เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ในนิทรากาล (YAOI)A SURA
Chapter 1
  • “อลัน ตื่นเถอะครับ”

    เสียงนุ่มทุ้ม แผ่วเบาของใครคนหนึ่งกำลังปลุกอลันให้ตื่น เขารู้สึกว่าตัวเบาราวกับไร้น้ำหนัก อลันอยากจะหลับต่อแต่เสียงของใครคนนั้นยังเรียกเขาไม่หยุด

    “อลันครับ”

    แม้จะยังรู้สึกง่วงมากแค่ไหน แต่อลันไม่อาจทนหลับต่อได้อีกแล้ว แสงแดดแผดจ้าทำให้ดวงตาของเขาพร่ามัวไปชั่วขณะ เมื่อเริ่มกลับมาเป็นปกติ อลันก็หันมองรอบตัวอย่างุนงง อลันพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องนอนของเขาอย่างที่ควรจะเป็น เมื่อคืนเขาเข้านอนตามปกติไม่มีทางมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ได้เด็ดขาด ร่างสูงเอนหลังพิงเก้าอี้หวายตัวใหญ่ในศาลาสีขาวหลังเล็ก ๆ รอบศาลาเต็มไปด้วยต้นมะลิที่กำลังออกดอกขาวเต็มต้น อลันรู้สึกนึกชอบดอกมะลิสีขาวเหล่านั้น เขารู้สึกคุ้นเคยกับทั้งต้นมะลิ และศาลาสีขาวล้วนหลังนี้ เมื่อมองไปทางด้านขวาอลันเห็นบ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังกะทัดรัดสีขาวแทบทั้งหลังมีเพียงเชิงชายที่เป็นสีเขียวไข่กา พื้นบ้านถูกยกขึ้นเพียงเล็กน้อย ดูน่าอยู่ไม่เบาแต่ก็ชวนให้รู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก เมื่ออลันสังเกตได้ว่า บ้านสีขาวหลังเล็กต้องมาอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางต้นไม้ใหญ่แผ่ใบสีเขียวครึ้มเช่นนี้

    อลันหันกลับไปมองด้านหลัง เขาพบใครคนหนึ่งที่น่าจะเป็นคนเดียวกันกับที่ส่งเสียงปลุก แต่ชายคนนั้นนั่งหันหลังให้เขา เขาจึงไม่เห็นว่าใบหน้าของชายคนนั้นเป็นเช่นไร อลันสังเกตว่าชายคนนั้นร่างเล็กพอดู เมื่อเทียบกับเขาที่เป็นลูกครึ่งฝรั่งร่างสูงใหญ่ แต่ชายคนนั้นก็ไม่ได้เล็กและเพรียวบางพอให้นึกว่าเป็นผู้หญิง ผิวสีน้ำผึ้งของชายร่างเล็กนั้นดูผุดผาด ผมสั้นรับกับศีรษะทุย  อลันนั่งมองชายคนนั้นอย่างนิ่งงันราวกับมีอะไรหยุดตรึงสายตาเขาไม่ให้ละสายตาไปไหนได้เลย ร่างเล็กคงจะกำลังก้มหน้าตั้งอกตั้งใจทำอะไรบางอย่างถึงได้ไม่หันมาสนใจว่าอลันตื่นจากเสียงเรียกแล้ว อลันตั้งใจจะส่งเสียงเรียกชายคนนั้น แต่เขากลับนึกไม่ออกว่าชายคนนั้นคือใคร และชื่ออะไรร่างสูงรู้สึกแปลกใจเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะเรียกชายคนนี้อย่างคุ้นเคย แม้เขาจะไม่รู้จักมาก่อนก็ตาม อลันพยายามจะส่งเสียงเรียกชายคนนั้นอีกครั้ง แต่เขากลับเปล่งเสียงออกมาจากคอไม่ออก

    “อลัน คุณตื่นหรือยังครับ”

    อลันรู้สึกโล่งใจ เมื่อชายคนนั้นส่งเสียงเรียกเขาอีกครั้ง ขณะที่ชายคนนั้นกำลังจะหันมามองเขาอลันก็รู้สึกเหมือนมีลมหนาวพัดมากระทบตัวอย่างรุนแรง จนเข้าต้องยกมือเข้ากอดตัวเองกะทันหัน เขาหลับตาปี๋ เมื่อไอเย็บเฉียบพัดผ่านใบหน้าเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง อลันก็เห็นว่าชายร่างเล็กคนนั้นหันหน้ามามองเขาแล้วแต่สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงก็คือ ทุกอย่างบนใบหน้าของชายคนนั้นดูพร่าเลือนไปหมด และราวกับถูกสาปให้หยุดนิ่ง อลันไม่อาจขยับตัวหนีไปจากใบหน้าไร้เครื่องหน้านั้นได้เลย อลันพยายามหลับตาแล้วก้มหน้าลงหนีจากภาพที่เห็น แล้วเขาก็รู้สึกถึงไอของความหนาวเย็นโอบล้อมตัวมากกว่าเดิม อึดใจต่อมาอลันรับรู้ถึงปลายนิ้วเฉียบและสั่นเทาประคองแก้มทั้งสองข้างจนเขาต้องลืมตาขึ้นมามองด้วยความตกใจ และอลันพบว่าเขากำลังมองสบกับนัยย์ตากลมโตสีดำสนิทคู่หนึ่งซึ่งกำลังมองลึกเข้ามาในดวงตาของเขาอย่างห่วงใย และเศร้าสร้อย ในตอนนั้นอลันคิดว่าเขาคงไม่อาจลืมดวงตาแสนเศร้าคู่นี้ได้อย่างแน่นอน แม้ดวงตาคู่นั้นจะทำให้เขารู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ถ้านี่เป็นความฝันหากเขากำลังฝันอยู่ อลันก็อยากให้ใครสักคนปลุกเขาให้ตื่นเสียที

    “อลัน ทำไมคุณไม่ตื่นเสียที”

    แล้วดวงตาสีดำกลมโตคู่นั้นก็เริ่มมีน้ำตาไหลรินลงมา เช่นเดียวกันกับเขา

     

    “อลันอลัน! ตื่นเถอะลูก"

    เสียงตะโกนเรียกของแม่พร้อมเสียงเคาะประตูปึงปังปลุกอลันให้ตื่นจากฝันเขาลืมตาโพลงด้วยความตกใจและพยายามหอบโกยอากาศเข้าปอดอย่างหนัก อลันอยู่ในห้องนอนของตัวเองแล้วเขาตื่นจากฝันแล้ว และในห้องนี้ก็ไม่มีผู้ชายผิวสีน้ำผึ้งไร้หน้าคนนั้นอลันพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง พยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติแต่เขายังหอบหนักและเหงื่อเริ่มผุดออกมาจากไรผมและแผ่นหลังอลันยกมือขึ้นเสยผมอย่างหงุดหงิด ดวงตาของยังคงเปียกชื้นด้วยน้ำตาที่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามาจากความรู้สึกแบบไหนกลัวหรือเศร้า เขาไม่เคยฝันแบบนี้มาก่อน และไม่มีท่าทีว่าจะลืมรายละเอียดในความฝันเมื่อครู่เลย

    “อลัน ลูกตื่นหรือยัง ลูกเป็นอะไรไหม” เสียงแม่ของอลันร้องถามด้วยความเป็นห่วงอลันไม่แน่ใจว่าเขาหลับลึกมากแค่ไหน และแม่ปลุกเรียกเขานานแค่ไหนแล้ว แต่ถ้าเขายังไม่ส่งเสียงตอบกลับไปแม่ของเขาอาจพังประตูเข้ามาเพราะคิดว่าเขาเป็นอะไรไปแล้วแน่ ๆ เขานึกดีใจที่ตัวเองล็อกลูกบิดประตูไว้ถ้าแม่เข้ามาเห็นเขาในสภาพแบบนี้คงตกใจ

    “ผมตื่นแล้วครับ ขอโทษที่ผมหลับเพลินไปหน่อย”

    “ถ้าตื่นก็ดีแล้ว ใกล้เที่ยงแล้วนะ ลงมากินข้าวเถอะ เราจะได้ไปเยี่ยมน้าพิมพ์กัน”

    ร่างสูงเพิ่งนึกบางอย่างขึ้นได้ ใช่สิ! วันนี้เขากับแม่นัดกันไว้ว่าจะไปเยี่ยมพิมพ์ประภาหรือน้าพิมพ์ เพื่อนสนิทของแม่กัน 3 ปีเต็ม ๆ อลันรีบลุกขึ้นอาบน้ำ เขามองตัวเองผ่านกระจกใบใหญ่ในห้องน้ำ แล้วยกมือขึ้นทาบแก้มตัวเองสัมผัสอุ่น ๆ แล่นวาบบนแก้มทันที แตกต่างกับสัมผัสเย็นชืดจากมือคู่นั้น เมื่อนึกถึงสิ่งที่เห็นจากในฝันอีกครั้ง อลันก็เริ่มรู้สึกอึดอัด เขาไม่อยากฝันแบบนั้นอีกมันเรียกว่าเป็นฝันร้ายได้ไหม ถ้าเป็นฝันร้ายมันอาจแปลได้ว่า เขาอาจจะกำลังได้เจอกับสิ่งดี ๆ ก็ได้

    อลันเดินมานั่งลงที่โต๊ะอาหาร เขาพยายามสลัดภาพความฝันที่ยังวนเวียนอยู่ในหัวออกไป อลันเห็นว่ากรองแก้ว แม่ของเขานั่งรออยู่แล้ว พร้อมข้าวสวยและกับข้าวสองสามอย่าง อย่างไข่เจียว ผัดกะเพราหมู และแกงจืดเต้าหู้ อาหารง่าย ๆ ที่แม่รู้ว่าเขาชอบกินมากและอลันอยากขอบคุณแม่ของเขาที่ทำอาหารถูกใจเขาขนาดนี้ด้วยการกินให้หมด แม่มองอลันแล้วอมยิ้มจากนั้นก็เอ่ยปากแซวที่เขาตื่นสายเอาวันสำคัญอย่างนี้

    “เป็นไงเรา ตื่นเกือบเที่ยงเลยนะ แม่นึกว่าเราลืมไปแล้วว่านัดอะไรกันไว้หรือลูกยังเหนื่อยจากการเดินทางอยู่ แม่เรียกลูกนานมากเลยนะ”

    อลันหยุดชะงัก เขาเงยหน้าขึ้นมองแม่แต่ไม่แน่ใจว่าควรเล่าเรื่องความฝันให้แม่ฟังหรือเปล่า เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขายังเหนื่อยจากการเดินทางจากอังกฤษมาถึงประเทศไทยเมื่อวานหรือเปล่าถึงได้หลับลึกแล้วฝันแบบนั้นหรือบ้านหลังนี้อาจจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่เขาและครอบครัวก็มาพักอยู่บ้านหลังนี้ทุกครั้งที่มาเที่ยวประเทศบ้านเกิดของแม่เรื่องแบบนั้นคงเป็นไปไม่ได้ อลันเลยสรุปในใจว่าอาจจะเป็นเขายังเหนื่อยจากการเดินทางอย่างที่แม่บอก

    “ครับ น่าจะยังเหนื่อยอยู่”

    “ถ้าอย่างนั้นเราเลื่อนไปก่อนไหม พักก่อนอีกสักวันเดี๋ยวแม่จะโทรบอกน้าพิมพ์ว่าเราจะไปหาน้าเขาพรุ่งนี้แทน”

    “ไม่เป็นไรครับแม่ ผมคิดว่าผมไม่เหนื่อยแล้ว นี่ไง ผมตื่นซะเกือบเที่ยงเลยอีกอย่างแม่กับน้าพิมพ์คงอยากเจอกันจะแย่แล้ว เราไปเยี่ยมน้าพิมพ์กันเถอะครับ”

    “โอเคจ้ะ ลูกแม่นี่น่ารักจริงเชียว”

    “ผมเป็นผู้ชายนะครับ ผมไม่น่ารักหรอกครับแม่”

    กรองแก้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ลูกชายของเธอโตเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้วแม้จะดูไม่น่ามันเขี้ยวเหมือนพวกเด็กฝรั่งวัยแสบอย่างที่ควรเป็น แต่อลันก็สุภาพและน่ารักในสายตาเธอเสมอ เธอลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารไปเตรียมตัวปล่อยให้อลันนั่งกินข้าวต่ออีกสักพัก เมื่อทั้งคู่เตรียมตัวเสร็จแล้ว รถก็แล่นออกจากบ้านในตัวเมืองไปสู่ถนนใหญ่รถแล่นต่อไปเรื่อย ๆ ไม่นานก็มาถึงบ้านของน้าพิมพ์ ที่อยู่ถัดออกไปเกือบชานเมือง

    บ้านสวยหลังใหญ่ที่เห็นได้ชัดว่าได้รับการปรับปรุงมาจากบ้านทรงไทยหลังเดิมมามากพอสมควร ต้นไม้ใหญ่ที่รายรอบบ้านให้ความร่มรื่นได้อย่างดี อลันจึงรู้สึกเย็นสบายกว่าปกติเมื่อเทียบกับอากาศแสนร้อนของประเทศไทยที่ทำให้เขารู้สึกอบอ้าวเกือบตลอดเวลา อลันกับแม่ลงจากรถที่จอดสนิทแล้ว พิมพ์ประภาพร้อมกับเด็กรับใช้คนหนึ่งยืนรอต้อนรับอยู่หน้าบ้าน ใบหน้าใจดีแย้มยิ้มกว้างอย่างอดไม่อยู่ที่จะได้เจอกับเพื่อนรักและหลานชายรูปหล่อที่ไม่ได้พบกันมานาน อลันเคยเจอพิมพ์ประภาบ่อยครั้ง เมื่อเขากลับที่ประเทศไทยช่วงปิดเทอม พิมพ์ประภาเป็นหญิงร่างอวบใบหน้ากลม แก้มเต็มอิ่มนั่นมักจะยิ้มแย้มอยู่เสมอ ผิดกับแม่ของเขาซึ่งเป็นหญิงร่างผอมสูงใบหน้าตอบ ดูเก๋เหมือนพวกนางแบบ แม้ภายนอกจะดูต่างกัน แต่กรองแก้วกับพิมพ์ประภาก็เป็นเพื่อนรักกัน อลันมักจะรับรู้ถึงความห่วงใยของพิมพ์ประภาที่มีให้กับแม่และตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ครอบครัวของเขาจะยังดีอยู่ หรือเมื่อมันแตกสลายไปเมื่อสามปีที่ก่อนเมื่อกลับมาถึงเมืองไทยครั้งนี้ อลันกับแม่จึงนึกถึงน้าพิมพ์เป็นคนแรก ๆ ที่ทั้งคู่อยากเจอ

    อลันยกมือไหว้สวัสดี น้าพิมพ์ยกมือรับไหว้ก่อนที่จะดึงตัวเขาไปกอดและตบหลังเบา ๆ น้าพิมพ์ผละตัวออกพร้อมเงยหน้ามองเขาแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิม

    “ลูกตัวสูงมากเลยอลัน แค่สามปีทำไมสูงขึ้นเร็วขนาดนี้ หล่อมากด้วย ดูสิแก้วเป็นดาราได้เลยนะ”

    “ใช่สิ หล่อมาก แต่ถ้ายังยิ้มยากอยู่แบบนี้คงเป็นดาราไม่ได้หรอกเดี๋ยวเขาหาว่าหยิ่งตายเลย”

    “ไหนยิ้มยากตรงไหน ยิ้มน้อย ๆ แบบนี้สิมีเสน่ห์จะตาย พ่อเสือยิ้มยาก มีสาวติดตรึมเลยล่ะสิ”

    อลันได้แต่ยิ้มรับน้อย ๆ สมกับที่น้าพิมพ์เรียกว่าเสือยิ้มยาก จริง ๆ เขาก็เคยเป็นเด็กที่ร่าเริงและซุกซนเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ นั่นแหละ แต่ยิ่งโตขึ้นอะไรหลาย ๆ อย่างที่เขาได้เจอก็ทำให้เขายิ้มยากขึ้นทุกที คนภายนอกอาจจะมองว่าเขาเป็นคนหยิ่งหรือสุขุม หรือหน้าตาตายด้าน อลันก็พอรู้มาบ้างแต่เขาก็คิดว่าถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากจะยิ้มให้มากกว่านี้เหมือนกัน

    พิมพ์ประภาเชิญอลันกับแม่ของเขาขึ้นบ้าน ตรงไปที่ห้องรับแขกอลันชอบส่วนที่ใช้รับแขกของบ้านหลังนี้มาก มันเป็นพื้นที่เปิดโล่งมีโต๊ะเตี้ยตัวใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางรอบล้อมด้วยเบาะนั่ง และหมอนสามเหลี่ยมไว้เอนพิงแม้จะเปิดโล่ง และมีเพียงพัดลมเพดานตัวเขื่อง แต่อลันกลับไม่ร้อนเลยอาจจะเป็นเพราะต้นไม้ใหญ่อยู่ติดระเบียง คอยให้ร่มเงาเย็นสบาย อลันนั่งฟังพลางมองดูแม่กับน้าพิมพ์นั่งคุยกันอย่างออกรส ทั้งคู่คงคิดถึงกันมากหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานจะมีก็เพียงได้คุยกันทางโทรศัพท์บ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น

    แม่ของเขาดูมีความสุขมากขึ้นเมื่อได้กลับมาเมืองไทย ได้กลับมาเจอเพื่อนเก่าและการกลับมาครั้งนี้คงเหมือนการเริ่มต้นใหม่ของแม่และของอลันด้วยหลังจากที่พ่อของเขาเสียชีวิตอย่างกะทันหันเมื่อปีที่แล้ว แม่ของเขาเสียใจมากกับการจากไปของคนรัก มันคงเหมือนกับโลกถล่มไปแล้วสำหรับครอบครัวของเขา เมื่อเหลือกันแค่สองคนก็ราวกับไร้หลักยึด ครอบครัวทางฝั่งพ่อไม่มีใครเห็นด้วยที่พ่อจะแต่งานกับแม่ของเขา ตั้งแต่แรกเพราะแม่อายุมากกว่าพ่อของเขาถึงแปดปี และทั้งคู่ก็คบกันเพียงหนึ่งปีก่อนจะแต่งงานกัน จากการที่แม่ไปเที่ยวที่ต่างประเทศและได้เจอกับพ่อ จากนั้นก็ทั้งคู่ติดต่อกันและไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง แต่พ่อกับแม่รักกันจนคิดว่าการอยู่กันเป็นครอบครัวเล็ก ๆ ก็ไม่เป็นไร พ่อประสบความสำเร็จจากการทำงานที่บ้านเกิดประเทศอังกฤษ แม่จึงตัดสินใจย้ายไปทำงานและสร้างครอบครัวกับพ่อที่นั่น ครอบครัวกำลังไปได้ดีมากทั้งคู่มีลูกชายที่น่ารักด้วยกันหนึ่งคน

    พ่อของอลันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต เมื่ออลันอายุสิบห้าแม่ของเขาเสียใจ และดูทำใจไม่ได้เลยเมื่อรู้สึกว่าครอบครัวไม่สมบูรณ์แบบอีกต่อไปแล้ว แม่เริ่มกลัวที่ต้องเห็นว่าพ่อไม่มีตัวตนอยู่ในบ้านที่ทั้งคู่เคยมีความสุขด้วยกันมาเหมือนก่อน แต่แม่ก็อดทนเพื่อให้เขาได้เรียนและมีชีวิตที่ดี เป็นเขาซะเองที่ทนเห็นแม่อยู่กับความเศร้าไม่ได้ อลันเป็นคนเอ่ยปากว่า เขาอยากให้แม่กลับไปอยู่ที่ประเทศไทยและเขาจะกลับไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่นั่นด้วย แม่คงรู้ว่าลูกชายเองก็เศร้าไม่ต่างกันที่ประเทศอังกฤษ อลันกับแม่รู้สึกเหมือนเหลือกันอยู่เพียงสองคนแต่ที่ประเทศไทยทุกคนยังต้อนรับเขากับแม่เสมอ ตอนนี้แม่และอลันจึงตัดสินใจเด็ดขาดที่จะกลับมาอยู่ประเทศไทยอย่างถาวร

    “ยัยแก้ว ฉันเพิ่งจัดบ้านแล้วเจออัลบั้มรูปเก่า ๆ ตั้งแต่สมัยไหนก็ไม่รู้มีตั้งแต่คุณทวดเลยนะ เธออยากเห็นไหม”

    “ได้สิ ฉันอยากเห็นรูปคุณปู่ของเธอ ได้ยินว่างานแต่งของท่านยิ่งใหญ่มาก จนเรียกได้ว่าเป็นงานแต่งแห่งทศวรรษของเมืองเลยนะ”

    “นั่นสินะ อาจใช้เป็นไอเดียในการทำงานของเธอก็ได้ รอสักครู่นะ ฉันจะให้ยัยหวานไปยกมาให้ดู”

    เด็กรับใช้ออกไปยกอัลบั้มรูปขนาดใหญ่หลายอัลบั้มให้เจ้านายและแขกดู แม่ของเขาดูถูกใจไม่น้อยที่ได้เห็นรูปงานแต่งแห่งทศวรรษนั้น แม้จะมีเพียงไม่กี่รูป และสีก็ซีดจางไปมากแล้ว แต่รายละเอียดต่าง ๆ ที่ปรากฏออกมาก็น่าตื่นตาตื่นใจมาก งานแต่งแบบไทย ๆ นี้อลันไม่ค่อยคุ้นเคยนัก เขาเคยเห็นเพียงในโทรทัศน์ตามข่าว หรือแม่เล่าให้ฟังเท่านั้น เพราะส่วนมากแม่ของเขาซึ่งมีอาชีพเป็นนักออกแบบงานแต่งก็มักทำงานอยู่ที่ต่างประเทศและงานก็จะจัดแบบฝรั่งทั้งนั้น การได้มาเห็นงานแต่งรูปแบบเก่า ๆ ของไทยนี้คงถูกใจแม่ของเขามากไม่น้อย

    อลันรับอัลบั้มรูปเหล่านั้นมาดูต่อ เขาเห็นรูปผู้คนมากมายและบรรยากาศเก่า ๆ ในสมัยก่อนที่ถูกบันทึกผ่านรูปถ่ายสีขาวดำและซีเปียก็ดูคลาสสิกไปอีกแบบ เมื่อเปิดไปถึงรูปสุดท้าย ซึ่งเป็นรูปรวมครอบครัวในพิธีแต่งงานมีผู้หลักผู้ใหญ่นั่งอยู่บนเก้าอี้โซฟาตัวใหญ่สง่างาม ทั้งหมดดูสมกับการเป็นตระกูลใหญ่ แม้แต่ในรูปถ่ายอลันก็ยังรู้สึกถึงบารมีของผู้นำจากทั้งสองครอบครัว ลูกหลานมากหน้าหลายตานั่งอยู่ที่พื้นอย่างเป็นระเบียบไล่ตั้งแต่บ่าวสาวที่เป็นจุดศูนย์กลาง อลันไล่ดูญาติทางฝั่งเจ้าบ่าวไปจนถึงคนสุดท้ายที่นั่งอยู่ปลายแถว ดวงตากลมโตสีดำสนิทมองตรงมาที่กล้อง แต่ตอนนี้ราวกับว่าดวงตานั้นกำลังย้ำเตือนถึงความฝันเมื่อคืน เขาตัวชาดิกอลันเผลอยกปลายนิ้วลูบบนหน้าของชายคนนั้น ผมสั้น ใบหน้ารูปไข่ จมูกโด่งรับกับริมฝีปากอิ่มที่แม้จะกำลังยกยิ้มน้อย ๆ อยู่ แต่ดวงตาที่ยังติดตรึงในความคิดของอลันกลับดูเศร้าสร้อย

    อลันเงยหน้าขึ้นมองน้าพิมพ์พลางถามถึงคน ๆ นั้น เขาอยากรู้ว่าผู้ชายคนนี้คือใครเขาแน่ใจว่าไม่เคยเจอมาก่อน และรูปถ่ายใบนี้ก็ถูกบันทึกภาพมาหลายปีมากแล้วแถมเขายังไม่เคยเห็นรูปถ่ายใบนี้เลยด้วยซ้ำ แล้วเพราะอะไรเขาถึงเห็นชายคนนี้ในฝัน และดูเหมือนกับชายคนนี้จะรู้จักเขาเช่นกัน

    “น้าพิมพ์ คนนี้ใครหรือครับ” อลันยกอัลบั้มรูปให้ดู และชี้ไปที่ชายร่างเล็กที่ริมขอบรูป

    “เอ คนนี้หรือ น้าขอโทษนะจ๊ะ อลัน น้าไม่รู้เหมือนกันจ้ะ”

    “แต่เขานั่งที่ฝั่งเจ้าบ่าวนะครับ เป็นคนในครอบครัวหรือเปล่า”

    “เมื่อวานตอนที่เจออัลบั้มรูป น้าก็ถามถึงคนนี้กับลุงพลเหมือนกันนะว่าเป็นใครแต่ลุงพลเขาก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกันจ้ะ แต่คนนี้อาจจะเป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องของสักคนในนี้หรือญาติห่าง ๆ กันก็ได้นะจ๊ะ เลยไม่มีใครจำได้ว่าเขาคือใคร”

    อลันยังนึกติดใจไม่หายเขาคิดว่าชายคนนี้เป็นพี่น้องกับคุณทวดของน้าพิมพ์ด้วยซ้ำ เพราะเมื่อมองดูดี ๆ ชายคนนี้มีหน้าตาที่มีส่วนคล้ายกับพี่น้องทั้งสามของตระกูลด้วยซ้ำ แต่ถ้าบอกว่าพลวรรธน์หรือลุงพลสามีของน้าพิมพ์ซึ่งเป็นทายาทโดยตรงของตระกูล “กิตติ์ภัทรกุล” ก็ยังไม่รู้จักด้วยซ้ำ อลันคิดว่าเขาก็คงต้องเก็บความสงสัยเหล่านี้ไว้ต่อไป

    “มีอะไรหรืออลัน ทำไมถามถึงคน ๆ นี้ล่ะ”

    “เปล่าครับ ผมแค่นึกว่าเขาเป็นพี่น้องของคุณปู่ของน้าพิมพ์ แต่สงสัยว่าทำไมเขาถึงนั่งอยู่ริมสุดเท่านั้นเอง”

    อลันหวังว่าจะพอกลบกลืนความอยากรู้อยากเห็นของเขาไปได้ อลันยังไม่คิดจะเล่าเรื่องความฝันของเขาให้ใครฟัง ถึงจะเป็นแม่ก็ตามอลันไม่อยากให้แม่ของเขาคิดว่าเขามีปัญหาแปลก ๆ เมื่อกลับมาอยู่ที่ไทย พิมพ์ประภาหันไปมองหน้ากรองแก้วแล้วหันมาพยักหน้าให้อลันยิ้ม ๆ อย่างไม่ถือสา ร่างสูงคิดว่าตัวเองเสียมารยาทมาก เมื่อสิ่งที่ตอบไปเหมือนกับความสงสัยของเขาเป็นการละลาบละล้วงครอบครัวของน้าพิมพ์

    อลันมองภาพชายร่างเล็กคนนั้นอีกครั้ง แล้วตัดใจว่าคงเป็นเพียงความบังเอิญ เขาคิดว่าตัวเองกับชายคนนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันได้เลยคนในฝันกับคนในภาพถ่ายคงไม่ใช่คน ๆ เดียวกันแต่ไม่ว่าอลันจะพลิกดูภาพอื่นสักกี่ภาพเขาก็ยังคงพลิกกลับมาดูรูปถ่ายใบนั้นบ่อยครั้งและจ้องมองดวงตาของชายคนนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย

    “ตอนนี้อลัน สนใจเรียนต่อมหาวิทยาลัยไหนไว้หรือยังลูก”เสียงถามจากพิมพ์ประภาเรียกให้อลันละความสนใจรูปถ่ายได้ขณะหนึ่ง

    “ก็ดู ๆ ไว้บ้างแล้วครับผมคิดว่าเกรดที่ผมมีอยู่น่าจะไม่ยากที่จะเข้าเรียนต่อที่นั่นด้วยครับ”

    “ดีแล้วจ้ะ อลันเก่งขนาดนี้ เข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ได้อยู่แล้วล่ะจ้ะ”

    อลันยิ้มรับคำชมของน้าพิมพ์อีกครั้ง เขาตั้งใจจะเริ่มติดต่อสมัครเรียนในมหาวิทยาลัยที่ตั้งใจเร็ว ๆ นี้และเดือนหน้าก็ถึงฤดูของการสอบแข่งขันแล้ว มหาวิทยาลัยที่เขาตั้งใจจะศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีและใกล้บ้านด้วย

    “อลันขรึมขึ้นเยอะเลยนะ ไม่เหมือนตอนเด็ก ๆ เลย ตอนนั้นมาหาน้าที่บ้านทีไรวิ่งทั่วบ้าน ปีนต้นมะม่วงต้นใหญ่ ๆ จนน้ากับแม่ใจหายหมดเลยนะ”

    “แถมยังเคยหายไปเล่นคนเดียวที่บ้านเก่า ๆ ด้วยนะ ทำเอาแม่ตกอกตกใจใหญ่เลยน่าตีจริงเชียว”

    “ที่นั่นไม่มีใครอยู่นี่นะ ทั้งฉันทั้งพวกเด็ก ๆ ในบ้านไม่มีใครกล้าไปที่บ้านสวนมะลินั่นคนเดียวด้วยซ้ำถึงสวนมะลิจะยังสวยอยู่ แต่บ้านก็โทรมไปมากน่าดู”

    อลันหันมาสนใจบทสนทนาของแม่และน้าพิมพ์อีกครั้ง คำว่า บ้านสวนมะลิ ดึงความสนใจจากเขาได้ไม่น้อย อีกทั้งที่แม่บอกว่าเขาไปเล่นเดียวที่บ้านร้างก็ทำให้เขาติดใจสงสัย เขาจำไม่ได้เลยว่าเคยไปเล่นคนเดียวที่บ้านร้างตอนไหน และบ้านหลังนั้นเป็นอย่างไรอยู่ตรงไหนของบ้านน้าพิมพ์ เขาเองก็จำไม่ได้ ตอนนั้นเขาอาจจะเด็กมากจริง ๆ

    “บ้านสวนมะลิหรือครับ” อลันถามอย่างสงสัย

    “ใช่จ้ะ บ้านร้างในสวนไม้ บ้านหลังนั้นมีต้นมะลิปลูกไปทั่วเลยจ้ะอยู่ลึกเข้าไปที่สวนไม้หลังบ้านน้าเอง แต่ถ้าไปจากหน้าบ้านนี่ก็เดินไปลึกเหมือนกันนะ น้ากับแม่ยังสงสัยอยู่เลยว่า อลันไปเจอบ้านหลังนั้นได้ยังไง”

    “ถึงบ้านหลังนั้นจะเก่ามากแล้ว แต่ตอนที่ไปเห็นแม่คิดว่า ถ้ายังดีอยู่บ้านหลังนั้นน่ารักน่าอยู่ไม่เบาเลยนะ”

    “นั่นสินะ บ้านหลังนั้น มีศาลาอยู่หลังบ้านด้วย น่าอยู่เหมือนที่เธอบอกแต่น่าเสียดายที่ปล่อยให้ร้างเสียได้ แต่ตาหนึ่งลูกชายของฉันเกิดสนใจนะบอกว่าอยากให้ปรับปรุงใหม่ เผื่ออยากไปพักผ่อนส่วนตัวบ้างแต่ฉันว่ามันน่ากลัวเกินไปนะ อยู่โดดเดี่ยวแบบนั้น แถมพวกเด็ก ๆ ที่บ้านยังไม่ค่อยกล้าเข้าไปอีก กลัวว่าจะเจอดีอะไรเข้า”

    “แต่มันก็ดูร้างมานานแล้วจริง ๆ นี่นะ”

    ยิ่งอลันได้ยินว่ามีศาลาอยู่หลังบ้านอลันก็ยิ่งนึกถึงความฝันของเขามากขึ้นแล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่าศาลาที่เขาอยู่ในความฝันก็ตั้งอยู่หลังบ้านเช่นกัน

    “บ้านหลังนั้นสีขาวหรือเปล่าครับ”

    “น่าจะใช่นะจ๊ะ แต่มันเก่ามากแล้ว เลยดูแทบไม่ออกเลยว่าสีขาวหรือเปล่าอลันจำบ้านหลังนั้นได้หรือจ๊ะ”

    “รู้สึกคุ้น ๆ อยู่ครับ”

    อลันเริ่มเก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่ เขาอยากเห็นบ้านหลังนั้นให้แน่ใจถ้ามันเป็นหลังเดียวกับในความฝัน เขาคงมั่นใจว่า จริง ๆ แล้วสิ่งที่เขาฝันคงแค่เป็นผลพวงจากสิ่งที่เขาเคยเห็นมาแล้วนั่นเอง แม้เขาจะยังหาความเป็นไปได้ไม่เจอว่าเขาเคยเห็นดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นจากไหนก็ตาม

    “ผมอยากไปดูบ้านหลังนั้นครับ ผมขออนุญาตน้าพิมพ์ไปดูบ้านหลังนั้นได้ไหมครับ”

    “เอ๊ะ! อลันอยากไปที่บ้านหลังนั้นหรือจ๊ะ”

    “ผมแค่อยากเห็นครับว่าบ้านหลังนั้นเป็นยังไง อยากรู้ว่าผมไปเล่นอะไรคนเดียวที่นั่นเผื่อจะนึกถึงตอนเด็ก ๆ ขึ้นมาบ้างน่ะครับ”

    น้าพิมพ์กับแม่มองหน้ากันอย่างลังเลเล็กน้อย อลันอยากให้น้าพิมพ์อนุญาตเขาอยากแก้ข้อสงสัยที่ติดอยู่ในใจตอนนี้ และเขาคิดว่านี่คือโอกาสที่ดี ขอเพียงแค่น้าพิมพ์อนุญาตแล้วอลันก็รู้สึกโล่งใจเมื่อน้าพิมพ์เรียกเด็กรับใช้หนุ่มคนหนึ่งให้มาพาเขาไปที่บ้านสวนมะลิ ร่างสูงลุกขึ้นและกำลังจะเดินตามเด็กรับใช้ไปยังบ้านหลังนั้นแต่น้าพิมพ์เรียกเขาไว้ก่อน

    “ไปถึงแล้วรีบกลับนะจ๊ะอลัน วันนี้ไม่มีธุระตอนเย็นใช่ไหม นี่ก็ใกล้เย็นแล้วรีบกลับมากินข้าวเย็นกันนะจ๊ะ น้าเตรียมของอร่อย ๆ ไว้เพียบเลยนะ”

    “ครับ ผมจะไปไม่นานนะครับ”

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in