เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Life Is Just a Bowl of Cherriesdelilah
day two: tranquil city
  • วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ.2561




    เดือนตุลาคม ช่วงเวลาที่เกือบทั่วมุมโลกกำลังย่างเข้าสู่เหมันตฤดู เทศกาลคริสต์มาสมีสัญญะเป็นซานตาครอสใส่ชุดขนสัตว์ตัวหนา วงการแฟชั่นทั่วโลกกำลังวางขายคอลเลคชั่น สปริง-วินเทอร์ ซึ่งเปลี่ยนผันไปตามฤดูกาลโลก แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตรจากสวรรค์เป็นนรกที่วอลลายครีก

    หากใครหลายคนกำลังนึกแย้งอยู่ในใจว่าฤดูร้อนไม่ได้ย่ำแย่ขนาดนั้นนี่นา ลิลิเบธคงต้องขอใช้หัวเธอเป็นประกัน ว่าโลกหน้าร้อนสมมุติที่พร้อมด้วยชายหาดและสาวเปลือยไม่ได้มีอยู่จริงในเมืองนี้ หลัก ๆ เลยก็คือทะเลที่ใกล้ที่สุด ห่างตัวเมืองไปแล้วกว่าเก้าร้อยไมล์ ส่วนในตัวเมืองยิ่งไม่ต้องพูดถึง ฝนตกชนิดนับครั้งได้ในรอบปี ประชากรรุ่นใหม่เกือบครึ่งพากันอพยพเข้าเมืองใหญ่อย่างแคนเวก ซิตี้

    แต่ที่แย่สุด ๆ คือในขณะที่ดรรชนีความร้อนทะยานขึ้นสูงจนเลยขีดมาตรฐาน และเครื่องปรับอากาศยังคงถูกพิจารณาเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ชาวเมืองกลับต้องหอบสังขารที่ใกล้ระเหิดเต็มทีไปชมนิทรรศการศิลปะซึ่งถูกจัดขึ้นโดยมิสลาน่า หญิงสาวดูมีอันจะกินซึ่งย้ายเข้ามาจากรัฐอื่นเมื่อสามปีก่อน หล่อนซื้อบ้านสวนขนาดเจ็ดเอเคอร์ที่ราคาต่ำลงเรื่อย ๆ (เพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นที่ดินอัปมงคล) อันที่จริงมันไม่ใช่ความผิดของบ้านสวนหรอกที่ราคาตก แต่เป็นเพราะสวนน้ำร้างของโครงการ โนอาห์ วอเธอร์ พาร์ค ในเขตที่ดินข้างเคียงต่างหาก ซึี่งปัจจุบันเป็นเพียงเศษซากความฝันของเศรษฐีสำเนียงชาวใต้ที่ทุนหนาแต่ไร้สมอง เกิดอยากสร้างโอเอซิสกลางทะเลทรายขึ้น จึงเข้ามาลงทุนกิจการสวนน้ำ แหล่งน้ำในฝันที่วอลลายครีก ซึ่งล้มเหลวไม่เป็นท่า หลัก ๆ เลยก็น้ำที่ใช้หมุนเวียนเป็นน้ำบาดาลซึ่งไม่เพียงพอ คนมาใช้บริการก็เท่าขี้ฝุ่น เพราะพื้นเพคนในเมืองนี้มีเงินแค่พอประทังชีวิต จะนำไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยแบบนั้น ชาวบ้านธรรมดาไม่มีทางยอมจ่ายง่าย ๆ นักท่องเที่ยวก็ไม่ได้มีเข้ามาตลอด แค่ไม่กี่ครอบครัวที่พยายามเดินทางข้ามรัฐไปทางตอนใต้ และจำใจต้องหยุดพักในวอลลายครีกเท่านั้น หลังเปิดได้หกเดือนธุรกิจจึงพังไม่เป็นท่า



    ลิลิเบธสำรวจเงาในกระจกอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าแต่งกายอย่างเหมาะสมดีแล้ว ก่อนจะหยิบลิปสติกสี ดัสตี้ โรส ราคาแพงที่แฟนหนุ่มคนแรกซื้อให้สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ดีเริ่ด  ลิลิเบธไม่รู้จะต้องแต่งเติมอะไรเพิ่มแล้ว เธอแต่งหน้าไม่เป็น อาจเพราะเธอไม่จำเป็นต้องแต่ง ในสภาพอากาศที่ชวนให้ล้างหน้าทุก ๆ ครึี่งชั่วโมงแบบนี้ เครื่องสำอางดูจะไม่มีประโยชน์เลยสำหรับสาว ๆ ในวอลลายครีก

    รถยนต์โตโยต้าสีดำของมิเชลมาจอดรอรับในอีกห้านาทีต่อมา ตอนนี้พึ่งเก้าโมงครึ่ง มีเวลาทันถมเถก่อนไปถึงนิทรรศการของมิสลาน่า มิเชลน่ารักเหมือนเคย ผมบลอนด์ถูกถักเปียไขว้อยู่ด้านหลังศีรษะ ชุดสีขาวเรียบ ๆ แต่สะอาดเรียบร้อย ดูเหมาะสมมากกับธีมชุดขาวของงานที่แจ้งไว้ในบัตรเชิญ

    "ยัยนั่นเป็นบ้า" นั่นคือคำทักทายแรกจากเพื่อนสาวคนสนิท ลิลิเบธอดพยักหน้ารัว ๆ ตามไม่ได้ มีคนจิตใจปกติที่ไหนบ้างจะร่อนบัตรเชิญชมงานศิลปะกลางบ้านป่าเมืองเกษตรเช่นนี้
    "บ้า แต่ก็เป็นคนดีทีเดียว จำเมื่อหน้าแล้งปีก่อนได้ไหม ที่พายุฤดูร้อนเข้าทำลายไร่ข้าวโพดของครอบครัววัทสันน่ะ หล่อนเป็นคนแรกเชียวนะที่หยิบยื่นความช่วยเหลือแก่ไร่ ยายวัทสันก็ประทับใจยกใหญ่ พาลจะหมายหมั้นเอามิสลาน่ามาเป็นสะใภ้ให้ได้"
    "แต่ไม่สำเร็จ ? "
    "แน่นอน ไม่ใช่เพราะมิสลาน่าไม่เลือกเขาหรอกนะ แต่ได้ยินมาว่าหลังจากไปพบเจ้าหล่อนแค่ครั้งเดียว เขาก็เปิดแน่บชนิดที่ว่าไม่ย่างกรายเข้าใกล้บ้านสวนนั่นอีกเลย พ่อหนุ่มวัทส้นคนนั้นน่ะ"

    มิเชลหรี่ตาอย่างใช้ความคิด ทุกคนต่างไม่มีใครทราบเบื้องลึกเบื้องหลังของมิสลาน่าอย่างแท้จริง รู้แค่ว่าเป็นหญิงวัยกลางคนที่ประสบความสำเร็จ หน้าตาดี และนิยมงานศิลปะ ส่วนสาเหตุที่เธอย้ายเข้ามาในเมืองเส็งเคร็งแบบนี้ ไม่มีใครเคยทราบ แต่คนที่บ้าพอจะย้ายมาอยู่ข้างสวนน้ำผีสิงนั่นได้ ก็ต้องเป็นคนบ้าในระดับหนึ่งเป็นแน่


    *


    สิบห้านาทีต่อมา รถสีดำปาดเทียบริมรั้วไม้เลื้อยใกล้สวนน้ำเก่า สถานที่จัดงานครั้งนี้คือเรือนกระจกในสวนของมิสลาน่าผู้คนส่วนมากมาถึงงานแล้ว อาจเพราะเมืองนี้ไม่ได้จัดงานรื่นเริงบ่อยนัก นอกจากเทศกาลประจำปีไม่กี่งาน หรืองานแต่งงานที่ไม่ถี่นักของชาวเมือง การที่ผู้คนจะมารวมตัวกันได้พร้อมหน้าเช่นนี้ จึงเป็นโอกาสอันพิเศษของใครหลายคน แต่ไม่ใช่สำหรับลิลิเบธแน่ เธอจูงมือมิเชลหลบหลีกหญิงวัยกลางคนหลายชีวิตที่ดูจะตื่นเต้นเกินพอดีกับนิทรรศการงานศิลป์นี้ ยกตัวอย่างก็นั่นเลย จูดี้ เจ้าของบาร์เล็ก ๆ ในวอลลายครีก หล่อนกำลังสอบถามสารทุกข์สุกดิบของชาวเมืองราวกับไม่ได้เจอกันมาชาติเศษ ดวงหน้าอวบอูมที่แดงเหมือนมะเขือเทศ กำลังขยายใหญ่ทุกครั้งที่หล่อนอุทาน ลิลิเบธไม่แปลกใจเลยหากใครนำเข็มไปจิ้ม แล้วใบหน้านั้นจะระเบิดออก หล่อนตื่นเต้นอะไรนักหนา ทั้งที่ทุกคืนหล่อนก็นั่งจ่อมจมอยู่หลังบาร์ คอยแอบฟังข้อมูลความเป็นไปของผู้คนอยู่แล้ว

    "ขอเชิญทุกท่านเข้างานได้เลยครับ" ชายหนุ่มผิวซีดในเสื้อเชิ้ตลินินสีขาวโปร่ง พูดด้วยเสียงเยียบเย็นผ่านลำโพงขนาดเล็ก ประตูของสวนกระจกเปิดออก ความเย็นแบบยะเยือกแผ่ซ่านออกมาจากภายใน ชวนให้เกิดความรู้สึกขนลุกพิกล แม้ตอนนี้จะเป็นเวลากลางวันที่แดดร้อนอบอ้าว เหงื่อกาฬผุดออกจากขมับและหลังคอ แต่ลิลิเบธกลับไม่ได้อยากรีบตรงดิ่งเข้าไปรับความเย็นของเครื่องปรับอากาศด้วยซ้ำ ตรงข้าม เธออยากวิ่งหนีกลับบ้าน ลิลิเบธทราบดีว่าเธอกำลังคิดไร้สาระไปเอง เพียงจิตที่ปรุงแต่งจากสวนน้ำร้างบ้า ๆ นั่น

    10:05 นาฬิกา

    ลิลิเบธต้องยอมรับให้กับการรังสรรค์สถานที่ของมิสลาน่าจริง ๆ ไม้ดอกนานาพันธุ์ชวนให้ผู้คนลืมความแห้งแล้งของวอลลายครีกไปสิ้น ความเย็นและความสดชื่นเปลี่ยนทุ่งหญ้าเขตร้อนให้กลายเป็นป่าดิบชื้นในพริบตา แต่ละโซนมีดอกไม้ต่างชนิดคละกันไป ซึ่งถูกคั่นด้วยภาพเขียนสีน้ำมันขนาดใหญ่ของมิสลาน่า แต่ไม่ใคร่จะมีใครในเมืองสนใจงานศิลปะแนวนี้หรอก เหมาะกับชนชั้นสูงที่เงินเหลือ ๆ ซื้อไปอวดบารมีและรสนิยมที่ดูเข้าถึงยากมากกว่า เธอเชื่อว่าเศรษฐีบางคนซื้องานพวกนี้มาประดับบ้านโดยไม่ศึกษาคุณค่าของงานด้วยซ้ำ 

    "รับเครื่องดื่มไหมครับ" ชายผิวซีดคนเดิมถือถาดมาตรงหน้าของลิลิเบธ เธอหยิบแก้วเครื่องดื่มสีม่วงเข้มตรงหน้าขึ้นจิบ แม้สีจะประหลาด แต่รสชาติคือสัปปะรดอย่างชัดเจน ลิลิเบธกล่าวขอบคุณเบา ๆ ก่อนที่จะกลับมาให้ความสนใจการตกแต่งภายในเรือนกระจกต่อ ตอนนี้จุดที่เรียกเสียงอื้ออึงจากผู้คนได้มากที่สุด คงจะเป็นแม่น้ำขนาดย่อมที่ล้อมครอบแก้วตรงกลางไว้ นั่นอาจเป็นหนึ่งในการแสดงงานปั้นของมิสลาน่าก็เป็นได้ หุ่นขนาดมนุษย์นั่งตรึงอยู่บนเก้าอี้ขาว ดอกไม้สีม่วงที่ลิลิเบธไม่รู้จักถูกปูเป็นพื้นพรม ขับชุดราตรียาวปักเลื่อมทองบนตัวหุ่นให้เด่นชัด สะกดทุกสายตาให้อดจ้องมองไม่ได้ ใบหน้าครึ่งหนึ่งถูกปิดไว้ด้วยหน้ากากสีขาวประดับมุกทะเล หมวกสีทองเข้าชุดใบใหญ่มีตาข่ายทอดลงมาคลุมจนถึงลำคอ ดูตัดกันอย่างสิ้นเชิงกับผมดำกระเซิงข้างใต้ที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ คงจะเป็นวิกราคาถูกที่ไม่ได้จัดทรงดีนัก ลิลิเบธอธิบายไม่ถูกว่าหุ่นตัวนี้เป็นผลงานที่สวยสะพรึง หรือสวยสยองกันแน่

    10:20 นาฬิกา

    ไม่ถึงสิบนาที ผู้คนก็เลิกให้ความสนใจผลงานศิลปะโดยสิ้น แต่ทุกคนดูมีความสุขดีใต้วิมานเครื่องปรับอากาศที่เย็นเฉียบและอุดมไปด้วยธรรมชาติเช่นนี้ ในขณะที่ผู้คนเริ่มง่วนอยู่กับการสนทนา เคี้ยวคุกกี้แห้ง ๆ รสห่วยแตกที่มีแต่กากน้ำตาลและใช้มาการีนแทนเนยสด ขวดวอดก้าเริ่มถูกส่งต่ออย่างเงียบ ๆ ไปรอบห้อง ชาววอลลายครีกไม่ถืิอสาที่จะดื่มแต่หัววัน อาจเพราะเป็นเมืองเล็กที่ไม่เข้มงวด ตำรวจและนายอำเภอแทบไม่เคยตั้งด่านตรวจจับ หรือเพราะถนนที่โล่งมาก ไม่ว่าจะเมาเป๋แล้วขับรถก็มีความเสี่ยงน้อยมากที่จะเกิดอุบัติเหตุ แต่สาเหตุหลัก ลิลิเบธคาดว่าเป็นเพราะฮีท ฮาวส์กิน นายอำเภอนั่นแหละ ที่นิยมดื่มเสียจนต้องปล่อยให้กฎหมายควบคุมสุราหละหลวมเช่นนี้

    ก่อนที่ชาววอลลายครีกจะดื่มหนักกว่านี้ สูจิบัตรสีขาวก็ถูกแจกจ่ายไปรอบ ๆ พร้อมดอกแวววิเชียรสีม่วงเข้มคนละหนึ่งช่อ

    ข้อความเป็นการอธิบายคร่าว ๆ เกี่ยวกับประวัติของผลงานศิลปะแต่ละชิ้นในที่จัดแสดง ล่วงมาถึงหน้าสุดท้ายที่บรรยายอย่างละเอียดถึงผลงานใต้ครอบแก้ว เสียงกรีดร้องเริ่มระงมขึ้น บางคนรับไม่ได้ พยายามเดินออกไป ลิลิเบธหันไปมองมิเชล ซึ่งส่งแววตาที่ตื่นกลัวอย่างสุดขีดกลับมา

    วอลลายครีก อาจไม่ใช่เมืองที่สงบสักทีเดียว




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in