เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LInZ_みどり_Art_Work〜☆linz_みどり
รีวิว... สีอะคริลิค พร้อมเปิดประสบการณ์ครั้งแรก
  • สวัสดีค่ะ... 

    เราเพิ่งเคยเขียนรีวิวครั้งแรก... ค่อนข้างประหม่าและตื่นเต้น(เหมือนยืนอยู่หน้าห้องโดยมีสายตาคนในห้องจับจ้องไม่วางตา) ทุกสิ่งทุกอย่างในนี้เอาความรู้สึกตัวเองเข้าว่า และออกแนวบ่นๆ เล่าๆ ประมาณนี้นะคะถ้าหากผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยล่วงหน้าไว้ก่อนเลยนะคะ... หุ〜
    อย่างที่หัวเรื่อง(ใช้คำโบร้านโบราณ) แปะไว้นะคะ นี่เป็นครั้งแรกของเรากับสีอะคริลิค ก่อนหน้านี้เมื่อหลายปีมาแล้วก็เคยได้เรียนสีน้ำมาบ้าง เคยลงเรียนสีน้ำมัน 3 หน่วยกิต(หรือเปล่าไม่แน่ใจ? 555+) ได้เกรดB+ เบาๆจางๆ ความทรงจำที่หลงเหลืออยู่ตอนนี้คือ... เหม็น 555+ (ตอนเรียนเพื่อนไล่ไปปูเสื่อนั่งวาดนอกสตูอ่ะ ฝังใจสุด) หลังจากจบคอสก็ไม่ได้แตะอีกเลย (สีน้ำมันและอุปกรณ์ต่างๆ อยู่กล่องไหนในบ้านก็ไม่รู้ ฮือ...) กับสีอะคริลิคก็เคยแค่เอามาเพนท์กระเป๋าไม่ได้วาดอะไรจริงจัง ครั้งนี้ที่ได้ลองวาดดูก็เพราะ... เพราะ... คิดธีสิสไม่ออก 55555555555+ (แม่จ๋าอย่าตีหนู〜)
    การซื้อสีอะคริลิคเริ่มแรกเลยคือ... เราเดินเข้าไปในสโมฯ (aka. ร้านค้าลับแลในม.ศิลปากร วังท่าพระ) แล้วมีสีวางเรียงไว้ ตอนนั้นเหมือนเราจะต้องทำอะไรส่งซักอย่าง(นี่เคยจำอะไรได้บ้างมั้ยนะ?) เลยซื้อมาเผื่อไว้สองสามหลอด สุดท้ายคือ... ไม่ได้ใช้! (What?) หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไป เราก็ไปเดินเล่นแบบไม่ได้ตั้งใจจะซื้ออะไรเลยที่ร้านสมใจ สาขาดีโอ สยาม (อยากบอกว่าห้องน้ำสะอาด! และมีทิชชู่บริการด้วย 555+) ส่วนตัวเราชอบสาขานี้มากๆ ชอบกว่าสาขาในห้าง เหมือนจะมีพวกสีอะไรให้เลือกมากกว่า สามารถเดินดูได้ชิวๆ สาขาในห้างแออัดอ่ะ เบื่อการยืนเกรงใจอยู่หน้าชั้น 555 สุดท้ายเราเดินไปเดินมาก็เลยได้มาอย่างที่เห็น... 


    (อันนี้คือ รวมกับที่เคยซื้อทิ้งไว้... แบบทิ้งไว้จริงๆ เพราะไม่ได้ใช้เลย 555+)เซ็ต 12 สี ราคา 290 บาท ตกหลอดละ 24.17 บาท (จะหารทำไมนะ!)ส่วนที่เคยซื้อมาหลอดละ 26 บาท (คือ มีราคาติดไว้ก็ไม่งั้นจำไม่ได้)แล้วก็ซื้อสีเดาๆ มาเพิ่มอีก 4 หลอด จำไม่ได้ว่าราคาเท่าไหร่แต่แพงกว่า 26 บาทนิดหน่อย (จำได้เพราะฝังใจว่าทำไมไม่ไปซื้อที่สโมฯ เอิ้กกก)

    เหตุผลที่เลือกยี่ห้อนี้... คือ ไม่รู้เหมือนกันค่ะ 555+ อย่างที่บอกว่าเริ่มจากหยิบมั่วๆ มาจากสโมฯ เท่าที่เห็นคือยี่ห้อนี้มีหลอดเล็กๆ แบบนี้แยกขายอ่ะค่ะ ยี่ห้ออื่นมีแต่หลอดใหญ่ๆ ซึ่งเราก็ไม่ได้ใช้เยอะขนาดนั้น และตัวหลอดเป็นพลาสติกใช้ง่ายไม่บุบบิบเหมือนหลอดสังกะสี? (ใช่สังกะสีหรือเปล่า?) พอซื้อมาแล้วเราก็ชื่นชมอยู่แป๊บนึง แล้วก็ทิ้งไว้อย่างนั้น(อีกแล้ว) จนกระทั่งเผลอไปกดอ่านรีวิว 'สีอะคริลิค' ในพันทิป ก็ใจแป้วเลยค่ะ 555+ ในนั้นก็เค้ารีวิวไว้หลายยี่ห้อหลายเกรดนะคะ ซึ่งที่เราซื้อมาเนี่ยแน่นอนว่าเกรดนักเรียน เพราะราคาไม่แพง ในนั้นเค้าแนะนำไว้ว่า... (ย้ำนะคะ... ว่าในนั้นเค้าบอกมา ใครไม่เชื่อไปเสิร์ชดูได้เลย เราจะไม่แปะค่ะ เพราะเดี๋ยวโดนหาว่าสร้างความแตกแยก) ไม่ควรใช้ยี่ห้อนี้ เพราะมันเหมือนสีน้ำเลย... เราแบบ... เอ้า! นี่... ซื้อมาแล้ว! แต่ ไม่เป็นไรช่างมัน เพราะเรามีความรู้สึกดีๆ กับยี่ห้อนี้อยู่ ก่อนนี้ประมาณครึ่งปีก่อน เราก็ได้ลองสีชอล์กยี่ห้อนี้ครั้งแรกเหมือนกัน ไว้ว่างๆ จะมาลงรีวิว นะคะ〜

    ระหว่างนี้เราก็พยายามศึกษาหาความรู้ว่ามันควรจะเริ่มต้นยังไง ดูคลิปลุงๆ ป้าๆ ชาวต่างชาติ แนะนำในยูทูปไปหลายสิบคลิป ดูคลิปล้างพู่กันล้างจานสีอย่างสนุกสนาน เอิ้กกก〜 

    สุดท้าย เราก็ตัดสินใจลงมือซักที... แบบไปตายเอาดาบหน้า เละก็คือเละไง วาดใหม่ก็ได้! 

    กลัวอะไรเล่าสู〜



    มาดูอุปกรณ์กันก่อน〜(โปรดใช้วิจารณญาณในการทำตามนะคะ)


    1. ขาตั้ง

    อันนี้เป็นขาตั้งน้อยๆ เหมาะกะงานเล็กๆ จุ๊บๆ จิ๊บๆ ของเรา ไม่จำเป็นเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่มีก็สะดวกดี (อันนี้ซื้อที่ สมใจ ดีโอ สยาม อีกนั่นแหละ แต่สองสามปีมาแล้ว ราคาตอนนั้น 350 บาท ค่ะ... แน่นอนว่าจำได้เพราะมีราคาที่กล่อง)


    2. กระดานวาดรูป (อันนี้ตามศรัทธาเลยค่ะ ชอบแบบไหนใช้แบบนั้น หรือจะวาดบนผ้าใบก็ตามใจของเธอ 555+) ส่วนตัวเราชอบกระดานสีขาวค่ะ


    3. กระดาษ

    เราเลือกใช้อันนี้ค่ะ กระดาษสำหรับสีอะคริลิค ความหนา 400 แกรม ซื้อมาเพราะตอนนั้นเห็นอันนี้อันเดียวในร้าน555 ราคา 270 บาท ตกแผ่นละ 27 บาท ชอบค่ะ หนาดี ที่ปลื้มสุดๆ เลยคือ เกรนกระดาษค่ะ ตามภาพเลย เป็นลายแนวนอน ตอนระบายก็งานเราก็จะมีเทกเจอร์ นี่ว่าถ้าว่างจะเอาไปวาดสีไม้ด้วย น่าจะสวยดีค่ะ(คิดเอาเอง 555) งานนี้เราเอามาแบ่งตัดนะคะ เพราะไซส์งานจริงเราเล็ก


    4. พู่กัน และกระดาษทิชชู

    เพราะงานไซส์เล็กๆ ของเรา พู่กันก็เลยเล็กตาม แน่นอนว่าคุณภาพนักเรียนอีกแล้ว 555 ที่ใช้ทั้งหมดสำหรับงานนี้ มี หัวกลมเบอร์ 0 และ 2 หัวแบนเบอร์ 0, 2 และ 4 ค่ะ ส่วนกระดาษทิชชูุ (หรือถ้ามีผ้าที่ไม่ใช้แล้วที่ซึมซับน้ำได้ดีก็ใช้ได้ค่ะ) มุมบนซ้ายนั่นคือผ่านศึกสงครามมาแล้ว พอผึ่งให้แห้งก็สามารถนำมาใช้ซ้ำได้อีกค่ะ(เค็มอะไรขนาดนี้) เราใช้แบบแผ่นใหญ่ที่เค้าเอาไว้ใช้ในครัวค่ะ หนาดี ใช้ตอนที่ล้างพู่กันเช็ดเอาน้ำออกค่ะ บางทีสียังออกไม่หมดก็จะเช็คได้จากตรงนี้ค่ะ ไม่ให้ไปเปื้อนสีที่จะผสม


    5. แก้วน้ำ (ใส่น้ำด้วย)

    ไม่รู้จะลงรูปทำไม555 อันนี้ก็ผ่านศึกสงครามมาแล้วอีกเช่นเคย แต่มันจำเป็นมากนะคะ เพราะสีอะคริลิคแห้งไว ใช้เสร็จแล้วก็ต้องล้างพู่กันทันทีเลยค่ะ เราเตือนแล้วนะ!


    6. จานสี (โปรดใช้วิจารณญาณ***)

    อันนี้คือเพลทสีอะคริลิคที่ DIY มากๆ จนอาย555 เราใช้กระดาษแข็ง ซึ่งก็คือแผ่นพับอะไรซักอย่าง แล้วติดกระดาษสีขาวลงไปด้านหน้า ห่อด้วยแรพถนอมอาหารอีกทีค่ะ ความจริงเราเตรียมแผ่นอะคริลิคสีขาวไว้แล้ว แต่คิดว่ามันใหญ่ไปคงไม่ถนัด เลยทำง่ายๆ มาใช้ก่อน (ในคลิปที่เคยดูมาก็มีคนใช้พวกจานพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งก็มีค่ะ) ที่ห่อด้วยแรพถนอมอาหารเพราะว่าจะได้ไม่ต้องล้าง หรือความจริงถ้าจะใช้แล้วทิ้งไปเลยก็ไม่ต้องห่อก็ได้ค่ะ พวกเพลทสีอะคริลิคความจริงก็มีขายทั่วไปค่ะ ตอนที่เราเรียนสีน้ำมันก้อใช้กระดานวาดรูปอีกอันเป็นเพลทไปเลย (เพราะว่าถูกกว่ามาก พื้นที่ผสมสีก็เยอะกว่า เอิ้กกกก)


    อันนี้คือหลังจากผ่านสมรภูมิรบอย่างดุเดือดมาแล้วค่ะ ก้อนๆ ตุ่มๆ เหล่านั้นเกิดจากสีที่บีบเหลือใช้ไม่ทันเลยแห้งกลายเป็นหลักฐานแห่งความน่าเสียดายอยู่บนเพลทไปชั่วลูกชั่วหลาน แง...


    7. เกรียง (แต่งานนี้ไม่ได้ใช่เลย แง...)


    อันนี้เป็นเบอร์ 2 หัวเล็กๆ หน่อยค่ะ ขนาดเล็กแล้วก็ยังไม่เหมาะกับงานเรา 555 อันละ 60 บาท ซื้อที่ สโมฯ เหมือนเดิม ที่เราเห็นมี 3 เบอร์ค่ะ ราคาเท่ากันหมด เอาไว้ผสมสีค่ะ บางคนก็ใช้เกรียงปาดสีไปบนงานเลยก็มี ตอนเริ่มผสมสีครั้งแรกเราลองใช้แล้วแต่งานเรามันเล็ก ใช้สีก็น้อยเลยไม่ทันใจ ใช้พู่กันไปเลยไวกว่า


    8. สีอะคริลิค

    อันนี้คือสีทั้งหมดที่เลือกมาใช้ในงานนี้ หลังจากที่พิจารณาแบบค่ะ ก็จะมีผสมๆ สีบ้างเล็กๆ น้อยๆ นะคะเรียงตามลำดับ แถวบน Titanium White, Naple Yellow, Pale Orange, Yellow, Vermilion, Burnt Siennaแถวล่าง Turquoise blue, Neutral gray, Prussian blue, Violet ตามนี้ค่ะ

    เดี๋ยวเราขอริีวิวสีตอนจบเลยแล้วกันนะคะ หน้าต่อไปคือผลงานของเราค่ะ (อ๊ายอาย...)


  • หลังจากตัดกระดาษไซส์ที่ต้องการแล้ว ก็ร่างแบบค่ะ ส่วนแบบนั้น... ก็คือ ละอ่อนน้อยเกาหลีค่ะ 555+ ถ้าจะถามว่าทำไมไม่ลองรูปง่ายๆ ก่อน วงกลม สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม บลาๆ... เราก็ขอตอบว่าเพราะไม่ได้อยากวาดสิ่งนั้น อยากวาดคนนี้... คำตอบเหมือนจะกวนX (ก็ใช่... เป็นคนแบบนั้นแหละ 555+) ไม่ใช่ค่ะ เราทำใจไว้แล้วว่าเผื่อพลาดเลยร่างไว้สองรูปไปเลย


    ติดเทปเป็นกรอบให้กระดาษ จากนั้นก็เริ่มลงมือผสมสีป้ายๆ ไปเลยค่ะ ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี แต่เราก็ป้ายๆ ทาๆ ไปเรื่อยๆ จริงๆ ค่ะ


    ค่อยๆ เก็บรายละเอียด

    เทียบกับแบบๆ

    สู้ต่อไป... น้องตาโบ๋

    อันนี้คือถ่ายตอนเมื่อยหลังมาก


    เสร็จแล้วค่ะ ค่อนข้างพอใจที่ไม่เละ 555+ เลยกล้าเอามาลงรีวิว ใช้เวลาประมาณ 2 วันแบบชิวๆ ถ้าเร่งๆ ก็คงวันครึ่งได้อยู่ แต่เราเป็นพวกทำอะไรช้า และค้างๆ คาๆ สมาธิสั้น วาดเสร็จได้ซักรูปคือดีใจมากค่ะ 555 (อันนี้คือวาดไปวันหยุดไปวันแล้วมาทำต่อ)



    เอาล่ะมาถึงส่วนสำคัญก็คือ รีวิวสีอะคริลิค  ค่ะ

    ***เนื่องจากเราไม่เคยใช้สีอะคริลิคยี่ห้ออื่น ก็จะเทียบกับใครไม่ได้นะคะ เอาตามประสบการณ์และความรู้สึกล้วนๆ เลย


    - เนื้อสีค่อนข้างเหลวค่ะ ถ้าเป็นรองพื้นก็เรียกเนื้อมูส ซึ่งสำหรับเราก็ดีเลย ไม่ต้องผสมน้ำให้เจือจางอะไรเลย ความรู้สึกแรกเราคิด(เอาเอง)ว่าน่าจะเหมือนสีน้ำมัน แต่มันก็ไม่เหมือนซะทีเดียวค่ะ สีน้ำมันหนืดกว่านี้มาก ตอนเรียนใช้ยี่ห้อ Van Gogh (มั้งนะคะ ถ้าจำไม่ผิด) ตัวสีน้ำมันจะเงาๆ กว่านี้ อันนี้ไม่ค่อยเงาเท่าไหร่ค่ะ แต่ก็ไม่ถึงกับด้านแบบสีโปสเตอร์นะคะ ตอนผสมกับน้ำ สีจะจางลงนิดนึงค่ะ แต่เราไม่ชอบแบบผสมน้ำค่ะ บีบจากหลอดแล้วปาดๆ ไปเลยสีชัดดี

    - ความแห้งไว คือแห้งไวมากค่ะ ถ้าจะเบลนสี(ทำให้สีสองสีผสมกลมกลืนกัน)บนชิ้นงานเลย ต้องรีบปาดๆ ทางที่ดีค่อยๆ ผสมเพิ่มสีในเพลทจะง่ายกว่า งงไหมคะ? แต่ความจริงมันมีน้ำยา? ที่เรียกว่า Acrylic Retarder เอาไว้ผสมให้มันแห้งช้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นราคาแพงกว่าสี 3 หลอดไปอีก เราเลยยอมให้มันแห้งๆ ไวๆ แบบนี้แหละค่ะ 555 ถ้าสมมติว่าปาดไม่ทันก็ลงกลบเอาค่ะ เสียเวลานิดหน่อย

    - ความหนาของเนื้อสี ถ้าเป็นรองพื้นก็จะเรียกการปกปิดค่ะ 555 เราว่าค่อนข้างบางเลย คือ ก่อนนี้ดูรีวิว แนะนำสีอะคริลิคโดยลุงฝรั่งคนนึง เขาเอาสี Titanium White ของแต่ละยี่ห้อมาปาดเทียบกัน (ซึ่งแต่ละยี่ห้อเนี่ยไม่เคยเห็นในไทยเลยค่ะ 555) ก็จะมีสีที่กลบกระดาษสีดำมิดเลยในปาดเดียว กับสีที่ยังเห็นสีดำ ลุงก็ปาดซ้ำๆ โชว์ให้ดูค่ะ สำหรับอันนี้ที่เราใช้คือต้องปาดประมาณ 4-5 รอบเลย แต่เกลี่ยง่ายนะคะ เหมาะกับคนย้ำคิดย้ำทำแบบเรามาก คือถ้ายังไม่โดนใจก็ปาดลงไปอีกได้เรื่อยๆ เนื้อสีไม่ค่อยหนาเพิ่มอ่ะคะ กระดาษยังโชว์เทกเจอร์ได้อยู่ ถ้าใครที่ชอบแบบปาดเดียวจบเป๊ะ ก็ควรใช้ยี่ห้ออื่นเลยค่ะ หรือถ้าจะใช้เกรียงปาดโชว์เทกเจอร์ของสีเนี่ยก็ยากหน่อยค่ะ เพราะบางจริงๆ

    หมดแล้วค่ะ เราคิดไม่ออกแล้ว 555+


    ถามว่าชอบไหม สีอะคริลิคเนี่ย? ก็จะบอกว่าชอบมากค่ะ 555+คือ เราเป็นคนที่เหงื่อออกมือตลอดเวลาเลย เวลาดรออิ้งนี่กระดาษเปียกกระดาษบวมไปหมด เหมือนมีเวรกรรม ต้องดรออิ้งในห้องแอร์ 555 สีไม้ก็เหมือนกับดรออิ้งเลยค่ะ กระดาษเปียก ฮรือออ... สีน้ำสำหรับเราจะคนละความรู้สึกไปเลยไม่สามารถเทียบกันได้ สีน้ำมันก็อย่างที่เราเคยบอกว่ามันเหม็น (แต่ตอนนั้นระบายไปเรื่อยๆ ก็จะชินๆ นะคะ) และด้วยเพราะมันแห้งช้า อย่างน้อย 3 วันนู่นเลยค่ะ ก็เลยเปื้อนง่าย (เสื้อผ้าหน้าผมเปื้อนหมด) อันนี้ระบายแล้วแป๊บๆ ก็ทับได้แล้วค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะไปเปื้อนตรงอื่นอีกมั้ย เหลือสีชอล์ก ที่เราก็อยากรีวิวเพราะถ่ายรูปไว้เยอะเหมือนกัน รูปแรกที่วาดก็เลือกมากใช้เป็นปกสตอรี่เรียบร้อยไปดูได้นะคะ


    สุดท้าย... 

    ถ้าสิ่งนี้ที่เราแชร์ไว้สามารถทำประโยชน์กับใครซักคนที่ได้อ่านเราก็ยินดีค่ะ ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ คอมเมนต์งานเราได้เลยค่ะ หรืออยากสอบถามแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างๆ ก็โพสต์ไว้ได้เลย ถ้าเราเห็นจะตอบนะคะ(ไม่รู้ว่ามีฟังก์ชันตอบคอมเมนท์มั้ย (。ŏ_ŏ) )







    ขอบคุณค่ะ 

    LInZ_みどり

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in