ครึ่งปีหลังแห่งอายุ 20 ปี อุทิศพื้นที่ในสมองแด่พ่อและแม่ ครอบครัว และลมหายใจ
"I pump you full of strength because we're a team."
ประโยคหนึ่งจาก Honey Boy กระชากชีวิตอันรวดเร็วไร้แก่นสารของเราให้ชะงักงัน
อาจเพราะพักหลังนี้ มันทั้งตีรวนและกระอักกระอ่วนใจ ที่จะอนุญาตให้ตัวเองสำรวจเรื่องราวในวัยเด็ก เมื่อยิ่งค้นลึกลงไปก็ยิ่งเห็นภาพมากมายที่ถูกซ่อนไว้ ผุดปมให้แก้อีกไม่รู้เท่าไรที่อาจต้องถูกมัดไว้เป็นเงื่อนตายตลอดชาติ
อายุ 20 ทำให้อยากตั้งคำถามว่าเติบโตมาได้ยังไงขนาดนี้ ลูกไม้ที่หล่นไกลต้นไปหลายไมล์ อยู่ยังไงในฐานะไม้ดอกท่ามกลางสวนผลไม้
หรือบางทีเราอาจเป็นเด็กสาวจากดาวโกรธที่บังเอิญเกิดผิดจังหวะจริงๆ
นกพิราบชรา เป็นสักคำที่สักคนใช้เรียกแทนผู้คนที่ดิ้นรนต่อสู้จนถึงบั้นปลาย
ทั้งพ่อและแม่ของเราก็คงเป็นพิราบอีกสักสองตัวที่ไม่ยอมบินต่ำกว่าที่เคยบิน
การต่อสู้ดิ้นรนติดตัวเรามาตั้งแต่จำความได้แม้ไม่เคยลำบาก มันเป็นละอองความรู้สึกที่ห่อล้อมตัวตนให้ไม่รู้จักการยอมแพ้
คงเป็นวินาทีนั้นที่เริ่มกล้าแกร่ง ที่ภาชนะแห่งความโกรธถูกหยิบยื่นใส่มือมาโดยไม่รู้
มันพองใหญ่ขึ้นทุกวันตามสัญชาติญาณ ขณะที่เด็กสาวภาคภูมิใจที่แยกแยะถูกผิดเองได้โดยไม่ต้องสอน เฝ้าตะโกนบอกว่าครอบครัวไม่มีส่วนในการปลุกปั้นทัศนคติและการดำเนินชีวิตของฉันแม้เพียงเสี้ยว
เริ่มถือไว้ในสองมือไม่ได้จนต้องแบกโถยกขึ้นหลัง ขณะเดียวกันกับอาการขวานผ่าซาก ไม่รักษาน้ำใจและการมองโลกอย่างเลวร้ายถึงที่สุด
3
การเดินทางไปสู่จุดที่ยอมรับความจริงได้ เป็นขั้นตอนที่ยากเกินกว่าที่คิดไว้
เด็กสาวที่แทบจะไม่ยอมรับชาติกำเนิด แม้แต่ชื่อเล่นที่แม่ตั้งให้ก็ยังปฏิเสธจะเรียกขาน ปลีกแยกตัวเองออกจากชายคาบ้าน ยืนมองความวุ่นวายโกลาหลของครอบครัวใหญ่ด้วยสายตาเย็นชาราวกับไม่มีเชื้อไขเกี่ยวโยงไว้ ต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่ามันไม่เคยพ้นจากเรื่องพ่อและไม่เคยเป็นเรื่องอื่น
หากไชอา ลาบัฟที่อาละวาดจนต้องถูกคุมขังไม่ใช่ไชอาแต่เป็นจิตวิญญาณของพ่อที่เข้าสิงสู่
พ่อก็คงเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเราอย่างจริงแท้ในทุกขณะที่เราเกลียดชังตัวเอง
ฉันเกรี้ยวกราด ตรงทื่อและชาเชือน อาจดูคล้ายไม่มีอารมณ์ความรู้สึกต่อใคร แท้จริงกลับดำรงไว้ด้วยความไม่เชื่อใจอะไรทั้งนั้น
สูดดมความเป็นลูกสาวป๊าต้องไม่แพ้ที่ลอยล่องในอากาศ นึกเข้าใจไปว่าอัตตาของเรานั้นช่างสูงชันนัก ความจริงเปรียบต่างง่ายดาย ฉันขยัดแขยงความอ่อนแอเหมือนแมลงมอด เพียงแค่ไม่อยากแพ้ใครให้พ่อเห็น
ไม่เช่นนั้น การต่อสู้กับช่องว่างระหว่างยุคสมัยของฉันคงสูญเปล่า ท้ายที่สุดแล้วน้ำร้อนที่พ่ออาบก็จะรดราดท่วมหัวฉัน และฉันจะแพ้พ่ายให้กับความดื้อรั้นอย่างคนหมดสภาพ
"I pump you full of strength because we're a team."
เสียงกระแทกในหนังกระทั้นหน้าฉันเข้าอีกครั้ง
ชั่ววูบแห่งความรุนแรงนั้น
บางทีทุกความเกรี้ยวกราดไร้เหตุผลของพ่อฉันอาจเป็นการทำหน้าที่ในฐานะพ่อที่ดีตามความเข้าใจของเขาเอง
การเดินทางไปยังหมุดหมายนั้นมันยากลำบากตรงที่ต้องต่อสู้กับอาการสองจิตสองใจ
เราจะยอมรับได้ไหมถ้าพ่อเราเลวร้ายไร้เหตุผลด้วยเพราะไร้เหตุผลจริงๆ ว่าเขาอาจจะไม่ให้ความอบอุ่น ไม่ได้เป็็นอย่างที่เราต้องการ ส่งมอบนิสัยที่เราเกลียดสุดหัวใจ ปลูกฝังอะไรต่อมิอะไรที่ผิดพลาด อย่างไม่มีเหตุผลและไม่เคยคิดอยากแก้ไข และไม่เคยรับรู้ด้วยซ้ำว่าเราต้องใช้ชีวิตยากลำบากแค่ไหนกับโถแห่งความโกรธขนาดมหึมาบนแผ่นหลัง
ไม่รู้เมื่อไรที่จะเต็มใจโอบรับมันไว้หรือกล้าหาญพอที่จะยอมรับว่าความโกรธที่มี สร้างและทำลายอะไรเราไปบ้าง
ความจริงเหล่านี้กัดกินเราตลอดครึ่งปีหลัง ตักเตือนว่าเรื่องราวเหล่านี้มันมีอยู่ มันจะยังคงอยู่ มันจะไม่มีวันหายไป หากเรายังทำเหมือนมันไม่เคยอยู่ตรงนี้
แบบนี้
5
พ่อจะพูดอะไรกับเราถ้ารู้ว่าเราคิดอะไรกับพ่อ
ไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้ความสัมพันธ์มีรอยร้าวเริ่มจากที่ไหน แต่มันก็ไม่ได้ดำเนินมาได้ด้วยดีเท่าไรนัก
ดังนั้นสิ่งที่ยากพอๆกับการยอมรับว่าพ่อไร้เหตุผล ก็คงเป็นการยอมรับว่าเราเองก็เป็นลูกที่แย่มากพอกัน
พ่อจะรู้สึกยังไงเมื่อได้ยินทุกคำที่เราตั้งใจพูดให้เขาเจ็็บปวด
พ่อจะมีอดีต มีเรื่องราวอะไรปิดบังไว้บ้าง มีอะไรที่ต้องข้ามผ่าน มีประสบการณ์อะไรที่ยากจะลืม
หรือพ่ออาจจะมีอีกร้อยพันปมที่ปลดเปลื้องไม่ได้ตั้งแต่รุ่นปู่ย่า อาจเคยได้รับความรุนแรง อาจต้องผิิดหวังซ้ำซาก ต่อสู้ดิ้นรนทุกหนทางแบบนกพิราบที่ไม่เคยหยุดบินตลอดหกสิบปี
ไม่เคยรู้และไม่เคยคิดถึง
ในฐานะเด็กสาวจากดาวโกรธที่ถือกำเนิดได้เพียงหนึ่งส่วนสามของชีวิตพ่อ
ฉันลงมติว่าพ่อไม่เคยเข้าใจ ไม่เคยใช้สายตาอ่อนโยนมองฉัน รังจะขัดขวางหนทางที่อยากเดิน เหตุผลทุกอย่างเป็็นเพียงข้ออ้าง ความคาดหวังของพ่อคือศัตรูชั่วชีวิต
สำหรับฉันแล้วมันเจ็บปวดเสมอที่เราต้องกลายเป็นสิ่งที่ผลักไสในที่สุด
ไม่รู้ว่าพ่อจะรู้สึกเหมือนฉันไหม ว่าเราช่างคล้ายคลึงกันจนน่าเจ็บใจขนาดไหน
6
"The only thing that dad gave me was pain, and you are going to take that away?"
สิ่งเดียวที่ไชอาได้จากพ่อคือความเจ็บปวด ของเรามันคงเป็นความโกรธนั่นแหละ
แทงใจดำที่สุดและไม่เคยมีความคิดแบบนี้มาก่อนจนกระทั่งได้ยินประโยคนี้
เราจะทำลายความโกรธลงได้ยังไงในเมื่อมันอัดแน่นทุกอณูในตัวเราขนาดนี้ เราจะยกโทษได้ยังไงในเมื่อมันยังสะท้อนออกมาเสมอ
ถ้าการระเบิดออกเท่ากับการแตกสลายของเมล็ดพันธุ์ ก่อนดอกไม้จะชูชัน ดังนั้นจึงจะก้าวต่อไปได้ใช่ไหม
แล้วภาชนะที่เก็บกักความโกรธไว้ตลอดเวลาอย่างเรานี้ ต้องใช้ความกล้าขนาดไหนถึงจะทุบมันให้แตก สิ่งเดียวที่เขามอบให้ โถแห่งความโกรธที่เราแบกมาทั้งชีวิต
หากทั้งหมดถูกทำให้หาย แล้วเราจะเหลืออะไร
หากการต้องไปต่อ เติบโตเป็นหญิงสาวที่กล้าโอบกอดชาติกำเนิดตัวเองอย่างเต็มใจ คือการยอมรับเงื่อนปมที่มีอยู่ให้ได้
หากปลายทางคือการทุบโถแห่งความโกรธให้แตกกระจาย เราจะเอาพลังจากไหนมากมายขนาดนั้น ลำพังกระเสือกกระสนใช้ชีวิตบนโลกเฮงซวยนี่ได้ก็ยากพอแล้ว
นับถือ Honey Boy จากหัวใจ ที่แบแผ่ตัวตนอันเปราะบางออกมาให้เห็น
บรรจุลมหายใจของผู้สร้าง ที่คงโหยหาและเข้าใจความรักรูปแบบนี้ไปพร้อมกัน
ทุกวินาทีในหนังมีคุณค่ากับเรามาก มีทั้งคำตอบ มีทั้งคำถาม มีทั้งการปล่อยวางที่เรายังไม่สามารถทำได้ในตอนนี้
ได้แต่หวังว่าในภายภาคหน้า ขอให้มองอะไรได้อย่างเป็นธรรมมากกว่านี้อีกหลายเท่า
ไม่ผลักไสอดีต ไม่ผูกใจเจ็บกับใคร และไม่ไร้ศักดิ์ศรี
ขอให้ข้ามผ่านไปให้ได้สักวัน
7
บันทึกของหญิงเล็ก,
ลูกสาวป๊า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in