟังรายการภาษาอังกฤษ
    อยากเปลี่ยนบรรยากาศก็ฟังรายการภาษาทมิฬ หรือมาเลย์ได้ แต่ที่ฟังได้นานพอๆกับช่องภาษาอังกฤษ คือรายการภาษาจีน ที่ส่วนใหญ่เพลงที่เปิดก็เป็นเพลงภาษาจีนกลางแมนดารินทั่วไป 
    จริงๆเราก็เป็นคนที่ทันฟังเพลงจีนยุคที่ Jay Chou ดังๆ แล้วก็ฟังของคนอื่นๆด้วย เช่น Wang LeeHom S.H.E. David Tao หรือเพลงที่ได้ฟังเพราะซีรี่ส์ไต้หวันสมัยยุคหลัง F4 แต่ก็ไม่ได้ติดตามตลอด
    เพราะเป็นคนฟังเพลงไปเรื่อย ตอนเปิดฟังก็มีของคนที่รู้จักบ้างเพราะทั้งหมดก็มีชื่อเสียงมากอยู่แล้ว
    แต่ฟังๆไปก็รู้สึกว่าถึงจะถึงจะเปลี่ยนคลื่นฟัง ทั้ง 4-5 ช่องนี้ก็จะเปิดเพลงของนักร้องคนนึงบ่อยมาก
    คือถ้าเปิดไว้ทั้งวันก็จะได้ยินเพลงของคนนี้ประมาณวันละ 2 ครั้งได้
    แถมเรารู้สึกว่าเพลงมันติดหูมาก เสียงร้องเป็นเอกลักษณ์แบบคิดว่าคนเดียวกันร้องแน่ๆ
    แต่แน่นอนว่าฟังไม่ออกและไม่รู้ชื่อเพลง 5555 เลยต้องให้แอป Soundhound ช่วยเหลือ
    ซึ่งมันคือเพลงนี้ "The Key" อัลบัม From M.E. to Myself ปี 2015

    จริงๆเราได้ยินชื่อ JJ Lin มานานแล้วแต่ไม่เคยไปนั่งลองฟังว่าเป็นยังไงบ้าง รู้สึกช้าไปแบบมากๆๆ 
    แต่พอลองตามไปฟังเรื่อยๆอีกยิ่งชอบ อาจเพราะว่าตรงสไตล์เราที่เราชอบฟัง 
    เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ต้องเปิด Section ใหม่ในวันนี้นี่เอง 55555

    JJ Lin (Lin JunJie / 林俊傑) (37 ปี ณ 2018) 
    เกิดและเติบโตที่สิงคโปร์ (พี่ดูเป็นที่รักของคนสิงคโปร์มากอ่ะ ไม่แปลกใจที่วิทยุจะเปิดเพลงบ่อย)
    เริ่มฝึกงานในค่ายเพลง Ocean Butterflies ด้วยการแต่งเพลงในศิลปินคนอื่นๆในช่วงปี 2000 
    ก่อนจะได้เดบิวท์อัลบัมแรกของตัวเองใน ปี 2003 แลัวย้ายไปทำงานที่ไต้หวันจนถึงปัจจุบัน
    และมีชื่อเสียงในวงการเพลงภาษาจีนกลาง (Mandopop) มาตั้งแต่นั้น
    ซึ่งถ้านับจนถึงวันนี้ก็ออกมา 13 อัลบัมแล้ว โดยอัลบัมล่าสุดพึ่งออกไปเมื่อปลายปี 2017
    ความดังของ JJ น่าจะระดับต้นๆ แบบบัตรคอนเสิร์ตหายากมากจนมีข่าวว่า
    แฟนคลับปล่อยข่าวดิสเครดิต JJ เพื่อให้มีคนปล่อยบัตรคอนเลย (ด้อมนี้น่ากลัวมากๆ)

    จากที่ไปนั่งตามฟังย้อนหลัง 15 ปีของ JJ Lin ก็พบว่าเราชอบเพลงในยุคแรกๆปี 2003 - 2004 
    กับยุคหลัง ปี 2009 เป็นต้นมา

    อัลบั้มแรก Music Voyager (2003) แล้วก็อัลบั้ม 2 Haven (2004) สไตล์เป็น R&B 90s นิดๆ แบบฟังแล้วรู้เลยว่าชอบไมเคิล แจ็คสัน อย่างแน่นอน เพราะมีกลิ่นอายชัดเจนมาก เช่น
    (ป.ล. โปรดมองข้ามความเด๋อของ mv ยุค 2000 ต้นๆ ด้วยนะคะ ^_^'')


    อัลบั้ม 2 ยังคงสไตล์คล้ายๆอัลบั้มแรก แต่เริ่มมีการใส่ดนตรีจีนเข้ามาด้วย

    มีเพลงน่ารักๆ อย่าง "Perfect Match" ซึ่งชื่อเพลงในภาษาจีนตรงตัวน่ารักกว่า 
    เพราะแปลว่า น้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ (พอไปหาคำแปลอ่านแล้วก็ต้องอยากซื้อมากินเองบ้าง 555)
    แปลกดีที่ spotify จัดกลุ่มเพลงนี้อยู่ในเพลงแดนซ์ งงเล็กน้อย 555

    แต่ในอัลบัมนี้เรากลับชอบเพลงนี้มากที่สุด ซึ่งดูเหมือนมันจะอยู่ใน side B (?)

    ช่วงปี 2005 - 2008 อัลบัม -6 สำหรับเราอาจจะไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่ดูจากเพลงที่เลือกเข้า Playlist 
    แต่ก็จะมีเพลงที่น่าสนใจที่ใส่ดนตรีจีนไว้ เช่น Tales of the Red Cliff  อัลบัม Sixology

    ข้ามมาช่วงตั้งแต่ปี 2009 เลยดีกว่า
    อัลบัม She Says ปี 2010 เป็นอัลบัมรวมเพลงที่ JJ แต่งให้คนอื่น แล้วเอามาร้องเองเยอะมาก ซึ่งทั้งหมด
    original version เป็นผู้หญิงร้องหมดเลย แต่เอามาเปลี่ยนดนตรีใหม่
    ซึ่งเราว่าเวอร์ชั่น JJ ก็ดีมาหเหมือนกัน แต่บางเพลง original อาจดูเหมาะกว่านิดหน่อย
    อาจจะเพราะดนตรีและเสียงผู้หญิงร้อง
    เริ่มด้วยเพลงแรกๆที่ JJ แต่งก่อนจะเดบิวท์ "Remember"


    original

    จริงๆในอัลบัมแรก เอาเพลงนี้ไปใส่เนื้อใหม่ แต่รู้สึกเนื้อใหม่มันไม่ค่อยลงล็ิกกับทำนองยังไม่รู้เนื้อเพลงoriginal ดีกว่า

    "Smiling eyes" เวอร์ชั่น JJ ดีกว่าอย่างชัดเจน เพราะเสียงถึงกว่า original

    original

    "Whenever" เพลงนี้ทำนองติดหูมากๆเลย

    original

    และเพลงสุดท้าย "Wall" ที่เอามาทำใหม่ในอัลบัมนี้ เราแอบชอบสไตล์ใน original มากกว่านิดหน่อย
    แต่พอเป็นอะคูสติกล้วนในเวอร์ชั่น JJ ก็ดีเหมือนกัน

    original

    อัลบัม Stories Untold ปี 2013 ค่อนข้างเด่นเพราะมีเพลงที่มีเกสต์เข้ามาแจมเยอะมาก
    เช่น Mayday Wang Leehom
    แต่เพลงเร็วที่เราชอบที่สุดอยู่ในอัลบัมนี้ 5555 (เราแอบรู้สึกว่าเขาแต่งเพลงช้าเก่งกว่าเพลงเร็วนะ)

    หรือว่า "Before Sunrise" ที่เราคิดว่าดนตรีมันเหมาะกับชื่อเพลงดีแม้จะฟังไม่ออกเลย

    แต่เพลงที่ทำให้เราเริ่มหาเพลงอื่นๆของ JJ ฟังเพื่อทำให้หลุดจากเพลงนี้ (ไปสู่เพลงอื่นๆอีกมากมาย 555)
    เนื่องจากพอไปตามหาคำแปลแล้วพบว่า Background story เศร้ามาก 
    ฟังดูเหมือนพล็อตหนังที่เป็นเรื่องจริง
    เพลงนี้ JJ แต่จากเรื่องสมัยเรียนมัธยม ได้มีรุ่นน้องมาชอบ ตามส่งข้าวเช้าให้ถึงบ้าน JJ ทุกวัน
    แต่ JJ ไม่ได้ชอบน้องคนนี้ แล้วก็ได้ปฏิเสธไป แต่รุ่นน้องก็ยังทำให้ JJ ได้รู้จักกับสาวที่เป็นรักแรก
    ซึ่งเป็นเพื่อนของเธอเอง หลังจากที่ JJ คบกับเพื่อนคนนี้ไปแล้วไม่กี่เดือน 
    รุ่นน้องคนนี้ก็เสียชีวิตในเหตุการณ์เครื่องบินตกที่อินโดนีเซีย เครื่องบินระเบิดก่อนตกลงในแม่น้ำ
    ทำให้ไม่สามารถพบและระบุศพใครได้ เป็นข่าวใหญ่ในปี97เพราะผู้โดยสารเกือบทั้งลำเป็นชาวสิงคโปร์ 
    JJ ทราบว่ารุ่นน้องเสียเพราะเห็นรูปถ่ายของตัวเองในสัมภาระของผู้เสียชีวิตในหนังสือพิมพ์
    ซึ่งจำได้ว่าเคยให้รุ่นน้องคนนี้ไว้ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมน้องถึงพกรูป JJ เดินทางไปด้วย
    เลยทำให้ JJ ต้องโทรไปบอกระบุตัวตนเจ้าของสัมภาระกับหนังสือพิมพ์ที่ลงรูป
    เพราะครอบครัวของรุ่นน้องเสียพร้อมกันทั้งหมด เพื่อติดต่อให้ญาติมารับของไป
    พอตอนใกล้จะเรียนจบ ป้าของรุ่นน้องที่เสียก็ฝากเอารูปถ่าย JJ ใบนั้นมาคืนให้และเขายังเก็บมันไว้

    เลิกเศร้าแล้วมาที่ปี 2014 อัลบัม Genesis 
    เปิดอัลบัมมาด้วยเพลงไม่มีเนื้อร้อง ซึ่งเราชอบมาก แต่เสียในที่ไม่มี list เพลงในwiki อัลบัมนี้หาย T^T
    เลยต้องไปให้อากู๋แปล ชื่อเพลง  迴  ซึ่งน่าจะแปลว่า Return

    กับเพลง "The Beacon" ซึ่งเราชอบการไล่โน๊ตในท่อนฮุกมากเลยไม่รู้ทำไม

    ต่อมาปี 2015 อัลบัม From M.E. to Myself ซึ่งน่าจะเป็นอัลบัมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ JJ Lin
    นอกจาก The Key ที่ทำให้เราเริ่มมาลองฟังเพลงของ JJ แล้ว อัลบัมนี้ยังมีเพลงที่ทำให้ JJ ได้รางวัล 
    Best Composer พร้อมกับ Best Mandarin Male Singer จากงาน Golden Melody Awards ครั้งที่ 27
    ซึ่งจัดโดยกระทรวงวัฒนธรรมไต้หวัน

    Best Composer จากเพลง "Twilight" ที่ชื่อเพลงภาษาอังกฤษไม่ค่อยสื่อถึงเนื้อหาเท่าชื่อเพลงจีน
    ที่แปลว่า เพลงที่ไม่ได้แต่งเพื่อใคร นอกจากทำนองที่เด่นมาก เนื้อเพลงก็ดีเลยทีเดียว

    ซึ่งในอัลบัมนี้ Track ช่วงหลังทั้งหมดเป็นอะคูสติกที่อัดเสียงด้วยเทคนิค Dummy Head Recording 
    ซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนฟังสด อาจจะเบาถ้าไม่ได้ฟังกับหูฟัง แต่ถ้าฟังกับหูฟังจะรู้สึกแปลกใหม่ดี

    อัลบัมล่าสุด Message in a Bottle ปี 2017
    ก็มีเพลงเร็วที่ทำนองติดหูอีกแล้ว

    เพลงเศร้าของ JJ ยังคงเป็นจุดเด่นจนอัลบัมล่าสุด

    หรือเพลงฟังสบายๆอย่าง "Message in a Bottle"

    หรือ "Paper Clouds"

    เพลงภาษาอังกฤษและแนวเพลงที่หลากหลาย

    เราคิดว่าทักษะทางดนตรีของ JJ ก็หลากหลายมากพอสมควร จากการฝึกเปียโนอย่างเข้มงวดตั้งแต่เด็ก หลายเพลงที่เหมือนอยู่ใน side B เราค่องข้างชอบเพราะสไตล์ดนตรีที่ทำให้รู้สึกว่า โห แต่งแบบนี้ได้ด้วยรวมทั้งเพลงภาษาอังกฤฤษ โดยส่วนมาก JJ จะไม่ค่อยแต่งเนื้อเพลงภาษาจีนเอง แต่จะแต่งเนื้อเพลงเอง
    เฉพาะที่เป็นเพลงภาษาอังกฤษ ซึ่งจะมีอยู่ประมาณอัลบัมละ 1 เพลง 
    ในอัลบัมแรกๆซึ่งยังเป็นเพลงรักทั่วไป เช่น "Endless Road" อัลบัม Haven (2004)

    แต่ช่วงหลังๆก็จะเริ่มเป็นเพลงที่หลากหลายขึ้น
    เช่น Cinderella ในอัลบัม Lost N Found ซึ่งเป็นเพลง Jazz มาเลย

    เพลง I am alive ที่ feat. กับเจ้าพ่อเพลงชิล Jason Mraz ในอัลบัม Genesis ปี 2014 
    เนื้อเพลงพลังบวกมาก เหมาะกับการเอาไว้ฟังสะกดจิตตัวเองให้มีกำลังใจได้

    หรือเพลงที่เนื้อหาที่ดูดาร์กๆ อย่าง "Lier and Accuser" อัลบัม From M.E. to Myself
    (เดาว่าแต่งจากช่วงที่โดนข่าวเรื่องผู้หญิง ซึ่งโดนข่าวแนวนี้เยอะและบ่อยมากจนไม่รู้อันไหนจริงไม่จริง)

    แต่เพลงภาษาอังกฤษที่ผ่านมาทั้งหมดของ JJ เราชอบ "Until The Day" จากอัลบัมล่าสุดที่สุด
    นอกจากทำนองที่ติดหู เนื้อหาก็ดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นด้วย
    ฟังๆแล้วก็สังเกตได้ว่าเนื้อเพลงภาษาอังกฤษที่ JJ แต่ง ใช้คำว่า lier / liar เยอะเลย
    ส่วนตัวรู้สึกว่า JJ มีเพลงหลายแนวที่อาจจะอยู่ใน Side B แต่แนวเพลงมีความแตกต่างและเราชอบมาก
    เช่น "One By One" อัลบัม Hundred Days ปี 2009 แต่เราไม่แน่ใจว่ามันเป็นการผสมแนวเพลง
    แบบไหน Blue หรือ Soul หรือไม่ใช่ทั้งคู่ ใครทราบรบกวนบอกทีนะคะ ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องดนตรี

    หรือเพลง Shuixian 水仙 ในอัลบัม Genesis  ที่ไม่แน่ใจว่าชื่อภาษาอังกฤษของเพลง
    คือ The Garden หรือ Narcissus ตามความหมายของชื่อเพลง (ชื่ออาม่า JJ) ในภาษาจีนกันแน่
    เพลงนี้แต่งให้อาม่าที่เสียในช่วงที่ JJ ติดทัวร์คอนเสิร์ตพอดี 
    (เข้าแก๊งแต่งเพลงให้ย่ายาย กับแมะอี้ 1975 (Nana) และตาเอ็ด ชีแรน (Supermarket Flowers) ได้เลย)
    ซึ่งเพลงนี้ก็ดูเป็นจังหวะ waltz ไปเลย แต่ก็ต้องของคุณคนเรียบเรียงดนตรีด้วยเพราะมากทีเดียว

    --------------------------------------------------------------

    ส่วนตัวเราคิดว่าจุดเด่นของ JJ Lin อยู่ที่สไตล์เพลงป๊อป บัลลาด จังหวะช้าๆถึงไม่เร็วมาก
    (สไตล์เพลงอาจจะอีโมๆ ตามประสาเพลงบัลลาด ใส่อารมณ์เยอะ โชว์พลังนิดนึง แต่เราชอบนะ แหะๆ)
    เสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์แบบฟังแล้วน่าจะจำได้ในเวลาอันรวดเร็ว
    จริงๆที่เราชอบเพราะได้ดู Live ในยูทูป แล้วชอบการแสดงสดของเขาด้วย มีความเห็นใน Quora
    เขียนว่าฉายาของ JJ คือ Walking CD เพราะถึงจะแสดงสดก็ไม่ต่างจากฟังใน CD 

     JJ เป็นแฟนเกม Dota ซึ่งในเกม Dota 2 JJ ก็ได้ทำ Music Packให้เกมด้วย (ฝันแฟนบอยเป็นจริง)
    (สำหรับซื้อมาให้เป็น option เสริมในเกม) ฟังแล้วดีเลย ต่อไปทำสกอร์หนังบ้างนะคะ

    นอกจากจะแต่งเพลงให้ตัวเองแล้วก็แต่งคนคนอื่นเยอะไปหมดนี่ก็เจ๋งดี 
    (ถึงจะไม่เยอะเท่า Jay Chou ก็ตาม) จนมีคนรวมเป็นคลิปไว้

    เลยทำให้การเป็น composer ของ JJ คือสิ่งที่เราชอบที่สุด
    เราคิดว่าทำนองเพลงของเขามัน catchy เสมอและค่อนข้างติดหู
    เหมือนเขามีทำนองดีๆอยู่เยอะแยะเต็มไปหมด แล้วปล่อยมาอีกได้เรื่อยๆ
    ฟังภาษาจีนไม่ออกก็ชอบเพลงเขาได้ เราชอบเสียงเปียโน กีตาร์อะคูสติก แล้วก็เครื่องสายที่ใส่มาในเพลงจนรู้สึกว่าฟังเพลง JJ แล้วอยากลองเรียนเปียโน มากกว่าเรียนภาษาจีน 555

    แต่อาจจะเป็นจุดอ่อนนิดหน่อยเนื่องจาก JJ จะไม่ค่อยแต่งเนื้อเพลงเอง โดยเฉพาะเนื้อเพลงภาษาจีน
    ตามบล็อกวิจารณ์เพลงมีบ้างที่เขียนว่า JJ ไม่ค่อยฉีกแนวทดลองแนวเพลงใหม่ๆแปลกๆ
    เหมือนคนอื่นซักเท่าไหร่ เหมือนอยากรักษาคุณภาพให้ได้แบบเดิมตามมาตรฐาน
    แต่กี่อัลบัมออกมาก็ยังกระแสตอบรับดีตลอด ซึ่งเฉลี่ยแล้วก็ออกอัลบัมเกือบทุกปี

    นอกจากทัวร์คอนเสิร์ตในปีนี้ JJ ยังเป็น Mentor ในรายการ Sound of My Dream ของจีน
    ซึ่งเป็นมา 3 ซีซั่นแล้ว (เข้าแท็กแล้วเจอแต่ Jackson GOT7 ที่เป็น mentor รายการนี้เหมือกัน 555)
    ซึ่งรายการจะให้คนที่มาออดิชั่นแล้ว Mentor ให้ผ่านได้เข้ามา Battle กับ Mentor
    โดยให้เวลา 3 ชั่วโมงในการดีไซน์โชว์จากโจทย์เพลงที่ได้รับแข่งกับทีม Mentor
    ซึ่งโชว์ของ JJ คุณภาพสูงมาก จนเราต้องไปแอบตามดูแม้จะฟังไม่รู้เรื่องเลย 555

    ถึงฟังไม่ออกแต่เพลงเพราะนะ >//<
    =

    ===========================================================================

    เอาล่ะ พอดีกว่า ยาวเหลือเกิน ใครอ่านจะก็ขอบคุณมากๆเลยนะคะ เขียนด้วยความเหงา 5555
    เอาเป็นว่าแนะนำให้รู้จัก JJ Lin กับงานที่ผ่านๆมาแล้วกันจริงๆเขาดังมากและดังมานานแล้ว แต่เราเองที่พึ่งมาเริ่มฟัง และค้นพบว่าพี่แกเจ๋งระดับใกล้เคียง Jay Chou เลย เป็นสไตล์มากความสามารถเหมือนกันสำหรับเป็นทางเลือกใครที่ชอบฟังแนวนี้ หรืออยากลองเปลี่ยนบรรยากาศมาฟังเพลงจีนหรือใครอยากฟังเพลง JJ Lin ที่เรารวมๆไว้ใน Spotify ก็จิ้มได้เลยนะคะ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in