เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บันทึกไปวันๆSummer_time
จบทริปแล้วไปไหน
  • ทริปยาว 7 วันครั้งแรกในรอบหลายปีเกิดขึ้นอย่างฉุกละหุก และเพิ่งจบไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

    เป็นทริปที่เริ่มขึ้นเพราะอยากเห็นผู้ชายที่เพื่อนคุยอยู่ว่าตัวจริงของเขาจะเป็นยังไง จุดใหญ่ใจความก็คือว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนประเภทเดียวกับฉัน (นพลักษณ์เดียวกันตามที่เพื่อนบอก) ดังนั้น ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน เวลาที่เพื่อนไม่เข้าใจการกระทำของหนุ่มคนนี้ เธอก็จะมาเอามาถามฉัน ทำให้ฉันสนใจใคร่รู่ขึ้นมา

    ฉันเริ่มต้นด้วยคำถาม (อย่างที่ใครว่าไว้ curiosity killed the cat. แต่คิดว่าฉันไม่โชคร้ายขนาดนั้น... มั้ง?)

    คำถามที่ว่าก็คือ คนที่เป็นคนประเภทเดียวกับเรา ที่คิดด้วยวิธีคิดแบบเดียวกัน มีลักษณะใหญ่ๆ เหมือนเรา มันมีจริงเหรอ?

    จริงเหรอ??

    แน่ใจเหรอ???

    เอาจริงเหรอ????

    แน่นะวิ?????

    แล้วฉันก็กึ่งบังคับกึ่งผลักดันให้เพื่อนคนนี้เดินทางในรอบ 8 ปีออกนอกพื้นที่ปลอดภัยของตัวเองเพื่อตอบข้อสงสัย (ส่วนตัวของฉันนั่นแหละ) ถึงขั้นอาสาเป็นตัวตั้งตัวตี

    เริ่มด้วยใช้จังหวะบังเอิญที่ฉันไปกรุงเทพ สั่งให้เพื่อนเก็บข้าวของแล้วกลับมาบ้านที่ต่างจังหวัดกับฉันก่อน (ใช้กลยุทธ์ไม่ให้มีเวลาคิดนาน ใช้ความที่กำลังมึนงงลากเพื่อนออกมาจากบ้านดื้อๆ) จากนั้นฉันก็พาเธอเที่ยวบ้านฉันอีก 5 วัน พาไปตระเวนกินของอร่อยจนน้ำหนัก (ที่เธออุตส่าห์ตั้งใจลดมาเป็นปี) ขึ้นพรวดๆ พาเธอไปนั่งอ่านหนังสือริมลำธาร พาไปเที่ยวร้านเหล้าตอนกลางคืนแถวบ้าน พาไปร้านกาแฟเจ้าประจำ เรียกง่ายๆ ว่าส่วนใหญ่พาไปทำกิจกรรมที่ฉันทำอยู่แล้วนั่นเอง ให้เธอมาสัมผัสชีวิตประจำวันของฉัน (เพื่ออะไรก็ไม่รู้? แต่โชคดีที่เพื่อนแฮปปี้)

    แล้วจากนั้นก็ได้เวลาเดินทางไปเชียงใหม่ เราเริ่มด้วยการนั่งรถทัวร์สี่ชั่วโมงไปลงอาเขต แล้วเธอก็ขอให้หนุ่มคนนั้นมารับที่สถานีอาเขต และนั่นก็คือครั้งแรกที่เราได้เจอกับ that guy

    โอเค first impression ถือว่าดี ยิ้มสวย มารยาทงาม (เหมือนตัดสินนางงาม ^^")

    ช่วงแรกฉันเกร็งสุดๆ เพราะปกติฉันคือมนุษย์ถ้ำที่ทำงานที่บ้าน วันๆ ไม่ได้ออกไปพบเจอใคร ไม่ค่อยเล่นโซเชียล ไม่ค่อยติดต่อเพื่อน การออกจากบ้านโดยมีเป้าหมายมาเจอคนก็ถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับฉันเหมือนกัน

    ส่วนเพื่อนน่ะเหรอ?... ไม่ต้องห่วง รายนั้นน่ะเขินจนพูดไม่หยุดทั้งทริป (ฉันยังยุให้เธออยู่ต่ออีกหน่อยหลังจากฉันกลับบ้านไปแล้วด้วย)

    ว่าแต่ค่าความสงสัยนี่ก็แพงอยู่เหมือนกัน

    ทีแรกแค่ตั้งใจว่าจะออกเงินให้เพื่อนไปคนเดียว เพราะฉันคงกระอักกระอ่วนถ้าต้องไปเป็นส่วนเกิน (third wheel) ในความสัมพันธ์ของใคร แต่สุดท้ายด้วยความที่อยากเที่ยวเป็นการส่วนตัวด้วย ฉันก็ไปลากเอาพี่สาวตัวเองให้มาร่วมทริปอีกคน 

    แล้วเราทั้ง 3 ก็พาตัวเองมาที่เชียงใหม่กันทั้งหมด พร้อมคนพื้นที่อีก 1 รวมเป็น 4 
    ค่าใช้จ่ายเกือบบานปลาย แต่ยังดีที่หอบหิ้วกันไปนอนพักฟรีที่บ้านหนุ่มเชียงใหม่ได้อยู่ เลยช่วยประหยัดไปอีกนิด ถึงแม้จะมีเรื่องเกิดขึ้นที่บ้านของเขานิดหน่อยก็เถอะ แต่โดยรวมฉันมองว่าการออกมาครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่ดีแหละ

    ถือว่าเป็นทริปที่ประสบความสำเร็จเลยทีเดียว

    ยังไงน่ะเหรอ?

    1. เพื่อนฉันได้เจอคนที่ตัวเองคุยด้วยตัวเป็นๆ ได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นในหลากหลายแง่มุม

    2. เพื่อนฉันได้ออกจากเซฟโซนในรอบ 8 ปี ได้เปิดหูเปิดตา และเปิดใจ

    3. ฉันได้เที่ยวเชียงใหม่กับพี่สาว (เมื่อก่อนเคยแค่มาโฉบๆ เท่านั้น แล้วก็กลับ แต่ไม่เคยได้ต้งใจเที่ยวจริงๆ สักที)

    4. ฉันได้ตอบคำถามของตัวเองเกี่ยวกับเรื่อง "นพลักษณ์" (ก็คือเรื่องที่เพื่อนศึกษาแล้วบอกว่าฉันกับหนุ่มคนดังกล่าวคือคนลักษณ์เดียวกันนั่นเอง)

    เชียงใหม่ดีกว่าที่คิด (ฉันชอบที่ได้ไปนั่งแช่เท้าที่น้ำตกห้วยแก้ว เย็นสบาย ใกล้ตัวเมือง แถมมีสัญญาณเน็ตด้วย) และคนที่เราตั้งใจมาเจอก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย (และมีหลายอย่างที่ชอบเหมือนกับฉันจนชักจะกลัวเรื่องนพลักษณ์นี่ละ เพียงแต่คำตอบที่ฉันได้จากการถามว่าคนนพลักษณ์เดียวกันจะเหมือนกันทุกอย่างไหมนั้นก็ดีเหมือนกัน: ฉันพบว่าเรื่องการเลี้ยงดูและประสบการณ์ก็ทำให้คนเราไม่ได้เหมือนกัน 100% หรอก ซึ่งก็ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วแหละ จากความเชื่อส่วนตัวของฉันน่ะนะ)

    คราวนี้พอทริปจะจบ เราก็เริ่มคุยกันว่าจากนี้จะเอาไงต่อ (วะ)

    แต่ส่วนใหญ่สิ่งที่เรากังวลกันก็คือเรื่องอาการซึมเศร้าหลังเที่ยวมากกว่า ฉันคิดว่าตัวเองคงไม่เป็นไร แต่สุดท้ายพอลองสังเกตดู ก็คิดว่าน่าจะมีอาการแบบนั้นอยู่

    หลังทริปจบ ฉันก็เริ่มกลัวการต้องเผชิญหน้ากับความจริง (เช่นว่า เงินฉันร่อยหรอไปแค่ไหน) เลยยังพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองอยู่

    ข้อดีของการทำเช่นนี้คือทำให้ฉันอ่านหนังสือจบไปเล่มหนึ่งโดยใช้เวลาแค่ 2 วัน ถือเป็นสถิติใหม่ในรอบหลายปีเลยนะขอบอก
    ส่วนข้อเสียก็คือ หลังอ่านหนังสือเล่มนั้นจบ ฉันยังสลัดความกลัวที่จะต้องเผชิญความจริง (ของชีวิตตัวเอง) ออกไปไม่ได้อยู่ดี มันแค่เลื่อนออกไปเท่านั้น

    ฉันสูดหายใจลึกขณะที่เขียนโพสต์นี้ ยังไงพอเขียนจบ ฉันก็คงต้องไปเผชิญความจริงอยู่ดีสินะ

    ถ้างั้นก็ไปกันเลยใน... 5... 4... 2... 3...1
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in