เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
from the desert, with loveployapha.j
เพิร์ธในวันที่อากาศเป็นใจ
  • 24 January 2016




    กลับมาจาก First Operational Flight แล้วจ้า ไฟล์ทแรกของการเป็นแอร์เต็มตัว สลบนอนพักฟื้นไป 1 วันเต็มๆ แถมไม่ค่อยสบายเป็นไข้และต่อมทอนซิลอักเสบด้วยแหละ วันนี้โอเคขึ้นเลยรีบมาเขียนๆพิมพ์ๆจิ้มๆไว้ดีกว่า ก่อนที่จะลืมๆไปว่าไฟล์ทแรกเป็นยังไงบ้าง



    หลังจากที่ตารางเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่มีที่สิ้นสุด จากการาจีเป็นจาการ์ต้า จนกระทั่งมาลงตัวที่ เพิร์ธ ออสเตรเลีย ซึ่งเครื่องออกตอนตีสาม เราต้องไปรีพอร์ตตั้งแต่ตีหนึ่ง เพราะฉะนั้นเราเลยตื่นตั้งแต่ห้าทุ่มเพื่อมาเตรียมตัว ก่อนไปเครียดมาก เช็คแล้วเช็คอีกว่าไม่ลืมอะไรแน่นะ (ไฟล์ทที่แล้วลืมหมวกเฉยเลย) แถมครั้งนี้ต้องตอบคำถาม Safe Talk แถมต้องทำงานจริงๆด้วยเลยหยิบเล็กเชอร์ ขุดทุกอย่างออกมาอ่านเตรียมๆไว้ก่อน ความเครียดพอๆกันกับตอนก่อนเข้าห้องสอบนิติปรัชเลยแหละ รู้สึกกดดันมาก ฮาาา



    พอถึงที่ HQ เราก็เข้าห้องบรีฟตามปกติ ไฟล์ทนี้บินด้วย A380 ซึ่งเราก็ได้รับอีเมลบรีฟล่วงหน้าจากเพอร์เซอร์แล้วแหละ ก็เช็คเอกสาร เช็คเครื่องแต่งกาย และตอบคำถาม Safe Talk ซึ่งรอดจ้า ฮูเร่! พอจบบรีฟก็นั่งบัสไปที่เครื่องบิน



    พอถึงเครื่องปุ๊บเราก็เช็คบริเวณตำแหน่งของเรา เช่น ที่นั่ง อุปกรณ์เครื่องมือฉุกเฉินต่างๆ สำรวจความเรียบร้อยของห้องน้ำและในเคบินว่ามีสิ่งแปลกปลอมอะไรซุกซ่อนอยู่ตรงไหนมั๊ย จากนั้นก็เตรียมจัดหมอนและผ้าห่มในแต่ละที่นั่ง แล้วก็เข้าไปช่วยเตรียมของใน galley ก่อนที่ผู้โดยสารจะขึ้นเครื่อง





    เราโชคดีที่ได้เคบินซุปฯที่ใจดีและเพื่อนๆก็น่ารักมาก พอรู้ว่าเราทำเป็นไฟล์ทแรกก็ช่วยเยอะแยะเลย เราก็งงๆทำอะไรช้ามากกว่าจะเสร็จและก็ทำผิดด้วยแหละ เช่น เราเอา meal cart ออกไปเสิร์ฟอาหาร ในคาร์ทนึงจะมีถาดทั้งหมด 39 ถาด ซึ่งเราต้องนับจำนวนคนให้ครบ ซึ่งเราก็นับผิดนับถูก สับสนไปหมดทั้งๆที่มันก็แค่นับคนง่ายๆ ไปๆมาๆเราเลยชอบทำ bar cart มากกว่า เอนจอยกับการเสิร์ฟน้ำและเครื่องดื่ม เพราะไม่ต้องนับจำนวนคน เข็นไปเรื่อยๆ ฮาาา

    มันก็มีโมเม้นต์ที่รู้สึกแย่เหมือนกัน อย่างตอนที่ทำ clearance cart เก็บถาดอาหารจากผู้โดยสาร คือเราทำช้ามาก (จริงๆก็ช้าทุกอย่างนั้นแหละนะ…) แล้วเราก็ทำอันนู้นหล่น อันนี้ร่วง ยัดถาดเข้าไปเก็บไม่ได้ซะที คือตอนก้มลงเอาถาดมาเก็บก็แอบนั่งทรุดถอนหายใจนิดนึง ก่อนที่จะฮึบๆลุกขึ้นมายิ้มใหม่ พอทำเสร็จก็ได้พักกินข้าว หยิบถาดมานั่งกินตรง jumpseat เงียบๆคนเดียวแล้วรู้สึกว่าตัวเองแม่งโคตรไร้ค่าหาประโยชน์อะไรไม่ได้เลย ทำอะไรก็ผิด หยิบจับอะไรก็ร่วง ทำทุกอย่างช้า แบบ เฮ้อออ ท้อใจเหลือเกิน คือก็ไม่มีใครมาว่าอะไรเราหรอก ทุกคนก็ชมบอกว่าทำได้ดีแล้ว แต่เราคิดว่ามันต้องดีกว่านี้สิวะ นี่มันยังไม่ดีอะ ยังไม่มีตรงไหนที่ดีเล้ยยย ก็ต้องฝึกฝนกันต่อไปละนะ ฮึบๆ!





    ก่อนจะดราม่าไปมากกว่านี้เรามาเล่าเกี่ยวกับไฟล์ทนี้ต่อดีกว่าเนอะ ด้วยความที่ไฟล์ทบินมันยาวประมาณ 10 ชั่วโมง เขาก็ไม่ใจไม้ไส้ระกำให้เราทำงานไปเรื่อยๆโดยไม่มีพักหรอกนะ เราจึงมีช่วงพักเบรกให้ไปนอนใน CRC – Crew Rest Compartment ซึ่งมันเป็นห้องเล็กๆอยู่ท้ายเครื่อง เปิดเข้าไปจะเจอกับที่นอนเป็นชั้นๆเหมือนในโรงแรมแคปซูลอะ เล็กมาก เข้าไปนั่งไม่ได้ ต้องสอดตัวเองและกระดึบๆเข้าไปนอน มีม่านปิดเพื่อความเป็นส่วนตัว เมื่อกระดึบ(ต้องใช้คำนี้เพราะมันนั่งไม่ได้ ต้องสไลด์ตัวเข้าไปจริงๆ) ข้างในก็มีทีวี หูฟัง หมอนและผ้าห่มนุ่มนิ่ม

    เคบินซุปฯก็จะกำหนดเวลาพักให้ว่าใครจะได้ไปพักรอบไหน ได้นอนกันกี่ชั่วโมง ซึ่งก่อนเข้าไปนอนจะต้องเปลี่ยนมาใส่ชุดนอนด้วยนะจ๊ะ เข้าไปนอนทั้งยูนิฟอร์มไม่ได้หรอกนะเดี๋ยวยับหมด ชุดนอนก็น่ารักดีแหละ เป็นเสื้อคอกลมแขนยาวสีแดง ของผู้ชายจะเป็นสีน้ำตาล และกางเกงลายทางขายาวน่าร๊ากกกกกก ทุกคนดูมุ้งมิ้งเมื่อเปลี่ยนมาเป็นชุดนี้

    พอหมดเวลาพักก็จะมีคนมาปลุก เราก็เปลี่ยนชุดกลับไปใส่ยูนิฟอร์ม เดินเข้า galley หาของกินกันต่อไป หรือไม่ก็ขึ้นไปชงกาแฟบนชั้น Bussiness เม้ามอยเล็กน้อยแล้วกลับลงมาข้างล่าง พอเป็นไฟล์ทยาวเราก็กินไม่พักเลยจ้า กินแก้ง่วง กินไปเรื่อยๆ พยายามไม่กินพวกขนมหวานช็อคโกแลต ทำได้แต่แทะแตงกวากับแครอท กินผลไม้ไปเรื่อยๆ โทรเช็คกัปตันบ้างว่าโอเคมั๊ย เอากาแฟเพิ่มรึเปล่า เดินออกไปดูในเคบินบ้าง เช็คในห้องน้ำอะไรก็ว่าไป





    เราถึงเพิร์ธตอนประมาณหกโมง หอบร่างอันเหนื่อยอ่อนมาถึงโรงแรม อาบน้ำ เฟสทามหาแม่ สั่งรูมเซอร์วิสมากิน และนอนยาวจนถึงแปดโมงครึ่ง ลงมาเจอเพื่อนข้างล่าง กินข้าวเช้า และออกไปเที่ยววววววววววว

    ตอนแรกเรากะว่าเราจะเดินเล่นในเมืองไปเรื่อยๆ ไปพาร์ค ไปพิพิธภัณฑ์ไรงี้ แต่พอดีว่าตอนลงมากินข้าวเช้าเจอคนที่อยากไปทะเลพอดี เราก็เออ..ไม่ได้เอาบิกินี่มาอะยู รองเท้าแตะก็ไม่มี เออ..ไม่เป็นไร ไปก็ได้วู้ย ทะเลก็ทะเล เย๊!









    เราออกจากโรงแรมประมาณ​ 10 โมง เดินตามแผนที่ไปเรื่อยๆจนไปเจอกับ Swan River เผื่อว่าจะเจอชายหาดให้นอนอาบแดดได้ แต่ปรากฎว่ามันเป็นทางเดินริมน้ำเฉยๆ ถ้าจะอาบแดดก็นั่งๆนอนๆเอาบนพื้นสนามหญ้า









    เราเดินลัดเลาะริมน้ำมาเรื่อยๆจนมาถึงท่าเรือ เดินเข้าไปสอบถามตารางเวลาเดินเรือที่จะข้ามไป Rottnest Island แต่น่าเสียดายที่เรือใช้เวลา 2 ชั่วโมงซึ่งเวลาไม่พอดีกับแพลนของพวกเรา

    เพื่อนที่อยากไปทะเลก็ไม่ละความพยายาม ถามใหม่ว่าแถวๆนี้มีทะเลที่ไหนอีกมั๊ยคะ ก็ได้ความมาว่าต้องนั่งรถไฟออกไปนอกเมือง ลงที่สถานนี Cottesloe ที่นั่นมีทะเล ใช้เวลาเดินทางแค่ 15 นาทีก็ถึงแล้ว

    จากท่าเรือเราใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาทีก็ถึงสถานีรถไฟ ระหว่างทางเราก็ได้เห็นในตัวเมืองเพิร์ธนิดๆหน่อยๆแหละ :)





    นี่คือ Bell Tower อยู่แถวท่าเรือ อ่านในแผนที่ที่แจกที่สนามบินแล้วพบว่านี่คือ 1 ใน สถานที่สำคัญ





    เมืองนี้ทุกอย่างเล็กๆที่น่ารัก สะอาดและเป็นระบบระเบียบไปหมด ต้นไม้เยอะแยะด้วย ผสมผสานกันระหว่างตึกเก่าๆคลาสิกและตึกสูงได้อย่างลงตัว





















    แถวนี้เป็นเหมือน Shopping Street ถนนคนเดิน มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านค้าต่างๆมากมาย ร้านอาหารส่วนใหญ่ที่เห็นเยอะก็คืออาหารเกาหลีแหละ





    และในที่สุดก็ถึงสถานีรถไฟแล้วจ้า







    นั่งๆไปแปบเดียวก็ถึงแล้วล่ะ พอเห็นใครใส่ขาสั้นสะพายเป้ลากแตะก็คนนั้นแหละ ตามๆเขาไป เดี๋ยวก็เจอทะเล ;P









    นอกจากจะเดิมตามเขาไปแล้ว ใจก็ยังลอยตามเขาไปด้วยนะคะ ฮาาาาาา







    นกที่นี่สีแปลกและวาไรตี้มากๆ เท๊เท่เนอะ











    เนื่องจากเป็นวันศุกร์ คนเลยเยอะแยะพรึบพรับเต็มไปหมดเลย เราก็ไปหาจุดที่ว่างๆ ปูผ้า และนอนกลิ้งไปมา ซึ่งเรารู้สึกประหลาดที่สุดในหาดเพราะใส่เสื้อเชิร์ตอยู่คนนเดียวเลย แต่ก็วิ่งลงทะเลเหมือนกันนะ น้ำเย็นสะใจมากเหลือเกิน ชอบบบบบบบบ





















    หลังจากนั่งอยู่ซักพักก็ขอตัวออกมาเดินเล่น (ก็ไม่ได้อาบแดดนี่เนอะ) เราข้ามถนนมาอีกฝั่งนึง ก็มีร้านกาแฟ ร้านอาหารเล็กๆเรียงรายและแต่ละร้านฮิปมาก สุดท้ายเราก็ไปจบที่ร้านไอติมฮะ









    พอบ่ายโมงครึ่งเราก็นั่งรถไฟกลับ เดินเล่นดูของใน shopping street นิดหน่อย ซื้อแมคกลับมากินที่ห้อง นอนพักสองสามชั่วโมงแล้วก็เตรียมตัวบินกลับ รถบัสออกจากโรงแรมทุ่มสี่สิบห้า เครื่องออกตอนสี่ทุ่ม



    ขากลับก็ดีงามไม่มีปัญหา ผู้โดยสารน่ารักกกกกก ส่วนเราก็พัฒนาขึ้นนิดนึงจากตอนขามานะ ยังคงงงๆนิดหน่อยแต่ก็รู้ว่าต้องทำอะไรตามขั้นตอนแบบไหนบ้าง แต่ก็ยังทำทุกอย่างเชื่องช้าอยู่ดีแหละนะ ฮืออออออ สู้กันต่อไป

    มีช่วงว่างๆก็ชะโงกหน้าไปดูวิวนอกหน้าต่างด้วย เห็นดาวเต็มไปหมดเลย ดี๊ดี ออฟฟิศที่ 34,000 ft. เหนือระดับน้ำทะเลก็โอเคอยู่นะ เหงาๆบ้างแต่ก็ได้เห็นอะไรเยอะดีแหละ







    เราถึงดูไบตอนประมาณตีห้านิดๆ กว่าจะกลับไปถึงบ้านก็เจ็ดโมงพอดี ร่างแหลกเหลือเกิน รู้สึกตะหงิดๆว่าจะไม่สบาย พอตื่นมาก็เอาแล้วครับ มีไข้และเจ็บคอ ม๊ายยยยยยยยยยยยย T_________T

    ตอนนี้ก็พยายามรักษาเนื้อรักษาตัวให้หายทันไฟล์ทยาวๆสิ้นเดือนและรอคอยตารางบินของเดือนหน้าอย่างใจจดใจจ่อ ขอให้มี BKK เถอะนะ หนูไหว้ละ หนูอยากกินข้าวกระเพาะหมูกรอบไข่ดาวไม่สุกกกกกกกกกกกกก









    จบแล้วสำหรับ 27 ชั่วโมง 41 นาทีในเพิร์ธ ออสเตรเลีย

    ไว้กลับมาใหม่คราวหน้านะ :D




    ด้วยรัก...จากทะเลทราย







    ป.ล. ติดตามข้าพเจ้าแบบ real time ได้ที่ ig: ployapha.j นะจ๊ะ > <









Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in