เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LIFE IN LETTERSSilapa Junior
High School Friends: เพื่อนสมัยมัธยม

  • มีคนเคยบอกว่า เพื่อนสมัยมัธยมเนี่ย เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด

    “มาไหม”
    “ดูตั๋วก่อนนะ”
    “อย่าเทนะจู”

    แม้ตั๋วจะราคาเกินหมื่นและมีเวลาเที่ยวแค่สามวัน ผมก็กลั้นใจกดจอง ถ้าไม่ไปครั้งนี้ ก็ไม่รู้เมื่อไรกว่าจะได้เจอกันพร้อมหน้าสามคนอีก

    ย้อนกลับไปเมื่อ 13 ปีที่แล้ว มีการย้ายโรงเรียนเป็นครั้งแรกเกิดขึ้นจากที่เราโรงเรียนเล็กๆ ที่เดินไปไหนใครก็รู้จัก (เพราะพ่อเป็นครูที่นั่น) ห่างจากบ้านก็แค่ไม่ถึงสิบนาที ต้องมาเข้าโรงเรียนมัธยมสองภาษาที่ใส่ชุดยูนิฟอร์มแปลกๆ เพื่อนก็ไม่มีสักคน ถ้าจำไม่ผิด ผมคงจะประหม่ากังวลไม่น้อย แม่ตัดสินใจให้ผมเข้าคอร์ส ‘ปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษ’ ในช่วงหนึ่งเดือนก่อนเปิดเทอม ตอนนั้นก็คิดทักท้วงแม่นะ ว่าริอาจกังขาในทักษะของเรารึไง แต่ที่จริงแล้วดีมากเลยเพราะมันทำให้ผมได้เพื่อนตั้งแต่ยังไม่เปิดเทอม

    ผมได้สนิทกับเพื่อนแก๊งแรกผ่านการเรียนภาษาแบบไม่ค่อยจะได้ความและฟีลด์ทริปแรกในชีวิต ผมได้รู้จักกับ เบส หนุ่มน้อยขวัญใจมิสและมาสเซอร์ด้วยหน้าตาหล่อที่มาพร้อมกับความเด๋อ กับ บิล เด็กเงียบๆ เฟรนด์ลี่ที่โมโหดุและแรงเยอะชิบหาย ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสองคนในแก๊งนั้น


    เมื่อเปิดเทอมแล้ว เด็กใหม่ทั้งหมดได้อยู่รวมในห้องเดียวกัน ผมเป็นเลขที่สองของห้อง ขนาบด้วย เต้ยนายเลขที่หนึ่งที่โดนครูตี (อย่างร่าเริง) ประจำเพราะไม่ทำการบ้าน และ โซ ผู้ขโมยตำแหน่งชื่อจริงที่สั่นที่สุดตลอดกาลของผมได้ (มันชื่อก่อ) ในห้อง 7A นั้นผมได้สนิทเพื่อนใหม่คนอื่นอีกหลายคนจำได้ว่าเป็นปีที่สนุกและตื่นเต้นมาก เราไม่เคยอยู่ในโรงเรียนที่ต้องมีหนังสือเรียนเป็นเล่มๆ เขียนวันที่ปากกาสปีดบอล มีงานโรงเรียนช่วงคริสมาสต์ ที่ต้องร้องเพลง แสดงละคร จำได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่สนุกมาก

    พอขึ้นม.2 – ม.3 มีการคละห้องใหม่ ผมดันกลายเป็นคนเดียวที่ถูกย้ายไปอยู่ห้อง B ที่ยกห้องขึ้นมาทั้งชั้นเรานั่งเรียนหนังสือข้าง กายสิทธิ์ ผู้ใช่ปากกาบาร์บี้และแฟ้มแฮมทาโร่ที่ที่บ้านขายอย่างไม่แคร์และ มิก ที่มีความคูลและหัวก้าวหน้าเกินม.2 ชอบยุให้เราฉะกับครูอยู่เรื่อย เป็นโชคที่ทุกคนก็ต้อนรับขับสู้เราเป็นอย่างดี ผมแทบได้จะได้เวียนทำงานกลุ่มกับทุกคนในห้อง เราเริ่มเรียนรู้ที่จะสร้างตัวตน ดูหนังฟังเพลง มีความชอบของตัวเอง เป็นพยานในเหตุการณ์มากมาย ตั้งแต่เพื่อนจีบกันทะเลาะแบ่งพรรคพวกกัน จนไปถึงท้าทายครู จนครูเกือบโดนไล่ออก (พีค) ถึงจะเป็นสมาชิกใหม่ ผมลงเอยด้วยการรักห้องนี้มาก แอบหวังเล็กๆ ว่าห้องเราจะเจ๋งมากจนกระทรวงศึกษาสังให้ทั้งห้องเป็นนักเรียนตัวอย่างและส่งไปดูงานศึกษาต่างประเทศ (เวอร์มาก) ซึ่งสุดท้ายแล้วมันก็ลงเอยด้วยการที่เพื่อนเกินครึ่งห้องแยกย้ายกันไปสอบเข้าโรงเรียนรัฐบาลที่มีชื่อเสียงกันตามระเบียบ

    ม.ปลายของผมเป็นห้องชายล้วน เพราะโรงเรียนมองว่าง่ายต่อการจัดตารางเรียนสำหรับรด… ยังไงก็ไม่ทราบได้ แต่ก็ดีนะครับ เป็นการรวมตัวของเพื่อน ห้อง 7A เจ้าเก่า อย่าง เบส และบิล และห้อง B ที่เหลืออยู่ บวกกับเพื่อนใหม่จากห้องอื่นๆ ที่สำคัญคือ แตงกวา และ กิตติพศ เพื่อนสนิทอีกสองคนที่ยังติดต่อเจอกันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน สังคมชายล้วนในห้องทั้งสามปีแม่งสนุกมากๆบ้าระห่ำ ล้อกัน แกล้งกันสารพัด แต่ทุกคนง่าย ชิว ไม่คิดเยอะนึกไม่ออกเลยว่ามีเหตุการณ์โกรธกันหรือทะเลาะกันยังไงบ้าง ถือเป็นช่วงที่สุดมันส์เต็มไปด้วยความทรงจำสุดฮา ถึงจะต้องไปเรียนพิเศษมากมาย ติวสอบกันถึงดึกดื่น และเครียดเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัย

    มีคนเคยบอกว่าเพื่อนสมัยมัธยมเนี่ย เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด

    เมื่อก่อนผมไม่เคยเชื่อประโยคนี้เลย แต่พอโตขึ้นแล้วเริ่มจะเข้าใจมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะเพื่อนๆ เหล่านี้ถูกผูกกับ ‘ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต’ ตัวเราเริ่มโตขึ้นข้ามผ่านความเป็นเด็กที่ต้องอยู่ในอาณัติของพ่อแม่ เชื่อฟั่งคำสอนผู้ใหญ่ มาเป็นวัยรุ่นที่เปี่ยมไปด้วยพลังงาน มีความสดและกระหายที่จะออกไปเผชิญ เรียนรู้โลกกว้าง ค่อยๆ ปั้นแต่งนิสัยของตัวเอง มีอิสระเกือบจะเทียบเท่าผู้ใหญ่ แต่ก็ยังไร้เดียงสาพอที่จะปิดกั้นความจริงอันไม่ค่อยสวยของชีวิต

    เหตุการณ์การดันไอติมเอิร์ธเควกกันไปมา จนมันเละมาสเซอร์ปรีชาต้องทำโทษให้กินให้หมด 
    นั่งคุยเล่นกับบิลในวันมาเช้า วิดพื้นและวิ่งรอบสนามกับเบสในวันมาสาย
    ชุมสายติวหนังสือกับพิมและเชลลี่
    ไปเที่ยวดูคอลเลคชั่นบาร์บี้ที่บ้านเบสอ้วน 
    โดดเรียนไปซ้อมไวโอลินกับต้านา
    เข้าร่วมเสวนาเกี่ยวกับหนังรางวัลกับบีเอม
    เดินงานหนังสือกับ แอร์ เพียว
    นัดกันทำงานห้องแบบยิ่งใหญ่มาก คือมาทั้งห้อง ตามด้วยการเล่นไพ่และสั่งเคเอฟซีมากิน
    เที่ยวกับครอบครัวไปป์ด้วยรถ MU- 17 ที่นั่งเบียดกันซะจนต้องจัดคิวกันเวียนไปนั่งที่พื้น
    สั่งพิซซ่ากันมากินหน้าสนามสอบMWIT
    ปิดคาราโอกะบลูโอ้ห้องใหญ่สุดที่มีลานโบว์ลิ่งส่วนตัวร้องเพลงกันในวันปิดเทอม
    เพื่อนต่างโรงเรียนมาเจอกัน แล้วผลัดกันทำการบ้านของแต่ละโรงเรียนที่ดังกิ้นโดนัทหน้าโรงหนังสยาม
    เที่ยวเกาะเที่ยวทะเลกินเหล้าเมากันเละเทะ
    แอบชอบเพื่อนแอบชอบรุ่นพี่ แล้วก็ไปปรึกษาเพื่อนที่ประสบการณ์เยอะพอกัน (ฮา)
    เดินสยาม เดินจัตุจักร เที่ยวดรีมเวิร์ลด เที่ยวสวนสยาม
    ฝ่าฝนลุยน้ำท่วมไปเรียนพิเศษ
    คาร์พูลแท็กซี่กันกลับบ้านแบบค่อยๆ จอดลงทีละคน
    หนีการถูกโรงเรียนอื่นจะมายกพวกตีกันหัวซุกหัวซุนหลังจากกลับมาจากเขาชนไก่
    ติวสถาปัตย์กับแตงกวาก่อนจะหักหลังมาติวหมอกับกิตติพศ
    และไปเที่ยวสิงคโปร์กันเป็นการส่งท้ายชีวิตมัธยม

    สำหรับผมนะ เมื่อย้อนกลับไปรำลึกถึงเหตุการณ์เหล่านี้ ใจก็จะยิ้มอารมณ์ดีไปพักใหญ่อย่างช่วยไม่ได้พลางก็คิดถึงเหล่าใบหน้าของคนที่เคยร่วมประสบการณ์นั้นมากับเรา จะไม่ให้เรารักและหวงแหนช่วงเวลาและความทรงจำเหล่านั้นได้อย่างไร

    ทุกวันนี้เบสทำงานเป็น Investment banker ของธนาคารบาร์เคลย์สอยู่ที่ลอนดอน ถือโอกาสใช้วันหยุดยาวกลับพาแม่ไปเที่ยวญี่ปุ่นและจะปลีกตัวมาเจอกับบิวที่ตอนนี้เป็นหัวหน้าฝ่ายไอทีของบริษัทแปรรูปและส่งออกทองแดงที่เกียวโต ทั้งคู่คิดว่าน่าจะดี ถ้าหมอฟันที่ภูเรือจะไปร่วมแจมด้วย

    ผมนัดเจอบิลในเย็นวันศุกร์อัพเดทชีวิตกันที่อิซากายะในตัวเมือง เช้าวันต่อมาก็ไปจิบกาแฟกันที่อาราชิยามะ รับเบสที่สถานีรถไฟ ไปกินทงคัตสึเจ้าดัง เที่ยววัดสวนหิน และเดินชอปปิ้งกันจนดึกแวะซื้อแอลกอฮอร์หลากชนิดและกับแกล้ม (ของผมคือ สปาเกตตี้ซอสมะเขือเทศทำเอาเบสส่ายหน้าด้วยความหน่าย) โดนคะยั้นคะยอให้ดื่มจนเมาหัวเราะกันใหญ่เปิดหน้าต่างออกไปดูหิมะตก ร่วงหล่นตามลม สวยงามน่าตื่นตาตื่นใจก่อนจะผลอดหลับกันไป ตื่นเช้ามาด้วยอาการแฮ้งค์เล็กน้อย ไปต่อคิวกิน ทซึเคะเมงเจ้าอร่อยแล้วจึงไปเที่ยว วัดเสาแดง และ พิพิธภัธฑ์ศิลปะกลางแจ้งตบท้าย

    เบส-บิว-จูเนียร์ สถานีโตเกียว , มกราคม 2561
    ทั้งสองคนยังคงเป็นเพื่อนมัธยมที่น่ารัก เราคุยกันสนุกตามจังหวะเหมือนเดิมหัวร่องอหายกับเหตุการณ์เล็กน้อยรอบข้างเหมือนเดิม ทั้งคู่ยังมีความอดทนเป็นเลิศกับนิสัยขี้ลืม ถ่ายรูปนานและลังเลเวลาซื้อของของผมเหมือนเดิม

    สรุปแล้วมันเป็นทริปสองวันสองคืนที่คุ้มเกินคุ้ม ตัดสินใจไม่ผิดสักนิด

    ความทรงจำและประสบการณ์ เป็นทรัพย์สินเพิ่มมูลค่ากว่าอสังหาฯ ไหน

    การมานั่งคิดถึงชีวิตไร้กังวลที่อัดแน่นไปด้วยสาเหตุให้เลือดต้องสูบฉีดอย่างแรงในวัยทำงานตอนต้นยืนยันประโยคข้างต้นได้เป็นอย่างดีและที่ได้มาเจอเพื่อนเหล่านี้อีกครั้ง (ไม่รู้ว่าใช่เพื่อนที่ดีที่สุดไหม แต่ถ้าเพื่อนที่ดีมากๆ ละก็ ใช่อย่างอย่างแน่นอน) ทำให้ผมตั้งใจกับตัวเองว่าเวลาหลังจากนี้ จะหมั่นสร้างเวลาดีๆ กับคนดีๆ ในที่ดีๆ ให้มากเข้าไว้เพื่อเราจะได้ลิ้มรสอันหอมหวาน เมื่อความทรงจำบ่มได้ที่กำลังดี

    แด่เพื่อนร่วมห้องเต้ย โซ นัท เบสผอม เบสอ้วน บิล เชร์รี่ พิม มาย ปุณ หมัดหมี่ มิ้น มาร์ช โบกี้จ๋า โบ แป้ง พลอย ตวง หมิง นิกกี้ สรรเสริญ อมีน่า จ๋า ยิ้ม แก้ม บอส ต้า บีเอม ไปป์แฮม โม มิก บาส ศิรินดา ปิ๊งก๊อง ตี้ ดาว พลอยสุพิชฯ ปิ๊ง แอร์ เพียว ปอง วี แพรวปุ๊ก พันช์ ภุชงค์ เบลล์ กาย มิก แวว นา อุ้ย ชนกันต์ กันมด นัท มิกกี้ ทาคุมิ เจ๊มาย นา พัตโตะ จุ๊ก กันย์ แตงกวา ปุณวิทย์ เจ๋ง เอก โอ๊ต ธีรเมธ แบ๊งค์ ภคิน โอม ภานุ พศ เติ้ล ปิง พิพัฒน์ โจ้ เจมส์ เอ เก่ง 

    แด่เพื่อนมัธยมทุกคน

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in