เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
wild rabbit #jaedohbrxnct
Chapter 27 : Anxiety





  • มีเพียงความเงียบงันโรยตัวอยู่รอบกายในยามที่เจย์เดนค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้น

    ต้องขอขอบคุณผ้านวมผืนหนาที่คลุมอยู่บนหน้าอกที่ทำให้ร่างกายของเขาอบอุ่นดี ถือว่าแดนเนลยังคงมีความปราณีอยู่บ้างที่ไม่ปล่อยให้เขาต้องนอนหนาวเหน็บอยู่ด้านนอกระเบียง

    เจ้าหน้าที่หนุ่มลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า ก่อนที่ในอีกไม่กี่ว่านาทีต่อมาอาการวิงเวียนคลื่นเหียนจะพุ่งเข้าเล่นงานเขาทันที ร่างสูงยกมือกุมศีรษะของตนแน่น ความมึนตื้อจากฤทธิ์ยาที่ยังคงตกค้างอยู่ทำให้เขายังคงไม่ได้สติดีนัก เขาไม่สามารถเรียบเรียงเศษความคิดที่กระจัดกระจายอยู่ในหัวเขาตอนนี้ได้เลย

    เจย์เดนนั่งเหม่อลอยบนเตียงอยู่หลายต่อหลายนาที ก่อนจะตัดสินใจลงจากเตียงไปล้างหน้าล้างตาให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น โลกทั้งใบหมุนคว้างทันทีที่เขายืนขึ้นเต็มสองขา แต่กระนั้นเขาก็ยังคงพยายามทรงตัว เดินโซซัดโซเซตรงไปยังห้องน้ำ

    สิ่งที่ถูกกระเพาะบีบให้พุ่งออกมาจากริมฝีปากของเขาคือของเหลวใสสีเหลืองอมเขียวจำนวนหนึ่ง ภาพตรงหน้าเขาขณะนี้เป็นอะไรที่ไม่น่ามองอย่างยิ่ง รสขมกระจายไปทั่วปาก เจย์เดนเบ้หน้า แต่ไม่สามารถหันหนีไปทางอื่นได้เนื่องจากการอาเจียนของเขายังไม่สิ้นสุดดี

    อาการผะอืดผะอมคล้ายจะดีขึ้นเมื่อของเหลวแบบเดิมถูกบีบออกมาเป็นรอบที่สี่ เขาโก่งคอซ้ำ ๆ รอคอยกระทั่งไม่มีสิ่งใดพุ่งออกมาอีกจึงได้เอื้อมมือไปกดชักโครก

    เขารู้สึกขอบคุณตัวเองที่พุ่งมายังห้องน้ำได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นสภาพของเขาคงเละเทะกว่านี้

    เจย์เดนค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นไปยังอ่างล้างหน้า เขาบ้วนปากและดื่มน้ำดับกระหายไปหลายอึก น้ำเย็น ๆ จากก๊อกที่เขาวักมาลูบใบหน้านั้นช่วยเรียกสติบางส่วนให้กลับคืนมา รวมถึงความทรงจำที่กระจัดกระจายไม่ปะติดปะต่อก่อนหน้านั้นด้วย

    แดนเนลหนีไปแล้ว...

    เจ้าหน้าที่หนุ่มกำหมดแน่นก่อนจะทุบกำปั้นของลงบนอ่างจนเกิดเสียงทุ้มหนัก เขารู้สึกเจ็บใจที่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่อาจก้าวข้ามไปยังอีกฟากหนึ่งของกำแพงนั้นได้ เจ็บใจที่เผลอนึกถึงใบหน้าของคนที่มักจะเก็บงำทุกสิ่งไว้กับตัวเองเสมอ และยิ่งเจ็บใจมากขึ้นไปอีก เมื่อรู้ตัวว่าทั้งที่เขาโดนอีกฝ่ายลอบเล่นงานไปตั้งขนาดนี้แล้วแต่เขาก็ยังโกรธอีกฝ่ายไม่ลง

    ท้องฟ้าด้านนอกขณะนี้ยังคงเป็นสีน้ำเงินเข้ม พระจันทร์ลอยต่ำลงจนเกือบจรดกับปลายยอดเขาที่มองเห็นอยู่ไกล ๆ และตรงเส้นขอบฟ้าเองนั้นก็เริ่มมีแสงสีเหลืองอมน้ำตาลเจือมาจนชวนให้รู้สึกไม่สดใสสักเท่าไหร่ เจย์เดนเหลือบมองเวลาบนนาฬิกาหัวเตียง อีกไม่กี่นาทีก็จะหกโมงเช้า

    เขาหมดสติไปไม่ต่ำกว่าแปดชั่วโมง อันที่จริงมันคือระยะเวลาที่พอเหมาะแก่การนอนพักผ่อน แต่นั่นต้องเกิดจากการหลับโดยธรรมชาติ ไม่ใช่สลบไปเพราะโดนยาปักเข้าที่บ่าอย่างที่เขาโดนมา

    สิ่งแรกที่ชายหนุ่มทำหลังจากสติสัมปชัญญะบางส่วนเริ่มคืนกลับมาคือเขาต้องบอกเรื่องแดนเนลกับใครสักคน และตัวเลือกแรกที่ผุดวาบขึ้นมาในหัวของเขาก็คือไทรอน

    เจย์เดนกดโทรศัพท์ไปหาอีกฝ่ายที่อยู่ห้องข้าง ๆ เสียงสัญญาณดังอยู่ครู่หนึ่งกว่าสายของเขาจะถูกรับ น้ำเสียงของไทรอนฟังดูงัวเงียเพราะถูกปลุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน จนกระทั่งเขาแจ้งกับอีกฝ่ายว่าแดนเนลหายตัวไปนั่นแหละ น้ำเสียงที่ตอบกลับมาจึงค่อยฟังดูคล้ายคนที่ตื่นขี้นเต็มตา

    [นายปล่อยให้เขาหายไปได้ยังไง]

    การกล่าวโทษจากปลายสายทำเอาเจย์เดนเอ่ยอะไรกลับไปไม่ออก เขาได้ยินเสียงเปิดและปิดประตูดังแว่วมาทั้งจากโทรศัพท์ข้างหูและด้านนอกกำแพง ก่อนที่อีกไม่กี่วินาทีถัดมาเสียงเคาะประตูห้องของเขาจะดังขึ้น สีหน้าของคนที่ยืนอยู่อีกฟากของประตูฉายแววหงุดหงิดอย่างชัดเจน ทว่าเมื่ออีกฝ่ายเห็นสภาพที่ดูไม่จืดของเขา ความไม่พอใจในดวงตาคู่นั้นก็ดูคล้ายจะลดระดับลงไปนิดหน่อย

    "นี่คุณโอเคไหมเนี่ยเจย์เดน?" ไทรอนเอ่ยถามขณะก้าวเข้ามาในห้อง "ถ้าป่วยแล้วทำไมไม่บอกผมตั้งแต่เมื่อคืน"

    "ผมไม่ได้ป่วย" เจย์เดนปฏิเสธ น้ำเสียงของเขาแหบแห้ง ความคิดในหัวยังคงมีบางส่วนที่ติดขัด "แดนเนล...เขาวางยาผม"

    "โอ้..."

    ท่าทีโมโหเมื่อครู่ของไทรอนหายวับไปในทันทีเมื่อได้ยิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคของซีไอเอมองใบหน้าอิดโรยของคู่สนทนาด้วยสายตาเห็นใจ

    ผมเผ้าของเจย์เดนดูยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำจากการอาเจียนอย่างหนักเมื่อครู่ ใบหน้าซีดเผือด แววตาไม่สดใสเท่าที่ควร เสื้อผ้าที่มักจะเรียบร้อยอยู่ตลอดดูยับย่นและมีรอยเปียกน้ำ

    "คุณว่า...เขาจะกลับมาไหม?"

    เจย์เดนถาม

    "คงยาก"

    "ทำไมคุณถึงคิดงั้น"

    "เพราะครั้งนี้เขาไปโดยไม่บอกอะไรผมเลย"

    อีกฝ่ายตอบ





    กล่องเหล็กและเข็มสำหรับฝังจีพีเอสแคปซูลที่แดนเนลจงใจวางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะกลางโซฟาโดยไม่ได้ปิดบังร่องรอยนั้นถูกไทรอนสังเกตเห็นอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จากต่างองค์กรทั้งสองหันมองหน้ากันอย่างมีความหวังลึก ๆ ว่าแดนเนลอาจจะไม่ได้คิดหนีหายไปโดยถาวร

    "คุณหาร่องรอยอย่างอื่นที่เขาอาจทิ้งไว้ในห้องนี้ ส่วนผมจะไปแกะรอยจีพีเอส"

    ไทรอนเอ่ยแบ่งหน้าที่อย่างรวดเร็ว จีพีเอสแคปซูลแต่ละอันนั้นจะมีรหัสที่ใช้ติดตามตำแหน่งเป็นของตัวเอง ซึ่งรหัสดังกล่าวถูกแปลงให้เป็นคิวอาร์โค้ดแล้วเลเซอร์ฝังลงบนกล่องเหล็กและตัวเข็มที่อยู่ในเซ็ตเดียวกัน เขาคว้าอุปกรณ์เหล่านั้นแล้วพุ่งตรงไปยังห้องทำงานของตนอย่างรีบเร่ง ทิ้งให้เจ้าหน้าที่จากเอฟบีไอยืนเคว้งคว้างอยู่ในห้องที่ว่างเปล่า

    เจย์เดนหันมองไปรอบกาย จู่ ๆ เขาก็เกิดความรู้สึกวูบโหวงขึ้นในใจ แดนเนลลบเลือนการมีอยู่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม เรียกได้ว่าถ้าหากไม่มีกระเป๋าเดินทางใบโตของอีกฝ่ายที่ถูกวางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบตรงมุมห้องแล้วล่ะก็ เขาคงไม่อาจสัมผัสถึงร่องรอยของใครอีกคนที่เคยอาศัยอยู่ในห้องนี้ได้เลย

    ข้าวของที่แดนเนลจัดเก็บไว้ในกระเป๋าเดินทางเป็นอย่างดีค่อย ๆ ถูกเจย์เดนรื้อค้นออกมาทีละอย่าง ภายในนั้นเต็มไปด้วยเสื้อผ้าและหนังสือจำนวนหนึ่ง

    กระต่ายป่าคนนั้นหวงแหนพื้นที่ส่วนตัวเล็ก ๆ นี้ของตัวเองเป็นอย่างมาก และแสดงออกอย่างชัดเจนมาโดยตลอดว่าไม่ยินดีให้ใครเข้ามายุ่มย่ามทั้งสิ้น ซึ่งเจย์เดนก็ยอมเว้นระยะดังกล่าวให้อีกฝ่ายมาโดยตลอด จนกระทั่งตอนนี้

    ชายหนุ่มไล่สายตามองชื่อหนังสือที่แดนเนลพกติดตัวมาด้วยความสนใจ ก่อนจะพบว่าเกินครึ่งนั้นหากไม่ใช่นิยายก็เป็นวรรณกรรม ส่วนที่เหลือคือหนังสือด้านจิตวิทยา และไม่มีหนังสือเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เป็นความเชี่ยวชาญของเจ้าตัวเลยแม้แต่เล่มเดียว

    การที่แดนเนลให้ความสนใจในด้านจิตวิทยานั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะมีแฮกเกอร์จำนวนไม่น้อยที่ให้ความสำคัญกับศาสตร์ด้านนี้เพื่อเสริมจุดแข็งให้กับตัวเองยามที่ต้องขุดหลุมพรางหลอกล่อเหยื่อ

    และใช่...ในวันนี้เขาเป็นฝ่ายที่ร่วงหล่นลงไปในหลุมดังกล่าวอย่างจัง

    แดนเนลใช้ประโยชน์จากความรู้สึกที่เขามีให้อย่างเต็มที่

    เขานึกสงสัยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาอีกฝ่ายจะรู้สึกเอนเอียงไปในทิศทางเดียวกันกับเขาบ้างไหม หรือว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลย

    การที่อีกฝ่ายเก็บความรู้สึกเก่งทำให้เขาไม่อาจคาดเดาท่าทีใด ๆ ได้เลย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังแอบหวังลึก ๆ ว่าจูบที่แดนเนลมอบให้เมื่อคืนจะมีสักเสี้ยวหนึ่งของความรู้สึกที่เป็นความจริง

    ชั่วขณะที่เขากำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่นั้น ปลายสายตาของเขาก็เหลือบสังเกตเห็นพาสปอร์ตสีน้ำเงินเข้มเล่มหนึ่งแทรกอยู่ระหว่างกองหนังสือ เจย์เดนถือวิสาสะหยิบมันขึ้นมาเปิดดู

    แน่นอนว่ารูปที่อยู่ในพาสปอร์ตเล่มดังกล่าวเป็นรูปหน้าตรงของแดนเนลอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าชื่อและข้อมูลส่วนตัวนั้นกลับไม่ตรงกับความจริง

    ประวัติส่วนตัวของแดนเนลถูกสื่อนำออกมากางแผ่ตั้งแต่เมื่อเจ็ดปีก่อน ชาวอเมริกาที่ติดตามคดีริชาร์ดและดีบีดีต่างรู้ว่าแดนเนลเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของครอบครัวคิม ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่รัฐเพนซิลวาเนีย ก่อนจะย้ายมาอยู่รัฐแมสซาชูเซตส์หลังจากที่ได้รับทุนศึกษาต่อที่สถาบันเอ็มไอทีในสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์

    แดนเนลรู้จักกับริชาร์ดที่นี่ และคำบอกเล่าจากคนที่เคยใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกับทั้งคู่ก็กล่าวไว้ว่าสองคนนั้นมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันมากกว่าเพื่อนร่วมชั้นเรียนทั่วไป

    เมื่อก่อนเจย์เดนไม่เคยนึกสนใจเรื่องส่วนตัวของริชาร์ดและดีบีดีเลยแม้แต่น้อย เขาสนเพียงความผิดที่ทั้งคู่ก่อขึ้นเท่านั้น และไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าในวันหนึ่งตนจะเกิดความรู้สึกหงุดหงิดใจกับความสัมพันธ์ส่วนตัวของคนทั้งสอง

    มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงว่าพาสปอร์ตที่อยู่ในมือเขานั้นจะเป็นพาสปอร์ตปลอมที่ทางซีไอเอจัดทำขึ้นเพื่อให้แดนเนลใช้ในกรณีที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ ด้านในพาสปอร์ตว่างเปล่า ไร้ตราประทับใด ๆ ที่บ่งบอกว่าในช่วงหกปีที่ผ่านมานี้อีกฝ่ายเคยเดินทางออกนอกอเมริกา แต่ก็ไม่แน่ว่าบางทีอีกฝ่ายอาจมีพาสปอร์ตเล่มอื่นนอกเหนือจากเล่มนี้ซ่อนอยู่

    เขาตัดสินใจเก็บพาสปอร์ตเล่มดังกล่าวไว้ แม้รู้ดีว่ามันไม่ได้มีเบาะแสหรือประโยชน์อะไรกับการตามหาตัวแดนเนลสักนิด

    เจย์เดนค้นข้าวของส่วนตัวของเพื่อนร่วมห้องจนครบทุกซอกทุกมุม ทว่านอกจากพาสปอร์ตเล่มนั้นแล้วเขาก็ไม่พบของอย่างอื่นที่พอจะเป็นร่องรอยของอีกฝ่ายได้อีกเลย





    สีหน้าของไทรอนดูคร่ำเคร่งไม่น้อย ชายหนุ่มละสายตาออกจากจอแล็ปท็อปตรงหน้าแล้วเหลือบขึ้นมองประตูห้องทำงานถูกเจย์เดนเลื่อนให้เปิดออกแวบหนึ่ง

    "ได้อะไรบ้างไหม?"

    เขาเอ่ยถาม ภายในห้องทำงานเงียบเชียบ ไม่มีใครคนอื่นอยู่อีกนอกจากพวกเขาสองคน ตอนนี้ยังเช้าเกินกว่าที่เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ จะตื่นขึ้นมาเริ่มงาน

    ไทรอนยังไม่ได้แจ้งจอห์นนี่เรื่องที่แดนเนลหายตัวไป ถือได้ว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่งที่อีกฝ่ายยังประชุมอยู่ที่ซานฟรานซิสโก ทว่าโชคดีนั้นก็หลงเหลืออยู่ไม่มากแล้ว เพราะตามกำหนดการคือจอห์นนี่จะต้องเดินทางกลับมาถึงเซฟเฮ้าส์ในช่วงบ่ายของวันนี้ หากการประชุมรอบเช้าไม่ยืดเยื้อเกินไปนัก

    เขายังคงเผื่อใจไว้ในกรณีที่แดนเนลอาจจะกลับมาทันก่อนจอห์นนี่จะมาถึงเหมือนทุก ๆ ครั้ง แม้จะรู้ดีว่าครั้งนี้มีโอกาสน้อยมากขนาดไหนก็ตาม

    "ได้มาแค่พาสปอร์ตปลอมของเขา อย่างเดียวเลย" เจย์เดนเอ่ยตอบก่อนจะลอบถอนหายใจ "แล้วคุณล่ะ เจออะไรบ้างหรือเปล่า?"

    "เขาทิ้งแล็ปท็อปตัวเองไว้บนโต๊ะผม แต่ดันไม่เขียนรหัสเอาไว้ให้ ผมแกะรอยสัญญาณจีพีเอสของเขาแล้ว แต่จู่ ๆ มันก็หายไป" ไทรอนแจ้งความคืบหน้าที่ตนได้มา ท่าทีของเจ้าตัวดูวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด "ผมว่ามันไม่ปกติ"

    "ถ้าอย่างนั้นคุณลองหาทางเปิดแล็ปท็อปของเขาไปก่อน เผื่อเขาจงใจทิ้งมันไว้เป็นเบาะแส แล้วก็ส่งพิกัดสุดท้ายก่อนที่สัญญาณจีพีเอสของเขาจะหายไปมาให้ผม เดี๋ยวผมตามเรื่องแกะรอยเขาต่อเอง"

    "โอเค คุณเข้าถึงกล้องตรวจจับถนนของพวกตำรวจได้ใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นผมฝากด้วย"

    เจย์เดนพยักหน้ารับก่อนจะตรงไปยังโต๊ะทำงานชั่วคราวของตัวเองที่อยู่ติดกันกับโต๊ะทำงานของแดนเนล เขาเปิดแล็ปท็อปและทำการล็อกอินเข้าระบบของเอฟบีไออย่างรวดเร็ว

    พิกัดสุดท้ายของแดนเนลที่เขาได้มาจากไทรอนนั้นอยู่เลยจากแยกเอ็นฮูเวอร์สตรีทตัดกับซานตาโมนิกาบูเลอวาร์ดมาไม่ไกลนัก ช่วงเวลาเกือบสี่ทุ่มครึ่งนั้นยังคงมีรถราแล่นอยู่ไม่น้อย เจย์เดนบันทึกป้ายทะเบียนและลักษณะของรถที่วิ่งผ่านแยกนั้นในช่วงเวลาดังกล่าวเอาไว้ เพื่อนำไปค้นหาในฐานข้อมูลกลางอีกทีหนึ่ง

    การติดตามร่องรอยของรถแต่ละคันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เจย์เดนเริ่มทำการค้นประวัติทะเบียนของรถเหล่านั้นอย่างละเอียดและรอบคอบ จนในที่สุดก็พบว่ามีรถคันหนึ่งที่รูปในฐานข้อมูลทางทะเบียนรถไม่ตรงกับลักษณะในกล้อง ความผิดปกติที่แสนจะชัดเจนนี้ทำให้เขาหมายหัวรถคันดังกล่าวเอาไว้ในทันที

    แม้จะเร่งให้ภาพจากกล้องวงจรปิดเล่นไวขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นเจย์เดนก็ยังคงสูญเสียเวลาไปไม่น้อยในการแกะรอยรถปริศนา เขาไล่ดูกล้องวงจรปิดตามถนนที่รถคันนั้นวิ่งผ่านทีละแยก จะในที่สุดเขาก็สามารถเส้นทางที่แน่ชัด

    รถคันดังกล่าวนั้นวิ่งไปตามซานตาโมนิกาบูเลอวาร์ด และเลี้ยวเข้าทางหลวงอินเตอร์สเตตไฟฟ์ที่เชื่อมตั้งแต่ทิศเหนือสุดของรัฐวอชิงตันไปจนถึงทิศใต้สุดของรัฐแคลิฟอร์เนียเข้าหากัน มุ่งตรงไปยังเมืองซานดิเอโกซึ่งอยู่ตอนใต้สุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย

    ก่อนจะหายออกไปจากการตรวจจับของกล้องเมื่อรถคันนั้นไม่ได้วิ่งอยู่บนถนนสายหลักอีกต่อไป

    เส้นเขตแดนระหว่างสหรัฐอเมริกากับเม็กซิโกที่ทอดยาวอยู่ทางตอนใต้สุดของซานดิเอโกนั้นทำให้เจย์เดนรู้สึกหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก เขากลัวว่าแดนเนลจะข้ามแดนไปยังเม็กซิโก และหนีหายไปจากสายตาของเขาในที่สุด

    ไทรอนเองเมื่อได้ยินดังนั้นก็เริ่มวิตกตาม แม้แต่ตัวเขาที่มีความสนิทสนมกับแดนเนลอยู่พอสมควรก็ไม่อาจคาดเดาการกระทำของเจ้าตัวได้อีกต่อไป

    "ถ้าเขาคิดหนีเขาจะฝังแคปซูลทำไม" เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคของซีไอเอเริ่มวิเคราะห์ด้วยท่าทีเครียดเคร่ง "มันไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องหนีเลย เขาได้รับการลดหย่อนโทษจากสิบห้าปีเหลือสิบปีจากการตกลงเข้าร่วมกับซีไอเอ แค่ทำงานกับซีไอเอต่ออีกไม่กี่ปีเขาก็จะเป็นอิสระแล้ว"

    "คุณคิดว่านี่มันจะเกี่ยวกับแผนการแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มของริชาร์ดที่เขาเคยเสนอเอาไว้ไหม?"

    "ก็ไม่แน่...แต่สำหรับแดนเนลมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เขากับริชาร์ดรู้จักกัน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะแฝงตัวเข้าไปโดยที่ริชาร์ดไม่รู้ เว้นก็แต่ริชาร์ดจะจงใจเปิดทางไว้ให้ และแดนเนลยินยอมที่จะก้าวเข้าไปเอง"

    "คุณกำลังจะบอกว่าสองคนนั้นร่วมมือกันงั้นสินะ"

    "อาจจะร่วมมือกันหรือไม่ก็ได้ เราไม่มีทางรู้หรอก แต่ที่แน่ ๆ คือพวกเขาแอบติดต่อกัน" ไทรอนว่า "ในแล็ปท็อปของแดนเนลน่าจะมีหลักฐาน ผมกำลังหาอยู่"

    "คุณแฮกแล็ปท็อปเขาได้แล้วเหรอ?"

    "ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอก ผมพอเดารหัสออก" อีกฝ่ายตอบ ก่อนเอ่ยต่อเบา ๆ อย่างทอดถอนใจ "ถ้าพาตัวกลับมาได้คงโดนจอห์นนี่สั่งจำกัดสิทธิ์แน่ ๆ ให้ตายเถอะแดนเนล ทำอะไรไม่ปรึกษากันเลย"

    หากจะให้ไทรอนพูดถึงความสนิทสนมระหว่างตัวเองกับแดนเนลแล้วนั้น เขาก็คงบอกว่าสนิทจนเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกันในระดับหนึ่ง

    สำหรับเขาแล้วแดนเนลไม่ใช่คนที่อ่านยากอะไรนัก อีกฝ่ายค่อนข้างจริงใจและมีความตรงไปตรงมาสูง มันมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับแดนเนลอยู่ในระดับที่ดีมาก

    ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาไม่ได้ตั้งแง่ใส่อีกฝ่ายตั้งแต่ต้น แดนเนลเป็นคนเก่ง เรื่องนี้ใคร ๆ ต่างก็รู้กันดี และเขาเองนั้นก็ชื่นชอบที่จะได้ร่วมงานกับคนเก่ง ๆ การที่เขาเปิดใจยอมรับทำให้อีกฝ่ายไม่ได้สร้างกำแพงป้องกันตัวที่สูงเกินไปใส่เขา

    จุดเริ่มต้นระหว่างเขากับแดนเนลเป็นรากฐานที่มั่นคง ก่อนที่ความเข้าขาในการทำงานกันเป็นอย่างดีจะเข้ามาต่อยอด ด้วยเพราะต้องร่วมงานกันบ่อย ๆ ทำให้ความสนิทสนมค่อย ๆ สะสมเพิ่มมากขึ้นทีละนิด รวมไปถึงเรื่องเพราะอุปนิสัยส่วนตัวบางประการของเขาที่คล้ายกันกับแดนเนลอย่างน่าประหลาด เขาไม่ชอบการเซ้าซี้และไม่ชอบการพูดถึงเรื่องของคนอื่น

    ทั้งหมดนั้นมีส่วนทำให้ความเชื่อใจเกิดขึ้นได้โดยไม่ยาก การมีแดนเนลเป็นเพื่อนร่วมงานคือเรื่องดี ๆ เรื่องหนึ่งในชีวิตเขา และเขาก็ยังอยากที่จะร่วมงานกับอีกฝ่ายต่อไปเรื่อย ๆ

    แม้ว่าความแน่วแน่เด็ดขาดที่มีมากเกินไปของแดนเนลนั้นจะทำให้เจ้าตัวดูเป็นคนดื้อดึง แต่ก็ใช่ว่าอีกฝ่ายจะไร้เหตุผล

    แดนเนลมีเหตุผลเสมอ เพียงแต่ในหลาย ๆ ครั้งเหตุผลนั้นถูกเก็บซ่อนไว้ลึกเกินไป และเจ้าตัวก็ไม่ยินดีที่จะเปิดเผยมันออกมา





    จอห์นนี่กลับมาถึงเซฟเฮ้าส์ในช่วงบ่ายของวันตามตารางงาน ก่อนจะพบว่ามีเรื่องไม่น่าอภิรมย์ชุดใหญ่กำลังรอต้อนรับเขาอยู่

    "ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่หรือไงว่าให้จับตาดูเขาให้ดี!"

    คนที่เพิ่งกลับมาจากซานฟรานซิสโกดูหัวเสียไม่น้อยเมื่อได้ยินเจ้าหน้าที่เอฟบีไอเพียงหนึ่งเดียวในที่นี้รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาที่เขาไม่อยู่จนจบ

    แม้ว่าการที่แดนเนลหายตัวไปจะไม่ใช่ความผิดของเจย์เดน แต่อย่างไรแล้วนี่ก็ถือเป็นความรับผิดชอบที่เจ้าตัวต้องแบกรับเอาไว้

    "ใจเย็นน่า"

    ไทรอนที่เห็นว่าหัวหน้าของตนใส่อารมณ์กับเจย์เดนมากเกินไปพยายามเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย ทว่าก็โดนคนที่กำลังโมโหอยู่สวนตอบกลับไปอย่างไม่ไว้หน้า

    "ใจเย็นงั้นเหรอ? หมอนั่นหายตัวไปตั้งหลายชั่วโมงขนาดนี้แล้วนายยังจะให้ฉันใจเย็นได้อยู่อีกเหรอ?"

    "แล้วมันมีทางอื่นที่ดีกว่านี้อีกไหมล่ะ สงบสติอารมณ์ของตัวเองเสียจอห์นนี่" ไทรอนเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง เขาเข้าใจในความขุ่นเคืองของจอห์นนี่ดี แต่ทั้งเขาและเจย์เดนไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของใคร ทุกคนในที่นี้ต่างก็เป็นกังวลและไม่มีใครรู้สึกยินดีกับการหายตัวไปของแดนเนล การที่จอห์นนี่โมโหใส่นั้นรังแต่จะทำให้เจย์เดนเกิดความรู้สึกผิดและโทษตัวเองจนเกินไป เขาหันไปมองเจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่ยืนเงียบ "กลับไปแกะรอยกันต่อเถอะ ไว้เขาหายโมโหเมื่อไหร่ค่อยให้เขาเข้ามาคุยเรื่องแผนตามตัวแดนเนลกลับมา"





    [tbc.]
    ***หากมีข้อมูลที่ผิดพลาดประการใดก็สามารถบอกเรามาได้เลยนะ เราจะรีบทำการปรับแก้ให้อย่างเร็วที่สุดค่ะ***
    ________________________________________

    ค้นพบคนซึมหนึ่งอัตรา โถพ่อคุณ...

    แล้วเจอกันตอนหน้านะคะทุกคน
    #ฟิควรบจด

    how to comment ใน minimore

    Note : ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับศิลปิน สถานที่ และเหตุการณ์ใดๆ และไม่ได้มีเจตนาใด ๆ จะทำให้ศิลปินเสื่อมเสียทั้งสิ้น
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Gift N. T. (@giftnt1402)
นี่เราอ่านไปเห็นภาพเจย์เดนเป็นหมาหงอยไปแทบทั้งตอนเลยค่ะ ฮืออออ เห็นใจทุกคนมาก แล้วเส้นทางที่แดนเนลโดนพาตัวไปก็ทั้งไกลทั้งตามยาก เอาใจช่วยทั้งแดนเนลทั้งทุกคนที่อยู่ฝั่งเจย์เดนเลย