เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
You’re all I see [Jongin x Kyungsoo]Nuynyaloners
Yeah, I’m thinking about you right now, and no I can’t stop.




  • Chapter 6

     

     

     

    Title: Yeah, I’m thinking about you right now, and no I can’t stop.
    Pairing: EXO
    Rated: PG
    Genre: Romantic
    Hastag: #รักแห่งไคซู








    To.D

     

     

    I fell in love with the way you touched me without using your hands.

     

     

    K.




    วันนี้อาจจะเป็นวันธรรมดาๆ สำหรับใครหลายๆ คน แต่อาจจะเป็นวันพิเศษสำหรับใครบางคนที่กำลังมีความรัก

    วันนี้เป็นวันที่อากาศร้อนกว่าปกติเนื่องจากฤดูและสภาพอากาศของโลก ความร้อนคงทำให้ใครหลายคนหงุดหงิดและอารมณ์เสีย แต่คงไม่ใช่กับใครบางคนที่ตอนนี้ความอบอุ่นกำลังเข้ามาแทนที่ความหนาวเหน็บในหัวใจทีละน้อย

     

    ความอบอุ่นที่ต่างคนต่างก็แชร์ออกมาจากหัวใจโดยไม่รู้ตัว

     

    วันหนึ่งในฤดูร้อน

    วันที่ใครบางคนถูกแรงเหวี่ยงของโลกเหวี่ยงใครอีกคนมาให้ ซึ่งก็ไม่รู้จักหรือเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน

    วันที่วงโคจรของเราที่มีแค่เรามีแค่ความรู้สึกของเรา แต่วันนี้กลับมีแรงดึงดูดจากวงโคจรข้างๆซึ่งถูกโลกเหวี่ยงมา

    แน่นอนว่าแรงดึงดูดจากวงโคจรข้างๆ นั่นค่อยๆ มีผลกับเราทีละน้อย ทีละน้อย

    แรงดึงดูดนี้ทำให้เราค่อยๆ เดินเข้าไปหาเขา ทำให้เราอยากทำความรู้จักโลกหรือวงโคจรของเขาให้มากขึ้น

     

    เราเริ่มสงสัย

    เขาเป็นคนแบบกันไหนนะ ชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร ทำไมเวลาเราหันไปมองก็เห็นเขายิ้มน้อยๆ ที่มุมปากทุกที หรือเวลาที่เขาแค่ทำสีหน้าเฉยๆ ทำไมเราถึงหยุดมองไม่ได้นะ

     

    ความสงสัยมักจะนำพาไปสู่การตั้งคำถามและค้นหาคำตอบ ระหว่างทางที่เรากำลังค้นหาคำตอบนั้นเราไม่รู้ตัวหรอกว่าวงโคจรของเรากำลังซ้อนทับกับวงโคจรของเขาแบบช้าๆ และค่อยเป็นค่อยไป แต่อาจจะเป็นการซ้อนทับเต็มวงหรือซ้อนทับแค่บางส่วนนั้นก็ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของพวกเขาเอง

     

    ใครเล่าจะรู้ว่าวงโคจรของเพนกวินจากขั้วโลกใต้และวงโคจรของหมีสีน้ำตาลจากขั้วโลกเหนือนั้นจะมาโคจรเจอกันได้

     

    .

    .

     

     



    “กี่โมงแล้ววะ” ชายผู้มีใบหน้าที่ดูหล่อเหลาและน่ารักในคราวเดียวกันทุกครั้งที่มองพูดพึมพำกับตัวเองเบาๆ หลังจากที่ลืมตาตื่นและบิดขี้เกียจในขณะที่อยู่ในท่านอนบนเตียงขนาด 6 ฟุต ซึ่งร่างกายของเขานอนอยู่บนฟูกนุ่มๆ และผ้าปูที่นอนสีน้ำเงินเข้ม ก่อนที่จะยันร่างกายท่อนบนไปพิงกับพนักเตียงพร้อมกับขยี้เส้นผมสีดำนุ่มลื่นให้เข้าทรง ด้วยความที่เขาเองนั้นมีนิสัยไม่ชอบเห็นสภาพผมที่ดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงแม้ในขณะเวลาที่เพิ่งตื่นจากการนอนหลับก็ตาม

     

    คยองซูเอี้ยวตัวเพื่อจะหยิบแว่นสายตากรอบสี่เหลี่ยมสีดำที่วางอยู่บนตู้ข้างเตียงมาสวมใส่เพื่อที่จะได้เห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดขึ้น ภายในห้องนอนของเขานั้นตกแต่งโดยใช้โทนสีขาวและน้ำเงินเข้มเป็นส่วนใหญ่ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในห้องถูกจัดเป็นระเบียบดูเรียบร้อยผิดกับวิสัยของผู้ชายทั่วๆ ไป ถึงบ้านของเขาจะมีแม่บ้านคอยทำความสะอาดเป็นประจำอยู่แล้ว แต่แม่ของเขาจะคอยพร่ำสอนเสมอว่าถึงจะเป็นลูกผู้ชายแต่ก็ควรรู้จักการทำงานบ้านและทำความสะอาดให้เป็นโดยไม่ต้องรอใครมาทำให้ ดังนั้นคยองซูจึงมีนิสัยรักความสะอาดไปโดยปริยาย

     

    ‘9:08 PM’

     

    “อาห์…สงสัยคืนนี้คงไม่ได้นอนอีกแล้วล่ะมั้งเรา” เจ้าของริมฝีปากรูปหัวใจพึมพำเบาๆ กับตัวเองอีกครั้งหลังจากที่มองนาฬิกาตั้งโต๊ะเพื่อที่จะดูเวลา หลังจากนั้นจึงยันกายให้ลุกขึ้นนั่งตรงขอบเตียงและสวมใส่สลิปเปอร์สีขาวก่อนที่จะลุกขึ้นยืนและเดินเข้าห้องน้ำเพื่อจะล้างหน้าล้างตาให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและตื่นตัวพร้อมทำงานที่คั่งค้างในคืนนี้

     

    สายน้ำจากหัวก็อกสีเงินของอ่างล้างหน้าไหลออกมาเป็นสายเส้นน้อยๆ เพราะคยองซูไม่ได้หมุนเปิดวาล์วจนสุด มือเรียวสวยราวกับมือของผู้หญิงนั้นกำลังรองสายน้ำใสสะอาดให้ไหลเข้ามาในมือจนล้น ก่อนจะยกมือที่รองรับน้ำเอาไว้ขึ้นมาประพรมที่ใบหน้าและเปลือกตาสีมุกเพื่อให้ผิวหนังได้สัมผัสความสดชื่น

     

    เปลือกตาสีมุกค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างช้าๆ ภาพเงาสะท้อนจากกระจกทรงกลมสะท้อนให้เห็นสภาพของเขาที่ใต้ตามีรอยคล้ำสีน้ำตาลซึ่งมาจากการที่เขานอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ปอยผมหน้าม้าสีนิลที่ได้รับการซอยตัดแต่งอย่างดีนั้นเปียกลู่แนบกับหน้าผากมน เมื่อเห็นแบบนั้นมือเรียวจึงจับปอยผมหน้าม้าเสยขึ้นไปจนคล้ายกับว่าเขากำลังทำทรงผมแบบ The Quiff ซึ่งนั้นก็ทำให้เขาดูเป็นผู้ชายลุคดรามาติกขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็ยังมีหยดน้ำแวววาวยามต้องแสงไฟเกาะตามผิวหน้าและปลายจมูกสวยได้รูปค้างอยู่

     

    คยองซูหยิบผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กที่ผาดไว้กับไหล่ขึ้นมาซับความชื้นตามใบหน้าและเช็ดขยี้ปอยผมหน้าม้าที่เปียกจากการล้างหน้าล้างตาซึ่งเขาเพิ่งเสยขึ้นไปเมื่อครู่ ถึงในช่วงนี้จะอยู่ในช่วงฤดูร้อน แต่สภาพอากาศในเวลากลางคืนก็จะกลับมามีความเย็นอีก ดังนั้นจะปล่อยให้เปียกชื้นและรอให้แห้งไปเองคงไม่ได้ถ้าปล่อยไว้ ถึงเวลานั้นเขาก็จะเป็นไข้หวัดพอดี เมื่อเสร็จจนรู้สึกแห้งแล้ว เจ้าตัวจึงหยิบแว่นตาที่วางไว้ข้างๆ อ่างล้างหน้าขึ้นมาสวม

     

    บรรยากาศภายนอกหน้าต่างห้องนอนในคืนนี้ดูสวยกว่าปกติ อาจเป็นเพราะชั้นบรรยากาศในเวลานี้ไม่มีเมฆหมอกคอยบดบังแสงจันทร์จากดาวบริวารของโลกยามค่ำคืน

     

    ร่างเล็กในชุดเสื้อยืดสีดำตัวโคร่งและกางเกงบ็อกเซอร์สีน้ำเงินเดินออกจากห้องน้ำตรงมายังโต๊ะทำงานซึ่งตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับหน้าต่างของห้องนอน และหย่อนก้นอวบลงกับเบาะผ้ากำมะหยี่สีดำของเก้าอี้ที่มีล้อเลื่อนทรงกลมซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายไปส่วนไหนของห้องนอนเขาก็ได้ บนโต๊ะที่ไว้ใช้สำหรับทำงานนั้นเต็มไปด้วยกระดาษซึ่งมีตัวอักษรมากมายในจำนวนหลายปึกตั้งเป็นกองๆ ดูระเบียบเรียบร้อย และข้างๆ มีกล่องทรงกระบอกสำหรับใส่ดินสอและเครื่องเขียนอื่นๆ

     

    คยองซูกดปุ่ม power ของคอมพิวเตอร์ยี่ห้อดังราคาแพงเพื่อเปิดใช้งาน รอระบบทำการบูทจนพร้อมใช้ สิ่งแรกที่เขาทำคือคลิกเมาส์ไปที่โฟลเดอรที่เซฟไฟล์word ตัวบทMV ที่เขาทำร่วมกับชานยอล เพื่อตรวจทานแก้ไขและพิมพ์เพิ่มเติมเนื้อหาลงไป ดวงตากลมโตภายใต้กรอบเลนส์แว่นสี่เหลี่ยมขยับขึ้นลงระหว่างหน้าจอคอมพิวเตอร์และคีย์บอร์ดอยู่เป็นเวลานาน

     

     

     

    ‘00.12 AM’

     

    “เขียนเสร็จซักที” คยองซูพูดกับตัวเองและหน้าจอคอมพิวเตอร์ในขณะที่กำลังเลื่อนเมาส์และคลิกไปที่ไอคอนรูป Floppy Disc เพื่อเซฟไฟล์งานที่เขียนเสร็จแล้ว ส่วนพื้นที่ข้างๆ เมาส์ก็มีสมุดที่หน้ากระดาษสีขาวสะอาดตาเต็มไปด้วยลายเส้นจากหมึกปากกาสีดำ ซึ่งมาจากฝีมือวาดรูปของคนตัวเล็กที่กำลังยืดเหยียดร่างกายเพื่อคลายความเมื่อยล้าเนื่องจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน

     

    ดวงตากลมโตคู่สวยถูกบดบังด้วยเปลือกตาสีมุกอีกครั้ง เพราะเจ้าของร่างกายนั้นต้องการพักสายตาที่เพิ่งผ่านการใช้งานโดยไม่ได้หยุดพักเป็นเวลาหลายชั่วโมง เวลาเดินผ่านไปท่ามกลางความเงียบสงบภายในบ้านที่มีแค่เขาในยามค่ำคืน คยองซูชินซะแล้วกับการอยู่บ้านตามลำพังเพราะทั้งคุณพ่อและคุณแม่ต่างก็มีงานเกี่ยวกับวงการละครที่ค่อนข้างรัดตัวและมีเวลาไม่แน่นอน

     

    เมื่อเจ้าของดวงตาแบบ Almond Eyes พอใจกับการพักสายตาแล้วจึงลืมเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ มือเรียวสวยจับไปที่ตัวเมาส์อีกครั้งเพื่อใช้มันท่องโลกในอินเทอร์เน็ต คยองซูเข้าเว็บบล็อกที่เกี่ยวกับงานเขียนหลากหลายแนวซึ่งมาจากนักเขียนมือสมัครเล่น นิ้วชี้ดันลูกกลิ้งบนเมาส์ไปมาพร้อมกับไล่สายตาหางานเขียนที่น่าสนใจจนพบกับบทความนึงซึ่งมีหัวเรื่องเกี่ยวกับ Physics Of Love จากหนังสือ 어쩌면 별들이 너의 슬픔을 가져갈지도 몰라 และซีรี่ย์ชื่อดังอย่าง Goblin

     

     


     

    ในขณะที่คิมชินกำลังอ่านหนังสือ 어쩌면 별들이 너의 슬픔을 가져갈지도 몰라 ที่อึนทักให้ไว้อ่านฆ่าเวลาในระหว่างเธอไปทำธุระบางอย่าง

     

    ณ อีกฝากนึงของถนน หญิงสาวตัวเล็กตะโกนเรียก ‘อาจอชี่’ พร้อมกับโบกไม้โบกมือไปมาอย่างยิ้มแย้ม

     

    ชายหนุ่มในวัย 39 ซึ่งมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนโลกใบนี้ในฐานะ Goblin มา 939 ปี เงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียกของอึนทัก

     

    รอยยิ้มกว้างที่แสนใสซื่อและน่ารักกำลังทำให้หัวใจที่กักเก็บความเจ็บปวดจากการสูญเสียบุคคลที่เขารักมาเนิ่นนานนั้น…กำลังจะกลับมาเต้นระรัวอีกครั้ง

     

    เสียงทุ้มนุ่มกำลังเอื้อนเอ่ยบทกลอนจากหนังสือที่หญิงสาวตัวน้อยทิ้งไว้ให้เขาอ่านในใจ พร้อมกับสายตาที่มองแต่เจ้าสาวแค่ในนามของเขาที่กำลังข้ามถนน

     

     

    ขนาดของแรงไม่สัมพันธ์กับมวล

    [The size of a mass is not proportional to its volume]

     

    หญิงสาวตัวเล็กๆ ที่เหมือนกับดอกไวโอเล็ต

    [That little girl as small as a violet]

     

    หญิงสาวตัวเล็กๆ ที่เคลื่อนไหวราวกับกลีบดอกไม้

    [That little girl that flutters like a flower petal]

     

    ดึงตัวฉันเข้าไปหาด้วยมวลที่มากกว่าแรงโน้มถ่วงของโลก

    [Pulls me with a mass greater than the Earth]

     

    ในช่วงเวลานั้นฉันเหมือนกับแอปเปิ้ลของนิวตัน

    [In a moment, I Like Newton’s apple]

     

    ฉันปล่อยตัวเองให้ตกลงไปหาเธอ

    [Mercilessly rolled and fell on her]

     

    หัวใจของฉันเต้นไปมาระหว่างท้องฟ้าและแผ่นดิน

    [My heart

    From the sky to the ground

    Continued to swing dizzyingly like a pendulum]

     

    รักครั้งแรกของฉัน

    [It was my 'first love']

     

    ความรู้สึกในใจของก็อบลินผู้มีนามว่า ‘คิมชิน’ ในตอนที่มีชีวิตอยู่ในฐานะมนุษย์นั้น เขาเป็นแม่ทัพใหญ่ที่คอยรับใช้พระราชาผู้โง่เขลา ใช้ชีวิตในสนามรบมากกว่าที่จะอยู่บ้าน เป็นพี่ชายที่ไม่เคยตอบจดหมายของน้องสาวของตัวเองเลย ชีวิตมีแต่ความรักชาติเท่านั้น เขาไม่เคยมีความรักในรูปแบบผู้ชายมีต่อผู้หญิงเลย…แม้สักครั้ง

     


    F=mg 

    เมื่อ F = Force (แรง) , M =Mass (มวล) ,G = gravity (แรงโน้มถ่วง)

     

    ถ้าลองเปรียบเทียบกับกฎฟิสิกส์ อึนทักจะเป็น Mที่มีมวลน้อยแต่มี F(แรง)มากมายมหาศาลเพราะมีค่าG ที่สูงมากในแบบเฉพาะตัวของหญิงสาวตัวเล็กที่เหมือนดอกไวโอเล็ต มันมีแรงมากพอที่จะดึงดูดให้คิมชินตกหลุมรักเธอ

     


    ท่ามกลางหมู่ต้นเมเปิ้ลที่ผลัดใบสีแดงร่วงหล่นในเมืองควิเบก

    ท่ามกลางแรงโน้มถ่วงจากเจ้าสาวแค่ในนาม

    ท่ามกลางความรู้สึกตกหลุมรักของก็อบลินผู้หล่อเหลา

     

     

    เจ้าสาวของก็อบลินเท่านั้นที่จะดึงดาบออกได้ และเมื่อเธอดึงมันออก เจ้าก็จะกลายเป็นเถ้าถ่านและพบกับความสงบ

     

     

     

     


    “F = mg งั้นเหรอ” ริมฝีปากรูปหัวใจขยับเพื่อพึมพำเบาๆ กับตัวเองเป็นครั้งที่สามของค่ำคืนนี้หลังจากที่เขาตั้งใจอ่านบทความอย่างจริงจังพร้อมกับขบคิดไปด้วย

     

    เขาหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่ก่อความหนาวเหน็บในใจ

    ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยมีความรัก เขาเคยมี และความรักของเขาก็ถูกทำลายและเหยียบย่ำจนแหลกละเอียดด้วยความไม่จริงใจตั้งแต่แรกของอีกฝ่าย

    เขาเคยรักกับผู้หญิงคนนึงซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก จนก่อนเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย เธอมาสารภาพรักและขอคบเป็นแฟน ในตอนแรกเขาคิดกับเธอเป็นเพียงแค่เพื่อน แต่เขาก็ยอมตกลงคบกับเธอด้วยเหตุผลที่แค่เขาไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ คนนี้ไป ตลอดเวลาที่คบกันเธอช่างเป็นคนที่แสนดี น่ารัก และดูแลใส่ใจเขาเสมอ และนั่นทำให้เขาค่อยๆ รักเธอ เหมือนกับระดับคะแนนจาก 0 ไปถึง 100

     

    จนกระทั่งเมื่อทั้งเขาและเธอขึ้นปี2 ความสัมพันธ์ก็เริ่มเปลี่ยนไป เธอค่อยๆ ห่างไกลและเย็นชาราวกับไม่ใช่คนเดิมที่เขารัก

    สุดท้าย…เป็นเขาเองที่ทนความอึดอัดนี้ไม่ไหว เขาถามเธอออกไปตรงๆ และคำตอบที่ได้นั้นก็สมกับการกระทำแสนเย็นชาของเธอ

     

    ‘ฉันมีคนใหม่ และฉันก็ไม่ได้รักเธอแล้ว’

     

    ‘ทะ…ทำไมถึง…’

     

    ‘เลิกกันเถอะ’ เธอพูดออกมาราวกับเป็นประโยคง่ายๆ ไม่มีความรู้สึกอะไรทั้งนั้น กระทั่งน้ำเสียงยังเรียบเฉย ท่าทีนิ่งสงบของเธอที่แสดงออกมาทำให้เขาเจ็บปวด

    เธอก้าวเดินออกไปและไม่หันกลับมามองเขาอีกเลย ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

     

    โชคดีของเขา เพราะชานยอลและแบคฮยอนที่อยู่บนเรือต่างก็ยื่นมือมาให้จับ ทั้งคู่ฉุดเขาขึ้นมาจากน้ำทะเลอันแสนหนาวเหน็บที่เขาพยายามว่ายเท่าไหร่ก็ไม่ถึงฝั่งสักที ต้องขอบคุณสองคนนี้ที่ทำให้เขาผ่านช่วงเวลาเลวร้ายมาได้

     

     

    จนกระทั่งวันนี้ วันที่หัวใจของเขาเต้นไปมาระหว่างท้องฟ้าและแผ่นดินอีกครั้ง เพราะรุ่นน้องที่ชื่อว่า ‘ไค’

     

    เขาได้แต่หวังว่าทั้งแรงดึงดูดและแรงโน้มถ่วงจากผู้ชายที่อบอุ่นและน่ารักจะไม่ทำให้เขาเสียใจแบบเดิมอีก

     

    .

    .

    .

     

     

    แสงสีส้มอ่อนๆ จากดวงอาทิตย์ตรงขอบฟ้าเป็นสัญญาณว่าเช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว บรรยากาศยามเช้าตรู่ในกรุงโซลเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้เห็นมันบ่อยนัก เสียงถีบจักรยานของคนส่งนมและหนังสือพิมพ์ให้แต่ละบ้านนั้นบ่งบอกว่าอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ตื่นเช้าเพียงลำพัง

     

    “อาห์ อร่อยจัง” ไคพูดขึ้นหลังจากที่เพิ่งเคี้ยวและกลืนขนมปังปิ้งรสนมเนยลงท้อง ตอนนี้เขานั่งอยู่หน้าร้านมินิมาร์ทตรงทางแยกที่เพิ่งแยกกับพี่คยองซูเมื่อวานนี้

     

    เขาตั้งใจมาดักรอเจอพี่คยองซู

     

    ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะพบคนที่สามารถทำให้เขายอมนอนน้อยกว่า 8 ชม. ได้เพียงเพราะแค่ความรู้สึกอยากเห็นใบหน้าน่ารักจากคนนั้นเร็วๆ ขนาดคุณแม่ของเขาที่เพียรพยายามปลุกเขาให้ลุกจากที่นอนในเวลาเช้าตรู่หลายต่อหลายครั้งนั้นก็ยังทำไม่สำเร็จ ไคตั้งเวลาปลุกเร็วกว่าเวลาปกติถึง 2 ชม. เพื่อที่จะได้มีเวลาแต่งตัวหล่อๆ ให้พี่คยองซูรู้สึกประทับใจในตัวเขา

     

    ชายหนุ่มผู้มีผิวแทนสวยและรูปร่างที่ดูดีมากสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายทางที่มีสีม่วงและสีเขียวใบไม้แก่สลับกัน และเขาสวมกางเกงยีนส์เดนิมสีดำขาเดฟโดยยัดชายเสื้อเชิ้ตเข้าไปในกางเกง ส่วนทรงผมนั้นเขาปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติแบบไม่ต้องเซ็ต

     

    บนโต๊ะอลูมิเนียมสีเงินหน้าร้านมินิมาร์ทที่เขานั่งเพื่อรอเจอใครบางคนเต็มไปด้วยขนมปังและเครื่องดื่มซึ่งมีทั้งของเขาที่เป็นโกโก้เย็นและขนมปังปิ้ง ส่วนของพี่คยองซูเป็นอเมริกาโน่ร้อนและแฮมเบอร์เกอร์ปลา

     

    ไม่รู้ว่าพี่คยองซูจะชอบแฮมเบอร์เกอร์และกาแฟที่เขาซื้อให้ไหมนะ

     

    ไคแอบรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย เขาแอบกลัวว่าสิ่งที่เขาซื้อให้ พี่ตัวเล็กอาจจะไม่ชอบ ถึงจะเป็นหรือไม่เป็นอย่างนั้นก็ตาม แต่เขาก็ขอลองเสี่ยงดูสักครั้งดีกว่าที่จะไม่พยายามทำอะไรเลยให้คนที่เขาชอบ

     

     

    ความปรารถนาภายในใจของหนุ่มรุ่นน้องนั้นเป็นจริง เพราะรุ่นพี่ตัวเล็กเดินมาอย่างช้าๆ และสะลึมสะลือ ช่วงร่างกายที่มีผิวขาวนวลเนียนทั้งท่อนบนและท่อนล่างปกคลุมด้วยเสื้อยืดแขนยาวสี Air Force blue และกางเกงขายาวสีเทา บนใบหน้าเนียนเรียบนั่นก็ยังประดับด้วยรอยใต้ตาคล้ำแบบคนนอนดึกอีกตามเคย แต่ความเข้มของสีก็ยังดูจางกว่าเมื่อวานมาก และไหล่บางทั้งสองข้างก็ยังเต็มไปด้วยสายของกระเป๋าโน๊ตบุ๊คและกระเป๋าสะพายหลังเหมือนเดิม

     

    “พี่คยองซูครับ พี่คยองซู!”  ไครีบตะโกนเรียกทันทีเขาเห็นคนตัวเล็กเดินมาใกล้จะถึงทางแยก

     

    ใครเรียกวะ เสียงคุ้นๆ คนที่ยังไม่ตื่นเต็มที่ดีเท่าไหร่ เพราะเพิ่งนอนไปแค่ 3 ชม. หันหน้าไปมาเพื่อหาต้นทางของเสียงที่เรียกเขา แต่ก็ยังหาไม่เจอ เขาจึงตัดสินใจเดินเลี้ยวซ้ายเพื่อที่จะออกถนนใหญ่ แต่ก็ยังเดินได้ไม่ถึงสิบก้าวดี เขาก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อเขาอีกครั้งและคราวนี้ชัดเจนกว่าเดิมจนเขาหาต้นตอของเสียงเจอได้ในที่สุด

     

    ไคเองเหรอเนี่ย จากสีหน้าที่สะลึมสะลือตาจะปิด พอคยองซูหันไปเจอต้นตอของเสียงทุ้มนั่นสีหน้าก็เปลี่ยนทันที ดวงตาที่โตอยู่แล้วก็โตกว่าเดิมและริมฝีปากรูปหัวใจก็อ้าออกเล็กน้อย

     

    คนที่เห็นรีแอคชั่นตกใจบนใบหน้ารุ่นพี่อย่างไคก็อดยิ้มไม่ได้เวลาที่พี่เขาทำสีหน้าแบบนี้ น่ารักมากๆ เลยนะ น่ารักจนอยากจะหยิกแก้มขาวๆ นั่นสักครั้ง

     

    ร่างเล็กเดินเตาะแตะตรงมาที่หน้าร้านมินิมาร์ท ท่าทางการเดินนั้นคล้ายเพนกวินที่กำลังเดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็ง น่ารักและน่าเอ็นดูมากจนไคอยากจะเดินไปกอดเจ้าเพนกวินตัวน้อยให้จมแผ่นอกของเขาสักที แต่ตอนนี้เขาขอยั้งใจตัวเองไว้ก่อนล่ะกัน

     

    “พี่กินอะไรมารึยังครับ? ถ้ายัง ผมซื้อ…”

     

    “นี่ซื้อให้พี่เหรอ?” คยองซูลองถามดู เพราะบนโต๊ะมีแก้วกาแฟที่บรรจุน้ำกาแฟอเมริกาโน่สีเข้มข้างใน คนดื่มกาแฟบ่อยๆ อย่างเขาแค่ได้กลิ่นหอมๆ ลอยมากระทบกับจมูกก็รู้แล้วว่าเป็นกลิ่นของกาแฟที่ชงแบบไหน แบบไม่ผสมนมหรือผสมนม และที่เขาคิดว่ารุ่นน้องซื้อให้ เพราะเขาสังเกตตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่า ไคไม่ดื่มกาแฟเลย

     

    “ครับผม” ไคตอบกลับพร้อมกับยกมือข้างนึงขึ้นมาเกาท้ายทอยแบบเขินๆ เพราะเขาเห็นดวงตาแป๋วๆและการทำปากงู้ยๆ ของพี่คยองซูเวลาที่ถามเขา พลังงานน่ารักที่พี่เขาปล่อยออกมาแบบไม่รู้ตัวกำลังทำให้อุณหภูมิบนใบหน้าของรุ่นน้องเริ่มสูงขึ้น

     

    “น่ารักจัง ขอบใจนะไค :)” รุ่นพี่ตัวเล็กเอ่ยออกมาเบาๆ ราวกับว่ากระซิบให้รุ่นน้องได้ยินประโยคนี้แค่คนเดียว ริมฝีปากรูปหัวใจดวงน้อยขยายตัวกลายเป็นรอยยิ้มรูปหัวใจดวงใหญ่ เจ้าตัวไม่รอช้า หย่อนก้นรูปทรงลูกพีชอวบๆ ลงนั่งกับเก้าอี้อลูมิเนียมสีเงินฝั่งตรงข้ามรุ่นน้องพร้อมกับวางกระเป๋าทั้งสองใบของตัวเองลงกับเก้าอี้อลูมิเนียมอีกตัวซึ่งอยู่ข้างๆ และหยิบแฮมเบอร์เกอร์ที่อยู่ข้างในห่อกระดาษสีขาวขึ้นมากัด 1 คำใหญ่และเคี้ยวตุ้ยๆ ทันที ส่วนไคก็นั่งลงและมองคนน่ารักกินแฮมเบอร์เกอร์และดื่มกาแฟที่เขาซื้อให้อย่างเงียบๆ

     

    บรรยากาศยามเช้าสำหรับคนอื่นอาจจะไม่มีอะไรน่าสนใจ อาจเพราะต้องเร่งรีบเดินทางไปทำงานและเดินทางไปเรียน หรืออาจเพราะเป็นสิ่งที่เห็นอยู่ทุกวันจนชินตา

     

    แต่สำหรับไค การที่เขาตัดสินใจตื่นเช้ากว่าเวลาตื่นนอนปกตินั้นถือเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่า เพราะผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ เขาได้เจอพี่คยองซูก่อนคนอื่น เขาได้เห็นท่าทางจริงจังในการกินอาหารเช้า เขาได้เห็นริมฝีปากอมชมพูขยับไปมาตามจังหวะการเคี้ยว และเขาได้เห็นดวงตากลมโตแสดงความสุขออกมาผ่านสายตาของรุ่นพี่เวลาที่เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมามองเขา

     

    ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้าที่รีบเร่งกลับมีบรรยากาศเล็กๆ ที่มีแต่ความอบอุ่นในหัวใจดำเนินไปอย่างเงียบๆ และค่อยเป็นค่อยไป มีแค่เพนกวินและหมีสีน้ำตาลเท่านั้นที่รับรู้และสัมผัสได้ถึงบรรยากาศส่วนตัวนี้

     

     

     

     

     

     



    Talk Talk

     

    มาแล้วววววววววววววววว ต้อนรับอัลบั้มรีแพ็กเกจ พาวเว๊ออ...พาวเว่ออ

    แต่เราชอบ Sweet Lies มากกว่าเพลง Power อ่ะ (อันนี้ก็ชอบ แต่ชอบน้อยกว่าหน่อยนึง) ฟังวนไป

    ชอบเสียงพี่คยองซู ท่อน No no no no no baby don’t say
    u want no liar
    No no no no no baby don’t say
    u want no bad guy

    โห...แบบ โคตรกร๊าวใจ ฟังแล้วระทวยกับสำเนียงภาษาอังกฤษอันแสนเซ็กซี่ของคุณเขา



    จริงๆเราจะอัพตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ความง่วงก็เอาชนะเราจนได้ เพราะหลายวันก่อนหน้านี้เราได้นอนน้อยมาก มีวันนึงที่เรา overdose ด้วยการดื่มอเมริกาโน่ไป 2 แก้ว อ่า…ความรู้สึกที่ตาจะปิดแต่สมองไม่ได้สั่งให้ง่วงมันเป็นแบบนี้นี่เอง

     

    ตอนนี้อาจจะแปลกตาไปบ้างสำหรับคนอ่านเพราะมีบทนำเสริมเข้ามาและมีข้อความที่เราชอบจากซี่รี่ย์ที่เราชอบมากๆ มาใส่ด้วย เป็นการอธิบายความรู้สึกของตัวละครไปในตัว

     

    ส่วนบทความที่คยองซูได้อ่านคือบทความที่เราเขียนเอง และขอบคุณคำแปลภาษาอังกฤษจากบทความ ‘Physics of Love ทฤษฎีว่าด้วยการตกหลุมรัก’ จากคุณ bbuayy ใน minimore มา ณ ที่นี้ค่ะ

     

    ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ :)

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in