สวัสดีค่ะ วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์คร่าวๆของการเที่ยวชิวๆ บนเกาะพีพีแห่งนี้ เราแพลนกับเพื่อนอีกสองคนว่าจะเที่ยววันที่ 11-13 กรฎาคม แต่ไหงกับกลายเป็นว่า เรากลับกรุงเทพวันที่ 15 ซะได้ ! พีพีมันมีอะไรดีหว่า 5555 ที่แน่ๆที่นี้มี facilities ครบนะค่ะ มี 7/11 (รอดตายแล้ว) มีธนาคาร โรงพยาบาล หน่วยให้คำแนะนำการเที่ยว ที่ซื้อตั๋วเครื่องบิน เรียกง่ายๆว่าเอาตัวกับหัวใจ แล้วก็เงินไปก็พอแล้วค่ะ อ้อ ! ของจะแพงหน่อยนะค่ะ ที่นี้ ถ้าอยากได้เสื้อผ้าหรือของจุกจิก แนะนำไป จตุจักร ดีกว่าค่ะ 5555

เรียกได้ว่าทริปนี้เป็นอะไรที่โครตชิวเลยค่ะ ! ลืมเอาแปรงสีฟันกันมา หน้าไม่แต่ง คอนแทคเลนส์ไม่ใส่ อาบน้ำกันแค่นิดหน่อย ชิวแค่ไหนถามใจเธอดู... lol 

ก่อนอื่นที่ชิวกันได้ขนาดนี้ ต้องขอบใจเพื่อนเราคนนึงในกลุ่มที่มีเกสต์เฮาส์อยู่ที่นี้ เราอีกสองคนเลยได้อยู่ฟรีแล้วก็วันท้ายๆก็กินฟรีด้วย 5555 และกราบความใจงามของเพื่อนๆที่ชอบเลี้ยงโรตี เลี้ยงขนงขนม  ทำให้ save cost ไปเยอะเลย 55555

เริ่มกันที่วันแรก  + Day 1 +

มาถึงเกาะพีพี ก็นึกว่าต่างประเทศเลยค่ะ ฝรั่งเยอะมากกกกกก ย้ำว่ามาก (แมวก็เยอะมากเช่นกัน ควรจะเปลี่ยนชื่อ เป็นเกาะแมวมั้ยบางที +_+ ) เรากับเพื่อนอีกสองคน กลายเป็นคนไทยในดงฝรั่งไปเลย ไม่บอกก็ไม่รู้เลยนี่มันเมืองไทย แต่ดีแล้วค่ะ ดีต่อใจมากๆ  ^^ 

เริ่มกันที่รูปเมืองบนเกาะพีพีนะค่ะ สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้า มีทั้งของกินของใช้ ซอยเชื่อมๆกัน แรกๆจะงงนิดหน่อย แต่เดินเล่นสักวันก็จะชินทางไปเองค่ะ

เราก็เดินเล่นทั่วๆไปเลยค่ะ มีเดินชายหาด น้ำกำลังลงพอดีเลย 

อาหารที่พวกเรากินก็ตามร้านที่ขายข้างทางเลยค่ะ อร่อยและแพง

กินโรตีใส่นม,nuetella,กล้วย กันมันส์เลย อยุ่กัน 3คน 5 วัน กินโรตีไป 20 แผ่นได้เลยค่ะ ราคาจะเริ่มตั้งแต่ 50-70 บาทขึ้นไปค่ะ อร่อยลืมมม 

แล้วพอตอนกลางคืน เราก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไปเดิน ไปดู Night Life of Phi Phi เรามาที่หน้าชายหาดที่เราเดินถ่ายรูปเล่นกัน สัก 2-3 ทุ่มก็จะเริ่มมีแสงสีเสียง ยิ่งดึกก็จะยิ่งคึก 

เราไปเดินชายหาดกัน แล้วก็ไปที่ Slinky Beach Bar ที่เขาจะเปิดฟลอร์ให้แดนซ์กัน พูดง่ายๆว่าเป็น ผับหน้าชายหาด มีการแสดงไฟที่ตื่นตาตื่นใจเรามากๆ 

จากนั้นก็มี ให้กระโดดเชือก ใครอยากแจมก็แจม และกิจกรรมต่างๆ
นั้นก็เป็นอันจบสำหรับวันแรก 


วันที่ 2       + Day 2+

พวกเราตื่นกันแต่เช้า และน้ำก็ไม่ได้อาบด้วยเนื่องจากวันนี้จะไปดำน้ำดู เกาะต่างๆ อาทิ เกาะลิง ปิเล๊ะ ลากูน, อ่าวมาหยา  เป็นต้น จริงๆแต่ละที่มันมีชื่อเรียกแบบ specific แต่ตอนนั้นมัวแต่หลงใหลไปกับน้ำทะเลสีน้ำเงินครามผสมสีเขียวอยู่ เลยไม่ค่อยได้ดูป้ายชื่อกันเท่าไหร่เล้ยย 

นั่งเรือหางยาว ยาวๆไปอีกกก (ซื้อแพกเกจทัวร์ครึ่งวันราคา 350 บาท) 

ถ้ำที่เห็นข้างหลังคือ Vinking Cave หรือ ถ้ำไวกิ้ง 

ไปกันที่เกาะแรก เรียกว่าเกาะลิง.... ลิงดุนะคะ

แล้วก็ไปที่ Pi Leh Lagoon 

รูปอาจมี filter แต่ของจริงน้ำก็เป็นสีนี้เลยค่ะ เขียวๆฟ้า สวยมาก ๆ

Maya Bay..... ต่อกันที่อ่าวมาหยา  ที่เห็นนั้นคือทางขึ้นนะคะ 

ต้องว่ายน้ำจากเรือหางยาวไปแล้วก็ปืนเชือกไต่ขึ้นไปนะค่ะ ขาไปเป็นยังไง ขากลับก็เป็นแบบเดียวกันเลย  จริงๆมันมีสองทางนะ ถ้านั่งเรือเฟอร์รี่ ก็จะไปโผล่ด้านหน้าอ่าวเลย แต่ถ้ามาแบบลุยๆ ก็ต้องมาแบบนี้แหละค่ะ เหนื่อยแต่สนุกมาก

เข้าไปก็จะเจอกับ บันไดพร้อมกับน้ำสีเขียวมรกตอยู่ แล้วก็เดินๆไปเป็นเหมือนอีกอาณาจักรนึงเลยค่ะ มีถ้ำ มีต้นไม้ เรียกว่าเปลี่ยนจากสีฟ้าครามเป็นสีเขียว พักตาไปยาวๆอีก

เดินไปเรื่อยๆจะเจอกับนี้เลยค่ะ มีป่า มีถ้ำ มีห้องน้ำด้วย ทุกอย่าง convenient มากๆ 

 
แล้วก็เดินออกมาเรื่อยๆๆๆๆๆ จะเจอกับแบบนี้

แล้วก็แบบนี้

 จะเป็นข้างในอ่าว คนเยอะมากๆๆๆๆๆๆ นี้มันหน้าฝน low season นะเนี่ย lol 

พวกเราสนุกกันมากค่ะ แต่ที่สำคัญกว่านั้น คือได้มิตรภาพร่วมทางมาด้วย  ^_^

ตกกลางคืนก็มี ไปเที่ยว ผับที่เพิ่งเปิดใหม่ของที่นี้ ชื่อว่า Stockholm Syndome ณ ที่แห่งนี้เองที่เจอกับสหายคนอังกฤษ ได้แก่ Nick , Kallum  and Lewis who are engineer. They are from Hull, England. แล้วพวกนางมาเที่ยวพัทยา ป่าตอง ภูเก็ต ก่อนจะมาเกาะพีพี แล้วก็กลับกรุงเทพ แล้วก็กลับบ้าน 

บางpart เราขอเขียนเป็นอังกฤษนะคะ เผื่อจะส่งให้พวกนั้นอ่าน 
Well.... we first met them at this bar by chance. How we get to know them? Ummmm I thought we were dancing and they were dancing too. (I will tell you readers only this Lol ) 



เช้าวันที่ 13  + Day 3 + 
      เพื่อนสายลุยของเราบ่นอยากจะขึ้น Phi Phi View point เราก็จัดให้เลยค่ะ ได้ขึ้นสมใจอยาก ใช้เวลาอยู่บนนั้นตั้งแต่ประมานเที่ยง จนกระทั้ง สามโมงสี่โมงเย็น เอิ่ม ไม่ใช่อะไรนะคะ เรากินข้าว เมาท์มอย รวมถึงถ่ายรูปกันแล้วคิดว่าไหนๆเหนื่อยกันขนาดนี้แล้ว ก็ขอใช้เวลาหน่อยจะเป็นไร

     จริงๆเราต้องกลับขึ้นกระบี่ ตั้งแต่ สามโมงเย็นของวันนี้แล้วค่ะ แต่ก็ตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ เพราะเหนื่อย ไม่อยากรีบอาบน้ำเก็บกระเป๋าตรงดิ่งขึ้นเรือเฟอร์รี่ ต่อด้วยเครื่องบิน บลาๆ 

ทางขึ้น view point เหนื่อยเอาการเลยค่ะ พูดเลย

พอขึ้นมาแล้วจะฟินมากๆๆๆๆ ไม่ต้องกลัวลำบากนะคะ ระหว่างทางมีร้านขายของตลอด จะมีเป็นจุดพัก ขายน้ำ ขนม 

Tada ! ถึงแล้วจะเป็นแบบนี้

และจู่ๆ ........ไม่รู้ พรหมลิขิตหรือพรหมลิเขียนก็มา.... ได้มาเจอ ฝรั่งวิศวะแก๊งเดิมที่บน View Point แห่งนีี้ ทีนี้ก็คุยยาว make friend กันเลยค่ะ

We accidentally met Nick and his friends on the view point. We got to know each other before we left this view point  and went back to the our place. 

ตกดื่นก็ครึกครื้นกันต่อ 
ไป Slinky bar กับแก๊งวิศวะเหมือนเดิม   บอกเลยนะค่ะ ว่า พรหมลิขิตไม่มี มีแต่พรหมลิเขียน 55555

แล้วนี้ก็จบทริป 3 วัน 2 คืนกันไปแล้ว เช้าของวันที่ 4 พวกเราตื่นกันสายมาก  มีกิจกรรมที่เราทำเป็นประจำก็คือ การกินโรตีนูเทล่า กล้วย การเดินเข้าออก 7/11 ที่นับครั้งไม่ถ้วน แล้วก็การพายเรือคายักด้วย ส่วนวันสุดท้าย เราก็กลับบ้านกัน ทิ้งเพื่อนรัก Sandy ผู้เป็นเจ้าของ K House ไว้ดูเเลแขกต่อไป พูดแล้วก็รู้สึกคิดถึงเพื่อนเลยค่ะ 555555  

รู้สึกว่าแบตคอมกำลังจะหมดแล้ว คงต้องจบลงแต่เพียงเท่านี้ 
ใครที่อยากเที่ยวทะเล อยากมาพักใจ 
เราแนะนำเกาะพีพีเลยค่ะ สวยคุ้มค่าแล้วเราจะลืมเรื่องไม่ดีไว้ข้างหลังเลยแหละค่ะ !!!!!! 

Will be missed

Unforgettable