เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
You’re all I see [Jongin x Kyungsoo]Nuynyaloners
You make me tremble.



  • Chapter 4

     

     

     

    Title: You make me tremble.
    Pairing: EXO
    Rated: PG
    Genre: Romantic
    Hastag: #FicYoureallisee





    To.D

     

     

    I love it when I catch you looking at me.

     

     

    K.

     

     

     

     


    “พี่คยองซูล่ะครับ จะกลับเลยรึเปล่า?”

     

    “อืม…พี่ก็ว่าจะกลับเหมือนกันนะ เพราะเรื่องงานก็ไม่มีอะไรแล้ว”

     

    “แล้วพี่กลับยังไงเหรอ?”

     

    “รถบัสน่ะ” คยองซูตอบคำถามสั้นๆ แต่น้ำเสียงฟังดูไม่เย็นชาเหมือนตอนที่เจอหน้ากันครั้งแรกแล้วสำหรับ (ใน) ความรู้สึกของไค

     

    เวลาที่ริมฝีปากรูปหัวใจสีชมพูดวงน้อยขยับตามการออกเสียงพูดนั่นทำให้หัวใจของชายหนุ่มรุ่นน้องสั่นไหวทุกครั้งที่เขาแอบใช้สายตาชำเลืองมอง

     

    ถึงช่วงเวลาวัยรุ่นที่ผ่านมาเขาจะเคยผ่านการมีแฟนมาบ้าง แต่นั่นก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่มีความรักเข้ามาเป็นองค์ประกอบ เพราะว่าเขาไม่เคยรักพวกเธอเหล่านั้นเลยสักคน ที่เขายอมคบกับพวกเธอเป็นแฟนนั่นก็เป็นเพราะว่าเขาไม่อยากเห็นผู้หญิงเสียใจที่ถูกเขาปฏิเสธ ซึ่ง...สุดท้ายแล้วพวกเธอก็ต้องรู้สึกเสียใจอยู่ดีเมื่อความสัมพันธ์จบลงในระยะเวลาแค่สั้นๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครเสียใจได้นานเลยสักคนเท่าที่เขาเห็นมา

     

     


    เขาไม่เคยเชื่อเลยว่าแค่ระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่ชั่วโมงจะทำให้เกิดความรู้สึกชอบหรือตกหลุมรักกันได้

     

    แต่…

     

    ในเวลานี้…ชายหนุ่มรุ่นน้องก็ได้รู้หัวใจตัวเองแล้วว่า…

     

     

    เขาคงตกหลุมรักรุ่นพี่ที่ชื่อว่า โดคยองซู คนนี้เข้าให้แล้ว

     

     

    แค่ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และเป็นเขาเองด้วยซ้ำที่เต็มใจเดินตกลงไปในหลุมที่รุ่นพี่คนนี้ขุดไว้

     


    เพราะอะไรกันนะ?

     

    เพราะดวงตากลมโตมีประกายแวววาวราวกับท้องมหาสมุทรยามวิกาลรึเปล่า?

    หรือเป็นเพราะจมูกโด่งได้รูปสวยรับกับใบหน้ารูปไข่

    หรืออาจจะเป็นเพราะริมฝีปากรูปหัวใจที่เวลาเจ้าของไม่ยิ้มจะเป็นแค่ดวงเล็กๆ แต่ถ้าเจ้าของยิ้มเมื่อไหร่จะกลายเป็นหัวใจดวงโต

    หรือเป็นเพราะว่าเมื่อดูรวมๆ แล้วรุ่นพี่คนนี้เหมือนเพนกวิ้นตัวป้อมๆ ที่หมีอย่างเขาอยากจะจับมากอดกันนะ

     

     

     

    “งั้นผมขอไปส่งพี่ที่ป้ายรถบัสได้มั้ยครับ” ไคเอ่ยประโยคคำถามที่เขาเองก็ไม่เคยพูดกับใครมาก่อน แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะพูดกับพี่คยองซู

    ถือว่านี่เป็นประโยคคำถามที่เสี่ยงเหมือนกัน ถ้าพี่คยองซูตอบว่า “ไม่” หัวใจของเขาคงห่อเหี่ยว แต่ถ้าตอบว่า “ได้” หัวใจของเขาคงพองโตเป็นลูกโป่งใบใหญ่แน่ๆ

     

    หัวใจเท่ากำปั้นของคุณหมีสีน้ำตาลกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง เพราะเขาลุ้นคำตอบจากรุ่นพี่ที่กำลังหยิบสมุดโน๊ตใส่กระเป๋า

     

    คยองซูได้ยินคำถามก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่รุ่นน้องที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงวันคิดจะขอเดินไปส่งเขาที่ป้ายรถบัส แต่ก็ดีเหมือนกัน ตั้งแต่ไอ้ชานยอลมันมีแฟน เขาเองก็เดินทางกลับบ้านคนเดียวตลอด

     

    “ได้สิ ดีเหมือนกัน พี่ไม่มีคนเดินกลับไปที่ป้ายรถบัสด้วยตั้งแต่ที่ไอ้ชานมันมีแฟนน่ะ” คยองซูตอบอย่างยิ้มๆ ดวงตากลมโตกลายเป็นเส้นครึ่งวงกลมอีกครั้ง

     

    แอบรู้สึกดีเหมือนกันนะเวลาไคมาอยู่ใกล้ๆ อบอุ่นแบบแปลกๆ

    อ่า…บอกไม่ถูกเลยแหะ

     

    นี่คืออีกเหตุผลที่คยองซูไม่พูดมันออกมา ได้แต่เก็บไว้ในใจเงียบๆ

     

     


    เมื่อคำว่า “ได้” ออกมาจากปากของพี่คยองซู หัวใจของชายหนุ่มรุ่นน้องก็เต้นเป็นลิงโลด เขารู้สึกดีใจยิ่งกว่าตอนที่ผลแอดมิชชั่นประกาศออกมาซะอีก อ่า…สักวันนึงผมต้องหัวใจวายตายเพราะพี่แน่ๆ ทำไมถึงมีอิทธิพลกับหัวใจของผมขนาดนี้นะ

     

    แต่ถึงจะหัวใจวายตาย…ผมก็ยอมนะครับ

     

     


    คยองซูที่ตอบคำถามเสร็จก็ก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวของใส่กระเป๋าสะพายที่วางอยู่ข้างๆ ตัว เขาแอบระบายยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก นั่นเป็นเพราะว่าเขารู้สึกมีความสุข แต่ก็เก็บอาการเอาไว้ไม่ให้ไคเห็น ส่วนรุ่นน้องหนุ่มผิวแทนก็เก็บอาการดีใจไว้ไม่ค่อยอยู่ เขายิ้มกว้างจนเห็นฟันสีขาวที่เรียงตัวกันเป็นระเบียบ น่าเสียดายที่พี่คยองซูไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มกว้างแบบหมีน้อยน่ารัก เพราะไคดันเหยียดตัวลุกขึ้นและหยิบพวกกระป๋องน้ำขึ้นมาและนำมันไปทิ้งที่ถังขยะที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก

     

    เมื่อไคเดินกลับมาที่โต๊ะ พี่คยองซูก็ลุกขึ้นพอดีพร้อมกับกระเป๋าสะพายหลังใบใหญ่และกระเป๋าโน๊ตบุ๊ค คนตัวเล็กๆ ยิ่งดูตัวเล็กลงไปอีกเพราะสัมภาระที่ดูเกินขนาดตัวไปหน่อย

     


    “มาครับ ผมช่วยถือ”

     

    “เฮ้ย! ไม่เป็นไร พี่ถือไหว สบายมาก”

     

    ถึงรุ่นพี่ตัวเล็กจะปฏิเสธด้วยการบอกว่าถือไหว แต่เหมือนคำปฏิเสธนั้นจะเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวาของรุ่นน้องตัวโต ก็คือไม่เข้าหูเลยสักนิดเดียว เพราะเจ้าตัวเดินอ้อมจากอีกฝั่งเพื่อมาแย่งกระเป๋าโน๊ตบุ๊คจากไหล่บางมาสะพายที่ไหล่ข้างขวาของเขา พร้อมกับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้และเดินหนีออกมาเพื่อไม่ให้พี่คยองซูแย่งกระเป๋าคืนได้

     

     

     

    “ไม่กลับเหรอครับ?”

     

    ไคที่เดินห่างออกไปหลายก้าวหันหน้ากลับมาถามพี่คยองซูที่ยังยืนอึ้งกิมกี่อยู่ที่เดิม เห็นแบบนี้ละมันน่าดึงแก้มขาวๆ นั่นชะมัด คนอะไรทำหน้าแบบไหนก็ดูน่ารักไปซะหมดเลยนะพี่เนี่ย…

     

    คยองซูเดินเตาะแตะมาถึงตำแหน่งที่ไคยืนอยู่ เจ้าตัวพยายามที่จะแย่งกระเป๋าคืนมาแบบเงียบๆ แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะรุ่นน้องดันรู้ตัวซะก่อน ในเมื่อแย่งคืนมาไม่ได้… ทำแบบนี้ละกัน

     

    เพี้ยะ!

    มือเรียวเล็กหวดไปที่ต้นแขนร่างสูงที่มีมัดกล้ามเนื้อเข้าเต็มแรง

     

    “โอ้ย! อะไรเนี่ยพี่ แย่งกระเป๋าไม่ได้ก็อย่าพาลสิครับ”

     

    ตัวก็เล็ก แต่ทำไมแรงตีถึงได้มหาศาลขนาดนี้นะ  ไคได้แต่น้ำตาไหลและบ่นในใจเงียบๆ เพราะรู้สึกเจ็บตรงตำแหน่งที่โดนรุ่นพี่ฟาด

     

    “จงใจแกล้งพี่ใช่มะ เห็นว่าพี่เตี้ยเลยคิดจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ?”

     

    “ผมเปล่าซะหน่อย ก็เห็นว่าพี่ดูเหนื่อยๆ แล้วยังต้องมาแบกกระเป๋าหนักๆ อีก ผมว่างผมก็อยากช่วยถือนี่ครับ” หนุ่มรุ่นน้องพูดด้วยน้ำเสียงค่อยๆ แต่ก็ดังพอที่คยองซูจะได้ยินเต็มสองหู บวกกับสายตาจริงจังที่สื่อออกมาทำให้พวงแก้มอวบๆ สองข้างขึ้นสีชมพูเล็กน้อย เขาจึงต้องรีบหันหน้าหนีไปอีกทางนึงเพื่อไม่ให้คนอายุน้อยกว่าเห็นว่าเขาเขิน

     

    ไอ้เด็กบ้า ว่าจะไม่หวั่นไหวแล้วนะ

     


    “เออ! อยากถือก็ถือไปเลย แล้วอย่ามาบ่นว่าหนักนะ” คยองซูพูดกระแทกเสียงด้วยความหมั่นไส้

     

    “โธ่ แค่นี้สบายมากครับ ยกดัมเบลยังหนักกว่ากระเป๋าโน๊ตบุ๊คของพี่อีก” ไคไม่พูดเปล่า เขายังจับหูกระเป๋าขึ้นมาแล้วทำเป็นยกขึ้นยกลงในลักษณะเหมือนกับกำลังยกดัมเบลอยู่ด้วย

    คยองซูไม่รู้จะพูดอะไรและไม่รู้ว่าจะแย่งกระเป๋ากลับมายังไง เขาเลยเลือกที่จะทำเป็นก้าวเดินให้ไวกว่าเดิมและระยะเริ่มมีความห่างไกลมากขึ้น โดยไม่สนใจรุ่นน้องที่อยู่ข้างหลังที่ต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อให้ทันเขา

     

    ไม่ใช่ว่าไคไม่รู้ว่าพี่คยองซูแกล้งหลอกให้เขาวิ่งทั้งๆ ที่สะพายกระเป๋าโน๊ตบุ๊คของเจ้าตัวอยู่ด้วยหรอกนะ

     

    ก็รู้แหละ…

    แต่ก็เต็มใจให้แกล้งนะครับ

     

     

     



    หน้ามหาวิทยาลัย

     

    คยองซูรีบวิ่งไปช่วยคุณป้าเจ้าของร้านขายขนมปังรูปปลา (붕어빵) ที่เขามักจะซื้อกินประจำหลังเลิกเรียน ซึ่งคุณป้าแกกำลังก้มๆ เงยๆ หยิบถุงแป้งหลายถุงที่ดูแล้วน่าจะหนักหลายกิโลซึ่งน่าจะใช้เป็นส่วนประกอบทำขนมปังรูปปลาแสนอร่อย โดยเจ้าตัวทิ้งไคให้ยืนงงอยู่ข้างหลัง (อีกแล้ว)

     

    “มาครับคุณป้า ผมช่วยถือ”

     

    “ขอบใจนะพ่อหนุ่ม”

     

    “ไม่เป็นไรเลยครับคุณป้า” รุ่นพี่ตัวเล็กบอกกับคุณป้าอย่างยิ้มๆ พร้อมกับเดินถือถุงแป้งจำนวนหลายถุงหายเข้าไปในร้าน สักพักนึงจึงเดินกลับออกมาโดยตามเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำและบนใบหน้าหวานมีรอยฝุ่นแป้งสีขาวแต่งแต้มเป็นดวงๆ

     

    หนุ่มรุ่นน้องที่ยืนรออยู่โดยมีคุณป้ายืนอยู่ข้างๆ ตรงหน้าร้านเห็นสภาพของพี่คยองซูก็อดที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ เพราะว่าคนอายุมากกว่านั้นเหมือนเด็กน้อยอายุประมาณห้าขวบที่แอบคุณแม่เล่นแป้งสำหรับทำอาหารในห้องครัว ส่วนคุณป้าเจ้าของร้านก็เดินหายเข้าไปในร้าน เหมือนจะไปหยิบอะไรบางอย่าง โดยบอกกับพี่คยองซูว่าให้รอก่อน

     


    “มีอะไรเหรอ?” คยองซูถามอย่างสงสัย เพราะเขาเห็นไคแอบหัวเราะ

     

    “พี่หันไปดูที่กระจกร้านสิครับ”

     

    รุ่นพี่หันไปดูสภาพตัวเองที่กระจกตามที่รุ่นน้องบอก

    ! นี่มันเหมือนเด็กน้อยที่แอบหยิบแป้งทำกับข้าวของแม่มาเล่นเลยว่ะ เชี่ย! โคตรอาย

     


    “พี่คยอง หันหน้ามานี่ดิ”

     

    ยังไม่ทันที่คยองซูจะหันไปตามที่หนุ่มรุ่นน้องบอก เจ้าตัวก็เอามือมาจับที่ไหล่ของเขาทั้งสองข้างและพลิกตัวของเขาให้หันไปประจันหน้ากับร่างสูง

    ไอ้เหี้ยย ใกล้ชิบหายเลยว้อย รุ่นพี่ตัวเล็กได้แต่กู่ร้องในใจเนื่องจากหน้าผากแทบจะสัมผัสกับริมฝีปากหยักหนาของไคอยู่แล้ว ระยะอันตรายมากๆ

     

    รุ่นน้องตัวสูงหยิบผ้าเช็ดหน้าสีน้ำตาลครีมออกมาจากกระเป๋ากางเกงสแลคและนำมันมาเช็ดรอยฝุ่นแป้งที่เลอะเป็นดวงตามพวงแก้มอิ่มอย่างแผ่วเบา และค่อยๆ เช็ดตามแขนเสื้อสีดำ ลำแขนขาวเนียนและมือนุ่มนิ่มของพี่คยองซู

     


    “พี่ยกถุงแป้งยังไงเนี่ย เลอะแป้งไปหมดเลย”

     

    ..

     

    “แต่ก็ดีเหมือนกันนะครับที่พี่เลอะแป้งแบบนี้”

     

    ..

     

    “เพราะผมจะได้เห็นหน้าตาของพี่แบบชัดๆ”

     

    ..

     

    “พี่คยองซูนี่…น่ารักเหมือนเพนกวิ้นเลยนะครับ”

     

     


    ทำไมรุกแรงแบบนี้วะ ไม่รู้เหรอไงว่าการห้ามใจไม่ให้หวั่นไหวนี่มันยากนะเว้ย!

    คยองซูบ่นกระปอดบ่นกระแปดในใจตามประสาของคนที่พยายามจะเก๊กไม่ให้รุ่นน้องรู้ว่าเขาเขิน ริมฝีปากอมชมพูเปลี่ยนเป็นเส้นตรงเพราะเจ้าของเม้มปากแน่น และไม่ยอมสบตากับร่างสูงที่กำลังจ้องมองอยู่

     

    “เสร็จแล้วครับ”

     

    “อื้อ…ขอบคุณนะ”

     

    “ครับ :)”

     

    ถึงแม้ว่าไคจะเช็ดรอยแป้งที่เปื้อนจนออกไปหมดแล้วก็ตาม แต่ก็ยังยืนนิ่งไม่ยอมถอยออกมาจนคยองซูได้กลิ่นลมหายใจแบบเบาบางที่เจ้าตัวปล่อยออกมาตามจังหวะการหายใจเข้า-ออกซึ่งกระทบกับหน้าผากของเขา

     

    “พ่อหนุ่ม รับนี่ไปสิ” คุณป้าเจ้าของร้านเดินออกมาอีกครั้งพร้อมกับยื่นขนมปังรูปปลาที่บรรจุอยู่ในห่อกระดาษสีขาวมาให้พวกเขาที่ยืนอยู่หน้าร้านคนละชิ้น รุ่นพี่ตัวเล็กใช้จังหวะนี้เดินถอยออกมาจากระยะเสี่ยงอันตรายต่อหัวใจของเขาเปลี่ยนเป็นมายืนอยู่ข้างๆ รุ่นน้องตัวสูงแทน

     

    “โธ่คุณป้าครับ ผมไม่..” พี่คยองซูโบกมือน้อยๆ ไปมาเพื่อเป็นการแสดงว่าปฎิเสธ ก็เพราะว่าเขาแค่ช่วยถือถุงแป้งเข้าไปวางข้างในร้านเองนะ

     

    “รับไปเถอะ ถือว่าป้าแถมให้ละกัน เพราะหนูก็มาซื้อขนมที่ป้าทำอยู่บ่อยๆ นี่นะ”

     

    “อ่า…ก็ได้ครับ” ลูกค้าประจำอย่างคยองซูตอบตกลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาโค้งตัวลงเพื่อแสดงความขอบคุณก่อนที่จะยืดตัวกลับมายืนตัวตรงแบบเดิมและใช้สองมือแบออกเพื่อรับขนมปังรูปปลามาจากมือของคุณป้าเจ้าของร้าน และส่งต่อให้กับรุ่นน้องที่ยืนอยู่ข้างๆ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็โค้งตัวลงแสดงความขอบคุณต่อคุณป้าอีกครั้งและเดินออกมาจากบริเวณหน้าร้าน

     


    พี่เพนกวิ้นและน้องหมีสีน้ำตาลนั้นเดินข้างกันตลอดทางที่จะไปป้ายรถบัส ระหว่างทางทั้งคู่ก็กินขนมปังรูปปลาที่ข้างในเป็นไส้ถั่วแดงไปด้วย ไคนั้นกินหมดก่อนก็ใช้จังหวะที่ว่างอยู่มองพี่คยองซูที่กินไปเดินไปอย่างเอร็ดอร่อยแบบเงียบๆเมื่อเห็นว่ารุ่นพี่นั้นกินขนมปังรูปปลาหมดแล้วจึงเอ่ยปากพูดเพื่อถามอะไรบางอย่าง

     

    “คือว่า…บ้านของพี่คยองซูอยู่แถวไหนเหรอครับ”

     

    “อยู่แถวซอแดมุนน่ะ ทำไมเหรอ”

     

    “เฮ้ย! พี่! บ้านผมก็อยู่แถวนั้น”

     

    “งี้ก็…”

     

    “งั้นผมขอนั่งรถบัสกลับเป็นเพื่อนพี่ ได้ไหมครับ”

     

    .

    .

    .

     

     




     

    Talk Talk

     

    อันดับแรกเลยต้องกราบขอโทษคนอ่านทุกคนโทษฐานเรามาช้าฮือTT ขอโทษจริงๆ

    คือว่า…เรากะไว้ว่าถ้าแต่งเสร็จก็จะอัพตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่น๊อตหลุดซะก่อนก็เลยไม่ได้อัพ ฮึกTT

     

    ในเรื่องความรู้สึกของคนทั้งคู่ไคน่ะชัดเจนอยู่แล้ว ก็รุกแรงซะขนาดนั้น แต่ก็ยังไม่ได้พูดออกไปตรงๆว่าชอบ ส่วนพี่คยองซูของไรท์…เอ่อของทุกคนก็มีหวั่นไหวบ้างเล็กน้อย ส่วนเรื่องที่ว่าจะชอบไคแบบแฟนนั้น ก็ต้อง…ติดตามต่อไปนะคะ 5555

     

    เอ้อ! มีคำถามจะถามแหละ

    ในฟิคตอนนี้มีคำว่า “น่ารัก” กี่คำเอ่ย?

     

    ขอให้สนุกกับการอ่านฟิคเรื่องนี้นะ:)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in