เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
wild rabbit #jaedohbrxnct
Chapter 17 : A gaping wound





  • แดนเนลดูไม่ค่อยเจริญอาหารเท่าไหร่นักในมื้อกลางวัน ร่างผอมโปร่งเอนหลังพิงเข้ากับพนักเก้าอี้ของร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากสถาบันนิติเวชวิทยาเพียงไม่กี่ช่วงตึก มือเรียวใช้ส้อมเขี่ยเส้นพาสต้าในจานตรงหน้าของตนเองไปมาโดยไม่แม้แต่จะตักมันเข้าปาก จนทำให้คนที่นั่งมองอยู่อีกฝั่งฟากของโต๊ะเอ่ยทักขึ้น

    "คุณควรกินอะไรสักหน่อยนะ"

    "ผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ เชิญคุณเลย"

    เขาตอบปัด ขณะนั่งมองอีกฝ่ายหยิบมันฝรั่งทอดที่เสิร์ฟเคียงมาพร้อมกับแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นโตเข้าปาก

    หากเป็นยามปกติ สีแดงของซอสโบโลเนสจากมะเขือเทศที่ตัดกับสีเหลืองอ่อนของเส้นพาสต้านั้นคงชวนเรียกน้ำย่อยได้อย่างไม่ยาก ทว่าไม่ใช่ในยามที่เขาเพิ่งออกมาจากห้องชันสูตรพลิกศพอย่างตอนนี้

    เพราะว่าภาพอวัยวะภายในร่างกายของศพที่เขาเพิ่งจะเห็นมายังคงติดตาเขาอยู่ และภาพนั้นมันก็ซ้อนทับเข้ากับพาสต้าในจานตรงหน้าเขาอย่างพอดิบพอดี

    "ถึงไม่หิวก็ต้องกินบ้างนะคุณ นี่คุณเล่นไม่แตะอะไรสักอย่าง เดี๋ยวก็ปวดท้องเอาหรอก" อีกฝ่ายหน้ามุ่ยลงเล็กน้อยเมื่อโดนดุ เจย์เดนเหลือบมองอาหารในจานของคนตรงหน้าก่อนจะเข้าใจในอะไรบางอย่าง และมันก็ทำให้เขามีท่าทีที่อ่อนลงในทันที "ผมเป็นห่วง ถ้าคุณไม่อยากกินพาสต้านี่ งั้นเอามาแลกกับแฮมเบอร์เกอร์ของผมดีไหม? แล้วเวลากินก็อย่ามองจานผม"

    "จะดีเหรอ?" อีกฝ่ายมีท่าทีลังเลไม่แน่ใจ "ที่คุณสั่งแฮมเบอร์เกอร์มาก็เพราะว่าอยากกินไม่ใช่หรือไง"

    "ก็ใช่ แต่มันก็ไม่ถึงขั้นที่จะยอมแลกกับคนอื่นไม่ได้เสียหน่อย"

    เจ้าหน้าที่เอฟบีไอเอ่ยพร้อมกับเผยรอยยิ้มอ่อนโยนเล็ก ๆ จนทำให้ลักยิ้มบนแก้มทั้งสองข้างของเขาบุ๋มลง ขณะใช้มือเลื่อนจานแฮมเบอร์เกอร์เนื้อที่ตนสั่งมาไปให้อีกฝ่าย แล้วดึงจานพาสต้าที่ถูกวางทิ้งไว้อย่างนั้นกลับมาแทน

    แม้เมนูอาหารจะถูกสับเปลี่ยนไปเป็นที่เรียบร้อยด้วยน้ำมือของเจย์เดน ทว่าความอยากอาหารของแดนเนลกลับไม่ได้เพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่นัก แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็ยังยอมงับขนมปังและเนื้อบดเข้าปากไปสองสามคำ ก่อนจะพรูลมหายใจออกมาเบา ๆ ขณะเคี้ยว

    "คุณงอแงไม่ยอมกินข้าวอย่างกับเด็ก"

    "ผมไม่ใช่เด็ก และอายุมากกว่าคุณอีกนะหากคุณยังไม่รู้"

    "ผมก็ไม่ได้บอกว่าคุณอายุน้อยกว่า ผมบอกว่าคุณเหมือนเด็ก" เจย์เดนเอ่ย คิ้วเรียวเลิกสูงขึ้นเล็กน้อยเป็นการยียวน "ดีนะที่ผมเก่งเรื่องรับมือกับเด็ก โดยเฉพาะเด็กดื้อ"

    "เด็กดื้ออะไร" แดนเนลสวนกลับทันควัน ใบหน้าเรียวฉายแววหงุดหงิดหนักกว่าเดิมเข้าไปใหญ่เมื่อได้ยินคำเย้าแหย่นั้น "ผมกินมันไปตั้งเยอะแล้ว คุณต่างหากที่เจริญอาหารผิดคนทั่วไปน่ะ"

    "เอ้า ว่าผมเฉย" เจย์เดนหัวเราะโดยไม่นึกถือสากับคำกล่าวว่าของคู่สนทนา "กองทัพต้องเดินด้วยท้องนะคุณ"

    "ถ้าอย่างนั้นกองทัพของคุณก็คงเดินนำชาวบ้านชาวช่องเขาไปไกลโข"

    "อันนี้ไม่ปฏิเสธ ก็อาหารอร่อยทำให้ผมมีแรงทำงานจริง ๆ"

    เขาเอ่ยตอบพลางใช้ส้อมในมือม้วนเส้นพาสต้าในจานแล้วส่งมันเข้าปาก ขณะเดียวกันแดนเนลก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก ทั้งคู่ต่างนั่งจัดการอาหารของตัวเองเงียบ ๆ จนกระทั่งเขารู้สึกว่าไม่อยากให้โต๊ะอาหารเงียบนานมากไปกว่านี้ จึงได้ตัดสินใจหยิบยกหัวข้อสนทนาอื่นขึ้นมาชวนอีกฝ่ายคุยแทน

    "แล้วคุณจะทำอย่างไรต่อ เรื่องการตามหาตัวริชาร์ดน่ะ"

    "ไม่รู้สิ" คนที่ถือแฮมเบอร์เกอร์อยู่ในมือเอ่ยตอบก่อนจะนิ่งไปครู่หนึ่งราวกับกำลังใช้ความคิดอยู่ "ก็คงต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ บางทีมันอาจจะมีอะไรสักอย่างที่ผมมองข้ามไป"

    "คุณเจาะเข้าระบบเซิฟเวอร์ที่รัสเซียเลยไม่ได้เหรอ? ทำไมต้องไปเริ่มต้นใหม่ด้วย"

    "มันไม่ง่ายขนาดนั้นน่ะสิ เซิฟเวอร์ส่วนใหญ่มักจะมีการติดตั้งไฟร์วอลล์เอาไว้ ซึ่งการเจาะไฟร์วอลล์พวกนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย โดยเฉพาะไฟร์วอลล์ที่เป็นฮาร์ดแวร์" แดนเนลเอ่ย "นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการที่เราบุกเข้าไปยังเซิฟเวอร์โดยตรงถึงเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า"

    ไฟร์วอลล์ที่แดนเนลพูดถึงนั้น คือเครื่องมือที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัยของระบบเครือข่ายชนิดหนึ่ง มีทั้งแบบที่เป็นซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ให้เลือกใช้ มันเปรียบเสมือนกำแพงที่คอยตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ว่าจะอนุญาตให้ผ่านเข้าไปในระบบได้หรือไม่ ซึ่งในแต่ละแบบก็จะมีจุดเด่นของตัวเองที่แตกต่างกันออกไป

    และจุดเด่นข้อหนึ่งที่ถือเป็นจุดแข็งของฮาร์ดแวร์ไฟร์วอลล์นั้น ก็คือการออกแบบกลวิธีในการป้องกันอย่างเฉพาะเจาะจงสำหรับระบบเครือข่ายนั้น ๆ

    นั่นหมายความว่าการที่จะเจาะผ่านไฟร์วอลล์ชนิดนี้เข้าไปได้ ถือเป็นเรื่องที่ยากและไม่คุ้มค่าอย่างยิ่ง

    เพราะการที่จะเจาะเข้าฮาร์ดแวร์ไฟร์วอลล์นั้น ตัวแฮกเกอร์เองจำเป็นต้องมีความรู้และความเข้าใจในกระบวนการทำงานของฮาร์ดแวร์เป็นอย่างดี รวมถึงต้องมีความสามารถในการพัฒนาวิธีการเจาะระบบขึ้นมาเพื่อรับมือกับไฟร์วอลล์ชนิดนั้น ๆ โดยเฉพาะเช่นกัน ซึ่งวิธีการทั้งหมดต้องใช้ทั้งเวลาและความพยายามในการศึกษาไม่น้อย

    การได้ไม่คุ้มเสียนี้จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แฮกเกอร์ส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงการเจาะระบบที่ใช้ไฟร์วอลล์ชนิดนี้หากไม่จำเป็น

    "หมายความว่าคุณคิดจะบุกไปรัสเซียอย่างนั้นเหรอ?"

    เจย์เดนย้อนถามกลับอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด น้ำเสียงของเขาฟังดูเครียดเคร่งขึ้นในทันที เพราะเริ่มรู้สึกระแวงขึ้นมานิดหน่อยว่าคนตรงหน้านี้อาจจะพาตัวเองวิ่งเข้าไปหาเรื่องอะไรเพิ่มขึ้นมาอีก

    "ไม่ใช่แบบนั้น" คำปฏิเสธของแดนเนลทำให้คนฟังรู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง "การบินไปรัสเซียไม่ใช่ทางเลือกแรกของผมในตอนนี้"

    แต่ก็ใช่ว่าจะโล่งได้อย่างถึงที่สุดจริง ๆ เพราะถึงแม้จะไม่ใช่ทางเลือกแรก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เลือกทำในสักวัน

    "ถ้าอย่างนั้นทางเลือกอื่นของคุณมีอะไรบ้างล่ะ?"

    "ก็กลับไปตั้งต้นใหม่ที่เซิฟเวอร์ของดาร์กเว็บนั่น ขณะเดียวกันก็ต้องหาความเชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายของริชาร์ดกับอันโนวและหาทางแทรกซึมเข้าไปในนั้นให้ได้" แดนเนลไล่แผนการของตัวเองไปทีละอย่าง "ถ้าถึงที่สุดแล้วเรายังคว้าน้ำเหลวอยู่ก็คงต้องคิดเรื่องบินไปรัสเซีย แต่ผมมองว่าการบินไปถึงที่นั่นเพื่อเจาะระบบแล้วก็ไปเจอกับตัวหลอกอีกไม่น่าใช่เรื่องที่คุ้มค่าเท่าไหร่"

    "แล้วการเจาะระบบจากที่นี่ไปล่ะ?"

    "นั่นน่ะเป็นทางเลือกสุดท้ายเลย" อีกฝ่ายตอบ "อย่างที่บอก การเจาะพวกฮาร์ดแวร์ไฟร์วอลล์ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อีกอย่างผมไม่อยากเป็นศัตรูกับพวกบริษัทไฟร์วอลล์ด้วย"

    "ทำไมล่ะ คุณกลัวเหรอ?"

    "ไม่ใช่สักหน่อย" อีกฝ่ายไหวไหล่ "แค่ไม่อยากติดแบล็คลิสต์ เผื่อวันไหนออกจากซีไอเอจะได้เข้าไปสมัครงานที่นั่นได้"

    "คุณพูดเหมือนคุณกำลังคิดที่จะออกจากซีไอเอเลย"

    "ผมก็แค่วางแผนเอาไว้เฉย ๆ อนาคตมันไม่แน่นอนหรอกคุณ"

    แดนเนลยังคงถนัดในการเลี่ยงคำถามเหมือนทุกครั้ง ทว่าครั้งนี้เจย์เดนไม่ได้คิดที่จะคาดคั้นอะไรจากอีกฝ่ายต่อ ด้วยรู้ดีว่าพวกเขาสองคนนั้นยังคงมีช่องว่างระหว่างกันอยู่ และเขาก็หวังว่ามันจะค่อย ๆ ลดลงทีละนิดจนหมดสิ้นไปในสักวัน





    แผนการที่จะแทรกซึมเข้าไปในเครือข่ายของริชาร์ดที่แดนเนลคิดเอาไว้นั้นถูกจอห์นนี่คัดค้านอย่างหนัก ทั้งคู่ถกเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมลงให้แก่กันจนทำให้เจย์เดนที่ยืนฟังอยู่เริ่มไม่เข้าใจมากขึ้นทุกขณะ จอห์นนี่ ซอ ในยามนี้ดูโกรธจัดกับความดื้อดึงของแดนเนล ไร้วี่แววของชายผู้สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีที่เจย์เดนเคยเห็นก่อนหน้านี้

    เจ้าหน้าที่จากเอฟบีไอเหลือบสายตามองไปยังไทรอนที่ยืนกอดอกฟังเพื่อนร่วมงานของตนโต้ตอบทางคำพูดด้วยสีหน้าเครียดเคร่งไม่แพ้กัน

    "ทำไมนายถึงไม่ยอมล้มเลิกความคิดที่จะแฝงตัวเข้าไปในนั้นเสียทีแดนเนล" จอห์นนี่เอ่ยอย่างหมดความอดทนในที่สุด "นี่ไม่ใช่ครั้งที่สองหรือครั้งที่สามนะที่ฉันได้ยินเรื่องนี้จากปากของนาย หรือว่านายยังไม่ยอมแพ้เรื่องของธีออน"

    แดนเนลนิ่งไป และมันทำให้ทุกคนในที่แห่งนี้รู้ว่าคำพูดของจอห์นนี่นั้นเป็นความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย

    "เรื่องของธีออนมันผ่านมานานแล้วนะ นี่นายยังไม่เลิกคิดเรื่องนี้อีกเหรอแดนเนล?"

    ไทรอนที่ยืนฟังเงียบ ๆ มานานเอ่ยขึ้นในที่สุด ท่าทีของเขาเองนั้นดูเป็นกังวลไม่แพ้จอห์นนี่เลยสักนิด

    "ฉันจะเลิกคิดเรื่องนี้ได้ยังไงกันล่ะ" แดนเนลแค่นเสียง สายตาของเขาแข็งกร้าวขึ้นก่อนที่ปลายจมูกและดวงตากลมคู่นั้นจะค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อทีละนิด "ฉันบอกว่าเขาจะปลอดภัย ฉันบอกเขาแบบนั้น แต่เขาก็ตาย และฉันเป็นคนที่ส่งเขาไปตาย"

    แดนเนลกำลังจะร้องไห้ นั่นเป็นสิ่งที่เจย์เดนสามารถรับรู้ได้ในทันที ร่างผอมโปร่งกำหมัดตัวเองแน่นราวกับต้องการสะกดกลั้นอารมณ์ที่ไม่อาจปกปิดได้เอาไว้ และขณะเดียวกันนั้นก็ไม่ยอมหลบสายตาจากคู่สนทนาที่กำลังโต้เถียงกันอยู่

    มันไม่ใช่แค่ความดึงดันไม่ยอมแพ้ของคนที่เอาแต่ใจ ทุกคนในที่นี้รู้ดีว่าแดนเนลไม่ได้ไร้เหตุผลขนาดนั้น ทว่ามันคือความโกรธ ความเสียใจ และความต้องการแก้แค้นอย่างถึงที่สุด

    หากคำกล่าวที่ว่า 'สายตาไม่เคยโกหก' เป็นความจริง สายตาของแดนเนลในยามนี้ก็คือสิ่งที่บอกกับเจย์เดนเช่นนั้น

    "ถ้าอย่างนั้นฉันเองก็ส่งเขาไปตายเหมือนกัน ฉันเป็นคนเซ็นต์อนุมัติภารกิจนั่น และฉันจะไม่ส่งนายไปเสี่ยง"

    จอห์นนี่ยื่นคำขาดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น นี่คือคำตัดสินอันเด็ดขาดของผู้เป็นหัวหน้าทีมภารกิจ และแน่นอนว่าแดนเนลไม่มีสิทธิ์ใด ๆ ที่จะคัดค้าน

    "นายห้ามฉันไม่ได้หรอกจอห์นนี่"

    "อย่าให้ฉันต้องทำถึงขั้นจำกัดสิทธิ์ของนายนะแดนเนล"

    "เฮ้ ใจเย็น" ไทรอนรีบก้าวเข้ามาแทรกระหว่างเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าทีมภารกิจของตัวเองในทันทีเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มบานปลาย การจำกัดสิทธิ์ที่จอห์นนี่พูดถึงนั้น คือการให้แดนเนลกลับมาสวมเครื่องติดตามที่ข้อเท้าและห้ามออกจากบริเวณที่พัก ซึ่งการทำแบบนั้นไม่ต่างอะไรจากการปฏิบัติกับแดนเนลในฐานะนักโทษเลยสักนิด "ฉันรู้ว่านายรู้สึกยังไงกับเรื่องของธีออนนะแดนเนล พวกเราทุกคนก็เหมือนกัน แต่นายต้องคิดถึงความปลอดภัยของตัวเองให้มากกว่านี้"

    "นายไม่เข้าใจหรอกไทรอน"

    "หยุดความคิดที่จะทำอะไรนอกเหนือไปจากคำสั่งของฉันเสียแดนเนล ฉันขอเตือน"

    จอห์นนี่ทิ้งท้ายเอาไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะหมุนตัวออกจากวงสนทนาไป แน่นอนว่ามันทำให้ความตึงเครียดของทุกคนในที่แห่งนี้ยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้น เพราะแดนเนลนั้นไม่ใช่คนที่จะยอมเปลี่ยนความคิดของตัวเองไปโดยง่าย

    และคำขาดของจอห์นนี่ก็ถือเป็นการวัดใจ ว่าระหว่างการยอมล้มเลิกความคิดของตัวเองแล้วเชื่อฟังผู้บังคับบัญชา กับเดินหน้าทำในสิ่งที่ต้องการโดยยอมแลกกับอิสระภาพตนนั้น แดนเนลจะเลือกทางไหน





    ชื่อของ ธีออน เลนจ์ ที่เจย์เดนได้ยินมาจากคำบอกเล่าของไทรอนนั้น กลายเป็นชื่อที่ติดอยู่ในห้วงความคิดตลอดทั้งบ่ายของเขา รวมถึงสถานะความสัมพันธ์ระหว่างอดีตเจ้าหน้าที่คนนั้นกับแดนเนลที่เขาเพิ่งได้รับรู้มาด้วย

    "หมอนั่นเป็นคนดี ธีออนน่ะ เขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี แล้วก็เป็นคนรักที่ดีมากด้วย"

    ไทรอนเอ่ยพลางเหลือบมองไปยังแดนเนลที่นั่งนิ่งราวกับกำลังใช้ความคิดอย่างหนักอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง และภาษากายนั้นก็ทำให้คนช่างสังเกตอย่างเจย์เดนพอจะรับรู้ได้ถึงนัยยะบางอย่างที่คู่สนทนาต้องการจะสื่อ

    "คุณหมายถึง..."

    "อืม เขากับแดนเนลเดทกันได้เกือบปี ก่อนที่จะมีคำสั่งให้เขาแทรกซึมเข้าไปในมาเฟียกลุ่มหนึ่ง มันเป็นความเห็นของแดนเนลว่าเขาคือคนที่เหมาะสมกับภารกิจนั้น แล้วจอห์นนี่ก็เซ็นต์อนุมัติ" ไทรอนเล่า "ก่อนหน้านี้คนที่ดูแลเรื่องอาหารการกินของแดนเนลก็คือหมอนั่นน่ะแหละ นายต้องเห็นสองคนนั้นตอนยืนเถียงกันเรื่องร้านอาหารที่จะไปดินเนอร์นะ เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตถึงขั้นให้ทุกคนในห้องนี้ช่วยโหวตให้เลยล่ะ แต่สุดท้ายกลับต้องโทรสั่งบะหมี่จากร้านอาหารจีนมานั่งกินกันแทนเพราะแดนเนลมัวแต่ทำงาน แล้วค่ำวันต่อมาแดนเนลก็เป็นฝ่ายจูงมือธีออนไปร้านอาหารที่หมอนั่นอยากกิน"

    ภาพจำในอดีตนั้นอดทำให้ไทรอนเผยยิ้มบางเบาออกมาไม่ได้ แดนเนลในตอนที่ยังมีธีออนอยู่ข้าง ๆ นั้นเป็นแดนเนลที่นุ่มนวลและอ่อนโยนมากกว่าตอนนี้เป็นไหน ๆ

    "มาเฟียกลุ่มนั้นคือกลุ่มเดียวกันกับที่เป็นเจ้าของดาร์กเว็บที่เราไปบุกเซิฟเวอร์มาเมื่อคืนก่อนใช่ไหม?"

    "ใช่"

    "ถ้าอย่างนั้น สายลับที่แดนเนลพูดถึงในตอนนั้นก็คือธีออนคนนี้สินะ"

    "ใช่แล้วล่ะ ฉันเพิ่งรู้ก็ตอนนี้ ว่าที่จริงแล้วเขาไม่เคยปล่อยวางเรื่องของธีออนเลย"

    ไทรอนพยักหน้ารับก่อนจะถอนหายใจออกมา และนั่นก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนสำหรับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความโกรธแค้นของแดนเนลที่เปิดเผยให้ทุกคนได้เห็นในวันนี้ ไปจนถึงแววตาโศกเศร้ายามพูดถึงคนรักเก่าของตัวเองเมื่อคืนก่อนหน้านั้น

    ถ้าหากริชาร์ดคือแผลเก่าที่ตกสะเก็ดแล้วของแดนเนล ธีออนก็คือแผลสดที่ยังคงเหวอะหวะและยังไม่หายดี

    ซึ่งการโต้เถียงและคำขาดของจอห์นนี่เมื่อครู่นี้ ก็คงไม่ต่างอะไรกับการฉีกบาดแผลนั้นให้กว้างขึ้นแล้วราดน้ำเกลือใส่ซ้ำ

    ในตอนนี้เจย์เดนเข้าใจแล้วว่าทำไมไทรอนถึงได้มีท่าทีเคร่งเครียดนัก ก็เพราะว่าคนที่อยู่ตรงกลางน่ะ มักจะเป็นคนที่ลำบากใจที่สุดเสมอ





    [tbc.]
    ศัพท์เทคนิคในตอนนี้ in a nutshell
    Firewall คือ ซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ในระบบเครือข่าย ที่มีหน้าเป็นตัวกรองข้อมูลสื่อสาร คอยป้องกันการโจมตี สแปม และผู้บุกรุกที่ไม่หวังดีต่อระบบ เปรียบเสมือนยามเฝ้าประตูที่คอยตรวจสอบผู้เข้าออก
    - Hardware คือ เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สามารถมองเห็นและจับต้องได้ เช่น หน้าจอ, เมนบอร์ด, แรม, ซีพียู เป็นต้น
    - Software คือ โปรแกรมที่ทำงานบน hardware เช่นโฟโต้ช็อป, โปรแกรมไมโครซอฟต์, เกมคอมพิวเตอร์ต่างๆ ค่ะ
    ***หากมีข้อมูลที่ผิดพลาดประการใดก็สามารถบอกเรามาได้เลยนะ เราจะรีบทำการปรับแก้ให้อย่างเร็วที่สุดค่ะ***

    ________________________________________

    ธีออน เลนจ์ - เตนล์ ชิตพล ลี้พรชัยกุล

    ผ่ามมม! ปมมาเรื่อย ๆ ค่ะ แต่มีไม่เยอะหรอกหน่าเชื่อเรา
    ผ่านมาเป็นสิบตอนแล้วแต่ยังต๊ะตอนยอนอยู่เลย
    แอบกังวลเหมือนกันว่าทุกคนจะเบื่อมั้ย QAQ
    คือตอนนี้ก็มาเกินครึ่งทางแล้ว คิดว่าถ้าถึงช่วงเฉลยคงเดินเรื่องไวกว่านี้
    เรากลัวว่าจะไม่มีเวลาโฟกัสเรื่องคสพ.ของตลค.มากเท่าไหร่
    เลยต้องรีบมาเก็บแต้มสะสมไว้แต่เนิ่นๆ 5555555555
    ยังไงก็อยู่ด้วยกันก่อนนะทุกคนนนน

    ส่วนปมทั้งหมดจะได้เฉลยตอนไหน
    และความแค้นครั้งนี้ของแดนเนลจะได้รับการสะสางหรือไม่
    โปรดติดตามกันตอนต่อไปนะคะ อิ___อิ
    #ฟิควรบจด

    how to comment ใน minimore

    Note : ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับศิลปิน สถานที่ และเหตุการณ์ใดๆ และไม่ได้มีเจตนาใด ๆ จะทำให้ศิลปินเสื่อมเสียทั้งสิ้น

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
jeanasm_ (@jeanasm_)
สนุกตรงที่อ่านฟิคมาแล้วก็มาอ่านเมนท์ของพี่คนข้างล่างต่อได้ 55555555555 ปมน้องเรื่องความรักมาอีกแน้วววว แล้วน้องจะกล้าเปิดใจให้เจย์เดนมั้ย ตอนนี้ดูเขาสองคนห่างเหินกันมากๆ แดนเนลไม่มีท่าทีจะเปิดใจให้เจย์เดนเลย แงง5555555555 เอาใจช่วยเจย์เดนนะ รู้เรื่องเขาจากปากคนอื่นไปก่อน;-;
Gift N. T. (@giftnt1402)
เปิดตอนมาอย่างน่ารักเลยค่ะ เถียงกันน่ารักจัง เขายังไม่ได้คบกันเลย แต่จินตนาการถึงแฟนเด็กที่เอ็นดูแฟนแก่กว่า แต่ก็พร้อมปราบเวลาแฟนทำตัวเป็นเด็กดื้อแล้ว ฮ่าๆๆ ความฟู้ดไฟเตอร์ของเจย์เดนก็น่ารัก

แต่ครึ่งหลังนั้น... ตอนชื่อธีออนโผล่มากับดูจากทิศทางของเรื่อง ในหัวก็หวั่นๆ แล้วว่าเตนล์รึเปล่า แอบเอ็นดูน้องเป็นการส่วนตัว พอนามสกุลเลนจ์มาเราทำใจละค่ะ ใช่จริงด้วย จริงๆ ฟิคแนวนี้ก็มักมี character death อยู่แล้ว แต่พอมาจริงๆ ก็เศร้าทุกที สงสารทุกคนเลยทั้งธีออนกับคนที่ยังมีชีวิต (แต่ถ้ามีปมธีออน แสดงว่าริชาร์ดกับแดนเนลไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบคนรักสินะ หรือไม่งั้นก็ต้องเคยคบกันมาก่อนแบบนานมาก แต่ก็ยังเป็นไปได้อยู่ดีว่าแดนเนลแอบปลื้มริชาร์ดข้างเดียว)

แดนเนลกะออกจากซีไอเอหลังแก้แค้นให้ธีออนกับสะสางเรื่องริชาร์ดรึเปล่านะ... นอกจากลุ้นปมต่างๆ ของแดนเนล ยังต้องลุ้นต่ออีกด้วยนะคะเนี่ยว่าแดนเนลกับเจย์เดนจะสานสัมพันธ์ต่อยังไง เพราะถ้าแดนเนลไปตามทางของตัวเองก็จะได้เจอเจย์เดนน้อยลง แต่ก็นะ ของอย่างนี้เดี๋ยวน้องๆ และไรต์ก็หาทางได้ค่ะ ฮ่าๆๆๆ ดีไม่ดีเจอกันนอกงานเพราะอยู่ด้วยกัน /ขอโทษที่ขี้ชิปค่ะ

ปล. เข้าใจฟีลนักเขียนที่กังวลว่าคนอ่านจะเบื่อมั้ย มันเป็นสิ่งที่จะรู้สึกทุกครั้งเวลาเขียน ฮ่าๆๆ แต่ในฐานะที่ตอนนี้เราเป็นคนอ่านเรื่อง ขอยืนยันว่าไม่น่าเบื่อเลยค่ะ ด้วยบริบทเรื่องกับสิ่งที่ทั้งคู่ต้องพบเจอ/เคยเจอ เขาต้องใช้เวลาอยู่แล้ว โดยเฉพาะแดนเนล แต่เจย์เดนจะหลุดคิดว่าน่าเอ็นดูก็ไม่แปลก แดนเนลน่ารักขนาดนี้ เราว่าสมจริงดีค่ะ