เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LIFE IN LETTERSSilapa Junior
ตรง / ต่อเวลา
  • 1

    รู้จัก Lazgame กันไม๊ครับมันคือเกมยิงปืนที่ทุกคนจะได้สวมบทเป็น…เป็นอาชีพอะไรก็ตามที่ใช้ปืนอ่ะแบ่งทีมลงสนามไปยิงกันจริงๆ แต่ใช้เป็นกระสุนเลเซอร์แทน ภายใต้สนามเขาววงกตมืดๆมีเก็บคะแนนจัดอันดับเสียเสร็จสรรพ ตอนนี้เพิ่งจะมีที่ใหม่เปิดขึ้นที่โรงแรมโฟว์ซีซั่นตรงสุขุมวิท22 ผมและเพื่อนได้ยินข่าว จะรออะไรล่ะจองเลยครับจองเป็นวันอังคารหน้าตอน 14.15 กัน วู้วฮู้วตื่นเต้นๆ


    วันอังคาร 

    13.53

    ผมนั่งพยายามสงบสติอารมณ์อย่างเต็มความสามารถส่วนร่างกายน่ะเหรอ มันไม่ยอมสงบด้วยตั้งนานแล้วแล้ว อีกไม่กี่นาทีการแบทเทิลแห่งศตวรรษจะเริ่มขึ้นนี่ยังไม่ได้ออกจากคณะด้วยซ้ำ เพราะว่ารอ อาจารย์ไลน์มาให้ขึ้นไปคุยเรื่องส่งงานเล็กน้อย (อาจารย์บอกว่าประมาณ 13.30 เดี๋ยวไลน์บอกอีกที)


    13.54

    อรืดด (ไลน์เด้ง) “ขึ้นมาได้เลย” ร่างกายเร็วเท่าใจนึก ผมพุ่งตัววิ่งขึ้นไปกดลิฟท์ขึ้นไปหาอาจารย์ทันที


    13.57

    นั่งคุยงานเอกสารอยุ่กับอาจารย์คิดว่าเตรียมมาดีแล้วแท้ๆ ถูกถามครั้งเดียว ระบบพังมั่วไปหมด ผมขอโทษไปพลางแก้ตัวเลขไปพลางเสียงสั่น มือก็สั่น โทรศัพท์ก็ยังสั่นอี๊กกกก จะอะไรอีกล่ะ ก็เพื่อนโทรมาตามไงโอว ชีวิตทำไมทริลเลอร์อย่างนี่ล่ะพี่


    14.03

    คุยเสร็จ ไม่รงไม่รอลิฟต์มันแล้วใส่เกียร์กระต่ายก็โดดลงบันได ยัดของเข้าลอกเกอร์แล้วก็วิ่งไปเรียกมอ’ไซค์ ทันที “พี่ครับ ไปสุขุมวิท 22 ด่วนสุดเลยพี่!” ผมพูดด้วยความตื่นเต้นราวกับกำลังจะไปลงสนามยิงกันแล้ว “…” พี่วินไม่พูดอะไร พยักหน้าหนึ่งที คือเค้าคงชินแล้วแหละใครจะใช้บริการกูก็ขอด่วนกันทั้งนั้น เห็นพี่เป็นอะไร วิน นี่ไม่ได้มาจาก windลมนะ จะได้เร็วแรงดั่งสายลมพัด (นี่พล่ามอะไรพี่วินไม่ได้บอกไรสักคำ) รอเราขึ้นแล้วบิดเครื่องฝ่าแดดเปรี้ยงออกไปแหว่นนนนนน


    14.23

    ประตูลิฟต์ชั้น 5 เปิดออกเราโผกายเข้าไปหาเพื่อนที่แสดงสีหน้าดีใจแบบจากก้นบึ้งจริงๆ วินาทีนั้นรู้ได้ทันทีเลยว่าผมมาทันเพื่อนคนนึงถึงกับรำพันออกมาว่า ปฏิหารย์มีจริงสินะ … 

    (สุดท้ายเล่นออกมาเหนื่อยแทบตายได้ที่เกือบโหล่ อายมาก นึกในใจ กูไม่น่ามาททันเลย)


    3

    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดกับผมนับครั้งไม่ถ้วนครับ

     

    ทุกคนที่รู้จักคงจะพยักหน้าเป็นเสียงเดียวกัน (เดี๋ยวพยักหน้ามีเสียงเหรอ) ว่าเราเป็นคงที่มีความตรงต่อเวลาน้อยมากถึงไม่มีเลยมาสายตลอด น้อยบ้างมากบ้าง ตามเหตุปัจจัยต่างๆซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่แปลกมากในสังคมไทย ถามใครใครก็คงต้องมีเพื่อนคนนึงล่ะที่ขี้เลท ขี้โอ้เอ้

     

    แต่ในสังคมตะวันตก หรือสังคมญี่ปุ่น (และอีกหลายๆ ที่) มันถือเป็นเรื่องที่จริงจรังมากนะ อาจถึงขั้นโดนว่า โดนไล่ออกหรือเลิกคบกันได้เลย

     

    แล้วทำไมในสังคมไทยเรื่องแบบนี้ถึงยังไม่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ หรือไม่ถูกให้ความสำคัญเท่า?

     

    4

    แหม่ มันก็น่าคิดนะครับคุณสุรยุทธ์ ด้วยปัญญาระดับอายุ 22 ขวบของผมผมว่าน่าจะมีเหตุผลประมาณนี้นะ

     

    สังคมไทยเป็นสังคมที่ประนีประนอม มีอะไรก็หยวนๆ ยอมๆกัน ถ้าไปมีปฏิกริยาใหญ่โตเดี๋ยวเค้าจะหาว่าไอ้นี่ขี้โวยวาย คิดเล็กคิดน้อยถ้าไม่เสียหายอะไรมาก้ชั่งมันเถอะเนอะ


    สังคมไทยเป็นสังคมที่ยังให้ค่ากับคุณวุฒิและวัยวุฒิสูง ถ้าคนใหญ่คนโตอาจจะสายได้มากหน่อย อาจารย์อาจจะไม่ถูกตักเตือน (เพราะไม่รู้จะให้ใครเตือน) อย่างล่าสุดแคนเซิลคลาสพวกผม 2 ครั้งติด ตัวเด็กเองก็ไม่มีสิทธิทักท้วงอะไร เพราะสังคมไทยเรารั้งไว้ว่า ห้ามตำหนิครู หรือ ผู้ใหญ่ ความจริงจรังในด้านวิถีประชาจึงอาจถูกเจือจางลงไปอย่างเป็นเหตุเป็นผล

     

    และสุดท้ายที่คิดออกคือมันอาจจะมีการชดเชยแก้ไข แบบไม่ถูกเสียทีเดียว เพื่อปรับให้คนส่วนมากไม่เดือดร้อนแล้วก็เป็นได้เช่นการเริ่มที่สายกว่าที่แจ้งของ Lazgame หรือ ความเร็วลมกรดของพี่วิน ในกรณีนี้

     

    5

    แล้วถ้าถามว่าคนที่ไม่ตรงต่อเวลาจำเป็นต้องแก้ไขไหม จำเป็นอย่างยิ่ง
    แต่พอถามต่อว่าแล้วทำได้หรือเปล่า คือมันยากมากเลยนะ

    การไม่ตรงต่อเวลาผมว่าก็เหมือนนิสัยเสียอย่างนึง คนเป็นมันติดนิสัยการกะเวลาและขีดเส้นความสำคัญที่ไม่สมเหตุสมผลไปแล้ว (ที่เห็นว่าเหตุการณ์ไหนที่สำคัญจริงๆ แล้วมาทันนั่นก็คือ พึ่งดวงแถมเบียดเบียนทั้งตัวเองและผู้อื่น) ยังไงไม่สามารถแก้ได้หายเป็นปลิดทิ้งในข้ามคืนแน่ๆ (มันดูเหมือนจะได้นะ แต่พยายามแล้ว มันไม่ได้จริงๆ)

    ให้เวลากับพวกเค้าสักหน่อยเถอะนะครับ ให้ค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ แก้กันเนอะ


    ยังไงก็อยากจะให้คนสายตระหนักและปรับปรุงตัวนะครับ แต่ในขณะเดียวกัน ก็อยากให้คนรอเข้าใจด้วย น้า (แง้วว อย่าเพิ่งตีโผม) ช่วยกันสองฝั่ง ปัญหาจะได้ถูกแก้เร็วขึ้นเป็นสองเท่าไง :D 


    ยกตัวอย่างเช่น ไอบิวที่ผมเคยกล่าวถึงในบทแรกเนี่ย มันมีวิธีการแมเนจผมที่น่าประทับใจมากๆ  

    มาดูตัวอย่างสถานการ์กันครับ สมมติมีนัด 10 โมง


    ผม : แบ้วๆๆๆ (เสียงริงโทน) หือออ เชี่ย! บิวโทรมา ฟ้ากกก 9.45 แล้ว ตบหน้าตัวเองสามฉาดให้ดูมีเลือดสาด ทำเสียงสดใสสุดพร้อมรับโทรศัพท์ฮัลโหล แก อือๆๆ จะออกแล้วนี่กำลังจะขึ้นแทกซี่ ขอโทษน้า สายนิดนึง
    จากนั้นก็รีบจ้ำอ้าวไปอาบน้ำน้ำแต่งตัว
    ถึงที่นัดหมาย 10.30 ฮัลโหลๆบิว ถึงแล้ว


    บิว : ถึงแล้วเหรอ อือรอแปปนึง เดี๋ยวถึงละ


    สรุปคือมันยังไม่ออกครับ (บ้านมันอยู่ใกล้ๆ) แล้วก็ให้ผมยืนรออยู่ครึ่งชม. ก็จะเดินชิวๆอมยิ้มมาหาผมตอน 11 โมง ชนะมาก ไม่ต้องรอแถมยังได้ดัดนิสัยผมอีก เอ้าปรบมือ ลองเอาไปใช้กันดูนะครับแต่ก็เข้าใจนะว่ามันใช้ไม่ได้กับทุกสถานการณ์


    6

    ต้องบอกเลยว่า ironic มากที่ต้องมาเล่าถึงหัวข้อนี้ เหมือนตีอกชกตัวตัวเองตลอดการเขียน เขียนใกล้จะจบก็น่วมพอดี แถมจะจบก็จบไม่ลงซะด้วย


    ผมเลยว่าจะงัดไม๊ตาย จบด้วยคำพูดคมๆ ของใครซะหน่อย แต่หาเท่าไรก็มีแต่คำพูด ที่บอกเป็นนัยว่า การไม่ตรงต่อเวลาเป็นความผิดที่ร้ายแรงมาก มึงจะไม่ประสบความสำเร็จ มึงไม่เคารพผู้อื่น อะโหย

    เออ สงสัยจะจริงที่ทุกคนว่ากัน เราควรจะตรงต่อเวลาจริงๆ นั่นแหละ ถือว่าบันทึกครั้งนี้สะท้อนปัญหาออกมาให้เห็นชัดเจนก็แล้วกัน


    ต่อจากนี้จะพยายามไม่สายอีกแล้วครับ

  • Edited : คือหลังจากที่เขียนเรื่องนี้ออกไป เข้าใจเลยว่ามันเป็นเรื่องที่ sensitive มาก มีคนเห็นต่างและไม่พอใจเยอะ ด้วยความ one-sided ของเรื่องมันจุดชนวน ความไม่เข้าใจกันของคนหลายคู่ขึ้น แอบรู้สึกแย่ ว่างๆ ผมเลยลองมา rewrite ตรงบทที่ 5 ใหม่ดูให้มันสื่อ สารที่ผมต้องการอย่างชัดเจนมากขึ้น บอกกับตัวเองว่า เพราะเรารีบเขียน ไม่คิดให้ถี่ถ้วนก่อน จริงๆ มันยังดีและกลมกล่อมได้มากกว่านี้อีก ต่อไปก็ปรับปรุงด้วย

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in