เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
you're used to mechocolimechoux
you're used to me
  • Title: you’reused to me

    Pairing: Colin x Ezra 

    Rate: PG-15 (?)

     

     

    "Florist Olympia" ร้านดอกไม้ย่านบรู๊คลินกลางมหานครนิวยอร์กดำเนินกิจการโดย “เอ็ดดี้ เรดเมย์น” ชายหนุ่มที่พลิกผันตนเองจากการคร่ำหวอดในวงการศิลปะซึ่งมุ่งเน้นจัดแสดงในอาร์ทแกลอรี่และพิพิธภัณฑ์เป็นหลักเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ครั้นตนได้สัมผัสความงามของหมู่มวลดอกไม้นานาพันธุ์เมื่อได้รับเชิญร่วมนิทรรศการ Dutch Flowers ในกรุงลอนดอนต้นฤดูใบไม้ผลิจึงถึงปลายฤดูร้อนที่ผ่านมากระทั่งตัดสินใจออกจากวงการและทิ้งผลงานเซ็ตสุดท้ายไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในโคเปนฮาเกนพร้อมกับเริ่มธุรกิจร้านดอกไม้ทันทีเมื่อตนเรียนจบคอร์สเร่งรัดการจัดดอกไม้ที่ FlowerSchool New York


     

    คืนนี้โคลิน ฟาร์เรล นักแสดงหนุ่มใหญ่สัญชาติอเมริกันชื่อดังยังให้เกียรติมารับดอกไม้ที่ฟลอริสท์โอลิมเปียเช่นเดิมหากครั้งนี้แตกต่างออกไปเมื่อดอกไม้ที่ชายหนุ่มสั่งไม่ใช่ดอกลิลี่สีชมพูอย่างที่เคยโทรศัพท์มาออเดอร์เป็นประจำแต่กลับเป็นกุหลาบขาวไวท์มาสเตอร์พีซหนึ่งร้อยดอก ครั้นชายหน้าหวานเจ้าของร้านยื่นกระดาษอาร์ทเนื้อมันขนาดโปสการ์ดให้หนุ่มใหญ่เขียนข้อความถึงคนที่ต้องการมอบดอกไม้ให้เจ้าตัวกลับส่ายหน้าน้อยๆ และเอ่ยว่าเขาจะเป็นคนเซอร์ไพรส์ผู้รับกุหลาบขาวนี้เอง


     

    “เขาน่าจะงดงามไม่แพ้กุหลาบขาวเลยนะครับถ้าไม่ละลาบล้วงจนเกินไป ขอถามได้หรือไม่ว่าใคร”


    “เอซรา มิลเลอร์...” เสียงทุ้มนุ่มเปรยชื่อนักร้องโอเปร่าแผ่วเบาแต่กระนั้น สายลมกลับยังมีใจเผื่อแผ่สัญญาณเสียงของเขาไปถึงคู่สนทนาจนอีกฝ่ายถึงกับต้องกดยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ


    “อ๋อ ลูกชายหัวขบถของคุณน่ะหรือแปลกใจนะครับที่คุณเป็นฝ่ายเดินเข้าหาเขาก่อน”


    “เพราะได้รับการ์ดเชิญสำหรับแขกวีไอพีน่ะ...เลยมีความจำเป็นต้องแสดงบทบาทพ่อที่ดีบ้าง”


    “ผมเชื่อว่าเอซราเป็นเด็กดีของคุณเสมอ”


    “อะไรทำให้นายมั่นใจขนาดนั้น เอ็ดดี้”


    “สายสัมพันธ์พ่อลูก? อืม...ฟังดูเข้าท่าดีใช่ไหมครับ”


    “เอาล่ะ เอ็ดดี้ วันนี้คุยกับนายสนุกมาก”



    โคลินกระชับ Tailored Jacket สีสุภาพแน่นลำแขนแกร่งยื่นออกรับหมวกทรง Bowler สีเดียวกับแจ็คเก็ตพอดีตัวจากมือเอ็ดดี้มาใส่เพื่อเตรียมตัวออกจากร้านดวงตาแข็งกร้าวเสมองไปยังไวท์มาสเตอร์พีซซึ่งบานเต็มที่แล้วทุกดอกถูกจัดบรรทุกภายในกระโปรงหลังคาดิลแลคปี1959 อย่างสวยงาม ก่อนจะปิดลงจนเห็นแค่ไฟท้ายและป้ายทะเบียนรถ 

     

    สายตาเลื่อนลอยเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งโดยฉับพลันเมื่อกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นต้อนรับลูกค้าคนสุดท้ายก่อนร้านปิดขณะเดียวกันร่างหนาเองก็คล้ายกับถูกดึงออกจากภวังค์มโนสำนึกในอดีตความทรงจำซึ่งเป็นบาดแผลย้ำเตือนความผิดพลาดระหว่างตนและลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวถึงจะตระหนักรู้ว่าทุกอย่างคงฝังใจเด็กหนุ่มจนยากจะเริ่มต้นใหม่หากมนุษย์ทุกคนต่างก็มีความหวังจากความสิ้นหวังมิใช่หรือ 

     

    “เอซราคงตื่นเต้นกับลุค City Gents ของคุณน่าดู”


    “อา หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”


    “โชคดีครับ โคลิน”


    “ขอบคุณ...”

     





     

     

     




    ด้วยการฝึกฝนตั้งแต่เยาว์วัย เอซรากลายเป็นนักร้องที่มีเสียงไพเราะแจ่มใสกังวานก้อง และขับร้องได้นานตามวิถีปฏิบัติ ฉะนั้นบทนักแสดงนำชาย “ปีศาจโรงละคร” ที่ต้องการตัวเอกผู้มีเสียงร้องระดับเทเนอร์จึงตกเป็นของเขาหลังจากประกาศผลออดิชั่นนักร้องที่ได้รับการเสนอชื่อจากProfessional Artists Management ผู้ส่งตัวแทนเข้ามาประกวดและเอซราคือคนที่ถูกเลือก 

     


    เป็นครั้งแรกที่โคลินไม่ได้จดจ่อกับเนื้อหาการแสดงและลำดับเพลงเร้าอารมณ์จากวงออเคสตร้ายกเว้นใบหน้าสีซีดของลูกชายภายใต้หน้ากากครึ่งเสี้ยวสีเงินประกายคริสตัลพลังเสียงอันยอดเยี่ยมและการแสดงแสนจับใจตรึงสายตาของโคลินได้อยู่หมัดเรียกได้ว่าภูมิใจในตัวลูกชายนอกสมรสอย่างออกนอกหน้าที่น้อยคนนักจะเข้าใจความสัมพันธ์ฉาบฉวยทว่าลึกซึ้งของพ่อลูกคู่นี้รู้ตัวอีกทีการแสดงกว่าสามชั่วโมงก็จบลง เหล่าบรรดานักแสดงโค้งขอบคุณผู้ชมขณะเสียงปรบมือดังเกรียวกราวไม่ขาดสาย 



    รอยยิ้มหยันจุดขึ้นมุมปากสีกุหลาบของผู้รับบทปีศาจแห่งโรงอุปรากรเพียงเสี้ยววินาทีแต่มิอาจพ้นดวงตาคมปราดของผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้าไปได้ทั้งสองประสานสายตาแนบแน่นราวโหยหาสัมผัสซ่านของกันและกันกางเกงชั้นในของโคลินเปีัยกชื้น ส่วนกลางลำตัวชุ่มฉ่ำเหนอะหนะเช่นเดียวกับเอซราที่เผลอกลืนน้ำลายลงลำคอระหงอยู่หลายคราลิ้นร้อนไล้เลียกลีบปากอิ่มแห้งผากดังกระหายของเหลวบางอย่างเพื่อคลายความร้อนรุ่มซึ่งตีรวนกลับไปกลับมาจนกำหนัดแทบระเบิดกระทั่งม่านสีแดงค่อยๆเคลื่อนปิดพร้อมประโยคสุดท้ายที่โคลินจับใจความได้จากรูปปากของเอซราที่เปล่งเป็นคำพูดไร้เสียง





    "You're my oasis, Father" 

     


    โคลินเข้าใจนัยยะนั้นได้ทันทีลูกชายแสนเปราะบางของเขาไม่ต่างจากผู้ป่วยโรคร้ายที่กำลังเผชิญภาวะ "ภูมิคุ้มกันบกพร่องชนิดขาดความเอาใจใส่แบบเฉียบพลัน"

     

     




    "กุหลาบไวท์มาสเตอร์พีซ?"


    ร่างเพรียวในสูทพอดีตัวลายทางสีฟ้าเข้มสลับดำยิ้มอ่อนเดาะลิ้นเล่นสองสามครั้ง จากนั้นจึงปรายสายตาฉ่ำเยิ้มคลี่ยิ้มหวานล้ำไปยังผู้ปกครองคนเดียวที่ตนเหลืออยู่ 


    "ดีใจจังครับที่สิ่งที่ผมชอบยังฝังอยู่ในเซลล์สมองของคุณมิสเตอร์..."


    "เอซรา อย่ากวนโมโห เรียกฉันว่า พ่อ" หนุ่มใหญ่สั่งเสียงเข้มเน้นชัดก่อนจะตามมาด้วยเสียงฟ้าผ่าและหยาดฝนเม็ดโตแห่งฤดูหนาว


    "ผมจำได้ว่าเรียกไปแล้วนะ..."


    "เข้าไปนั่งในรถ เราจะกลับกันเดี๋ยวนี้" เอซราทำตามคำสั่งแต่โดยดีมือเรียวหยิบซองบุหรี่มาโบโร่ โกลด์ขึ้นเตรียมจะจุดยาสูบปล้องผอมอัดนิโคตินเข้าปอดแต่กลับต้องจิ๊ปากขัดใจเมื่อเจ้าของรถฉวยเอาบุหรี่ทั้งซองเขวี้ยงทิ้งออกนอกรถเหมือนเศษขยะ 


     

    ริมฝีปากนุ่มหยุ่นเหยียดเป็นเส้นตรง ดวงหน้าหล่อเหลาสมวัยเรียบเฉยผินมองนิวยอร์กเมืองแห่งสีสันและแสงไฟตระการตาในคืนวันคริสต์มาสความเงียบสงัดเข้าครอบคลุมภายในห้องโดยสารคาดิลแลคสีสดมีเพียงเสียงลมหายใจแข่งกันเป็นสัญลักษณ์แทนว่ายังมีมนุษย์ตัวเป็นๆขับเคลื่อนพาหนะคันงามมุ่งสู่จุดหมาย และเพื่อนร่วมทาง...

     



    ตุ๊กตาหน้ารถ...ช่างน่าเกลียดน่าชังเสียเหลือเกิน...



     

    "ฉันต้องขอชม..." โคลินเกริ่นนำเพื่อหันเหความสนใจของเอซราจากแสงไฟข้างทางให้กลับมาโฟกัสบทสนทนาที่เขามั่นใจว่าจะเชื่อมไปสู่หัวใจของลูกชายที่ตนทิ้งไปตั้งแต่สิบปีที่แล้ว"นายสร้างความอึดอัดได้เหนือชั้น...เอซรา"นักร้องหนุ่มหัวร่อต่อคำพูดประชดประชันเสียงใสพลางคิดในใจว่าอารมณ์ขันของบิดานั้นยอดเยี่ยมไม่มีใครเกิน


    "สร้างความอึดอัด? กับคุณพ่อแสนประเสริฐที่ผมเคารพรักสุดหัวใจน่ะหรือ?"


    "พวกคลั่งใคล้เกมสงครามประสาทงี่เง่าก็มีแต่พวกสารเคมีในสมองผิดปกติเรียกร้องความสนใจโง่ๆ แล้วก็จบลงด้วยการเล่นใหญ่ให้คนรอบข้างเห็นใจเหมือนตัวละครที่ถูกกระทำ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนสร้างความเดือดร้อนแท้ๆ"


    "โอ้ แต่ผมว่า...พ่อน่ะตัวร้ายเลย"


    "หาเรื่องฉันทำไมไตร่ตรองสันดานของตัวเองก่อนเถอะ"


    "อา ไม่รู้ว่าผมได้ความร้ายกาจจากใครมาคุณพ่อที่รักหรือเปล่านะ?"


    "ขอเถอะ ฉันไม่อยากห้ำหั่นอารมณ์ใส่กันเอาเป็นว่า...คืนนี้เราน่าจะใช้เวลาร่วมกันให้เป็นประโยชน์"


    "อย่างเช่น?" 


    "ฉลองคริสต์มาสตามประสาพ่อลูก" 


    "จำกัดกิจกรรมตามชื่อเรียกสากลมาเลยดีกว่าครับผมไม่ใช่พ่อมดนะ อ่านใจพ่อไม่ได้หรอก" 


    "ปรับตัวให้ชินกับฉันที่เป็นครอบครัวคนเดียวของนายไว้ก็ดีนะต่อไปแมนชั่นหลังละสามสิบล้านเหรียญที่ฉันซื้อไว้จะกลายเป็นที่ซุกหัวนอนของนายแทนบ้านหลังเก่าในนิวเจอร์ซีย์ยังไงสถานที่แบบนั้นก็ไม่เหมาะกับภาพลักษณ์ของนายตอนนี้อยู่แล้วฉันคิดว่าย้ายมาอยู่ด้วยกันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร..."


    "สงสารผมหรือครับ? หรือแค่ต้องการรับผิดชอบความผิดพลาดที่ไม่น่าเกิดมาแบบผม" 


    "เอซรา!"


    “เมื่อก่อนเราเคยสนิทกันพ่อและผมเป็นความเคยชินของกันและกัน จำได้ไหม”


    “ไม่รู้มาก่อนว่าจะระลึกความหลังเป็นกับเขาด้วย” 


    "เขาเรียกว่าอะไรนะ? อืม...สายใยของครอบครัวที่หายไป"


    "อย่างที่พูดไว้ไม่มีผิด เรื่องสร้างความอึดอัดฉันต้องยกนิ้วให้เลยจริงๆ หึ!"


    "ก็บอกแล้วว่าได้พ่อมาทั้งนั้น"

     

     




     



     

    เอซราเงยหน้ามองบ้านพักตากอากาศสีเหลืองอร่ามสไตล์ทัสคานีด้วยสีหน้าเรียบเฉยชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบสาวเท้าหนักๆตามเจ้าของที่อยู่อาศัยผ่านประตูโค้งเหล็กเคลือบสีโดยจะเห็นต้นปาล์มสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่เป็นระยะตามทางเดินริมสระและริมรั้วกั้นระหว่างตัวบ้านและหาดทรายสีขาว 

     


    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสถานที่แห่งนี้ตรึงใจเด็กหนุ่มเพียงใด บางทีอาจจะเนื่องมาจากไร่องุ่นบนเนินเขาเล็กที่อยู่ห่างไปไม่กี่ไมล์ก่อนมาถึงที่นี่ภาพความทรงจำครั้งเยาว์วัยจึงฉายชัดขึ้นมาจนต้องรีบสะบัดหัวไล่เรื่องราวลางเลือนนั้นทิ้งทั้งนี้ทั้งนั้นเอซราเพียงต้องการปกป้องตัวเองจากความเคยชินที่ไม่แน่ใจว่าเป็นความจริงหรือภาพฝันกันแน่ 


    "ปาปารัสซี่หาที่นี่พบหรือยังครับ" 


    เอซราโพล่งถามเสียงดังตามวิสัยคนร่าเริงพลางวาดปลายเท้าไปยังแกรนด์เปียโนสีัดำปลอดนั่งลงบนเบาะหนังแท้สีน้ำตาลเข้มเย็บกระดุมอย่างประณีตนิ้วเรียวดีดแป้นคีย์บอร์ดเล่นไล่ระดับเสียงวนต่ำขึ้นสูง วนสูงลงต่ำ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้นกระทั่งแปรเปลี่ยนเป็นเสียงร้องจากแผ่นไวนิลบนเครื่องเล่นแผ่นเสียงปากแตรโคลินจึงได้ผ่อนคลายพร้อมนึกทวนคำถามเมื่อครู่ของลูกชายก่อนจะตอบโดยใช้จิตใต้สำนึกเป็นตัวบงการ


    "ถ้าพวกนั้นจมูกไว ฉันจะทำเหมือนลานา เดล เรย์ในเอ็มวี High By The Beach"


    "ฆาตกรรมช่างภาพชะตาขาดด้วยไรเฟิลไซส์บิ๊กเบิ้มน่ะหรือครับอา...อย่าบอกนะว่า...พ่อแอบเก็บปืนไว้ในกระเป๋ากีต้าร์เหมือนหล่อนเรื่องตลกร้ายพรรค์นั้นเอาไว้เป็นพล็อตการแสดงก็พอมั้งครับ" 


    "คิดว่าฉันพูดเกินจริงหรือ"


    "ให้ตายเถอะ พ่อคงไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นเอลมาริเอชี่ ใน Desperado หรอกนะ"


    "ฉันไม่ชอบให้ใครมาละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว"


    "เรื่องของผมมันน่าอายมากหรือครับ" 


    "น่าอายหรือไม่...นายเองก็รู้อยู่แก่ใจเอซรา"


    "อย่าลืมนะครับว่าพ่อเป็นคนออกปากชวนผมมาอยู่ด้วยกันเพราะฉะนั้นในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าพ่อจะต้องทำตัวให้ชินกับการมีอยู่ของผม แต่ไม่ต้องห่วงตั้งแต่ไหนแต่ไรผมก็เลี้ยงง่ายอยู่แล้ว เชื่องเหมือนลูกแมวน้อย จำตอนเด็กๆไม่ได้หรือครับพ่อเคยนิยามผมไว้แบบนั้น"


    "เต้นรำกันหน่อยไหม คนเก่ง"โคลินเปลี่ยนเรื่องกะทันหันเหนื่อยเกินกว่าจะปวดประสาทตามอารมณ์เด็กช่างยวนตรงหน้า เขาเลือกจะชวนลูกชายทำกิจกรรมที่ครั้งหนึ่งเคยมีความหมายกับเด็กชายตัวน้อยมากที่สุดพลางร่อนไวน์ราสเบอร์รี่ในแก้วคริสตัลทรงสวยจนเห็นเป็นแสงวิบวับจากการตกกระทบของแสง


    “ท่าเต้นของผมไม่เหมือนใคร มั่นใจหรือครับว่าจะลอง”


    “จะพิสดารมากกว่างานถ่ายโฆษณาให้เอเจนซี่  Walter Schupfer  Management เลยหรือ”


    “ดีใจนะครับที่พ่อติดตามผลงาน  Martien Mulder หล่อนน่าทึ่งมาก ใครจะคิดว่าผมจะเต้นกับกำแพงออกมาได้ธรรมชาติขนาดนั้นครั้งแรกที่ได้เห็นตัวเองผ่านจอมอนิเตอร์ยังอดละสายตาจากร่างกายของตัวเองไม่ได้...”

     

    กายบางผละออกจากเครื่องดนตรีขนาดใหญ่เคลื่อนกายเนิบนาบเข้าหาร่างหนาบนโซฟาเบ๊ดที่อยู่ในท่านั่งไขว่ห้างเอซราใช้เข่าแหวกท่อนขาใหญ่ของโคลินให้แยกออกจากกันพอประมาณจากนั้นจึงทิ้งน้ำหนักตัวนั่งคร่อมบนหน้าขาแกร่งพร้อมกับตวัดปลีน่องเรียวเข้าเอวสอบของคนเป็นพ่อ


    “สะโพกน่ะครับ…วีดีโอกราฟเฟอร์กับสไตล์ลิสท์ชมว่าผมใช้สะโพกเก่งแหงล่ะ ผมร่อนมันบนลูกบอลยักษ์บ่อยๆ”


    “ลูกบอล?”


    “ไม่ต้องให้ผมอธิบายหรอกน่า คนอาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างพ่อน่าจะเข้าใจง่ายไม่ใช่หรือ”



    โคลินจับหมับเข้าที่บั้นท้ายทั้งสองข้าง บีบเฟ้นรุนแรงที่ก้อนเนื้อกลมกลึงอย่างต้องการจะสั่งสอน เด็กใจกล้าเผลอกระตุกร่างสูดปากเพราะตกใจกับสัมผัสหนักหน่วงที่ไม่ทันตั้งตัวดวงตาคมดุจนกเหยี่ยวจ้องมองทุกท่วงท่าของเด็กดื้อที่กำลังจะกลายเป็นเด็กดีในอีกไม่ช้า


     

    ลูกแก้วกลมสีน้ำตาลเข้มปรือปรอยขณะร่างของตนถูกพลิกกลับให้นอนราบลงกับโซฟาตัวเขื่องนิ้วเรียวไล่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแบรนด์หรูจากเม็ดสุดท้ายถึงเม็ดแรก เผยให้เห็นร่างกายราวแสงนีออนที่ส่องประทับกล้ามเนื้อเป็นลอนสวยของคนออกกำลังกายเป็นประจำ

     


    รอยสักตัวอักษรสีดำบริเวณเอวซ้ายเป็นเครื่องยืนยันชิ้นดีว่าโคลินจะกลายเป็นหนึ่งในความเคยชินที่เอซราเรียกร้องจะปรับตัวเข้าหา– Alone-sex didn’t count. The pleasure is in the exchange – ความเคยชินที่เชิดชูความหยิ่งผยองในตัวเองว่าหากต้องการสุขสมกับเพศรสที่สมบูรณ์แบบก็ต้องเรียนรู้การแลกเปลี่ยนทางอารมณ์กับฝ่ายตรงข้ามด้วยเช่นกัน ดังนั้น จึงไม่น่าประหลาดใจหากเอซราจะใช้ร่างกายอ้อนวอนให้ชายหนุ่มที่เขาเทิดทูนปรับตัวให้คุ้นชินกับลูกชายในสายเลือด


     

    เอซราเฝ้าฝันถึงมันมาตลอด เซ็กซ์กับเพศเดียวกัน เซ็กส์กับคุณพ่อเซ็กซ์ที่อยู่เหนือศีลธรรม จริยธรรมและแบบแผนความเชื่อทางศิลปะวัฒนธรรมที่ว่าด้วยหลักธาตุหยินหยางหรือพลังบวกลบระหว่างชายหญิง


     

    อาภรณ์ราคาแพงถูกปลดเปลื้องกระจัดกระจายอยู่ข้างเฟอร์นิเจอร์รอบด้านร่างสีซีดแปรเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อ ยามลิ้นร้อนลากเลียสะกิดหยอกล้อยอดถันถี่รัวและกลีบปากอุ่นดูดดุนเนื้อบางรอบฐานหนักหน่วงเป็นสีม่วงช้ำ กลิ่นน้ำหอม Dolce &Gabbana Pour Homme Intenso ตามเนื้อตัวของโคลินแปะทับกลิ่นกายธรรมชาติของเอซราไปทั่วทุกอณูความเข้มข้น อ่อนหวาน และนุ่มลึกจากการผสมผสานของลาเวนเดอร์ ยาสูบ และน้ำแร่กระตุ้นร่างแสนเย้ายวน แอ่นสะโพกถูหนั่นเนื้อร้อนของตนเข้ากับต้นขาด้านในของโคลินจนส่วนหัวเริ่มปริ่มน้ำ


     

    “พร้อมจะเต้นรำกับฉันหรือยัง เด็กดี” เสียงแหบพร่ากระซิบข้างใบหูนิ่มเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นตามไรผมสีนกกาทั้งที่โคลินยังไม่ได้ฝังร่างกดลึกมอบสัมผัสหวามไหวให้คนอายุน้อยกว่าเลยด้วยซ้ำ


    “คุณพ่อ...”


    “คู่นอนของนายไม่เคยสอนหรือว่าต้องให้เกียรติอีกฝ่ายด้วยการเรียก ชื่อ


    “โคลิน...อึก” เด็กหนุ่มยอมเรียกชื่ออย่างว่าง่ายทว่าทุกครั้งที่ร่างกายตื่นตัวจนถึงขีดสุดเขามักจะสมดุลย์ร่างกายและอารมณ์เข้าด้วยกันโดยการร้องขอบางสิ่งจากคนที่เขาอนุญาตให้ครอบครองตัวตนเข้าได้ณ เวลานั้น


    “จุดบุหรี่ใส่ปากผมหน่อย”


    “ทำไม”


    “ผมจะหลั่งเร็ว ถ้าไม่...” เอซราสะดุ้งเฮือกทันทีเมื่อปลายนิ้วยาวแทรกผ่านเข้ามาทีเดียวถึงสามนิ้วความอึดอัดเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวด ถึงแม้กลีบปากสีซีดจะร้องปฏิเสธแต่ร่างกายกลับตอบสนองการรุกล้ำเป็นอย่างดี โครงหน้าคมสวยชุ่มเหงื่อส่ายไปมาด้วยเพราะความทรมานที่เกิดจากการกดย้ำกระตุ้นอารมณ์ในช่องทางรักที่กำลังบีบรัดปลายนิ้วของโคลินแน่นเป็นจังหวะตุบๆ


    “นายไม่มีสิทธิทำแบบนั้นจนกว่าจะได้รับอนุญาต อีกเรื่อง ฉันไม่นิยมกลิ่นบุหรี่ตอนมีเซ็กซ์”


    “คุณ…”


    “ใช้ปากแกะห่อฟอยล์นี่เร็วเข้าอยากใจขาดตายคาอกฉันมากหรือ” ทุกคำขอเสร็จสิ้นภายในเวลาไม่กี่วินาทีเพราะเขาต้องการให้หนุ่มใหญ่เร่งสนองความต้องการที่รังแต่จะปะทุอย่างไม่มีสิ้นสุด



     

    โคลินก้มลงจูบกลีบปากนิ่มมือใหญ่แยกเรียวขาบางให้อ้าออกอีกครั้ง เอซราไม่ได้ขัดขืนแต่กลับส่งเสียงครางเครือในลำคอทันทีที่รู้สึกถึงความร้อนที่ดุนดันเข้ามาในร่างกายรวดเดียวจนสุดเขารู้สึกจุกจนเผลอดันอกของโคลินออกจากตัว มือหนาเริ่มออกแรงลูบไล้เอวบางให้เด็กในโอวาทหลงใหลเคลิบเคลิ้มไปกับสิ่งกระตุ้นภายนอกเอซรากัดริมฝีปากจนห้อเลือด หยดน้ำใสทิ้งตัวลงที่หางตาแต่เพียงแค่หยดเดียวก็เหือดแห้งไป เขาเริ่มปรับตัวและเรียนรู้ว่าบิดาของตนไม่ใช่ผู้ชายที่อ่อนโยนกับเรื่องบนเตียงนักแต่ก็ใช่ว่าจะสุขสมกับความรุนแรงที่อีกฝ่ายไม่เต็มใจ



     

    เอซราหอบสะท้านหากไม่ยอมปล่อยเสียงครางออกไปสักแอะ โคลินกระตุ้นย้ำกายเน้นหนักทุกครั้งเพื่อเข้าหาจุดกระสันที่ทำให้ร่างสมส่วนเด้งสะโพกตอบรับอย่างถวิลหาคล้ายกับว่าได้กลับมาเจออะไรที่คุ้นชินในเวลาที่ห่างหายไปนานแสนนานแม้จะไม่เคยกับผู้ชายมาก่อน ทว่ากลับไม่รู้สึกตัวเลยว่ายินดีแค่ไหนกับความเปรมปรีด์ที่ถูกตีตื้นขึ้นมาเป็นระลอกความสะใจอันปวดหน่วงซึ่งไม่รู้ที่มาที่ไปพาลพาให้เขาคลุ้มคลั่ง

     



    ราชสีห์ตัวร้ายล่อหลอกดื่มด่ำ  กลืนกินจิตวิญญาณของเขาอย่างชาญฉลาดมีหรือที่กระต่ายตัวน้อยเช่นเขาจะทันกลลวงอันหล่อหลอมจากประสบการณ์กล้าแกร่งนานนับสิบปีก่อนที่ตัวเองจะได้ลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ

     

     

    “อา...โคลิน…”


    “รู้อะไรไหม  นายจะต้องเรียนรู้เพื่อบรรลุอาการหมกมุ่นจากการอุทิศตัวตนที่นายได้รับความตื่นเต้นจากสิ่งนั้น ก่อนจะบอกว่าตัวเองคุ้นชินหรือเคยชินกับมันได้”


    “ผ...ผม...อึก”


    “เรื่องเต้นรำที่นายคุยโวไว้ก็เช่นกัน”


    “คิดจะเหยียบย่ำความภูมิใจของผมอย่างนั้นหรือ คุณพ่อ”



     

    สะโพกมนประสานตอบรับจังหวะรักที่โคลินเป็นคนกระแทกลงไปด้วยแรงที่เน้นหนักจนคนอายุอ่อนกว่าเผยอปากกว้างเพื่อกอบโกยเอาออกซิเจนเข้าปอดพยายามหายใจให้ทันกับจังหวะเร็วระรัวที่ไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนลงเลยแม้เพียงนิดมือเรียวปัดป่ายไปทั่วแผ่นหลังกว้าง ขาเรียวยกขึ้นสูงเพื่อให้อีกฝ่ายดันร่างกายได้รุนแรงและล้ำลึกยิ่งขึ้นเปลือกตาสีมุกหลับแน่น  ในขณะที่กลีบเนื้ออิ่มสีเชอรี่สดครางกระเส่าไม่เป็นภาษา เอซราได้ยินเสียงตัวเองร้องเรียกชื่อโคลิน พร้อมกันกับได้ยินเสียงครางต่ำจากลำคอของร่างหนาแนบใกล้กับใบหู ตามด้วยเสียงหัวร่อผะแผ่วของบิดาที่ดังก้องเข้ามา ราวฉุดรั้งสติที่ดิ่งลงเหวเมื่อครู่ให้ขึ้นมาอยู่จุดยอดสุดของภูเขาเอซราเบิกตาโพลงเมื่อร่างสูงใหญ่ไสกายเข้าออกไม่หยุดยามใกล้ถึงปลายทางแห่งแรงอารมณ์ดวงตาฉ่ำวาวของเอซราเริดขึ้นมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลาหากยังคงดูดีไร้ที่ติเสมือนครั้งเป็นวัยรุ่น ทั้งสองร่างกรีดร้องเสียงต่ำกระทั่งสายธารแห่งความใคร่ถูกปลดปล่อย คนทั้งสองจึงเริ่มตระหนักถึงความเคยชินในความหมายที่ต่างกัน


     

    “แค่เพราะว่านายเคยชินกับบางสิ่งไม่ได้แปลว่านายชอบมันหรอกนะ เอซรา นายก็แค่ชินฉัน”


    “ผมนี่น่ะหรือชินพ่อ”เด็กหนุ่มแหวเถียงใส่คนที่ยังคงตระกองกอดเขาไม่ไปไหน “เราเลิกสนิทกันไปนานแล้ว พ่อก็รู้”


    “นายชินฉันในจินตนาการของนายความหิวโหย ตะกละตะกลาม โหยหาความรักจากพ่อผ่านเซ็กซ์...”


    “หยุด!”


     

     เอซราตวาดลั่นเขาถูกจี้ลงกลางใจอย่างจังเล็บคมบนปลายนิ้วทั้งสิบข่วนลงแผ่นอกแกร่งอย่างเคียดแค้นอาการแสบๆคันๆจากปากแผลที่มีรอยเลือดจางๆ ไม่ได้ทำให้ลูกแมวจอมพยศดูน่าเกรงขามขึ้นเลยแม้แต่น้อยเท่าที่เขาเห็นมีเพียงความอ่อนแอน่าสมเพชผ่านแววตาอันแสนภาคภูมิของผู้แพ้เพียงเท่านั้น


     

    “ไม่เอาน่าฉันสนองความเคยชินในแบบของนายไปแล้วต่อไปก็เป็นหน้าที่ของนายที่จะต้องตอบแทนฉันบ้าง”


    “พ่อพูดอะไร”ลูกปัดกลมจ้องลึกเข้าไปในเงาของตนที่สะท้อนกลับเข้ามายังนัยน์ตาอย่างเด่นชัด


    “อยู่ให้เป็น  อยู่ให้ชิน  อยู่ภายใต้การควบคุมของฉันแล้วเราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป”

     

     

     







    FIN.




     




    เย่ ดีใจ แต่งจบแล้ว ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันค่ะ ถ้าถูกใจก็เข้ามาบอกฟีดแบ็คกันได้


    ติดแท็ก #ficusedtome ในทวิตเตอร์ให้ชื่นใจก็ได้ค่ะ แต่ถ้าใครขี้เกียจก็ไม่เป็นไรค่ะ 


    ยินดีที่ได้เขียน #colezra เช่นกันค่ะ

     

     

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in