เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Good Omens - Fan fictionccarcharia
(Good Omens - Fan Fiction) In the Matter of Lying
  •  

    (แฟนฟิค Good Omens – Ineffable Bureaucracy – Gabriel/Beelzebub) To be exact, because the angels cannot lie - at very least they choose not to do so, but for the demons, they have no problem at all with lying, that is why one demon always make the most of this advantage.

     

    In the Matter of Lying

     

    ด้วยเหตุเพราะงานที่ทำและตำแหน่งที่อยู่ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้กับการพบปะคนๆ หนึ่งซึ่งไม่ปรารถนาจะข้องแวะหรือเสวนาด้วยมากที่สุด แม้จะเป็นนานๆ ครั้งที่จะมีเหตุให้การพบหน้าดังกล่าวเวียนผ่านเข้ามาบ้างก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ความน่าหงุดหงิดของกิจกรรรมอันไม่ต่างอะไรกับภาวะจำเป็นนี้ลดน้อยถอยลงไป จริงอยู่การพบปะหารือนี้เป็นหนึ่งในกิจการนานทีปีหน คาดเดาไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะมีเรื่องอะไรนำพาเราให้ต้องมานั่งตรงข้ามกันโดยมีองค์ประกอบที่จะขาดไปไม่ได้คือสีหน้าไร้อารมณ์ที่มองอย่างไรก็รู้ว่าอารมณ์บูดกับใบหน้ายิ้มแย้มแสร้งใจดีที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นฉากหน้าซึ่งไม่น่าไว้ใจแม้เพียงนิด ขณะต่างฝ่ายต่างคอยคุมเชิง หยั่งท่าที เล่นแง่และสงครามประสาทกันไปมาแต่ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวอะไร ไม่มีอะไรมากไปกว่าการทำให้งานของฝากฝั่งที่ตนสังกัดคืบหน้า อำนวยความสะดวกแก่แผนการฝั่งของตน และเพื่อให้ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตัวเองไปได้จนกว่าจะถึงวันตัดสินอันเป็นจุดจบของโลกว่าฝ่ายใดจะปราชัย เธอไม่สมาคมกับทูตสวรรค์มากไปกว่าหน้าที่หรือครรลองของแผนการที่ควรจะเป็นไป และแน่นอนทางฝั่งนั้นก็ไม่ต่างกัน

    สำหรับการพบปะครั้งแรกคงต้องย้อนกลับไปยังกาลเวลาของโลกยุคต้นๆ กับการแจ้งข่าวให้อีกฝ่ายทราบว่าได้นรกเก็บกวาดพวกคนบาปที่สวรรค์ได้กวาดล้างด้วยน้ำท่วมครั้งใหญ่ให้ลงไปเบื้องล่างเรียบร้อยแล้วในตอนที่พวกสวรรค์เบื้องบนมีแผนการสำหรับโนอาห์หรืออะไรสักอย่างนั่น สวรรค์ให้นรกได้พวกคนบาปที่สมควรได้อยู่ข้างล่างนั่นไป ครั้งนั้นเป็นคล้ายๆ ธุรกิจร่วมกันที่ต้องสะสางไปด้วยกัน เธอจึงรับหน้าที่แจ้งข้อมูลที่อีกฝ่ายควรรู้ ในขณะที่อาร์คแองเจิลน่าหงุดหงิดตนหนึ่ง – ชี้เฉพาะให้ถูกคืออาร์คแองเจิลฟักกิ้งเกเบรียล – ทำหน้าที่ส่งข่าวให้แก่นรกเช่นกัน ทั้งนี้ เธอไม่ยอมขึ้นไปข้างบน ไม่มีทางลดตัวลงไปหาพวกนั้นก่อน อีกฝ่ายก็ดูจะไม่อยากลงมาเบื้องล่างนัก ซึ่งเธอถือว่านั่นเป็นการลบหลู่อย่างมาก ทางแก้จึงเป็นการพบปะบนโลกมนุษย์ พวกเราจึงพบหน้ากันในรูปแบบนั้นโดยที่ความประทับใจเมื่อแรกติดลบทันที และมันก็ส่งผลเป็นบรรทัดฐานถึงการพบปะครั้งต่อๆ ไปอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เปลี่ยนแปลงหรือมีพัฒนาการอื่นใดจากนั้นมาตลอด

    เบลเซบับยังจำแรกพบปะได้ดี เธอเกลียดรอยยิ้มกว้างที่ดูพึงพอใจกับตัวเองเสียเต็มประดานั่น อันที่จริงเธออาจจะเคยพบหรือรู้จักกับอัครทูตสวรรค์ตนนี้ตั้งแต่ก่อนร่วงหล่นแล้วก็ได้ ทว่าเธอไม่เคยจำเรื่องราวของตัวเองก่อนตกลงมาจากสวรรค์ได้เลย ปิศาจบางตนจำได้แต่ก็มีบางตนอย่างเช่นเธอที่ลืมเลือนสิ้นซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง อาจจะครั้งหนึ่งกระมัง – เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง ถ้าให้ถูกแล้วก็ในการพบปะกันครั้งแรกเองนั่นแหละ เธอจำได้ว่าตนพูดอะไรสักอย่างเกี่ยวกับพันธกิจของสวรรค์ แล้วเขาก็ดูตกใจก่อนจะถามว่าเธอจำอะไรไม่ได้เลยหรือ และนั่นเป็นครั้งแรกที่เธอรู้ตัวว่าตนเองนั้นลืม เมื่อเธอตอบกลับไปว่าเขาหมายความว่าอย่างไร ก็ได้ยินคนตรงหน้าพึมพำว่ามันคงเป็นความเมตตาแล้ว แต่เธอไม่เคยถามออกไปจริงๆ ว่าทำไมมันคือความเมตตา และเธอก็เกลียดวิธีการที่เขาปฏิบัติเหมือนจะสงสารที่เธอกับปิศาจตนอื่นๆ เป็นพวกข้างล่างนั่น มันทำให้เห็นว่าเขาคิดว่าพวกข้างบนวิเศษวิโสเหลือเกิน แม้เขาจะเคารพหน้าที่ของปิศาจที่ต้องปลุกปั่นความชั่วร้ายแก่โลกก็ตาม ทว่าท่าทีที่คิดว่าอย่างไรตนก็เหนือกว่านั่นและต้องเป็นฝ่ายชนะสงครามเหนือความชั่วร้ายได้ในที่สุดมันทำให้เธอหงุดหงิดอย่างมาก ทำไมถึงไม่ปล่อยให้พวกเราทำหน้าที่ของตัวเองไปโดยเลิกตัดสินกันเสียที ยังไม่นับรวมถึงใบหน้ายิ้มระรื่นหรือไม่แล้วก็ดูอวดดี มั่นอกมั่นใจในตัวเองเสียเต็มประดา ที่ร้ายที่สุดคือเจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจเพียงแต่ดูเป็นคนเช่นนั้นเอง เป็นลักษณะของทูตสวรรค์ที่รับรู้ถึงอำนาจของตนจนเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทั้งยังเหมือนจะไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าท่าทีมั่นอกมั่นใจ พึงพอใจกับตัวเองเหลือเกินนั่นทำให้ดูวางก้ามและไม่คิดถึงจิตใจคนอื่นถึงเพียงไหน แม้ไม่ได้นึกอยากจะยโสโอหังและทระนงตนเลยก็ตาม ทว่าก็สามารถทำให้คนอื่นๆ ที่ไม่ใช่พวกเทวทูตข้างบนนั่นรู้สึกถูกยั่วยุอารมณ์ แถมยังเหม็นขี้หน้าไปตามๆ กัน เธอพยายามรายงานข้อมูลตามหน้าที่ ขณะอีกฝ่ายเอาแต่วางดวงตาโดดเด่นที่ดูทรงพลังนั่นบนตัวเธอด้วยประกายวาววับ และคล้ายจะเพลิดเพลินอยู่ในที แต่นั่นไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจ แท้ที่จริงมันเป็นท่าทีกึ่งๆ จะดูถูกขบขันกันเสียมากกว่า เหมือนจะพยายามเตือนเธอด้วยความลำพองใจในเกียรติแห่งทูตสวรรค์ที่เขาแสดงออกมาทางแววตานั้นให้รู้สึกราวกับถูกสบประมาท เขาเอาแต่ถลึงตามองมาด้วยรอยยิ้มสัพยอกกับท่าทีสบายใจไม่ทุกข์ร้อนเหมือนทุกอย่างเป็นความบันเทิงและสนามเด็กเล่นชิ้นใหญ่ของเบื้องบน เรื่องทุกเรื่องอยู่ในความคาดหมายไปเสียหมด วางท่าอีกทั้งยังมาดมั่นในแผนการอันอธิบายไม่ได้เสียเหลือเกิน เขาไม่ตั้งอกตั้งใจหรือถือเรื่องที่เธอพูดเป็นจริงเป็นจัง นับแต่ว่าข้อมูลซึ่งเธอนำมาแจ้งเป็นเพียงเรื่องๆ หนึ่งที่ต้องเป็นไป รวมถึงทำให้เสร็จสิ้นไปแค่นั้น มันคือที่สุดแห่งความยียวนกวนอารมณ์แล้ว

    นั่นเป็นครั้งแรกที่เบลเซบับรู้สึกรำคาญจนทนไม่ได้ การอยู่ที่นรกเบื้องล่าง ทำหน้าที่ไม่ต่างอะไรกับการเป็นเจ้านายจำเป็น – แทนเจ้านายตัวจริงอย่างซาตาน – เป็นเจ้านายของเหล่าปิศาจทื่อมะลื่อ ไม่เคยได้ดังใจ และน่าปวดเศียรเวียนเกล้ากับเรื่องแต่เรื่องไม่เว้นแต่วันที่พวกนั้นขยันสรรหามาให้ในนรกสามารถสร้างความรำคาญให้ใครสักคนได้อย่างที่สุดก็จริงอยู่ แต่น่าแปลกที่เบลเซบับไม่ได้รำคาญถึงขนาดนั้น ไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดอย่างที่ควรจเป็น อาจเพราะเธอเคยชินกับเจ้าพวกนั้นจนชินชา ป่วยการจะถือสา และออกจะปลดปลงอยู่บ้างก็ได้ แท้ที่จริงเบลเซบับเป็นคนอะลุ้มอะล่วย ไม่ถือสาหาความทว่าก็ไม่เคยปล่อยปละละเลย ไม่ชอบซักไซ้ ไม่เรื่องมาก และติดจะปล่อยอิสระกับผู้ใต้บังคับบัญชามากกว่าที่คิด แม้ส่วนหนึ่งจะค่อนไปทางปลดปลง อิดหนาระอาใจจะถือสาก็ตาม แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับงานและความรับผิดชอบแล้วก็จะต้องเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างมากทีเดียว เธอจะไม่ยอมกับคำว่าหย่อนหยาน ทว่าในเวลานั้นความหงุดหงิดรำคาญใจไม่อาจเทียบเท่าได้เลยกับอะไรก็ตามที่ทำให้เธอรู้สึกได้ เบลเซบับกำลังอยากจะต่อยหน้าใครสักคนให้หน้าหงาย เลือดกลบปาก แต่เธอก็ทำได้เพียงตีสีหน้าเรียบเฉยที่ชักจะเยียบเย็นสื่อถึงความไม่พอใจที่คุกรุ่นภายในขึ้นเรื่อยๆ มันเย็นชาและคล้ายจะแผ่รังสีถมึงทึงออกมาไม่ลดละ ใบหน้านิ่งๆ ที่พร้อมจะกลอกตา กล้ามเนื้อมุมปากดูจะกระตุกกึ่งๆ จะแสดงออกเป็นรอยบิดยิ้มดูแคลนเย้ยหยันที่ไม่มีสิ่งใดอื่นอีกแล้วนอกจากความฉุนเฉียว และหัวเสียอย่างถึงที่สุด จนตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นและก่อเกิดความรู้สึกนั้นในใจไม่เปลี่ยนแปลง ต่อให้กาลเวลาจะหมุนผ่านมาเกือบหกสหัสวรรษแห่งการพบปะหารือตามหน้าที่รับผิดชอบ ไม่ว่ากี่ครั้งที่มาหยุดอยู่ตรงข้ามกันแบบนี้ เราก็จะต้องตกอยู่ในห้วงสถานการณ์คอยหยั่งเชิง เล่นแง่กันไปมา มีชั้นเชิงลูกเล่นที่คอยคุมเชิงอีกฝ่ายไว้ด้วยท่าทีซึ่งต่างก็วางมาด คอยระวังท่วงที ทำให้อีกฝ่ายอารมณ์บูด ผลัดกันเกทับผ่านทางสีหน้าท่าทีกับอารมณ์ความรู้สึก ทั้งยังต่างจับสังเกตกันไปมาโดยที่ไม่มีฝ่ายไหนยอมแสดงอาการสุดจะทนกับอากัปกิริยาของฝ่ายตรงข้ามก่อน เพราะจะดูเหมือนยอมให้อีกฝ่ายมีชัยเหนือกว่า จึงมีเพียงแค่ใบหน้าเรียบเย็นของเธอกับร่องรอยยิ้มแย้มบนริมฝีปากที่เริ่มกว้างและระรื่นขึ้นเรื่อยๆ เท่าๆ กับความอดทนคุกรุ่นในใจรวมถึงรังสีเยียบเย็นที่แผ่ออกมาร่วมด้วยของอัครทูตสวรรค์ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากำลังหัวเสียดังที่กำลังดำเนินอยู่นี่เช่นเดียวกันเสมอ เราวางท่าใส่กันตลอดแม้ใจจริงจะมีบางครั้งที่อยากกระโดดข้ามโต๊ะไปบีบคออีกฝ่ายพร้อมกับเขย่าแรงๆ ให้ทำตัวดีๆ เหมือนอย่างที่ปกติคนมาพบหน้าเขาต้องทำกันก็ตาม – หากว่ากันตามตรง พวกเราไม่นับอีกฝ่ายเป็นผู้ร่วมกันงานด้วยซ้ำ แค่ศัตรูซึ่งบางครั้งมีผลประโยชน์ที่ต้องทำให้สัมฤทธิ์ผลร่วมกัน – เธอกำลังนั่งอยู่ต่อหน้าอาร์คแองเจิลผู้น่าหมันไส้ ในห้องซึ่งอยู่ในชั้นกึ่งกลางของตึกสำนักงานใหญ่ระหว่างเบื้องบนและเบื้องล่างเหมือนเช่นทุกครั้งที่ต้องมาพบปะหารือกัน – ถ้าให้ถูกต้องตามจริง ห้องนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษหลังๆ เพื่อการนี้โดยเฉพาะด้วยซ้ำ แก้ปัญหาที่เธอกับอาร์คแองเจิลน่าหงุดหงิดนั่นจะได้ไม่ต้องทะเลาะกันเรื่องคราวนี้ใครจะเป็นฝ่ายขึ้นไป คนไหนจะเป็นฝ่ายลงมา – แม้ว่าที่จริงไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะยอมขึ้นไปเลยก็ตามที และเธอก็สนุกไม่หยอกกับการทำให้อีกฝ่ายหัวเสียได้ในเรื่องนี้ – โดยจุดประสงค์ของห้องเฉพาะกิจนี่คือความฉับไว เรียบง่าย ไม่เยิ่นเย้อ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจเธอก็จะลงลิฟท์กลับไปข้างล่าง ฝ่ายตรงข้ามก็จะกลับขึ้นไปข้างบน ง่ายๆ แบบนั้นแหละ มันเป็นห้องสีสันโทนเดียว ปรากฎเก้าอี้สองตัววางคนละฝั่งที่ดูห่างเหินราวกับว่ามันวางกันอยู่ไกลลิบลับ แต่ที่จริงก็มีเพียงแค่โต๊ะตัวหนึ่งคั่นเท่านั้น โต๊ะซึ่งทำหน้าที่เหมือนหนึ่งเป็นหุบเหวและมวลสุญญากาศอันอึดอัดอึงอลด้วยความไม่ลงรอยกับความเก็บงำคอยขวางกั้น

    ไม่ว่าใครก็เห็นชัดว่าเบลเซบับกำลังไม่พอใจ แต่ดูเหมือนตัวต้นเหตุของอารมณ์นั้นจะไม่รู้สึกแม้เพียงนิดเดียว นั่นจึงยิ่งเติมเชื้อความขุ่นเคืองในใจของเธอให้โหมแรงขึ้นอีก เจ้าชายแห่งนรก บาปแห่งความตะกละนั่งกอดอก ปักหลักอย่างถมึงทึงอยู่ตรงนั้น เบื้องหน้าอาร์คแองเจิลตนหนึ่งที่ตัวสูงใหญ่เสียจนเธอดูตัวเล็กจ้อยลงไปถนัดตา – นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เธอชิงชังนักยามต้องมาเผชิญหน้ากับอาร์คแองเจิงตนนี้ – เบลเซบับกลั่นความอดทน ระงับอารมณ์ พยายามจะดึงตัวเองกลับเข้ามาไว้ด้วยกันให้ได้มากที่สุด เธอเกลียดการพบปะนี่ – อันที่จริงแล้วถ้ามีเหตุต้องพบหน้ากันเมื่อไร เธอก็เกลียดทุกครั้งนั่นแหละ ถ้าไม่ใช่ว่ามันเป็นหน้าที่ จะไม่ลำบากพาตัวเองมาเสียอารมณ์โดยใช่เหตุหรอก – และซาตานทรงโปรด เมื่อไหร่หมอนี่จะเลิกทำหน้าตายียวนกวนประสาทนี่เสียที หมอนี่จะเคยรู้บ้างไหนว่านั่นไม่ได้ทำให้มันดูเลิศเลอยอดเยี่ยมสุดเจ๋ง แต่ดูเป็นไอ้งั่งที่ดูหลงตัวเองอย่างน่าหมันไส้ – แน่ละ หมอนี่ไม่รู้ เพราะเขาไม่ได้เป็นไอ้งั่งจริงๆ แค่เป็นอาร์คแองเจิล – ซึ่งนั่นก็น่าจะแย่พอกัน เธอเกือบจะกลอกตากลับขึ้นไปข้างบน ทว่าด้วยการสงวนท่าที ไม่ยอมให้อีกฝ่ายรับรู้ได้ว่าสามารถทำให้เธอรำคาญได้สำเร็จคอยควบคุมความประพฤติของเธอให้ยังคงเรียบเฉย เป็นมืออาชีพ และไร้อารมณ์ดังเช่นปกติ ขณะเดียวกันก็นึกแช่งชักหักกระดูกตัวต้นเหตุที่นำพาสถานการณ์เช่นนี้มา ทั้งยังทำให้เธอต้องมาตกมาสู่กิจกรรมพบปะหารือซึ่งต้องเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอนหลังจากเรื่องทั้งหมดนั่น เมื่อการที่สวรรค์และนรกร่วมมือกันตัดสินโทษแก่ปิศาจโครว์ลีย์และทูตสวรรค์อาซีราฟาเอลนั้นล้มเหลวอย่างเกินความคาดหมายไปในทางที่บอกได้เลยว่าเลวร้ายที่สุด ความชุลมุนก็ตามมาในหมู่ของผู้ได้รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การรับมือจัดการเรื่องทั้งหมดที่ตามมาเป็นสิ่งที่ตอนนี้เบลเซบับไม่ใคร่จะพึงใจหวนรำลึก นอกจากนั้นยังไม่นับการต้องติดต่อประสานงานกับพวกข้างบนเพื่อหาแนวทางดำเนินการต่อไปว่าฝ่ายนั้นจะเอาอย่างไรต่อ เธอเป็นฝ่ายตั้งมั่น รอให้อาร์คแองเจิลงี่เง่าตนนี้ส่งข้อความขอหารือมาก่อนแล้วจึงค่อยแถลงไขว่าฝ่ายนรกก็ยังหาแนวทางเดินหน้ากับเรื่องนี้ต่อไปไม่ได้ ผลสรุปคือต่างฝ่ายต่างก็ไม่รู้ ไม่สามารถจัดการเองได้โดยไม่ติดต่อไปยังนายเหนือของฝั่งตน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องนัดแนะการพบปะครั้งนี้ขึ้นโดยตกลงว่าต่างฝ่ายได้รับคำสั่งสุดท้ายมาประการใดก็จะมาแจ้งให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบตามนั้น ครั้นแล้วก่อนจะทันได้ทำอะไร คำสั่งจากเจ้านายผู้เอ้อระเหยลอยชายปล่อยให้พวกเราหัวปั่นกันเองก็มีคำขาดลงมา เธอไม่รู้ว่าฝ่ายสวรรค์เบื้องบนนั่นจะมีคำสั่งชี้ขาดลงมาจากเธอเหมือนกันไหม แต่เธอมีลงมาจากเขาผู้เป็นซาตาน ซึ่งคือสาเหตุให้ต้องถือข้อมูลดังกล่าวลงมาพบหน้าเพื่อแจ้งให้ฝ่ายเบื้องบนทราบอยู่นี่ พลางเฝ้ารอว่าอีกฝ่ายจะมีข้อมูลใดมาแลกเปลี่ยน ช่างเป็นเรื่องที่ไม่สะดวกและไม่ชวนให้เบิกบานเสียจริง ไม่น่ารื่นรมย์สักนิด เจ้าชายแห่งนรกขบเขี้ยวฟัน หมายมั่นปั้นมือจะระบายอารมณ์ลงกับอะไรสักอย่าง – เห็นได้ชัดว่าเธอเอาไปลงกับตัวการแท้จริงไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเจ้าโครว์ลีย์คนทรยศกลายเป็นตัวอะไรไปแล้ว กับน้ำมนต์สุดศักดิ์สิทธิ์ที่ยังทำอะไรมันไม่ได้เลยแม้เพียงเศษเสี้ยว – เธอจึงตัดสินใจจะให้อาร์คแองเจิลกาเบรียลเป็นผู้รองรับความขุ่นข้องไม่ได้ดังใจของเธอ ก็แล้วทำไมจะไม่ละ คิดดังนั้นก็เริ่มปลุกปั่นความไม่พอใจจากอีกฝ่ายพอให้เป็นสีสันของการพบหน้าเหมือนเช่นทุกครั้ง ซึ่งตนจะไม่ยอมรับหรอกว่ามันสนุกและบ่อยครั้งก็สำราญดี เธอนึกเกลียดลอยยิ้มยียวนหยั่งเชิงที่ติดจะยั่วเย้ากระเซ้าหยอกที่จะได้รับตอบโต้กลับมาล่วงหน้าไปแล้วด้วยซ้ำ ทว่าครั้นได้พินิจมองสีหน้าของฝ่ายตรงข้ามโดยถี่ถ้วนจริงๆ ก็ต้องพบว่าผิดคาดไปเสียถนัด เมื่อเพิ่งจับท่าทีของอีกฝ่ายได้เดี๋ยวนั้นเองว่าผิดสังเกตไป อาร์คแองเจิลเกเบรียลคล้ายกำลังใคร่ครวญบางอย่างในหัวตลอดเวลา ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทั้งยังไม่ได้ตั้งสมาธิกับการทำหน้าที่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงตาที่มักกระจ่าง เป็นประกายวาววับด้วยความมั่นอกมั่นใจกลับหม่นแสง ทั้งยังขุ่นมัวด้วยความไม่รู้สึกมั่นคง เคลือบแคลงสงสัย และวูบหนึ่ง – เพียงชั่วลมหายใจหนึ่ง ใจเธอกระตุกด้วยความกลัวจะมีอะไรผิดปกติกับคนตรงหน้า แต่มันย่อมไม่สมควรเป็นความห่วงใยแน่ ด้วยสถานะปิศาจ ความเป็นห่วงคือสิ่งน่าขำขันอย่างไร้สาระ อีกทั้งมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเธอว่าคนตรงหน้าจะอยู่ดีมีสุขหรือไม่ ในวินาทีถัดมาเธอก็ขจัดความกังวลนั้นทิ้งไปสิ้น พยายามวางตัวกลับมาเป็นปกติ กั้นฉากความรู้สึกด้วยความขุ่นในอารมณ์ดังเดิม และนำเอาความมึนตึงอันเฉยชาห่อหุ้มคุ้มกันตนอีกครั้ง มันเท่ากับสิ่งที่เธอใช้ปกป้องตัวเองยามอยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย

    “เรื่องของเรื่องก็คือ – นี่แกฟังที่ฉันพูดอยู่หรือเปล่า” ความอดทนใกล้สิ้นสุดลง วัดได้จากน้ำเสียงที่เริ่มเอาเรื่องขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่สบอารมณ์แน่ล่ะ ยิ่งผนวกกับความหงุดหงิดที่หาเหตุผลต่อท่าทีผิดธรรมดาของอีกฝ่ายไม่ได้ เบลเซบับยิ่งหัวเสียหนักขึ้น แต่ทั้งนี้ ไม่ว่ากับใคร เธอก็ไม่เคยแสดงอารมณ์ออกมาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกับอาร์คแองเจิลกาเบรียลที่สามารถทำให้เธอหงุดหงิดรำคาญใจอย่างผิดปกติวิสัยได้หลายเท่าตัว แม้การไม่แสดงอารมณ์นั้น อีกฝ่ายจะยิ่งรู้ดีว่าเธอกำลังหงุดหงิดก็ตาม การหยั่งเชิงพลางดูท่าที พร้อมทั้งการก่อกวนอารมณ์ฝ่ายตรงข้ามให้ยุ่งเหยิงข้ามห้วงเวลาเกือบหกพันปีในการพบปะแต่ละครั้งทำให้ต่างฝ่าย – น่าอัศจรรย์ที่ต้องยอมรับ แต่ไม่น่าแปลกใจที่มันกลายเป็นเช่นนี้ – ว่ามันทำให้ต่างฝ่ายต่างรู้จักกันดีเสียยิ่งกว่าใครทั้งหมด สามารถอ่านอารมณ์ สีหน้าท่าที และความคิดของฝ่ายตรงข้ามได้เพียงแค่จับสังเกตเล็กๆ น้อยๆ การพบหน้ากันด้วยภาวะจำเป็นที่มีอยู่เรื่อยมาเหล่านั้นทำให้เราเรียนรู้ รู้จักซึ่งกันและกันได้มากพอดู ปกติแล้วอาร์คเองเจิลเกเบรียลจะนั่งด้วยท่าทีผ่าเผย ว่างท่าประหนึ่งจะเป็นกันเองในแบบที่ค่อนไปในทางข่มๆ มากกว่าจะแสดงออกถึงความสนิทชิดเชื้ออยู่อีกฟากของโต๊ะ ทูตสวรรค์จะไม่มีความรู้สึกอะไรผิดแผกแปลกแยกเป็นพิเศษขึ้นมานอกจากความผยองและถือดีในภารกิจทูตสวรรค์ของตน และคิดว่านี่คือหน้าที่ซึ่งต้องจัดการให้เสร็จสิ้นเหมือนกับเรื่องอื่นๆ อีกมากมายมหาศาลในความรับมือ อย่างไรก็ตาม เบลเซบับค่อนข้างแน่ใจด้วยว่าอีกฝ่ายมักจะสบายอารมณ์กับความขุ่นเคืองของเธออยู่ไม่น้อย ทั้งยังออกจะรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าเธออยู่ทุกครั้งไป ถึงได้มีความถือดีลำพองตัวและหยิ่งทระนงเจือปนในกิริยาท่าทางเสมอ ทว่ากระนั้น เพราะความที่เป็นทูตสวรรค์ด้วยนั่นเองจึงพยายามรักษาความสุภาพและปฏิบัติกับเธออย่างดี พร้อมด้วยความนุ่มนวลแบบที่ควรจะเป็นตามประสาทูตสวรรค์ผู้ต้องธำรงความดีงามไปพร้อมๆ กัน แม้นั่นจะยิ่งตีแผ่ทัศนคติแบ่งแยกและดูแคลนปิศาจ แฝงด้วยการปั้นหน้าใจดีฉีกยิ้มที่ดูเหี้ยมหาญมากกว่าจะเสนอไมตรี อีกทั้งมองอย่างไรก็รู้ว่าไม่มีทางเป็นมิตรด้วยได้ก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างเลวร้ายเนื่องจากเขาแสดงสัมพันธไมตรีออกมาได้แย่มากจนความสัมพันธ์ดิ่งลงเหวไปอีกก็ตาม ทั้งนี้ ในอีกด้านหนึ่ง สำหรับเกเบรียลแล้ว ต้องยอมรับว่าบางทีเขาก็คิดว่าปิศาจตนนี้ทำตัวไม่น่ารักอ่อนหวานเอาเสียเลย ไม่สุภาพ และไม่เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง แข็งกระด้างและไม่ว่าง่ายเลยสักนิด แต่นั่นคงเป็นวิสัยปิศาจ เธอแสดงออกชัดเจนไม่ปล่อยให้เป็นที่กังขาเลยว่าจะไม่มีวันญาติดีกับเขาหรือปฏิบัติตัวดีๆ ด้วยได้ – เธออาจจะเฉยชา ไม่ได้รู้สึกหรือจงเกลียดจงชังทูตสวรรค์ตนอื่นๆ แต่นั่นไม่ใช่กับเขาแน่ – นอกจากนี้นิสัยบางอย่างก็สุดจะทนอย่างการพยายามยั่วโมโห ขัดคอ พยายามขวางเขาไปเสียหมด ไม่เห็นหัวกัน ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย นึกอยากจะมองข้ามหัวเขาก็ไม่ลังเลหรือรีรอเลย ทำให้เขาร่ำๆ จะหมดความอดทนกับนิสัยเหลือจะรับของหล่อนบ้างจนบางทีต้องเบ้หน้า บิดปาก เบือนศีรษะหนี ทว่าเกือบหกสหัสวรรษนั้นนับว่านานนัก หากนับดูแล้วก็สามารถเทียบเท่ากาลเวลาของโลกได้ คนสองคนที่อยู่ในสถานะหน้าที่เสมอเหมือนกัน มีตำแหน่งแห่งที่ไม่ต่างกัน ประเภทงานมีลักษณะคล้ายคลึงไม่ผิดเพี้ยน สลับกันแค่คนหนึ่งอยู่เบื้องล่างขณะอีกฝ่ายมีอำนาจรับผิดชอบเบื้องบน ย่อมเข้าใจหัวอกกันไม่มากก็น้อยด้วยติดอยู่ภายใต้ภาระรับผิดชอบกับสถานการณ์แบบเดียวกัน ไม่มีใครจะเข้าใจหัวอกของอีกฝ่ายได้ดีพอเท่ากับอีกคนแล้ว ปิศาจและทูตสวรรค์สองตนนี้จึงรับรู้และเข้าถึงหัวจิตหัวใจกันมากกว่าที่เห็น ถึงขั้นรู้ซึ้งเลยทีเดียว แล้วยิ่งต้องมาพบปะ แลกเปลี่ยนข้อมูลกันแบบนี้ระหว่างคนที่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องเผชิญว่าเป็นอย่างไรบ้างอยู่ร่ำไป ไม่ต่างจากการระบายอารมณ์หรือสิ่งที่อดกลั้น ซึ่งย่อมสร้างเสริมสายสัมพันธ์ของผู้มีหัวอกเดียวกัน แบ่งปันความรับรู้ร่วมกัน ผูกพันเหนียวแน่นยิ่งกว่าฝ่ายใดจะทันรู้ตัวเสียอีก

    ชั่วครู่หนึ่งห้องก็พลันจมสู่ห้วงความเงียบงันที่คลี่คลุมลงมา ปฏิกิริยาตอบสนองที่คาดหวังจะได้รับจากอีกฝ่ายนั้นปรากฎออกมาในทางตรงข้ามอย่างชัดเจน นั่นเติมเชื้อความหงุดหงิดให้แก่ฝ่ายปิศาจไม่น้อย ดวงตาสีฟ้าที่ดูเยือกเย็นหรี่มองทูตสวรรค์ซึ่งนั่งอีกฟากของโต๊ะ พยายามจะใช้แค่สายตาคมกริบนั่นดึงเอาสมาธิของอีกฝ่ายกลับมาเมื่อน้ำเสียงกระตุ้นเตือนคล้ายจะไม่สามารถผ่านเข้าไปยังโสตประสาทของคนตรงหน้าได้ อาร์คแองเจิลเกเบรียลยังคงนิ่งเงียบ เคาะนิ้วกับโต๊ะเป็นจังหวะอย่างใจลอยราวกับไม่ได้สดับตรับฟังกระแสเสียงใดๆ หรือรู้สึกถึงความเป็นไปรอบตัวแม้เพียงนิด แต่สติรับรู้ส่วนหนึ่งยังคงทำหน้าที่บอกแก่เขาว่าเธอกล่าวเช่นไร และกำลังเฝ้ารอคำตอบอยู่ ดังนั้นสติส่วนซึ่งแยกออกมาจากการใช้ไปกับห้วงความคิดเท่าที่ยังมีและยินยอมให้ยังสามารถตอบสนองกับความเป็นไปรอบตัวได้จึงส่งสารออกมาในที่สุด

    “ผมฟังอยู่ คุณว่าต่อได้เลย” อีกฝ่ายพูด ทั้งที่ดูจะยังติดจะเหม่อลอยและจมจ่อมกับวังวนความคิดของตัวเองอยู่เช่นนั้น ดวงตาสีม่วงโดดเด่นดูครุ่นคิดตรึกตรองอยู่กับตัวเองมากกว่าจะเผื่อแผ่ความสนใจมายังสิ่งรอบข้าง หรือบทสทนาที่กลายเป็นว่าเธอกำลังดำเนินอยู่ฝ่ายเดียวไปแล้ว เบลเซบับข่มกลั้นอารมณ์พุ่งพล่านแห่งโทสะ เบะปากเล็กน้อย พยายามจะให้อีกฝ่ายสัมผัสได้ว่าเธอกำลังเย้ยหยันฝ่ายตรงข้ามในท่าทางซึ่งคล้ายจะอ่อนแอลงของเขา พลางทำเป็นมองไม่เห็นท่าทีไม่อยู่กับร่องกับรอยเสียทั้งที่ในใจอยากจะเขย่าคอเสื้ออีกฝ่ายแรงๆ ให้ได้สติสมบูรณ์ – แน่นอนว่าความรู้สึกนี้ต้องมีเกิดขึ้นอย่างน้อยครั้งหรือสองครั้งเวลาพบหน้ากัน แต่มันมักจะเกิดขึ้นจากท่าทียียวนกวนโมโหจากอีกฝ่าย หน้าตาท่าทางที่คิดว่าตัวเองยอดเยี่ยมเสียเต็มประดา หรือไม่แล้วก็ทำทีเป็นเหมือนกับว่าแผนการของพระเจ้านั้นช่างยอดเยี่ยมเกินบรรยายเหลือเกิน ทุกอย่างต้องดำเนินไปอย่างพรั่งพร้อมและฝ่ายนรกต้องปราชัยอยู่แล้วโดยไม่ต้องลงแรงอะไร การที่มาคุยกันนี้ก็แค่เรื่องๆ หนึ่งที่ต้องทำให้มันจบๆ ไปตามครรลองที่ต้องดำเนิน ทูตสวรรค์เคารพงานของฝั่งเธอก็จริงแต่กลับทำท่าเหมือนตัวเองเหนือกว่าอะไรทำนองนั้นอยู่เสมอ และกับฝ่ายเขาเอง เธอก็เคยแอบเห็นอาร์คแองเจิลขยำมือแล้วขยำมืออีกอย่างช้าๆ เหมือนนึกอยากจะบีบคอเธอเวลาที่เธอยั่วโมโหเขา บางทีดวงตาสีม่วงจะเป็นประกายคมกล้าขึ้น มันวาวโรจน์ด้วยพลังอำนาจที่เธอไม่เคยนึกหวั่นเกรง ยามที่เธอขวางโลกกับเขา ดูถูกเสียดสี คอยสบประมาท รวมถึงยั่วยุอารมณ์ให้ได้ฉุนเฉียว หัวเสีย สูญเสียความเยือกเย็นแบบทูตสวรรค์ ตลอดจนหลงลืมไปชั่วครู่ว่าในฐานะเทวทูตเบื้องบนแล้วต้องดำรงภาพลักษณ์และความคิดจิตใจบริสุทธิ์ไม่แปดเปื้อนเช่นไร เบลเซบับประสงค์จะเห็นเขาด่างพร้อยมัวหมองด้วยการปลุกปั่นล่อลวงจากปิศาจอย่างเธอเช่นนั้น ปรารถนาจะได้เห็นอาร์คแองเจิลผู้ผยองจองหองทำตัวไม่สมกับเป็นทูตสวรรค์เพราะเธอ ยอมให้ปิศาจเล่นกับอารมณ์และจิตใจได้กลายเป็นทูตสวรรค์ผู้แปดเปื้อน แถมยังอยากจะพิสูจน์ว่าทูตสวรรค์ไม่ได้ดีเลิศเลออะไรไปกว่าใครนัก แม้กระทั่งอาร์คแองเจิลเกเบรียลยังหลวมตัวตามอารมณ์ปิศาจได้ เธอสนุกสนานพร้อมทั้งสะใจกับการเห็นใบหน้าเขาแสดงอารมณ์อื่น ลดทอนความยโสโอหังลงบ้าง แต่กับครั้งนี้ไม่ใช่ ครั้งนี้กาเบรียลทำให้เธอค่อนข้างวิตก และอยากจะตบหน้าแรงๆ เรียกอะไรก็ตามที่เขาสูญเสียไปกลับมา เธอก็แค่อยากให้เราเป็นเหมือนเดิม ต่อปากต่อคำกันเหมือนเดิม หยั่งท่าที คุมเชิงกัน คอยตอบโต้กันไปมาอย่างแยบคาย ไหลรื่น และแนบเนียนในแบบที่ไม่มีใครจะกล้าหาว่าอีกฝ่ายหาเรื่องได้ เพราะนั่นเท่ากับยอมรับว่าอีกฝ่ายมีอิทธิพลเหนือกว่าต่อจิตใจ หรือถูกยั่วยุอารมณ์ได้สำเร็จ ไม่กล้าถือเอาการกระทำเช่นนั้นเป็นการหาเรื่องอย่างออกนอกหน้าเนื่องจากอีกฝ่ายจะปฏิเสธหน้าตายว่าไม่ใช่จนฝ่ายที่หยิบยกขึ้นมาต้องอับอายว่าตีตนไปเอง เธออยากให้ครั้งนี้เราเป็นเหมือนเดิม เกทับ กระทบกระทั่งกันไปมาโดยที่ไม่แสดงออกหรือยอมรับว่านั่นคือการมีปากเสียง กลั่นแกล้งและล่อหลอกให้ฝ่ายหนึ่งนึกฉุน เธอนึกอยากจะตะโกนกู่ร้องเรียกสติอีกฝ่ายไปเช่นนั้นว่านี่อย่างไรคนที่เขาพร้อมจะต่อปากต่อคำด้วยเสมอ เตรียมพร้อมจะลับฝีปากด้วยอยู่ตรงหน้าแล้ว มัวทำอะไรอยู่ ทว่าเจ้าชายแห่งขุมนรกตนนี้ก็มีทิฐิมานะมากพอเช่นกันที่จะไม่ทำอะไรเลยนอกจากรับมือกับความไม่พอใจที่คุกกรุ่นภายในอย่างเงียบๆ เธอไม่ละสายตาไปจากอีกฟากของโต๊ะ พลางเผลอส่งเสียงแบบแมลงออกมาโดยไม่รู้ตัวไปด้วยขณะดำเนินเรื่องงี่เง่าทั้งหมดนี่ต่อด้วยใบหน้าคาดโทษและขุ่นเคือง

    มือที่กอดอกอยู่ค่อยๆ คลาย เบลเซบับลอบใช้สายตาพิจารณาคนตรงข้ามอย่างท้าทายไม่เคยนึกเกรงกลัว อีกฝ่ายดูจะเคยชินกับอากัปกิริยาเช่นว่าจากผู้เป็นปิศาจดีจึงปล่อยผ่าน ไม่สนใจ อย่างไรเสียเขาก็เป็นทูตสวรรค์ผู้มีการให้อภัยไม่ถือสาเป็นส่วนหนึ่งของตน ฝ่ายปิศาจเมื่อเห็นว่าอัครทูตสวรรค์ไม่หลงอารมณ์ไปตามท่าทียั่วโทสะของตัวเองก็บิดปากเล็กน้อยคล้ายจะไม่พอใจ ก่อนจะหยิบแฟ้มเอกสารไถใปให้อีกฟากหนึ่งของโต๊ะ เบลเซบับทำเช่นนั้นด้วยสีหน้าฝืนทน กึ่งๆ จะถูกบังคับ และแสดงออกชัดว่าไม่ใคร่จะชอบใจนักโดยเฉพาะกับรายละเอียดข้างใน เนื่องจากเนื้อหาที่แฟ้มตรงหน้าบรรจุไว้คือคำสั่งเด็ดขาดรวมถึงเรื่องประเภทไร้สาระเกี่ยวกับวิธีจัดการปลีกย่อยจากเจ้านายฝั่งของเธอซึ่งไม่น่าเป็นที่พอใจและไม่ได้ช่วยอะไรเลย มันไม่ทำให้คลายความสงสัย มีแต่จะชวนให้ฉงนสนเท่ห์จนหัวปั่น ไม่ช่วยให้เข้าใจ ปราศจากการแถลงถึงเหตุผลที่จะรับได้ รวมทั้งก่อเกิดคำถามมากมายตามมา เจ้าชายแห่งนรกโลกันต์นึกสาปแช่งงานตัวเอง แช่งชักเธอะอินเอฟฟาเบิลเกรทแพลนเหนือคำบรรยายของพระเจ้า นึกเคืองแค้นเจ้าโครว์ลีย์ตัวดีกับแฟนหนุ่มทูตสวรรค์เสงี่ยมหงิมตัวร้ายนั่นที่ทำให้เธอต้องมาติดแหงกกับปัญหาที่ไม่รู้จะไปทางไหนดีและหาคำอธิบายไม่ได้ในเรื่องนี้ โดยที่ลึกๆ แล้วเธอก็มั่นใจว่าอาร์คแองเจิลตรงหน้าก็กำลังรู้สึกไม่ต่างกัน และเธอก็อยากจะให้เขากลับมามีสติเพื่อจะได้ผสมโรงไปด้วยกันกับเรื่องนี้ได้เสียทีว่ามันช่างน่าหงุดหงิดแค่ไหน ก็แค่อยากจะเปิดใจกึ่งๆ ปรับทุกข์ตามประสาอริมากกว่ามิตรด้วยการทะเลาะ มีปากเสียงกันเพื่อให้ได้ระบายและสบายใจขึ้นเหมือนทุกทีเท่านั้น เบลเซบับเอนตัวไปด้านหลัง พลางโยกเก้าอี้ ทรงตัวด้วยสองขาหลัง – เธอรู้ว่าทำแบบนี้แล้วอาร์คแองเจิลงี่เง่านี่จะรำคาญ – ขณะชี้นิ้วกำกับเหนือรายงานที่แผ่หลาเป็นสง่าบนโต๊ะไปด้วยก่อนจะพูดสำทับด้วยน้ำเสียงติดจะบงการเล็กน้อย “ทางฝั่งฉัน คำสั่งจากซาตานลงมาแล้ว ฝั่งนรกตัดสินใจปล่อยเรื่องคราวนี้ของปิศาจโครว์ลีย์ไป”

    “หืม น่าสนใจมาก” คำตอบกลับเหมือนจะเป็นแค่เสียงรำพึงรำพันกลับมา เธอไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเขากำลังพูดกับเธอหรือกล่าวกับตัวเองกันแน่ ทว่าเบลเซบับที่นิ่วหน้า คิ้วขมวดมุ่นเล็กน้อยกับท่าทีแปลกไปอันเหลือจะรับของคนตรงหน้าก็ไม่ได้เอ่ยอะไรไปกว่านั้น ไม่ถาม ไม่แสดงความสงสัยว่าปฏิกิริยาตอบสนองนี้ของอีกฝ่ายหมายความเช่นไร เธอเลือกจะแสดงออกด้วยการแค่ทำหน้ารำคาญปนระอาสุดจะทน พร้อมกับเลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงบอกว่าเธอต้องการคำขยายความที่ชัดเจนของอากัปกิริยาเมื่อครู่ ครั้นแล้วอีกฝ่ายก็กลับมาในความเป็นไปปัจจุบันด้วยตนเองได้อย่างไรไม่ทราบ แต่ทันทีที่เขาออกจากวังวนความคิดของตนในที่สุด สีหน้ากลับมามีชีวิตจิตใจ ขจัดร่องรอยเหม่อลอยครุ่นคิดให้มหายหายสิ้น สิ่งแรกที่ดวงตาซึ่งกลับมาจับจุดสนใจได้มองเห็นและรับรู้เข้าไปคือนัยน์ตาสีฟ้าสว่างและเด่นชัดเหนือทุกสิ่งบนตัวซึ่งเกือบจะเป็นสีดำไปทั้งหมดนั่น ปิศาจผู้เป็นเจ้าชายแห่งนรกกำลังจ้องเขาเขม็งราวกับเป็นเดือดเป็นแค้นเสียเหลือเกิน ติดแต่เพียงว่ามันเยียบเย็นดูไร้อารมณ์ ร่ำๆ จะหมดความอดทนมากกว่าจะเอาเป็นเอาตายจริงๆ เกเบรียลเคยชินกับความเย็นชาจากอีกฝ่ายจนรู้สึกได้ว่าอุ่นใจขึ้นมาเลยทีเดียวกับการได้รู้ว่าท่ามกลางทุกอย่างที่สั่นคลอน เปลี่ยนแปลง ไม่มั่นคงไปหมดอันเป็นผลพวงจากแผนการเหนือคำบรรยายของพระเจ้าที่ไม่เป็นไปตามคาด ผลิกพันไปหมด ทั้งยังอธิบายไม่ได้แบบที่มันถูกเรียกเช่นนั้นจริงๆ ขึ้นมา ยังคงมีสิ่งหนึ่งที่จะยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ทันใดนั้นเองอาร์คแองเจิลเกเบรียลก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างสุขสันต์ สบายอารมณ์ ผนวกร่วมด้วยท่าทีพึงพอใจกับตัวเองกลับคืนมาดังเดิมจนคนตรงข้ามเกือบจะปรับอารมณ์ตามไม่ทัน ได้แต่เลิกคิ้วมองอย่างมึนงงก็ไม่ใช่ประหลาดใจก็ไม่เชิง ทูตสวรรค์เริ่มเปิดเผยและอธิบายข้อมูลจากฝั่งตน ท่าทีผยองจองหองหวนย้อนกลับมาราวกับเครื่องประดับประจำตัวที่ละทิ้งไปเสียไม่ได้

    “นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เรามีวิธีรับมือ หรือทางออกที่เป็นไปในแบบเดียวกัน แน่นอนว่าทางฝั่งสวรรค์ก็เช่นกัน เราจะทำเป็นเหมือนเรื่องคราวนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราตัดสินใจไม่ถือสาหาความเอากับพรินซิพัลลิทิ่อาซีราฟาเอลอีก และเรื่องทุกอย่างจะกลับคืนสู่แบบของมันดังเดิมทุกประการเสมือนหนึ่งว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน นี่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า” น้ำเสียงกระตุ้นเตือนของเธอดึงฝ่ายตรงข้ามกลับมาเป็นปกติได้เสียที รอยยิ้มน่าหมันไส้นั่นกลับมาแล้ว และน่าแปลกที่ลึกลงไปข้างในเบลเซบับรู้สึกโล่งใจ อีกฝ่ายดีดนิ้วสร้างปาฏิหาริย์ก่อนจะปรากฎแฟ้มเอกสารจากฝั่งของเบื้องบนลงบนโต๊ะ เขาค่อยๆ เลื่อนมันมาหาเธอด้วยใบหน้ายินยอมเห็นชอบว่ามันบรรจุข้อมูลตามจริงเช่นนั้นโดยแท้ และรายละเอียดทุกอย่างที่ไม่ได้แก้ปัญหา ไม่คลายข้อสงสัย และไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยแม้เพียงเศษเสี้ยวไม่ต่างอะไรกับรายงานจากฝั่งของเบื้องล่างจะถูกชี้แจงอยู่ในนั้นทั้งหมด เจ้าชายแห่งขุมนรกพยักหน้าพลางเม้มปากแน่นคล้ายจะพยายามกลืนคำถามมากมาย หรือการแสดงความคิดเห็นใดๆ กลับลงลำคอไป มันไม่ใช่หน้าที่ของเธอ อีกทั้งยังไม่ใช่สิ่งที่พึงทำ หากแม้ว่าจะมีคำถามสงสัยว่าทำไมนรกของเธอ หรือสวรรค์เบื้องบนของคนตรงหน้าตัดสินใจเช่นนี้ เธอก็ไม่ได้พูดออกไป พวกเรา – ไม่ว่าจะปิศาจหรือทูตสวรรค์ไม่ตั้งคำถาม ไม่สงสัยในการดำเนินหน้าที่ธำรงความดีหรือก่อร่างสร้างความชั่วของตน มันเป็นวิสัยของพงษ์พันธุ์ เราไม่เหมือนมนุษย์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้หรือขาดแก่นแท้ที่เสถียรและสถาพรซึ่งจะบ่งบอกความเป็นตัวตนของพวกเขาได้อย่างแน่แท้ในแบบที่พวกเราทั้งทูตสวรรค์และปิศาจมี พวกเรายึดถือสิ่งที่ควรจะยึดถือตามหลักการของฝากฝั่งแห่งตนด้วยความเถรตรง มั่นคงและเชื่อฟัง ทว่ากระนั้น ต่อให้เพียรเพิกเฉยหรือปฏิเสธ ความสงสัยใคร่รู้อันคลุมเครือรวมถึงเสี้ยวความคิดที่นึกอยากจะแสวงหาคำตอบก็ยังลอยอยู่ตรงหน้า ระหว่างกลางของคู่สนทนาคนที่หันหน้าประจันกันอยู่นั่นเอง โดยที่ไม่มีฟากไหนของโต๊ะกล้าเอื้อมมือไปแตะต้องมันก่อน ให้มันลอยอ้อยอิ่งแผ่กลิ่นอายยั่วยวนเจือปนในอากาศราวกับแอปเปิ้ลสุกงอมและหอมหวนแห่งเอเดนที่พยายามล่อหลอกให้ทุกผู้คนที่ถูกสะกิดใจให้คลางแคลงหรือกระหายใคร่อยากจะรู้คำตอบของความกังขาในใจเหล่านั้นมาลิ้มลอง

    “แสดงว่าจบเรื่องแล้วอย่างนั้นสิ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน” ทั่วทั้งห้องพลันมีความเปลี่ยวร้างชวนใจหายที่อธิบายไม่ได้อัดแน่นขึ้นมาราวกับห้วงสุญญากาศ คล้ายจะมีตะกั่วหนักอึ้งด้วยมวลมหาศาลถ่วงทุกอย่างทุ่มลงมาในคราวเดียว ความกดดันเข้าเกาะกุมกับกระแสบรรยากาศที่ไหลเวียนโดยรอบให้ทุกสรรพสิ่งเงียบงันคล้ายจะหยุดนิ่งไป ทั้งสองฝ่ายต่างประมวลผลข้อมูลที่ได้รับนี้แล้วด้วยความรู้สึกซึ่งยังมีบางสิ่งคัดคาน ขัดข้องในใจ ขัดแย้งกับใจที่จะยอมรับได้โดยไม่มีคำถาม ก่อนจะต้องยุติในที่สุดว่าอย่างไรก็ต้องน้อมรับความเป็นไปนี้ และปล่อยให้เรื่องดำเนินไปตามอย่างที่เจ้านายของพวกเราสั่งมา ด้วยเพราะเราทั้งคู่คือปิศาจกับทูตสวรรค์ที่การไม่เคยตั้งคำถามหรือเคลือบแคลงสงสัย เชื่อจนหมดใจในวิถีปฏิบัติของพงษ์พันธุ์เช่นเดียวกับที่มนุษย์รับรู้กฎธรรมชาติว่าต้องเป็นเช่นนั้น เหตุนี้ เธอถึงแสร้งทำทีเป็นไม่ได้ใส่ใจ เสมือนหนึ่งว่าความจริงที่เกิดขึ้นนี้รวมถึงเรื่องที่ถูกสั่งให้ดำเนินการต่อไม่ได้มีผลอะไรกับเธอนัก มันไม่ได้ทำให้เธอขบคิดอะไรเลยสักนิดเดียว – ไม่ ไม่เลย – แถมเธอยังใส่ท่าทีล้อเลียนอีกฝ่ายในประโยคหลังที่เอื้อนเอ่ยออกไปเมื่อครู่เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าข้อเท็จจริงเหล่านั้นไม่อาจทำอะไรกับเธอได้ – เพราะกับเขานั้น มันมีดูจะส่งผลกับอาร์คแองเจิลเกเบรียลไม่น้อยทีเดียวดูจากท่าทางที่ปรากฎอยู่ต่อหน้าเธอตลอดการพบปะครั้งนี้ นั่นทำให้ปิศาจก็รู้สึกว่าตัวเองมีชัยเหนือกว่า ทว่าก็นึกไม่สบายใจและไม่ชอบใจไปพร้อมๆ กันที่ฝ่ายตรงข้ามดูจะหงอยลงถนัดตา ซึมกะทือมากทีเดียว เธอไม่ได้อยากให้เขาเป็นแบบนี้ และเธอก็หงุดหงิดทั้งจิตใจก็ดูจะหม่นหมองทั้งยังหดหู่ตาม เบลเซบับกักลมไว้ในกระพุ้งแก้ม ทำปากพองเล็กน้อยพลางยกริมฝีปากล่างขึ้นทำหน้าบูดอย่างครุ่นคิด สอดส่ายใบหน้าไปมาว่าจะทำอย่างไรกับคนตรงหน้าดี ขณะที่อีกฝ่ายตอบกลับมาเพียงสั้นๆ ราวกับไม่อาจสรรหาถ้อยคำใดที่ดีและอธิบายสถานการณ์ที่เป็นไปอยู่นี่ได้ดีไปกว่านั้นอีกแล้ว

    “ถ้าจะว่าอย่างนั้นก็คงได้” อาร์คแองเจิลกล่าว เขาเขี่ยเอกสารจากฝั่งนรกที่อีกฝ่ายไถลมาให้จากอีกฟากของโต๊ะเล่นไปมา ครั้นแล้วอยู่ดีๆ ก็ใช้นิ้วจับให้มันวางตรงตั้งฉากกับขอบโต๊ะ ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อจัดท่าให้ตรงและแน่วแน่ขึ้นพลางโน้มตัวมาข้างหน้า พยายามวางท่าเป็นมืออาชีพดังเดิมเหมือนเช่นทุกครั้ง คล้ายกำลังตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอว่าอีกฝ่ายจะพูดอย่างไรต่อบ้างอย่างใจจดใจจ่อ พร้อมรับฟังไม่ใช่เล่น แต่ดูท่าเบลเซบับจะไม่ทันเห็นท่าทีกระตือรือร้นของเขาในความประสงค์ที่อยากจะสานต่อบทสนทนาต่อไปอีกเรื่อยๆ เพื่อหารือกันในข้อมูลที่ได้รับมารวมถึงเรื่องทั้งหมดนี้ เนื่องจากเวลานั้นเจ้าชายแห่งนรกไม่ได้จับจ้องอยู่ที่อีกฝ่าย เพียงแต่กำลังเงยหน้า เหลือบตาขึ้นมองเพดานขณะโยกเก้าอี้นั่งด้วยสองขาหลัง แหงนคอขึ้นไปด้วยความเหนื่อยหน่ายต่อลักษณะท่าทางของอาร์คแองเจิลไปด้วย เธอจึงได้รับฟังแต่น้ำเสียงสื่อความเรียบๆ และรับรู้แค่ประโยคดังกล่าวที่หากขาดบริบทอย่างกิริยาท่าทางหรือสีหน้าประกอบก็จะตีความได้เพียงอย่างเดียวว่ากำลังตัดบทอย่างไร้อารมณ์ ตอบส่งๆ ทั้งยังไม่ใคร่จะใส่ใจนักกับการตอบคำถามหรือดำเนินบทสนทนา

    “เหอะ ถ้าจะว่าอย่างนั้นฉันกับแกก็หมดธุระกันแค่ตรงนี้ล่ะ” การโต้กลับจึงเป็นการยอกย้อนล้วนๆ คำตอบของอีกฝ่ายทำให้เบลเซบับนึกอยากจะล้อเลียนคำพูดเขาขึ้นมา และเธอก็ทำดังนั้นจริง ปิศาจพลันดีดตัวกลับมา นั่งเก้าอี้สี่ขาเหมือนเดิม ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงแฟ้มรายงานจากอีกฝ่ายมาใกล้ตัวพร้อมจะหยิบกลับไปทุกเมื่อ เพราะไม่มีเหตุผลจะต้องรั้งรอหรือเสวนากันอีกต่อไป และก็นึกดีใจที่การพบปะครั้งนี้จบลงเสียที เธอเกลียดต้องมองหน้าอาร์คแองเจิลฟักกิ้งเกเบรียลนี่ ทั้งยังต้องหงุดหงิดกับความรู้สึกรำคาญเสียจนอดรนทนไม่ไหวในใจอยู่เสมอ เธอไม่ได้ชอบพอกิจกรรมพบหน้าจำเป็นนี้มาตลอดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขามันไอ้งั่งหัวโตตัวใหญ่ อันที่จริง เธอกำลังกล้ำกลืนความรู้สึกผิดหวังเงียบๆ ในใจอยู่ต่างหาก เพราะตอนแรกเธอนึกว่าเราจะปรับทุกข์ ต่อปากต่อคำพร่ำถกเถียงที่กึ่งๆ จะเป็นการบ่นกันไปบ่นกันมา และแบ่งปันความคิดในเรื่องพวกนี้ด้วยกันได้ผ่านการต่อล้อต่อเถียงเหมือนเช่นทุกทีเสียอีก อย่างไรเสียพวกเราก็หัวอกเดียวกัน เผชิญสถานการณ์ไม่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด บางทีปิศาจคงอ่อนไหวกว่าทูตสวรรค์กระมังถึงได้รู้สึกมากกว่าเช่นนี้ ดูอย่างเจ้าโครว์ลีย์นั่นสิ หลงรักทูตสวรรค์เข้าไปเต็มๆ คอยตามวนเวียนเพ้อละเมอหามาหกสหัสวรรษกว่าๆ ถวิลหาเว้าวอน เต้นเร่าๆ ไปกับสิ่งที่ฝ่ายนั้นปฏิบัติและความรู้สึกที่มีให้อีกฝ่าย เบลเซบับนึกโมโหนัก แต่เป็นการโมโหตัวเองที่ปล่อยให้มีความคิดอยากจะเสวนาพาทีและสมาคมกับทูตสวรรค์ขึ้นมา ไม่สมกับเป็นเธอเลยสักนิดเดียว ไม่เหมาะกับสถานะปิศาจของตัวเองเลยแม้แต่น้อย บางทีเกือบหกพันปีของการพบหน้ากับกิจกรรมพบปะคงส่งผลสะท้อนมายังจิตใจของเธอเข้าแล้วกระมัง เช่นเดียวกันกับอาร์คแองเจิงเกเบรียล

    “อะไรกัน –” ถ้อยคำสั้นๆ นี้เลื่อนหลุดมาจากปากอัครทูตสวรรค์ ตอนที่เจ้าชายแห่งนรกตั้งท่าจะลุกขึ้นเพื่อกลับไป เบลเซบับไม่ได้คาดหมายหรือหวังถึงการเหนี่ยวรั้งใดๆ ทั้งสิ้น แต่มันก็เกิดขึ้น รวดเร็วฉับไว กะทันหันและไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าเช่นนั้นเอง เสียงเรียกจากปากอาร์คแองเจิลดูใจหาย ไม่ทันตั้งตัวเล็กน้อยกับการร่ำลาที่มาเยือนไวนัก เหมือนกับว่าเขาอยากจะเสวนาหารือกันไปยาวๆ มีบางอย่างที่รบกวนจิตใจเขา และยังอยากจะพูดคุยกับเธอต่ออีก อยากจะปรึกษาหารือกับสถานการณ์ผลิกผันนี้ พร้อมทั้งค้นหาคำตอบกับความจริงที่แท้ ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่เกเบรียลรู้สึกตามนั้นจริงๆ อย่างไม่สามารถปฏิเสธเป็นอื่นได้อีกแล้ว เขาทำหน้าตาเงอะงะเล็กน้อย ขยับยืดตัวขึ้นมองฝ่ายตรงข้ามเหมือนเด็กที่ถูกปฏิเสธไม่ให้ทานขนม จากนั้นก็ประสานมือเข้าด้วยกันด้วยท่าทีที่เป็นการเป็นงานและจริงจังเคร่งขรึมอย่างมากเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาหมายความตามสิ่งที่จะพูดต่อไปอย่างเอาจริงเอาจังแค่ไหน ต่อให้เราจะเป็นปฏิปักษ์ด้วยสถานะพงษ์พันธุ์ เป็นอริผู้ไม่อาจญาติดีกันได้ อีกทั้งยังไม่เคยพูดคุยกันดีๆ ได้เกินสองถึงสามประโยค หรือทำทีเป็นหงุดหงิดรำคาญ หาเรื่องกวนอารมณ์ ต่อล้อต่อเถียงอีกฝ่ายแค่ไหน แต่ลึกๆ เขารู้ว่าเราสองคนสนิทชิดเชื้อและเข้ากันมากกว่าที่แน่ใจเสียอีก ที่แน่ๆ คือเรารู้จักอีกฝ่ายดี อีกประการหนึ่งก็คือเราต่างมีปฏิสัมพันธ์กันมานานมากจนไม่ต้องสงวนท่าทีหรือเก็บงำอะไรกันอีก

    “บางทีเราน่าจะอยู่ต่อเพื่อถกประเด็นกันเรื่องที่อธิบายไม่ได้นี่ คุณไม่คิดอย่างนั้นเหรอ จริงๆ แล้วมีแค่เราสองคนที่ดูจะเข้าใจหัวอกเดียวกันพอจะพูดคุยถึงเรื่องนี้ได้บ้าง แค่เราสองคนเท่านั้นเองนะ ผมอยากคุยกันคุณ” – นั่นเป็นครั้งแรก ในรอบเกือบหกสหัสวรรษก็พูดได้ไม่ผิดเลยที่เจ้าชายแห่งนรกมองกาเบรียลเหมือนเขาคลุ้มคลั่งไปตรงหน้าอย่างไรอย่างนั้น เบลเซบับจับจ้องเหมือนอีกฝ่ายเป็นคนวิปลาสเสียสติ เธอย่อคอกลับพลางทำหน้าหวาดระแวงสุดฤทธิ์ ก่อนจะตามมาด้วยใบหน้าขยาดติดจะหวาดผวาร่วมกันกับการไม่เชื่อหูตัวเอง เธอนิ่งงันไม่รู้จะสรรหาท่าทีใดมาตอบสนองได้ถูกเพราะมันไม่ทันตั้งตัวและเหนือความคาดหมายมากเกินไป – มากเกินไปจริงๆ – ขณะเดียวกันสำหรับเกเบรียลแล้ว สาเหตุอีกส่วนหนึ่งนอกจากความปรารถนาจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน หรือความคิดที่ว่าเราสามารถแบ่งเบาความไม่สบายใจกับความขุ่นข้องจากคำถามที่ก่อเกิดในใจซึ่งกันและกันได้นั้น ที่เอ่ยปากเช่นนี้เพราะสงสัยจนอดรนทนไม่ไหวด้วย เขาเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเข้าใจในแผนการของพระเจ้าเป็นครั้งแรก ไม่ใช่แค่ทำตามหน้าที่หรือจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเข้าที่เข้าทางดังเดิม อะไรบางอย่างในตัวเขามันเริ่มเป็นตัวของตัวเองขึ้นมา เกเบรียลคิดว่าการพบปะครั้งนี้จะพึ่งพิงจิตใจได้ จิตใจอันสั่นคลอนจะได้รับการเยียวยาแก้ไขใหม่กับความรู้สึกที่ว่าเธอคือสิ่งมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงเป็นปิศาจตัวร้ายที่ไม่น่ารักกับท่าทีไม่ยี่หระต่อสิ่งใด ตัวแทนบาปตะกละขนาดย่อมเยาซึ่งไม่สมกับสมญานามสักนิดและใบหน้านิ่งๆ ที่แฝงเร้นความความไม่พอใจอันขุ่นมัวนั่นก็ชวนให้พินิจมองได้อย่างสำราญมากกว่าจะรำคาญ แถมยังเอาแต่ทำเสียงเสียดอากาศเหมือนแมลงคล้ายจะขู่แฟ่ๆ ราวกับแมวทั้งที่ตัวเล็กแบบที่แค่หิ้วขึ้นมาก็คงลอยหวิว ทุกอย่างเหมือนเดิมจนใจที่รวนเรอยู่สงบลงได้ เฉกเช่นเดียวกับการพบหน้ากันเช่นนี้ที่ไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไปเช่นกัน มีแต่จะนำพาการต่อล้อต่อเถียง ความหัวเสีย และหงุดหงิดในอารมณ์กับอีกฝ่ายมาทุกครั้ง ซึ่งเขายอมรับว่ามันช่วยปลอบประโลมจิตใจให้ยังมั่นคงกับสิ่งที่ดำเนินไปดังเดิมอย่างที่เขาคุ้นเคยนี้ อันที่จริงที่ผ่านมาเขาก็ตั้งหน้าตั้งตารอการพบปะหารือนี้อยู่ทุกครั้งไป เขาชอบวิถีทางที่เราพบหน้ากัน ทะเลาะกัน ทำให้อีกฝ่ายหัวเสีย ยั่วเย้าอารมณ์ให้ขุ่นมัว อีกทั้งยังกึ่งๆ จะปรับทุกข์ผ่านการต่อปากต่อคำกันไปมาเหมือนได้ชำระล้างจิตใจจากความเหนื่อยหนักและสิ่งรำคาญจากภาระหน้าที่ มันเหมือนช่วงเวลาหยุดพัก คั่นฉากจากงานทั้งที่การพบหน้านี้จริงๆ แล้วก็คือหนึ่งในงานด้วยซ้ำ แต่มันเป็นราวกับการพักผ่อนที่น่าสำราญเบิกบานใจในแบบที่สำนึกส่วนซึ่งเป็นทูตสวรรค์ของเขาจะทำทีเป็นมองไม่เห็น หยวนๆ ให้ ทว่าในทางหนึ่งก็จะยังไม่ยอมรับมันออกมาโดยง่ายเช่นกันว่าชื่นชอบกิจกรรมนี้เพียงใด ดังนั้นด้วยเหตุทั้งหมดทั้งมวลนั่น เขาจึงนึกว่างโหวงเหมือนหัวใจแฟบลงดังลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมจนแห้งเหี่ยวตอนที่เห็นอีกฝ่ายทำท่าจะจบการพบปะ กลับไปยังตำแหน่งแห่งที่ข้างล่าง

    “คุณไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมทั้งเบื้องบนเบื้องล่างตัดสินใจอย่างนี้ แล้วคุณไม่นึกสงสัยบ้างเหรอว่าทำไมทูตสวรรค์กับปิศาจถึงไปมีปฏิสัมพันธ์กันมานานเท่าๆ กับกาลเวลาของโลกขนาดนั้น แล้วนี่เป็นแผนการที่อธิบายไม่ได้ของพระเจ้าจริงหรือเปล่า เรื่องทั้งหมดกับบทสรุปที่ – ที่อยู่ดีๆ ก็สมกับคำว่าไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดีแล้วขึ้นมาเพราะตอนนี้ผมไม่อาจจะค้นพบคำอธิบายในตัวมันได้แม้แต่นิดเดียว แต่ถ้าแค่มันจะเป็นพระประสงค์ของเธอแบบนี้จริงๆ ผมก็ยอมรับได้ทั้งหมด แต่ผมไม่รู้อะไรเลย ผมอยากคุยกับคุณเรื่องนี้ที่สุดเลยนะบี แค่คิดว่ามีแค่เราที่จะคุยกันได้รู้เรื่อง เห็นได้ชัดว่าเราร่วมหัวจมท้ายกันมาตลอด เราเข้าใจกันมาผ่านการนัดพบแบบนี้เป็นพันๆ ปีแล้วมิใช่หรือ” มันจะมีบางครั้ง ไม่บ่อยนักในช่วงเวลาแห่งการพบปะที่เกเบรียลจะเริ่มพูดพล่ามอะไรสักอย่างยาวเหยียดโดยมีเจ้าชายแห่งขุมนรกทำหน้ารำคาญและหมันไส้อย่างเย็นชาประกอบฉากอยู่ด้วย เวลาที่อาร์คแองเจิลร่ำๆ จะหมดความอดทนหรือเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้ในเรื่องอะไรสักอย่าง หรืออยากจะมีอำนาจจัดการเหนือสถานการณ์ให้จบๆ ไป เขาจะเริ่มเปิดเผยธาตุแท้ของความจริงในใจออกมา แม้แต่ด้านร้ายๆ ที่ซุกซ่อนเอาไว้ รวมถึงคำพูดสถบสาบานที่ไม่น่าจะออกมาจากปากทูตสวรรค์ได้ – ซึ่งกรณีนั้นทำให้เบลเซบับลำพองใจนัก เธอจะยิ้มกริ่มอย่างรู้เท่าทันตลอดการพบปะ และเกเบรียลก็จะรู้ได้ว่าตนพลาดเสียแล้ว – อาร์คแองเจิลเกเบรียลวางมือลงกับโต๊ะอย่างขึงขัง สีหน้าแน่วแน่จริงจัง ทำท่าเหมือนต้องการจะจบเรื่องน่าปวดหัวพวกนี้สักที ทุกอย่างที่เขาเชื่อและยึดถือดูจะเป็นที่น่ากังขาถึงความจริงของมันขึ้นมา และเมื่อถึงช่วงหนึ่ง สีหน้าของเจ้าชายแห่งนรกโลกันต์ก็พลันเปลี่ยนสี เขารู้ว่าเธอเกลียดเวลาเขาเรียกเธอด้วยชื่อนั้น แต่เขาก็ยังเลือกทำในเวลาแบบนี้ ชื่อเรียกโง่ๆ ที่เขาถือวิสาสะตั้งเอาเองเสร็จสรรพในครั้งหนึ่งของการพบปะหารือที่เธอพยายามจะเอาเรื่องเขา แสดงความไม่พอใจอย่างกราดเกรี้ยวว่าทำไมฝั่งสวรรค์ถึงได้สาปมนุษย์ในโซดอมกับกอมเมอร์ราห์ให้กลายเป็นเกลือแทนที่จะส่งคนบาปพวกนั้นมาให้นรก อยู่ดีๆ เขาก็เรียกเธอว่าบีอย่างกับว่านั่นจะช่วยกล่อมให้เธอใจเย็น หยุดวิพากษ์วิจารณ์ใส่ไม่ยั้ง หรือเลิกก่อกวนอารมณ์เขาอย่างนั้นแหละ ซึ่งมันได้ผลอยู่แค่ชั่วขณะเดียวที่เธอนิ่งอึ้งไปอย่างงุนงง ผลสุดท้ายการพบปะครั้งนั้นก็จบลงด้วยฝูงแมลงเกรี้ยวกราดกลุ่มหนึ่งที่ตามรุมทึ้งหัวของอาร์คแองเจิลเกเบรียลกลับขึ้นไปสวรรค์ และการปั้นปึ่งกลับนรกของลอร์ดเบลเซบับที่อารมณ์บูดไปอีกเป็นสัปดาห์จนไม่มีปิศาจตนไหนกล้าเข้าใกล้ แต่ดูเหมือนอาร์คแองเจิงจะไม่เข็ดหลาบเลย เขายังเรียกขานชื่อนั้นขึ้นมาในบางครั้งที่นึกอยากจะให้เราหันมาคุยกันดีๆ หรือสงบศึกกันพักหนึ่ง เวลานี้เจ้าชายแห่งนรกโลกันต์ดึงมือเข้ามากอดอกไว้กับตัว รับฟังอีกฝ่ายด้วยสีหน้าพร้อมกินเลือดกินเนื้อและติดจะรำคาญได้ที่ พลางนึกเหนื่อยหน่ายว่าหมอนี่ฟิวส์ขาดอีกแล้ว เธอทำเช่นนั้นอย่างไม่มีที่ติจนฝ่ายทูตสวรรค์เริ่มเผยความในใจออกมามากขึ้น มากขึ้น เป็นเหมือนดังพายุโหมเข้ามาโอบล้อมตัวเธอไว้อยู่ในวงล้อมของมัน และในช่วงท้ายของคำพูดยืดยาวดังกล่าว เกเบรียลหมายความตามนั้นทุกถ้อยคำ นั่นทำให้เบลเซบับที่รับรู้มันผ่านเข้ามาในรูปแบบที่เหมือนประหนึ่งว่ามันปักลงในใจต้องรวมรวบสติตัวเองเข้ามา พยายามดึงท่าทีเย็นชาแข็งกร้าวไว้กับตัวให้มากที่สุดตอนที่โต้ตอบทูตสวรรค์ผู้นั่งอีกฟากหนึ่งของโต๊ะกลับไป

    “แกจะบอกว่าถ้าคุยกันแล้วจะมีคำตอบอย่างนั้นสิ แกแน่ใจเหรอว่าจะมีคำตอบ” อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่เธอก็ตระหนักดีว่าเขาไม่รู้ เบลเซบับอาจจะไม่ทำอะไรเลยต่อจากตรงนี้ก็ได้ เธอควรจะตัดบทและกลับไปเสียอย่างที่ตั้งใจแต่แรก ไม่ต้องมานั่งลำบากกับสิ่งที่อยู่ดีๆ ก็ตีรวนขึ้นมาในใจอย่าง ณ เวลานี้ด้วย ทว่าพอเห็นสีหน้าสลดลงของอีกฝ่ายรวมถึงดวงตาที่หม่นแสงลงเล็กน้อย ก็เหมือนเธอจะใจอ่อนอย่างที่ไม่สมควรจะเป็นอีกแล้ว เบลเซบับขบเคี้ยวริมฝีปากตัวเองอย่างอิดหนาระอาใจทำทีว่าไม่อยากจะพูดเลยแม้แต่น้อย หากแต่ลงท้ายก็จะพูดมันออกมาเสมอ “แกลองนึกดูนะ อาร์คแองเจิลคนดีผู้เก่งกาจและชาญฉลาดนักหนา คำตอบส่วนหนึ่งมันก็ชัดเจนอยู่ในรายงานตรงหน้าพวกเราแล้ว อามาเกดดอนกับสงครามที่ไม่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งในแผนการ ไม่อย่างนั้นทั้งเธอ” เบลเซบับทำหน้าประหนึ่งว่าต้องกลืนยาขมกับการต้องพูดคำนี้ – “และซาตานของฉันจะไม่คิดเอาผิดอะไรกับตัวการที่ทำให้เรื่องทั้งหมดไม่เกิดขึ้นนั่นได้อย่างไร แสดงว่ามันคือสิ่งที่ควรจะเป็นไปอยู่แล้ว ถูกไหม คำถามก็เหลือแต่เพียงว่าทำไมแผนการของพระเจ้าของแกถึงเป็นอย่างนี้ และทำไมสองคนนั้นถึงลงเอยร่วมหอลงโลงกันได้ อันที่จริง ฉันควรจะต้องคิดบัญชีกับแกด้วยนะที่ยังจะพยายามบอกอีกว่าเราร่วมหัวจมท้าย สังสรรค์สมาคมกันมาหกพันปี ทำไมกัน จะเอาอย่างสองคนนั้นขึ้นมาหรือไง”

    คำพูดที่ปิศาจทิ้งไว้ตอนท้ายนั่นทำให้ทุกอย่างคล้ายจะหยุดชะงักงัน ความเคลื่อนไหวพลันหยุดนิ่งเหมือนถูกแช่แข็งอย่างเฉียบพลัน และความรู้สึกที่พันผูกกันอย่างน่าประหลาดซึ่งพลันเอ่อขึ้นมาในใจของแต่ละฝ่ายชั่วขณะนั้นก็แผ่ซึมออกมาเจือปนด้านนอก อึงอลอยู่อย่างอ้อยอิ่งรอบๆ ตัวกันและกัน ทั้งยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามันกำลังเกี่ยวโยงกันอยู่อย่างเงียบๆ ในความรับรู้ที่ต่างฝ่ายจะไม่พูดมันออกมาหรือแตะต้องมันสักครั้ง ความเงียบงันถูกปล่อยให้ทักถอโยงใยระหว่างคนทั้งคู่อยู่ชั่วลมหายใจหนึ่ง เช่นเดียวกับความรับรู้ร่วมกันเหนือคำพูดอีกหลากหลายประการที่เคลื่อนตัวอยู่ในกระแสบรรยากาศโดยรอบ ซึมลึกลงไปถึงจิตใจอีกฝ่ายโดยปราศจากการเอื้อนเอ่ยถ้อยคำใด ครู่ถัดมากินเวลาหลายขณะลมหายใจ เบลเซบับก็เป็นฝ่ายเคลื่อนไหวก่อน เจ้าชายแห่งขุมนรกลุกขึ้น และเหนือความหมายทั้งยังผิดไปจากการปฏิบัติตัวนับหกพันปียามพบหน้าอย่างน่าตื่นตะลึงนัก เธอเดินอ้อมมายังอีกฟากของโต๊ะ ดึงแขนเก้าอี้อีกฝ่ายเบี่ยงออกมาก่อนจะเท้ามือไปยังพนักพิง โน้มตัวคร่อมอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น ก้มหน้าลงไปเกือบประชิดอาร์คแองเจิลฟักกิ้งเกเบรียลผู้น่าหมันไส้ และทำสิ่งที่เรียกว่ายิ้มยั่วเป็นครั้งแรก “ฉันไม่รู้ว่าทูตสวรรค์อย่างแกหัดตั้งคำถามตั้งแต่เมื่อไหร่ ระหว่างจะร่วงหล่นโดยไม่รู้ตัวเข้าล่ะ”

    ทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วหันหลังเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหยุดชะงักแม้เพียงเสี้ยววินาที ไม่หันกลับไปมอง เธอจึงไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเวลานั้นอัครทูตสวรรค์ตนหนึ่งกำลังมีสีหน้าตะลึงงันตั้งตัวไม่ติดที่ระคนปนเปไปกับความสับสน ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นการคิดใคร่ครวญ เขาจมลงสู่ความคิดและความรู้สึกพล่าพรานที่รบกวนใจ ขณะเดียวกันนั้น ตัวแทนบาปแห่งความตะกละผู้ไม่ได้ใส่ใจผลการกระทำของตนกำลังคิดถึงการพบปะครั้งต่อไปรอล่วงหน้าโดยไม่ทันรู้สึกตัวกับความคิดที่จดจ่อนั้นแล้วว่าจะเริ่มยั่วอารมณ์ให้อีกฝ่ายหัวเสีย จะฉีกหน้า สบประมาท หรือทำให้อีกฝ่ายต้องเปลี่ยนจากสีหน้าน่าหงุดหงิดชวนหมันไส้นั่นไปเป็นแบบอื่นไปได้อย่างไรบ้าง เธอคงจะเป็นกังวลกับเรื่องที่เขาพูดออกมา ความสงสัยแสนอันตรายที่เขาเปิดเผยออกมาต่อหน้าผู้อื่น นั่นอาจสื่อให้ใครต่อใคร – ที่ไม่ใช่เธอ – เข้าใจผิดได้ว่าเป็นความคิดแข็งข้อ หากแต่ความคิดที่ว่าหมอนี่จะตกสวรรค์ช่างเป็นแนวคิดที่พิลึกพิลั่นพอๆ กันจนเธออดนิ่วหน้าไม่ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรเธอก็มองอีกฝ่ายเป็นอัครทูตสวรรค์ที่น่าหมันไส้อยู่เสมอนั่นเอง และเธอก็ดูจะพึงพอใจกับมุมมองเช่นนั้นพอดู เจ้าชายแห่งนรกเดินเข้าไปในลิฟท์เพื่อลงสู่เบื้องล่าง มือจับแฟ้มรายงานไว้กระชับแนบตัวพร้อมกับใจที่บ่ายเบี่ยงไปไม่ได้ว่ากำลังแบกรับการตั้งคำถามมากมายของกาเบรียลไว้ในอกตลอดทางที่กลับไปยังนรกใต้ดิน คำถามส่วนที่เธอไม่ได้ไขข้องให้กับเขา มันกวนใจเธอ วนเวียนไม่ห่าง และคอยทิ่มแทงอยู่เช่นนั้นจนรักษาความเยือกเย็นและเฉยชาไว้ไม่ได้ทีเดียว พร้อมกันนั้นก็เฝ้าถามตัวเองว่าเหตุใดยังต้องเก็บเรื่องเหล่านั้นมาใคร่ครวญ เธอยังคงยืนยันคำเดิมว่าเธอเกลียดกิจกรรมพบปะหารือนี้ เพราะอย่างไรเสียปิศาจไม่ปัญหากับการโกหก ครานั้นเองที่ถ้อยคำเปี่ยมล้นไปด้วยความจริงจังขึงขังของอีกฝ่ายเมื่อครู่ดังสะท้อนมาในใจอีกครั้ง – เขาอยากคุยกับเธอ ให้เกียรติอย่างเท่าเทียมในฐานะผู้ที่มีความเข้าใจและความรับรู้เสมอเหมือนกัน เขาพูดสะท้อนความคิดของตัวเองออกมาว่าเราร่วมหัวจมท้ายกันมาตลอด และเขาคิดว่าเราย่อมเข้าใจกัน – เบลเซบับกัดริมฝีปากแน่น แต่นั่นไม่ใช่เพราะความไม่พอใจหรือเจ็บใจ เธอรู้ว่าพวกทูตสวรรค์นั้นโกหกไม่ได้ มันไม่ใช่วิสัยของพวกข้างบนนั่นที่จะโกหกหรือเอ่ยถ้อยคำโป้ปดหลอกลวง – นั่นหมายความว่าที่เขาพูดจึงเป็นความจริงทั้งหมด และมันทำให้เธอไม่ชอบใจเหลือเกินกับการค้นพบข้อเท็จจริงที่เชื่อมโยงกันได้นี้


    ทั้งที่ปกติแล้วปิศาจไม่ตั้งคำถามเช่นกัน พวกเราไม่ตั้งคำถามหรือกังขากับการดำเนินกิจการความชั่วร้าย เราอาจจะกังขา ขัดแย้ง และไม่เห็นด้วยกับสวรรค์ซึ่งนั่นก็เท่ากับการเคลือบแคลงสงสัยในการธำรงความดีและพันธกิจของเบื้องบนจนก่อการกบฏและร่วงหล่นมาจนถึงทุกวันนี้ แต่แท้จริงแล้วพวกเราเหล่าปิศาจมีแนวทางยึดถือที่เดินหน้าอย่างไม่วอกแวกลังเล มีวัตถุประสงค์ ไม่เคยออกนอกลู่นอกทางจากความเชื่อของตน ให้เฉพาะเจาะจงโดยส่วนใหญ่แล้วก็คือความเชื่อในการเผยแผ่ความชั่วร้าย ยืนหยัดต่อวิธีทางปฏิบัติในการปลุกปั่นความชั่วช้า เหมือนๆ กับที่ทูตสวรรค์ไม่สงสัยใคร่รู้และก้มหน้าก้มตาสรรเสริญความดีกับแผนการของพระเจ้า กระจายความดีงามแก่โลกโดยไม่เคยสงสัย ไม่เกิดการตั้งคำถามทางศีลธรรมความเหมาะสม ตลอดจนไม่เคลือบแคลงในการหยั่งรู้ความผิดชอบชั่วดี ยึดถือและศรัทธาในเกียรติแห่งทูตสวรรค์ว่าทุกอย่างที่กระทำจักก่อเกิดความดีงามชอบธรรมและสมควรเช่นนั้นเสมอ เบลเซบับแน่ใจว่าตนคิดเช่นนั้น รู้เช่นนั้น แต่กาลกลับตาลปัตรให้เธอะเกรทแพลน แผนการล้ำเกินบรรยายของพระเจ้ากลายเป็นแผนที่ตีความได้ว่าอธิบายไม่ได้ตรงตัวเช่นนั้นด้วยอย่างไม่ผิดเพี้ยน และทุกอย่างก็ผลิกผัน กลายเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายไปหมดอย่างการที่ผู้เป็นนายของทั้งสองฝ่ายดูจะไม่ใส่ใจถือโทษโกรธเคืองตัวการที่ทำให้เรื่องทั้งหมดนั่นล่ม ซึ่งนั่นดูจะเหมือนเป็นการยอมรับทั้งยังบอกกลายๆ ว่าแผนการที่สุดจะพรรณาได้ก็คือสิ่งที่กำลังเป็นไปอย่างอธิบายไม่ได้อยู่นี้นั่นเอง เธอจึงยอมรับได้ในที่สุดว่านี่คงจะเป็นแผนการของพระเจ้าจริงๆ แม้จะยังสงสัยว่าทำไมจึงเป็นอย่างนี้ก็ตามที นอกจากนั้นเธอยังอยากจะรู้นักว่าทำไม เพราะเหตุใดเจ้าปิศาจโครว์ลีย์คนทรยศถึงได้ไปตกบ่วงทูตสวรรค์เข้าได้แถมพวกเขาทั้งคู่ยังรัก รักเชียวนะ ความรู้สึกอันทรงอำนาจเปี่ยมพลังมหาศาลที่สุดเท่าที่อะไรทั้งมวลไม่อาจเสมอเหมือน แล้วไหนจะโทษทัณฑ์อย่างน้ำมนต์สุดศักดิ์สิทธิ์กับไฟนรกโลกันต์ที่ไม่อาจทำอะไรพวกนั้นได้อีก เวลานี้เธอก็กำลังปล่อยให้เมล็ดพันธุ์แห่งความเคลือบแคลงกังขา อยากรู้อยากแสวงหาคำตอบที่อาร์คแองเจิลผู้น่าหงุดหงิดตนหนึ่งบ่มเพาะลงมาในใจเหล่านั้นเข้ามามีอำนาจเหนือตัวเอง มันยังคงมีบางคำถามและความสงสัยที่เธอยังหาคำตอบและคลี่คลายให้ตัวเองไม่ได้ ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือตัวเธอที่อยู่ในชุดของมนุษย์ สวมหมวกแกสบีกับเสื้อผ้าลำลอง ขึ้นมาเหยียบย่างบนโลก เดินปะปนไปกับผู้คนชุลมุนพลุกพล่าน ไต่บันไดขึ้นจากอันเดอร์กราวด์ แฝงตัวกลมกลืนไปกับฝูงชนด้วยความตั้งใจที่ว่าอย่างน้อยๆ ก็ขอให้ข้อเท็จจริงบางส่วนกระจ่างไปได้บ้างก็ดี เธออาจจะหาคำตอบเกี่ยวกับสาเหตุที่พระเจ้ากับซาตานตัดสินใจให้แผนการเป็นไปเช่นนี้ไม่ได้ ทว่ากับเรื่องเจ้าโครว์ลีย์กับทูตสวรรค์ของหมอนั่น ไม่ว่าจะด้วยวิถีทางใด เธอก็ยังอยากจะไขข้อข้องใจให้หมดสิ้นไป ด้วยเหตุนี้ถึงตั้งมั่นจะปลอมตัวขึ้นมาสอดส่อง จับตาดูคนทั้งคู่อยู่ห่างๆ สักพักหนึ่งเผื่อว่าจะมีอะไรพอตอบความสงสัยของเธอได้ไม่มากก็น้อย มิเช่นนั้นเธอจะต้องอกแตกตายด้วยความสงสัยใคร่อยากจะรู้ข้างล่างนั่น – เธอยกความไม่สะดวกอย่างยิ่งที่เกิดแก่เธอในเรื่องนี้เป็นความผิดของอาร์คแองเจิลตนหนึ่งเต็มๆ เลย – ถ้าหมอนั่นไม่พูดอะไร เธอก็อาจจะลืมๆ ความกังขาสงสัยอะไรต่อมิอะไรไปในที่สุดและหันกลับไปคำหน้าที่ของตัวเองได้ดังเดิมโดยไม่นึกอยากจะคิดอะไรให้มากความ แต่ตอนนี้เธอทำเช่นนั้นไม่ได้อีกแล้ว ไม่ได้อย่างแน่นอนหลังจากอาร์คแองเจิลเกเบรียลแสดงออกว่ามันมีผลกระทบกับเขาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เบลเซบับเผลตัวส่งเสียงเสียดอากาศเหมือนแมลงออกมาขณะค่อยๆ ก้าวไปเรื่อยๆ ตามบาทวิถีจนมาถึงจุดหมาย ความคิดไหลเวียนอยู่ในภวังค์ของตนโดยไม่ได้ใส่ใจหรือรู้สึกตัวว่าปกติแล้วมนุษย์ไม่เลือกใช้ฝีเท้าของตัวเองเดินระยะทางไกลขนาดนี้ เจ้ามองดวงตาสีฟ้าที่มักจะไร้แววความรู้สึกหยุดยืนนิ่งพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ข้างหน้าเธอคือที่อยู่ของปิศาจผู้ทรยศ เจ้าอสรพิษครอว์ลีย์ คิดพลางทำหน้าเข็ดขยาดขึ้นมา ก่อนจะบอกกับตัวเองว่าทางที่ดีควรดูอยู่ห่างๆ ให้มากที่สุด เนื่องจากไม่รู้ว่าหมอนี่จะทำอะไรได้บ้างหลังจากที่แม้แต่น้ำมนต์สุดศักดิ์สิทธิ์ยังไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ได้

    ตอนนั้นเองที่เธอเห็นคนที่ไม่น่าจะมาอยู่ตรงนี้มากที่สุด ผู้ซึ่งไม่มีทางคาดคิดได้ว่าจะมาปรากฎตัวอยู่ตรงนั้น ในอีกมุมหนึ่งของถนน โดดเด่นเป็นสง่าด้วยชุดสูทสีอ่อนที่ทำให้เธอนึกถึงดอกไลแลค เบลเซบับแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองด้วยซ้ำ แต่ครั้นเพ่งมองหนักเข้าก็ต้องนึกอยากจะสถบขึ้นมาอย่างหัวเสียเพราะมองอย่างไรก็ไม่อาจผิดเพี้ยนไปจากการระบุได้ว่านั่นคืออาร์คแองเจิลเกเบรียล และใช่ ไม่อาจผิดเพี้ยนไปจากอาร์คแองเจิลฟักกิ้งเกเบรียลยามปกติเลยแม้เพียงเศษเสี้ยว จนเธอนึกสงสัยระคนเดือดดาลขึ้นมาว่าอัครทูตสวรรค์งี่เง่าพรรค์นี้รู้จักการแฝงตัวกลืนไปกับฝูงชนบ้างหรือไม่ หรือจะรู้แต่เพียงต้องทำตัวให้แบ่งแยกออกมาได้ง่ายเป็นพิเศษเพื่อสะท้อนว่าตัวเองนั้นวิเศษวิโส โดดเด่นกว่าสิ่งต่างๆ ทั้งหมดทั้งมวลกันแน่ ไม่ว่าเมื่อไหร่ อาร์คแองเจิงตนนี้ก็เป็นตัวการต้นเหตุใหญ่แห่งความหงุดหงิดของเธออยู่ร่ำไป ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ทันรู้สึกตัวเลยว่ากำลังถูกเพ่งเล็งจากอีกฟากของถนน ในจุดที่เจ้าชายแห่งนรกส่งสายตาตำหนิติเตียนอันคมกริบไปให้ เพราะเบลเซบับเชื่อว่าเขามัวแต่สนใจ จดจ่ออยู่กับความมั่นอกมั่นใจในตัวเองเสียเหลือเกินจนไม่คิดจะใส่ใจสิ่งรอบข้างหรือความเป็นไปของพวกมนุษย์เลย เขาคงมั่นใจว่าตัวเองช่างแนบเนียนดีแล้วและไม่ว่าความผิดปกติผิดวิสัยมนุษย์มนาทั่วไปใดๆ ที่เขาทำนั้นช่างปกติและสมบูรณ์แบบเป็นที่สุด ไม่ได้ระแคะระคายเลยว่านั่นมันเป็นไปในทางตรงข้ามกัน เขาเห็นมนุษย์เป็นเหมือนพวกโง่งม เบลเซบับยิ่งหงุดหงิดเพราะนั่นคือวิธีการคิดเดียวกับที่เขามักจะดูแคลนพวกเราเบื้องล่าง ขณะนี้อาร์คแองเจิลเกเบรียลเหมือนสิ่งแปลกแยกตัวใหญ่ที่ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้นกับกลิ่นอายและรัศมีของเทวทูตที่เรืองรองออกมาไหลอาบรอบๆ ตัวอยู่จางๆ ราวกับว่าเจ้าตัวไม่คิดจะปกปิดเลยสักนิด นั่นจึงทำให้เขายิ่งโดดเด่นไม่เข้าพวกไปใหญ่ ซึ่งถ้าจะมีสิ่งใดที่แสดงให้เห็นว่าเขาได้ลงแรงพยายามปลอมตัวให้ผิดแผกไปจากรูปโฉมปกติ ไม่ให้เป็นที่สังเกตหรือจับได้แล้วก็คงเป็นหนวดยาวโง้งขนาดใหญ่สีน้ำตาลบาดตาที่ชวนให้นึกถึงแฟชั่นไว้หนวดสมัยก่อนสงครามโลก แล้วเธอก็นึกอยากจะกุมหน้าผากตัวเองแรงๆ – ไม่สิ ต้องเป็นจับหน้าผากเจ้างั่งหัวโตตัวใหญ่นี่โขกเข้ากับกำแพงแรงๆ ด้วยไม่รู้จะทำอย่างไรกับหมอนี่ดีแล้ว แต่ถ้าจะมีสิ่งใดที่เธอไม่นึกสงสัยก็คงเป็นวัตถุประสงค์ของการที่อีกฝ่ายมาปรากฎตัวในที่นี้กับการปลอมตัวสุดย่ำแย่กระมัง เหมือนเบลเซบับจะรู้โดยไม่ต้องมีใครมาบอกว่าเขากำลังมีแผนเช่นเดียวกับเธอ ใจตรงกันอย่างไม่น่าสบอารมณ์อย่างยิ่งเชียวละ ในระหว่างนั้นเอง ขณะกำลังคิดว่าจะจัดการลากคออีกฝ่ายมาพูดคุยกันให้รู้เรื่องดีหรือปล่อยมันไว้ตามยถากรรมดี เป้าหมายของเรื่องทั้งหมดที่ทำให้เธอต้องมายืนอยู่ตรงนี้ก็พลันปรากฎตัวออกมาจากสิ่งปลูกสร้างข้างหน้า – จากรายงานที่เธอได้รับจากพวกปิศาจหูกระต่าย สองคนนี้ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันที่แฟลทของเจ้าโครว์ลีย์คนทรยศ ขณะทูตสวรรค์ยังคงเก็บร้านหนังสือเก่าไว้และเข้าไปเปิดทำการทุกเช้าโดยมีเจ้าโครว์ลีย์ติดสอยห้อยตามไปนอนเอกเขนกด้วยในวันที่ไม่มี – สิ่งที่เรียกว่าอะไรนะเดทเหรอ ในวันที่ไม่ไปเดทกันสองคนหรือออกท่องเที่ยว ทำกิจกรรมสุขสันต์ร่วมกันตามที่รายงานเข้ามา เดี๋ยวนะ เอาจริงๆ พอมาคิดดูดีๆ ต่อให้ไม่มีเดทอะไรนั่น สองคนนี้ก็ตัวติดกัน อยู่ด้วยกันตลอดเลยไม่ใช่หรือไง – เจ้าปิศาจโครว์ลีย์เดินนวยนาดออกมากับทูตสวรรค์อาซีราฟาเอล หัวร่อต่อกระซิกกันอย่างสุขสันต์ประหนึ่งว่าโลกนี้มีกันอยู่แค่สองคน

    นั่นทำให้เบลเซบับเห็นแล้วอดกลอกตาด้วยความหมันไส้ไม่ได้ เธอแสร้งหลบลี้อย่างแนบเนียนอยู่ข้างๆ พุ่มไม้ใหญ่ กางแผนที่แผ่นพับออก ทำตัวประหนึ่งนักท่องเที่ยวผู้กำลังตรวจสอบเส้นทาง ขณะคอยเหลือบมองคนทั้งคู่ที่ดูท่าจะยังไม่รู้สึกตัวไปด้วย เธอรู้สึกลำพองใจและยิ่งนึกสนุกเป็นเท่าทวีที่ยังไม่ถูกจับได้ ทูตสวรรค์ขึ้นไปบนรถเบนท์ลีย์ขณะเจ้าปิศาจโครว์ลีย์คอยบริการให้ ที่ผ่านมาเจ้าโครว์ลีย์คอยตามกระเซ้าเง้างอด หยอดไมตรี คอยป้วนเปี้ยนวนเวียนอยู่กับทูตสวรรค์ลับหลังฟากฝั่งเบื้องล่างมาตลอด นึกแล้วก็เจ็บใจไม่หยอก ยิ่งนึกถึงเรื่องกวนประสาทกับการกระทำประเภทที่ผิดแผกจากการปลุกปั่นความชั่วร้ายที่ปิศาจตนอื่นๆ เขาทำกัน ชอบทำอะไรตามใจชอบ ยังไม่นับรวมพวกการกระทำแปลกแหวกแนวที่เข้าใจยาก คิดแล้วก็เบลเซบับเสียอารมณ์ขึ้นมาได้อีกมากโข ทว่าก็ยังไม่เท่ากับที่รู้สึกยามเบือนหน้า หันไปหาอาร์คแองเจิลในอีกฟากหนึ่งว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ตอนที่เห็นคนทรยศทั้งสองเดินลอยลิ่ว เริงร่าสบายอารมณ์ออกมาแบบนี้ เพราะภาพที่ปรากฎคืออาร์คแองเจิลคนดังกล่าวยังคงไม่ขยับตัวหลบไปไหน ยืนเด่นเป็นสง่าอย่างกับว่ารอจะให้ถูกพบตัวให้ได้อย่างไรอย่างนั้น ซึ่งหากชุดที่ใส่ยังเด่นชัดไม่พอก็บวกด้วยการเปล่งรัศมีเรื่อๆ พอให้สว่างจับตาแต่พอประมาณเข้าไปอีก เธอไม่รู้ว่าเขาลืมสัญญาตกปากรับคำที่ให้ไว้กับสองคนนั้นแล้วหรือว่าจะไม่ยุ่งย่าม ตามรังควาญ หรือไปกวนใจใดๆ อีก จะปล่อยให้พวกเขาอยู่กันไปตามใจอย่างสมบูรณ์ ซึ่งหากไม่ยินยอมพวกเราก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะพวกนั้นกลายเป็นสิ่งที่แม้แต่วัตถุที่สามารถทำลายพวกเรายังแตะต้องไม่ได้ แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าพวกนั้นจะทำอะไรได้อีกหากรู้ว่ามีการผิดสัญญาเกิดขึ้น เบลเซบับนึกอยากจะต่อยคนขึ้นมา หมอนี่มันบ้าหรือมันบ้าจริงๆ กันแน่เนี่ย ยังไม่จบเท่านั้น เมื่อเบนท์ลีย์ค่อยแล่นตัวออกไป สองขาที่เหยียบอยู่บนพื้นของอาร์คแองเจิลก็คล้ายจะลอยขึ้น อัครทูตสวรรค์ทำท่าเหมือนจะลอยตามรถที่ออกวิ่งไปนั้นมากกว่าจะใช้สองขานั่นก้าวเดินขึ้นมาจริงๆ เห็นดังนั้น ในชั่วพริบตาเบลเซบับก็ปาฏิหาริย์ตัวเองไปปรากฎตัวขวางหน้าอีกฝ่ายอย่างเดือดดาลและก้าวร้าว เธอคว้าสาบเสื้อโค้ทของอีกฝ่ายไว้ ใช้เรี่ยวแรงมหาศาลดึงรั้งเขาให้โน้มตัวลงมาใกล้ๆ เพื่อจะจัดการได้ถนัดถนี่

    “แกคิดว่าแกกำลังทำบ้าอะไรอยู่ อาร์คแองเจิล” ความจริงก็คือเบลเซบับไม่เคยเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อเลยสักครั้ง เธอไม่มีปัญหากับการเรียกทูตสวรรค์ตนอื่นๆ ด้วยชื่อ ดูอย่างไมเคิลที่มักจะเวียนไปเวียนมาตามใจอยาก หรือเทวทูตตนอื่นๆ ข้างบนนั่น เจ้าชายแห่งขุมนรกกระชากคอเสื้ออีกฝ่าย ขยำไว้ในมือแน่น เค้นเสียงอันขุ่นเคืองออกมาจากลำคอที่เจือความร้อนอกร้อนใจอยู่จางๆ เธอไม่นึกเกรงกลัวหรือหวาดหวั่น ปัญหาอย่างเดียวคือเธอต้องเขย่งจนสุดปลายเท้าเลยนี่สิ อีกฝ่ายซึ่งดูจะยังไม่รู้ตัวสักนิดว่าทำอะไรลงไปบ้างจ้องมองลงมาด้วยท่าทีหยุดคิดเล็กน้อย ค่อนข้างฉงนงงงวยกับเหตุการณ์ประชิดตัวที่อยู่ดีๆ ก็เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยฝีมือของปิศาจผู้กำลังเขย่งตัวสุดความสามารถ อาร์คแองเจิลปล่อยให้ตัวเองประมวลผลอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นแล้วก็ฉีกยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหมือนจะปรามมากกว่าแสดงออกว่ายอมแพ้

    “ผมเกือบจำคุณไม่ได้แน่ะ คุณปลอมตัวได้แนบเนียนมากเลย” แม้จะพูดเช่นนี้ แต่เบลเซบับก็รู้ว่านี่เป็นเพียงการยกยอ เห็นได้ชัดว่าอาร์คแองเจิลย่อมรู้ว่าเป็นเธอตั้งแต่แรกที่เข้าไปประชิดตัวแล้ว เพราะเธอเห็นดวงตาของเขาชั่วขณะที่คว้าคอเสื้อเขาไว้คล้ายจะสื่อคำถามโดยพลันว่าทำไมจึงเป็นเธอแทนที่จะเป็นคำถามสงสัยประการอื่น เธอค่อยๆ คลายมือที่ขยำคอเสื้อฝ่ายตรงข้ามออกก่อนจะกลับมายืนเต็มๆ เท้าเหมือนเดิม เบลเซบับพยายามจะไม่หงุดหงิดไปกับรอยยิ้มระรื่นนั่นเพราะยังต้องการจะรักษาความเยือกเย็นเพื่อถามไถ่เอาความอย่างมีเหตุผลกับคนตรงหน้าว่ามีความคิดแบบใดถึงได้ปรากฎตัวบนโลกมนุษย์ ตามติดสองคนนั้นด้วยสภาพที่ห่างไกลจากคำว่าปลอบตัวตบตาอย่างแนบเนียนมากโขเช่นนี้ ถึงแม้หลักๆ เธอจะรู้ว่าเขากับเธอมีความคิดและจุดประสงค์ที่มาปรากฎตัวที่ตรงนี้เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนก็ตาม ยามที่มองอาร์คแองเจิลตรงหน้า และขณะที่เขาจับจ้องกลับมาก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันให้มากความอีกว่าเราต่างก็กำลังแฝงตัวติดตามสองคนนั้นเพื่อหาคำตอบให้แก่ข้อสงสัยทุกประการเกี่ยวกับคนทรยศทั้งสองที่รบกวนจิตใจอย่างไม่อาจเมินเฉยไปได้ของตน รวมถึงความจริงที่ว่าการพบปะครั้งล่าสุดกับบทสนทนาที่ถกเถียงกันไว้เป็นตัวนำพาพวกเรามาอยู่ตรงนี้ ทุกอย่างแจ้งแก่ใจลงมาในทันที มันอยู่เหนือความรับรู้ร่วมกัน การพบปะกันผ่านกาลเวลาของโลกสอนเราสองคนว่าอีกฝ่ายมีความคิดความอ่านเช่นไรบ้าง ระหว่างยืนเผชิญหน้าตรงข้ามกันอยู่โดยที่เจ้าชายแห่งขุมนรกกอดอกแน่น จับจ้องอีกฝ่ายไปลดราวาศอกจนกว่าอาร์คแองเจิลจะหาคำตอบที่เหมาะสมและเป็นที่น่าพึงพอใจได้สำหรับคำถามซึ่งเธอส่งออกไปทางสายตาว่าเหตุใดจึงอยู่ในสภาพที่ห่างไกลจากคำว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ที่ต้องแนบเนียนในการปกปิดอำพรางตนเพื่อสืบเสาะแสวงหาข้อมูลคำตอบโดยไม่ให้ถูกจับได้อย่างยิ่ง และในเวลาแบบนี้นี่แหละที่เธอเกลียดตัวเองที่ตัวเล็กกว่าอีกฝ่าย อาร์คแองเจิลผู้ซึ่งเหมือนจะรู้ว่าปิศาจกำลังหงุดหงิดที่ตนตัวเล็กจ้อยกว่าจนข่มเหงเขาได้ไม่ถนัดเท่าไรก็ฉวยโอกาสข้อได้เปรียบนี้ โน้มตัวลงทำทีเป็นข่มคนตรงหน้าให้หัวเสีย พลางตอบคำถามที่ฟังดูก็รู้ว่าจงใจกวนอารมณ์ขึ้นไปอีกขั้น และส่วนหนึ่งเขาก็มั่นอกมั่นใจด้วยจริงๆ ว่าตนปลอมตัวได้ดีกว่าปิศาจมากนัก – เป็นความมั่นใจที่เบลเซบับไม่อาจรู้ได้จริงๆ ว่าเขาได้มันมาจากไหน บางทีอาจเป็นฟังก์ชั่นเสริมจากการเป็นอาร์คแองเจิลงี่เง่ากระมัง อัครทูตสวรรค์พูดด้วยท่าทีมาดมั่นทั้งยังคล้ายจะหลีกเลี่ยง เฉไฉ ตั้งใจไม่ตอบคำถามที่อีกฝ่ายสื่อมาทางดวงตาไปตรงๆ ด้วยราวกับจะยั่วเย้าอารมณ์คนตรงหน้าให้ถึงที่สุด “ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่จริงๆ ผมคิดว่าผมปลอมตัวได้ดีกว่าคุณนะ คุณก็เกือบจะจำผมไม่ได้เหมือนกันใช่ไหมล่ะ”

    “นั่นแกแน่ใจตามที่พูดแล้วจริงๆ เหรอ” ใบหน้าขยาดระคนไม่อยากเชื่อหูตัวเองของเจ้าชายแห่งนรกกลับทำให้อาร์คแองเจิลเกเบรียลยิ้มกว้างขึ้นอีก เบลเซบับเงยหน้ามองอีกฝ่าย อ่านใจออกทันทีจึงส่งสัญญาณข่มขู่ทางสายตาว่าถ้ากล้าย่อเข่าลงเพื่อที่จะพูดกับเธอในระนาบที่เสมอกันขึ้นมา เธอจะตัดขาเขาเป็นท่อนๆ ใส่กล่องส่งพัสดุกลับไปข้างบนนั่นให้พระเจ้าได้เห็น ขณะตั้งใจเก็บความขุ่นเคืองและการชำระความต่อส่วนที่อีกฝ่ายมีความเห็นเกี่ยวกับการปลอมตัวของเธอไว้ก่อน เพราะเรื่องที่ใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัดคือปัญหาด้านความมั่นอกมั่นใจของอีกฝ่าย ที่จริงแล้วดูเหมือนเวลานี้ ทั้งสองจะพลันหลงลืมไปเสียสนิทว่าเป้าหมายของการมาเยือนโลกครั้งนี้ได้ขับรถออกตัวไปไกลเกินกว่าจะติดตามทันเสียแล้ว ทั้งยังอาจถึงขั้นลืมไปด้วยซ้ำว่าเรื่องที่ตั้งใจทำและจุดประสงค์ที่มาอยู่ตรงนี้คืออะไรกันแน่นอกจากการต่อล้อต่อเถียง ปะทะคารมกับคนตรงหน้า ความสนใจที่มีต่อการสานต่อจุดมุ่งหมายของตนในการแสวงหาคำตอบหรือเฝ้าตามคนทรยศทั้งสองดูเหมือนจะถูกแทนที่ด้วยจิตใจที่จดจ่ออยู่กับคนตรงหน้า รวมถึงการที่ต้องบังเอิญมาสมาคมกันอย่างคาดไม่ถึงกับฝ่ายตรงข้ามแทน ตอนนี้พวกเขาสนใจแต่เรื่องของกันและกันราวกับว่าอะไรอื่นก็ไม่สำคัญ มีแค่เรื่องของอีกฝ่ายกับการมีอยู่ของพวกเรา ณ ขณะนี้เท่านั้น เบลเซบับปล่อยให้ความเย็นชาปกคลุมรอบตัวอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเริ่มส่งเสียงเหมือนแมลงปะปนออกมากับถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยพร้อมกับเพ่งมองอย่างเอาเรื่อง เธอนึกอยากจะกุมขมับไปด้วย “บอกหน่อยเถอะ อะไรทำให้แกมั่นอกมั่นใจขนาดนั้น”

    “นี่มันความลับเลยนะ” คนตัวสูงกว่าโน้มตัวลงมาทำทีจะกระซิบ จนคนตัวเล็กต้องเอี้ยวตัวหนีอย่างรังเกียจรังงอน แต่นั่นไม่ได้ทำให้อาร์คแองเจิลหยุด แม้เขาจะรู้ดีกว่าใครว่าเห็นอีกฝ่ายตัวเล็กอย่างนี้ แท้ที่จริงมีเรี่ยวแรงมากมายนักถึงขั้นจับตัวเขาให้โน้มลงตามแรงดึงมหาศาลจากมือเล็กๆ นั่นได้ ซึ่งในครั้งแรกที่มันเกิดขึ้น เขาประเมินอีกฝ่ายต่ำไปมากด้วยเพราะรูปลักษณ์ขนาดกระทัดรัดที่ตัวเล็กกว่าเขาและค่อนข้างดูไร้พิษสงอะไรมากมายเสียจนเขาเกือบเสียหลักล้มลงขึ้นมาจริงๆ แต่นั่นมันก็นานมากเลย อาจจะสมัยเมโสโปเตเมียได้กระมัง จากนั้นเขาก็จำได้ขึ้นใจ ไม่เคยชะล่าใจอีกเลยว่าปิศาจตัวเล็กตนนี้ หากเอาจริงขึ้นมาคงฆ่าเข้าได้โดยที่ไม่ต้องลงแรงฟุ่มเฟือยและตาคงจะไม่กระพริบด้วยซ้ำ ทว่าเขาก็ยังรักที่จะยั่วเย้าอารมณ์อีกฝ่ายอยู่ดีถึงไม่เคยนึกอยากจะเลิกหยอกล้อ กวนอารมณ์ หรือทำอะไรต่อมิอะไรที่มั่นใจว่าจะจุดประกายความขุ่นเคืองหรือเดือดดาลให้แก่อีกฝ่ายได้ เขาชอบที่อีกฝ่ายเริ่มกรุ่นๆ อารมณ์โกรธขึ้นมาเพราะคิดว่าสีหน้าซึ่งปกติแล้วจะเรียบเฉย บ้างก็มึนตึง คอยกักเก็บอารมณ์ไม่พอใจไว้ฉายใต้ความไม่ยินดียินร้าย ไม่ยี่หระต่อสิ่งใดให้มากความนั่นจะค่อยๆ เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมา มันเป็นสีหน้าที่ดูดีมาก และเขาก็ยอมรับด้วยว่านั่นน่ามองไม่น้อย เกเบรียลยิ้มเย้าทำทีประหนึ่งอยากจะเข้ามาตีสนิทด้วยการแบ่งปันความลับให้พลางเอ่ยปากพรรณายาวเหยียดอย่างภาคภูมิใจ “ที่จริงฝั่งสวรรค์ก็มีผู้เชี่ยวชาญด้านโลกมนุษย์โดยเฉพาะอยู่ พอลองไปถามเรื่องการปลอมตัวให้ตบตาคนอื่นได้แนบสนิทกว่าเวลาปกติที่จะลงมาข้างล่างนี่ ใช้เวลาแค่แปปเดียวเอง ผลที่ออกมายอดเยี่ยมทีเดียว ดูสิ หนวดนี่เจ๋งมากเลยใช่ไหมแค่ติดนี่ทุกอย่างก็เรียบร้อย พวกมนุษย์เนี่ยโง่เง่าเสียจริง” – ท้ายประโยคแฝงเสียงเยาะหยันที่ฟังดูผยอง แต่นั่นมาจากสถานะพงษ์พันธุ์แห่งตนที่ค่อนไปทางโอบเอื้อและเอ็นดูมนุษย์ผู้ซึ่งอยู่ภายใต้ความดูแลปกป้องและการพิทักษ์ช่วยเหลือของสวรรค์มาตลอดในฐานะเผ่าพันธุ์ที่ด้อยกว่าซึ่งจำต้องช่วยเหลือและหยิบยื่นให้ ทูตสวรรค์จึงอดไม่ได้ที่จะคิดว่าตนเหนือกว่ายิ่งนัก เขาชี้ที่หนวดเฟิ้มเสมือนหนึ่งหลุดออมาจากรูปภาพนำสมัยในยุคก่อนสงครามโลกอย่างตื่นเต้นยินดีและเต็มไปด้วยอารามโอ้อวด ซึ่งเกเบรียลจะไม่บอกออกไปหรอกว่าผู้เชี่ยวชาญด้านโลกมนุษย์คนที่ว่าคือซานดัลฟอน ในขณะที่เจ้าชายแห่งนรกโลกันต์จ้องมองอย่างไม่ไว้ใจ อยากจะเขยิบออกห่างด้วยกลัวเชื้อความเป็นทูตสวรรค์จะแผ่ติดต่อกันได้โดยที่อาร์คแองเจิลยังคงกล่าวต่อเนื่องไม่หยุดอย่างร่าเริงยินดี “ทุกอย่างแนบเนียนราบรื่นพร้อมแฝงตัวสืบข้อมูล แต่แหม ผมก็ไม่นึกเลยว่าคุณจะจำผมได้ในทันที คุณนี่ก็ไม่เบาเหมือนกันนะบี”

    ขณะอาร์คแองเจิลกำลังหัวเราะชอบอกชอบใจในลำคออย่างเคร่งขรึม ดูพึงพอใจกับตัวเองเหมือนอย่างเคย สายตาที่ฝ่ายตรงข้ามใช้ทอดมองมาก็กำลังกรีดแทงเขาโดยที่ไม่ได้อยู่ในความสังเกตของอัครทูตสวรรค์คนดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย เบลเซบับหรี่ตามองที่ดูออกได้ทันทีว่ากำลังตัดสินคนตรงหน้าอย่างรุนแรง แต่ดูเหมือนจะมีแค่อาร์คแองเจิลคนเดียวที่ไม่รู้ตัวว่าตนกำลังถูกประเมินอย่างหยามเหยียดทีเดียว เธอไม่รู้จะพูดโต้ตอบอย่างไรดีเพราะค่อนข้างไปทางแน่ใจแล้วว่าคนตรงหน้านั้นเกินเยียวยา เมื่อเห็นฝ่ายปิศาจเงียบ ไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดตอบโต้ เกเบรียลที่ตีความปฏิกิริยานั้นไปว่าอีกฝ่ายยอมรับฟังไม่โต้เถียง จึงได้ทีสานต่อบทสนทนาฝั่งตนแทนด้วยความตื่นเต้น พยายามจะแสดงไมตรีโอบเอื้อและความเป็นมิตรที่เบลเซบับเชื่อมาตลอดว่ามันคือการฝืนทำจอมปลอมเพราะอาร์คแองเจิลตระหนักดีว่าตนเองเป็นทูตสวรรค์ที่ต้องทำดีกับทุกผู้คน แม้แต่กับปิศาจ แม้จะไม่ข้องแวะหรือเกี่ยวข้องกับพวกเบื้องล่าง แต่ควรจะปฏิบัติตัวด้วยอย่างดีจึงจะสมกับเป็นทูตสวรรค์ผู้เป็นตัวแทนการสรรสร้างความดีงาม แม้ว่าในใจจะยังคงมีความคิดว่าอย่างไรเสียเหล่าผู้อยู่เบื้องบนนั้นเหนือกว่า ดังนั้นไมตรีเหล่านี้จึงเป็นเพียงมิตรไมตรีตามสมควร ไม่ใช่ไมตรีจากผู้ที่คิดว่าอยู่ในสถานะเสมอเท่าเทียมกัน หรือควรจะเป็นเพื่อนกันได้จริงๆ แต่เป็นการพยายามทำเป็นใจดีด้วย ไม่ต่างอะไรจากสัมพันธไมตรีผิวเผินและพึงกระทำในแบบฉบับของการประพฤติจากผู้ซึ่งรู้สึกว่าเหนือกว่าคนที่กำลังปฏิบัติด้วย เบลเซบับยังคงเชื่อเช่นนั้นจึงตั้งมั่นว่าจะไม่มีวันญาติดีกับหมอนี่ได้ ในขณะที่เกเบรียลรู้ว่าตนเสนอไมตรีให้เพราะคิดว่าคนตรงหน้าสามารถเข้าอกเข้าใจกันได้ด้วยมีหัวอกเดียวกัน อยู่ในตำแหน่งแห่งที่เสมอเท่าเทียมกัน แม้จะไม่อาจเรียกว่าเพื่อนเพราะสถานะพงษ์พันธุ์ที่แตกต่าง แต่สัมพันธภาพที่เกิดขึ้นเรื่อยๆ มาก็สามารถบอกได้ว่าสนิทสนมกันในฐานะเพื่อนร่วมงาน หรือกระทั่งเพื่อนคู่คิดที่สามารถแบ่งปันความคิดอ่านต่อกัน เดินหน้าจัดการสถานการณ์ต่างๆ ที่แล้วมาตลอดจนที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าไปด้วยกันได้ เขาคิดเช่นนี้มาตลอด และแน่ใจว่าเขากับเบลเซบับเป็นเหมือนคนสองคนที่มีความรับรู้ร่วมกัน โดยไม่ต้องพูดอะไรออกมาให้เข้าใจ ว่างท่าหยั่งเชิงกันก็จริงแต่สามารถอ่านกันออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เท่าทันกัน ถึงจะต่อปากต่อคำ ยั่วประสาทกันจะเป็นจะตายทว่าก็เข้าอกเข้าใจ ใจตรงกัน ทั้งมีส่วนที่คล้ายกันมากกว่าที่คิด เป็นคนที่ในบรรดาเหล่าปิศาจเขารับได้ พร้อมจะมีปฏิสัมพันธ์ด้วยเสมอ อัครทูตสวรรค์เอ่ยพลางอย่างโอภาปราศรัยด้วยท่าทีผ่าเผย เขาพูดโดยหมายความตามที่คิด ซึ่งลึกๆ แล้วก็รู้ดีว่าอาจทำให้อีกฝ่ายปฏิเสธหรือฉุนเฉียวขึ้นมากับการตอกย้ำความจริง ปิศาจไม่ชอบให้ถูกจับได้หรือรู้เท่าทันเท่าใดนัก แต่เขาก็ยังพูดออกไปโดยที่จุดประสงค์ไม่ใช่เพื่อยั่วเย้าอารมณ์อีกฝ่าย หากทว่าต้องการแสดงความสัตย์ซื่อจริงใจออกไปก่อนด้วยการพูดความจริงกับสิ่งที่คิดอยู่ในใจจริงๆ เพื่อว่ามันจะมีผลอะไรกับเธอบ้าง “ผมไม่คิดว่าจะมาเจอคุณที่นี่ หรือคาดหวังว่าคุณจะมาทักเลย คุณก็ดีใจที่เราเจอกันใช่ไหมล่ะ ผมดีใจนะที่เราใจตรงกัน”

    ยังไม่ทันจบคำดี ฉับพลันที่ได้ยินถ้อยคำส่วนท้ายที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา เพียงชั่วพริบตาเบลเซบับก็ฉุนขาดขึ้นทันควัน เธอรู้สึกเหมือนถูกจับได้ หน้าตาเรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายยามปกติแปรเปลี่ยนเป็นเขม็งตึงราวกับพลิกฝ่ามือ เธอเขย่งทำท่าเหมือนจะพยายามพองตัว ทำให้ตนให้สูงขึ้นแต่ไม่มีทางประสพผลไปมากกว่าท่าทีที่เหมือนแมวตัวเล็กกว่าขู่ฟ่อๆ หมาตัวใหญ่ซึ่งยิ้มกว้างเห็นเขี้ยวอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้าน ขณะเอื้อมมือไปคว้าคอเสื้อของอัครทูตสวรรค์ไว้อีกครั้งด้วยท่าทางเอาเรื่องเต็มที่ เบลเซบับปล่อยให้โทสะที่พวยพุ่งขึ้นในใจครอบงำสติของตนเองครู่หนึ่งจนเผลอสูญเสียความเยือกเย็น การควบคุมจิตใจตนเองที่ถูกอีกฝ่ายลุกคืบเข้ามาแผ่ประทับตราตรึงบทบาทในใจทีละน้อย เผยความจริงออกมาในแบบที่เมื่อรู้สึกตัวทีหลัง เจ้าตัวคงจะรู้สึกน่าละอายนักทั้งยังน่าอับอายเป็นที่สุด ตัวแทนบาปตะกละจากนรกเบื้องล่างแยกเขี้ยวยิงฟันใส่อาร์คแองเจิล ดวงตาสีฟ้าใสเหมือนแผ่นน้ำแข็งเหนือทะเลสาบทั้งเย็นชาเฉกเช่นนั้น อีกทั้งยังวาวโรจน์เป็นประกายคมกล้าคล้ายจะพยายามทิ่มแทงฝ่ายตรงข้ามให้เจ็บปวดเพียงแค่การเมียงมอง เธอเอ่ยเสียงขุ่นแถมยังออกท่าทีส่วนหนึ่งคล้ายพยายามจะปฏิเสธเป็นพัลวัน แต่ก็ยังรักษาความสุขุมเยือกเย็นกับอารมณ์โกรธคึ้งในน้ำเสียงนั้น ไม่ได้ลดน้อยถอยลงไป และยังเต็มไปด้วยท่าทีข่มขู่กลายๆ จากการที่ถูกจี้จุดจนเป็นเดือดเป็นร้อน อยู่เฉยไม่ได้ขึ้นมา อันที่จริงจะบอกเธอปฏิเสธเป็นพัลวันก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะเบลเซบับกำลังยอมรับออกมาทั้งหมดอันเป็นผลจากการถูกอารมณ์เข้าครอบงำ ทั้งนี้ ไม่มีอะไรจะลบเลือนหรือลดทอนความจริงที่ว่าเจ้าชายแห่งนรกลืมตัวจนเผลอปล่อยให้ตัวเองถูกกุมความในใจแท้จริงเอาไว้ได้จึงหัวเสียขึ้นมา เผลอเผยความจริงที่ใคร่จะเก็บงำไว้กับตัว ยืนยันความถูกต้องต่อสิ่งที่อีกฝ่ายคิดไว้ออกมาจนหมด อากัปกิริยากราดเกรี้ยวไม่ได้ช่วยให้สิ่งที่ยอมรับออกมาเป็นความจริงน้อยลง หรือบิดเบือนไปในทางอื่นนอกเสียจากการพยายามกลบเกลื่อนความจริงที่แทงใจดำโดยการแสดงออกอย่างโกรธเคืองได้อย่างเลวร้ายมาก “ใครใจตรงกับแก มันไม่ใช่เพราะแกเหรอ พูดอะไรแบบนั้นทิ้งไว้ ปลุกปั่นจิตใจคนอื่นให้อยากรู้แบบนั้น แล้วฉันจะทำอะไรได้ นั่นมันหน้าที่ของปิศาจจำไว้ อาร์คแองเจิล หน้าที่ปลุกปั่นล่อลวงน่ะเป็นของปิศาจไม่ใช่ของแก”

    เท่านั้นแหละ อาร์คแองเจิลก็ยิ้มหน้าบานขึ้นมาทันที ใบหน้าชื่นมื่นสุขสันต์ทั้งที่กำลังถูกขยำคอเสื้อและถูกข่มขู่อย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ตรงหน้าจากปิศาจผู้กำลังเกรี้ยวกราดได้ที่ เขาดีใจที่เธอยอมรับเก็บเอาเรื่องที่เขาพูดไว้ไปพิจารณา แถมยังดีใจที่เราสองคนมีความคิดเฉกเช่นเดียวกันอีก นอกจากนี้ ท่าทีฉุนเฉียวจากคนตรงหน้าก็ไม่ต่างอะไรจากการบ่งบอกว่าประโยคที่เขาหยิบยกขึ้นมาเมื่อครู่คือความจริงซึ่งแทงถูกจุดเข้าอย่างจัง และเขาก็ชอบเวลากุมจุดอ่อนเธอไว้ได้ ทว่าดูเหมือนเบลเซบับจะยังไม่ทันรู้ตัวว่าเผยความในอะไรออกไป ต้องใช้เวลาหลายชั่วลมหายใจทีเดียวกว่าบรรยากาศระหว่างพวกเขาและท่าทีตอบสนองของเกเบรียลจะฉุกใจเบลเซบับให้ตระหนักขึ้นมาได้ เมื่อเจ้าชายแห่งขุมนรกรู้สึกตัวในที่สุดผ่านทางสีหน้าแช่มชื้นยินดีของทูตสวรรค์ ปิศาจก็ชะงักงันไปทันที สิ่งที่ตนพูดเมื่อครู่หวนย้อนกลับมาให้ระลึกได้พร้อมๆ กับความอับอายที่ค่อยๆ ละลายออกมาจากภายใน จริงอยู่กับสิ่งที่อาร์คแองเจิลกล่าวนั้น เธออาจจะแสร้งทำเป็นวางเฉย ไม่รับไม่รู้ก็ได้ ทว่าข้อเท็จจริงที่เขาพูดมันจี้ถูกจุดเสียจนเธอไม่อาจทำเฉย ปล่อยผ่านมันไป แถมมันยังไม่ต่างอะไรกับชนวนกระตุ้นความเดือดดาลชั้นดีเนื่องจากมันคือการรู้เท่าทันและเป็นความจริงที่ปฏิเสธได้ยากเย็นนัก ซึ่งตอนนี้เปิดเผยออกมาหมดเปลือกและชัดเจนเสียยิ่งอะไรแล้วว่าบางส่วนเธอไม่ได้ปฏิเสธด้วยซ้ำ ยิ่งกว่านั้นยังยอมรับออกมาตรงๆ ในทุกถ้อยคำอีกต่างหาก ท้ายที่สุดปิศาจก็รู้ตัวว่าตนเองพลาดไปเสียถนัด ระหว่างที่เบลเซบับกำลังโกรธตัวเองไปพลางขัดเคืองคนตรงหน้าไปพลาง อัครทูตสวรรค์ก็ยังไม่หยุดเพิ่มความสำราญให้แก่ตนด้วยการเย้าแหย่ให้อีกฝ่ายต้องค้อนฉิว ทำตัวสนุกสนานคล้ายจะหวังตีสนิท ราวกับไม่รู้ว่านั่นจะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง “ผมดีใจนะที่คุณพูดแบบนี้ ไม่คิดเลยว่าผมจะมีอิทธิพลกับความคิดคุณได้ นี่เป็นชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ ของฝั่งสวรรค์เลยคุณรู้ไหม”

    “ฉันเกลียดแก อาร์คแองเจิล ไสหัวไปให้พ้นๆ หน้าฉันเดี๋ยวนี้ แล้วแกรู้ไปด้วยนะว่าหนวดนี่มันไม่ได้ช่วยปลอมตัวสักนิดเดียว มันทำให้แก่ดูเหมือนไอ้งั่งหัวโต ถอดหนวดตลกๆ ของแกออกซะ แล้วไม่ต้องมาเจอะมาเจอกันอีกเลย” การสนทนาพาทีสิ้นสุดแค่เพียงเท่านั้น การสมาคมกันจบลงแล้ว เธอไม่มีอะไรจะต้องพูดกับอาร์คแองเจิลต่อไปอีกหลังจากเรื่องน่าอายทั้งหมดนี่ แน่นอนว่าปิศาจไม่ควรเสวนากับทูตสวรรค์เป็นทุนเดิมมาตั้งแต่ต้น สิ่งที่พวกเราทำมาตลอดคืองานและสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ขณะนี้ก็คือความผิดแผกแปลกแยกจากพงษ์พันธุ์ – แต่ไม่นับปิศาจกับทูตสวรรค์ผู้ทรยศสองตนนั้นที่การลงเอย ตกลงปลงใจต่อกัน และร่วมชีวิตกันแบบนั้นไม่ได้ดูผิดแผกแปลกแยกหรือขัดต่อสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะลึกๆ เธอกลับรู้สึกว่าสองคนนั้นควรจะเป็นเช่นนี้ เป็นมาตลอดยิ่งกว่ากฎของโลก กฎธรรมชาติ หรือแผนการของพระเจ้า พอทิ้งมุมมองในฐานะผู้ธำรงหน้าที่ต่อฝ่ายปิศาจแล้วพิจารณาดูจริงๆ ด้วยใจเป็นกลาง ทั้งคู่นั้นคือครึ่งหนึ่งของกัน ถูกสร้างมาเพื่อกัน และตอบรับแต่กับอีกฝ่ายเท่านั้น สถานะอื่นใดอย่างทูตสวรรค์หรือปิศาจล้วนไม่สำคัญทั้งสิ้น – เบลเซบับทำหน้าหมันไส้ เหม็นเบื่อขึ้นมาเมื่อคิดถึงตัวต้นเหตุของเรื่องวุ่นวายทั้งหมดก่อนความสนใจจะหมุนเวียนเปลี่ยนถ่ายกลับมายังอาร์คแองเจิลตรงหน้าอย่างเคืองโกรธ อันที่จริง เธอเริ่มเชื่อขึ้นมาหน่อยๆ ด้วยว่าเหตุผลอีกประการที่เธอเพิ่งค้นพบเดี๋ยวนี้เองถึงสาเหตุว่าทำไมทูตสวรรค์กับปิศาจถึงไม่ควรสมาคมกันอย่างยิ่ง แน่นอนว่ามันคือการป้องกันไม่ให้มีการนองเลือดเกิดขึ้น เพราะเห็นได้ชัดในเวลานี้ว่าหากปล่อยให้เธอยังคงต่อความยาวกับอาร์คแองเจิล คงไม่แคล้วเกิดสงครามระหว่างข้างบนกับข้างล่างขึ้นจริงๆ แน่โดยไม่ต้องอาศัยแอนติไครสต์หรือเธอะเกรทแพลนใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากเธอหวิดๆ จะตะบันหน้าอีกฝ่ายอยู่หลายรอบในช่วงเวลาพบหน้าอันเล็กน้อยแค่ตรงนี้ ยังไม่นับรวมย้อนกลับไปอีกเกือบหกพันปีแห่งการพบปะหารือที่ทุกครั้งต้องกระตุ้นอารมณ์ของเธอให้อยากชกหน้าตาอวดดีนั่นเข้าแรงๆ สักทีด้วย มันมีไว้ป้องกันไม่ให้ปิศาจหมดความอดทนกับทูตสวรรค์พรรค์นี้จนกรีดคอหอย ปลิดชีพมันแล้วเกิดเป็นชนวนก่อสงครามขึ้นมาอย่างแน่นอน ชั่วพริบตานั้น เธอลอยตัวขึ้นจากพื้นขณะยังคงจับคอเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่น ค่อยโน้มตัวลงกดคนตรงหน้าให้เอนหนีไปด้านหลังอย่างขัดขืนไม่ได้โดยที่ตนเป็นฝ่ายข่มจากมุมมองข้างบนบ้าง ก่อนจะระเบิดถ้อยคำพร่างพรูออกมาในคราวเดียวใส่อัครทูตสวรรค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ไม่ยั้ง เจ้าชายแห่งนรกโลกันต์อันน่าสยดสยองที่ขณะนี้ไม่ได้ดูน่ากลัวนัก แต่กำลังสูญเสียความเยือกเย็นอันพึงมีไปทิ้งท้ายกับอาร์คแองเจิลไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะหอบตัวเองจากไปอย่างรวดเร็วราวกับพายุ เพียงเสี้ยวลมหายใจเจ้าชายแห่งขุมนรกก็หายตัวไปไม่เหลือร่องรอย ร่างของเธอเปลี่ยนเป็นกลุ่มแมลงขนาดใหญ่ก่อนจะหายวับไปกับตา ทิ้งให้เกเบรียลยืนบื้อใบ้อยู่ตรงนั้นกับเสียงหึ่งๆ ของแมลงที่ยังทิ้งไว้ในบรรยากาศ ติดอยู่ในหูเขารางๆ เขาไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปอีกฝ่ายถึงได้ดูโกรธมากมายเหลือเกิน เขาก็แค่พูดความจริง อย่างไรเสียทูตสวรรค์ก็ไม่โกหก


    อารมณ์ขัดเคืองกับโทสะในใจของเจ้าชายแห่งขุมนรกมิได้จางหายหรือลดน้อยด้อยลงไปกว่าครั้งแรกที่มันแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมเยียนห้วงอารมณ์เลย ปิศาจยังคงหงุดหงิด อีกทั้งความขุ่นเคืองและกราดเกรี้ยวทั้งหมดอันมีต่ออาร์คแองเจิลหัวโตตัวใหญ่จอมงี่เง่าน่ารังเกียจยังคงมีอยู่อย่างล้นปรี่แม้จะผ่านมาเป็นชั่วโมงแล้วก็ตาม มันพุ่งพล่านอย่างเดือดดาลไม่ยอมสงบโดยง่าย แต่ส่วนมากแล้วอีกครึ่งหนึ่งก็เป็นความโกรธซึ่งมีให้กับการที่ตัวเองลืมตัว เผลอเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจออกไปเช่นนั้นให้อีกฝ่ายรับรู้ ถ้าจะมีใครโง่กว่าอาร์คแองเจิลนั่น หากพิจารณาจากเรื่องนี้ ก็คงเป็นเธอนั่นแหละ เธอเผลอยอมรับออกไปเสียแล้วว่าปล่อยให้คำพูดคำถามของอีกฝ่ายเข้ามามีอิทธิพลในใจ และทรงบทบาทจนส่งผลให้เธอมายืนอยู่ตรงนี้ ค้นหาคำตอบที่สงสัยเหมือนกันด้วยไม่อาจขัดขืนความกังขารวมถึงความอยากที่จะรู้ซึ่งอีกฝ่ายเพาะพันธุ์ลงในใจได้ ถึงแม้ก่อนที่อาร์คแองเจิลจะหยิบยกมันขึ้นมา เธอจะมีความสงสัยใคร่รู้และการตั้งคำถามเช่นนั้นอยู่แล้วก็ตาม แต่การที่ทูตสวรรค์ปลุกมันขึ้นมาให้ทวีความแรงกล้ามากขึ้น หมายความว่าเขาเป็นปัจจัยกระตุ้น ช่วยชี้นำ ชักนำจิตใจเธอให้คล้อยตามไปกับสิ่งที่เขาพูดได้สำเร็จ จะมองทางไหนก็หนีไม่พ้นความจริงที่ว่าเขาทำให้เธอมาอยู่ยังจุดนี้ ตกอยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ รวมถึงการสืบเสาะแสวงหาคำตอบเพื่อตอบสนองความต้องการจะรู้ ไขข้อสงสัยของตัวเองอยู่ดี เบลเซบับนึกอยากจะนึกอยากจะขยี้หัวตัวเองแรงๆ ขบกัดฟันไปมาอย่างใช้ความคิด ข้อเท็จจริงต่างๆ ยิ่งแวะเวียนเข้ามาเหนือห้วงสำนึกมากเท่าไร จิตใจยิ่งหงุดหงิดเป็นทบทวี เธองับไอศกรีมที่ถือไว้ในมือเข้าปากอย่างตะกรุมตะกราม ลิ้มเลียมันอย่างเพลิดเพลินไม่น้อยในฐานะตัวแทนบาปแห่งความตะกละขณะนั่งอย่างมึนตึงขึงขัง แผ่บรรยากาศความไม่เป็นมิดออกมารอบตัวจนไม่มีใครกล้าเฉียดกรายเข้าใกล้อยู่เหนือม้านั่งของสวนสาธารณะเซนต์เจมส์

    ดวงตาสีฟ้ากระจ่างเหมือนธารน้ำแข็งลอบมองความเป็นไปเบื้องหน้าเป็นพักๆ ตามประสาผู้ติดตามมาสะกดรอย เบลเซบับค่อยๆ เฝ้าสังเกตการณ์ปิศาจและทูตสวรรค์สองตนยืนพูดคุยกันอย่างเป็นเอกเทศต่างหากจากสิ่งรอบตัว ราวกับอะไรก็ตามที่แวดล้อมล้วนไม่สลักสำคัญยามที่มีกันและกันอยู่เบื้องหน้า พวกเขากำลังให้อาหารเป็ด จากนั้นเจ้าคนทรยศโครว์ลีย์ก็พูดอะไรสักอย่างที่ทำให้ทูตสวรรค์นั่นหัวเราะออกมาก่อนจะปรับท่าทีเป็นชะม้ายตามองคล้ายจะคาดโทษกลายๆ แล้วทูตสวรรค์ก็เอื้อมมือไปข้างหลังหูโครว์ลีย์ เสกเหรียญออกมาอย่างกระตือรือร้นด้วยฝีมือมายากลแบบมนุษย์ที่เธอต้องนิ่วหน้า วินาทีถัดมาเจ้าคนคิดคดโครว์ลีย์ที่เป็นเป้าหมายของมายากลเสกเหรียญออกจากหลังหูอันน่าขันนั่นก็ทำหน้ามุ่นมุ่ยอ่อนอกอ่อนใจว่าเอาอีกแล้วแต่กลับเหมือนไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เพราะดูจะเพลิดเพลินกับความสุขที่เป็นประกายเฉิดฉายออกมาของทูตสวรรค์นั่นอย่างยิ่ง ทั้งสองยิ้มออกมาให้กันอย่างรื่นเริง ทุกสิ่งระหว่างพวกเขาลงตัวเหมาะเจาะเป็นที่สุดไม่ว่าจะเป็นท่าทาง สีหน้า อารมณ์ความรู้สึก มองไปแล้วเป็นภาพที่สุขสันต์เสียจนเธออยากเบือนหน้าหนีด้วยความหมันไส้โดยที่ลึกๆ แล้วรู้สึกเขินอายตามไปกับรักและเยื่อใยสายสัมพันธ์ที่คนทั้งคู่มีให้กัน – แต่เธอเป็นปิศาจ ใช่ เหตุนี้เธอจึงไม่ควรจะรู้สึกเหมือนกับว่าความลึกซึ้งอันลึกล้ำ ละมุนละไมอ่อนหวานนั่นจะมีผลให้ตนเกือบจะเคลิ้มหรือชวนฝันตามไปกับรักอันล้ำลึกนั้น แค่ที่ฐานทัพอากาศก็รู้แล้วว่ามีเยื่อใยให้กัน ยิ่งพออยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ พวกเขาก็ยิ่งแสดงมันออกมาชัดเจน แม้เธอจะอยู่ไกลแต่ก็ยังรับรู้ได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าสายตาที่เจ้าโครว์ลีย์ใช้มองทูตสวรรค์ข้างหลังแว่นกันแดดสีดำนั่นเปี่ยมล้นไปด้วยความรู้สึกรักใคร่เช่นใดบ้าง แววตาที่ทูตสวรรค์มองตอบกลับไปก็เสมอเหมือนกันอย่างไร้ซึ่งข้อกังขา พวกเขามีความรับรู้ร่วมกันโอบล้อมโดยรอบ ทุกการกระทำและปฏิสัมพันธ์ที่ทั้งคู่มีต่อกันนั้นราบรื่น เรียบง่าย เรื่อยๆ สบายๆ ไม่รีบร้อน และมีสายใยซึมลึก สัมผัสได้ถึงความมั่นคงหนักแน่น ไม่เปลี่ยนแปร ตลอดจนความจริงแท้แน่นอนเพียงหนึ่งเดียว ทุกอย่างนั้นสื่อถึงความกลมเกลียว หลอมรวมเข้าด้วยกัน เป็นหลักฐานที่บ่งชี้ได้ชัดเจน ไม่อาจเป็นอื่นได้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ ระหว่างพวกเขามีหลากหลายเรื่องราวและทุกๆ อย่างเหนือล้ำจะอธิบายเกิดขึ้นมากมาย เป็นพันเป็นหมื่นครั้ง นับไม่ถ้วน ทั้งสองคนคบหา มีความสัมพันธ์ ปฏิบัติต่อกัน และทำอะไรต่อมิอะไรร่วมกันเช่นนี้ลับหลังฟากฝั่งของตัวเองมาตลอด ไม่มีใครจะตั้งคำถามหรือกังขาได้เลยว่าพวกเขาเป็นที่รักของกันและกันมากเพียงไหน เจ้าชายแห่งนรกเบือนหน้าหนีด้วยความหมันไส้ หากทนมองต่อไปเธอต้องถูกรักล้นพ้นอันมากมายมหาศาลที่แผ่ออกมาจากตัวสองคนนี้กลืนเข้าไปแน่ พลางนึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่ทันสังเกตเห็นตั้งแต่แรกที่ฐานทัพอากาศนั่นว่าสองคนนี้มีสายใยเกี่ยวกระหวัดผูกพัน รักกันถึงเพียงไหน ทว่าเพราะเธอเป็นปิศาจ สำหรับปิศาจบางตนแล้ว บางครั้งจึงยากที่จะเห็นรัก แต่รักของสองคนนี้มากมายเหลือคณานับ ต่อให้ปิศาจที่ตาบอดหรือตายด้าน กระด้างชาเพียงใดก็ยังสัมผัสได้ ดังนั้นเธอมันโง่เอง บางทีฝ่ายอาร์คแองเจิลคงรู้ แต่เธอน่าจะรู้ก่อนว่าสองคนนี้รักกัน และเบลเซบับก็เกลียดความคิดที่ว่าตัวเองโง่เง่ากว่าอาร์คแองเจิลฟักกิ้งเกเบรียลขึ้นมา เธอยัดโคนไอศกรีมที่มือเข้าปากในคราวเดียวพลางเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างงุ่นง่าน ครั้นเลื่อนสายตาออกไปจับจ้องมุมมองที่กว้างขึ้นก็พลันเห็นตัวต้นเหตุของอารมณ์ซึ่งยังคงคุกรุ่นในใจไม่เสื่อมคลาย คนที่เพิ่งพาดพิงถึงก็ยืนอยู่อีกด้านเช่นกัน เป็นจังหวะอันเหมาะเจาะพอดีที่น่าหงุดหงิดไม่น้อย – หนวดงี่เง่านั่นหายไปแล้ว แต่อาภรณ์ที่สวมใส่ยังเป็นสีกระจ่างเตะตาชุดเดิม ทำไมหมอนี่จึงตามจองล้างจองผลาญ คอยรังควาญไม่เลิก ครั้นแล้วเธอก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ เกือบจะหลงลืมไปแล้วว่าที่จริงเพราะพวกเรามีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือตามติดสองคนนี้ สถานการณ์ถึงได้ต้องหมุนเวียนให้มาเจอหน้ากันอีกครั้งอยู่นี่

    ห่างออกไปสุดขอบเขตสายตาที่เบลเซบับจะมองเห็น อัครทูตสวรรค์ตนหนึ่งตนเดิมยืนเปล่งรัศมีอยู่อีกฟาก เธอเห็นแล้วก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ที่หมอนี่ยังคงมั่นใจหนักหนาว่าสามารถแฝงตัวได้อย่างแนบเนียนกับเสื้อผ้าท่าทางแบบนั้น แต่เธอตั้งมั่นแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวหรือสมาคมกับอาร์คแองเจิลนั่นอีก อย่างน้อยๆ ก็ในช่วงระยะนี้ หลังจากเรื่องน่าอาย ไม่น่าให้อภัยตัวเองอย่างยิ่งที่เธอทำลงไป ทว่านั่นไม่ได้ขึ้นอยู่กับเธอคนเดียว เนื่องจากความตั้งใจเช่นว่าอาจถูกทำให้เป็นไปในทางตรงข้ามเสียสิ้น เมื่อเบลเซบับกระพริบตาจากภาพเบื้องหน้าอีกครั้ง ก็พลันเห็นอาร์คแองเจิลคนดังกล่าวโบกมือมาจากฝั่งที่ยืนเด่นเป็นสง่า ห่างไกลจากคำว่ากลมกลืนกับสิ่งรอบตัว ครั้นแล้วชั่วอึดใจถัดมาเขาก็ปรากฎตัวข้างๆ เธอ นั่งวางท่าอยู่บนม้านั่งตัวเดียวกันอย่างถือวิสาสะ เบลเซบับคาดไว้แล้วไม่มีผิดตั้งแต่วินาทีแรกที่พบว่าอีกฝ่ายสังเกตเห็นเธอ ปฏิกิริยาตอบสนองจากเจ้าชายแห่งนรกในเสี้ยวจังหวะที่ทูตสวรรค์เข้ามาประชิดตัวอย่างกะทันหัน ไม่บอกกล่าวล่วงหน้านั้นมีแต่เพียงความเรียบเฉยเย็นชา ไม่สะดุ้งสะเทือนหรือแสดงออกแม้เศษเสี้ยวว่าตระหนกตกใจอย่างไม่ทันตั้งตัว เพราะเบลเซบับรู้ดีว่าอีกฝ่ายชอบทำอะไรแบบนี้ นึกอยากจะถือวิสาสะหรือทำอะไรหุนหันปุบปับก็ทำ ปรากฏตัวหน้าตาเฉยตามใจอยาก ไม่ได้สนใจผู้อื่น เขาต้องเข้ามาพยายามยุ่งย่าม ข้องแวะด้วย แล้วก็จริงดังคาด เจ้าชายแห่งขุมนรกปรายตามองผู้มาเยือนที่หน้าตาสบายอารมณ์ราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้ปั่นหัวเธอให้มีโทสะ หรือเธอไม่ได้มีท่าทีจะเข่นฆ่าเขามาก่อนเลยแม้แต่น้อย บางครั้งเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจขอบเขตของการให้อภัยหรือการไม่ใส่ใจถือสาหาความของพวกทูตสวรรค์เหมือนกัน เบลเซบับนึกอยากถอนหายใจ – ถ้าร่างแบบมนุษย์เช่นนี้มีสิ่งที่เรียกว่าลมหายใจแล้วละก็ – จากนั้นก็หันไปแหวใส่ฝ่ายตรงข้าม ในแบบที่ดูเกรี้ยวกราดน้อยกว่าที่ควรจะเป็นเนื่องจากคาดหมายไว้แล้วว่าเหตุการณ์เช่นนี้ต้องเกิดขึ้นแน่ ถ้าเราสองคนยังคงตามเป้าหมายเดียวกัน คงยากที่จะหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้ไปได้พ้น “แก – อาร์คแองเจิล ฉันบอกแล้วไงว่าให้ไปให้พ้นหน้า ตรงไหนของประโยคนี้ที่ทูตสวรรค์อย่างแกไม่เข้าใจ ทำไมต่างคนต่างอยู่ไม่ได้ แกอยากจะสืบเรื่องสองคนนั้นก็ทำไปสิ ฉันก็จะทำไปตามวิธีของฉัน ไม่น่าจะต้องมายุ่งเกี่ยวกันสักนิด”

    ถึงจะบอกออกไปเช่นนั้นด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคืองเอาเรื่อง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงรอยยิ้มบนใบหน้าด้วยท่าทีเปิดเผยหวังอยากจะเป็นมิตรเต็มที่ ไม่ทุกข์ร้อนหรือรู้สึกรู้สาอะไรกับวิธีปฏิบัติจากปิศาจ นอกจากนี้ยังดูคล้ายกับว่ามีแผนการแฝงเร้นอยู่ด้วย เบลเซบับที่เหมือนจะมองออกตีสีหน้าไม่ไว้วางใจและหวาดระแวงให้อีกฝ่ายเห็นอย่างชัดเจน อาร์คแองเจิลยิ้มเผล่ แสร้งทำเป็นไม่ทันเห็นกิริยาอาการไม่เชื่อใจ ทั้งยังระแวดระวังจากอีกฝ่าย เขาพยายามรักษากระแสบรรยากาศให้สบายๆ ไม่เร่งรัด หรือกระโตกกระตากให้ฝ่ายตรงข้ามกระโดดหนีไปเสียก่อนขณะตอบกลับไปโดยที่ดวงตาของพวกเขาทั้งสองไม่ได้สบมองกัน หากแต่จับจ้องตรงไปข้างหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ลุกลิก วางจุดสนใจยังปิศาจและทูตสวรรค์ผู้ทรยศสองตนซึ่งกำลังดำเนินวิถีชีวิตและกิจวัตรประจำวันตามปกติอย่างรื่นรมย์เปรมปรีดิ์ ใช้เวลาไม่รู้จบร่วมกันไปตราบนิรันดร์ เป็นภาพของคู่ชีวิตที่อยู่กินกันมานาน รู้จักกันดีเสียยิ่งกว่าอะไร ยิ่งเบลเซบับเห็นพวกเก็บเกี่ยว แบ่งปันเวลาที่ใช้ร่วมกันและการมีอยู่ของอีกฝ่ายให้ได้หยิบยื่นรักและทำให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าเป็นที่รักมากที่สุดเท่าไร เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่ออีก ทั้งยังรู้สึกราวกับตนกำลังรับบทไม่สมควรที่จ้องจะมาสืบเสาะหาอะไรเอากับรักอันจริงแท้ แน่นอนและไม่อาจบอกเป็นอื่นไปได้ จากที่สัมผัส เธอไม่สามารถพูดได้แล้วว่ามันผิดหรือไม่สมควร มันคือสิ่งที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้วและสมควรจะเป็นมากที่สุดในโลกแล้ว เจ้าชายแห่งนรกไม่กล้าละสายตาไปไหนด้วยรู้สึกละอายหากจะที่ไม่กล้าสู้หน้ารักที่มากล้นเพียงนี้ พลางทอดถอนใจในความใจอ่อนของตน ขณะเดียวกันอาร์คแองเจิลก็มองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาที่ยากจะอ่านออก มันดูครุ่นคิด ทั้งยังมีมากมายหลากหลายความรู้สึกปะปนกันอยู่ ทว่าไม่มีความรู้สึกใดในนั้นสื่อถึงความไม่พอใจ ความโกรธเคือง หรือความชิงชังไม่ชอบใจ เจ้าชายแห่งนรกโลกันต์กับอาร์คแองเจิลผู้ทรงพละกำลังแห่งพระเจ้ากำลังถูกสิ่งที่เห็นและสัมผัสได้ดึงดูดใจไป พวกเขาคล้อยตามอารมณ์ความรู้สึกไปกับคนทั้งคู่ รวมถึงเกิดความรู้สึกอันดีงามขึ้นในใจจากภาพที่ได้เห็น เนื่องจากทุกสิ่งที่เป็น ที่เกิดขึ้น ที่ทักถอ และที่มีอยู่ระหว่างโครว์ลีย์กับอาซีราฟาเอลคือความดีงาม สิ่งวิเศษอันดีที่ไร้มลทิน ไม่ด่างพร้อย ไม่แปดเปื้อน สำหรับเกเบรียล ในฐานะอาร์คแองเจิลแล้ว เขาประจักษ์แจ้งดีว่าสองคนนั้นคือสิ่งดีงาม อัครทูตสวรรค์ยังคงรักษาท่าที คอตั้งตรงไปข้างหน้าพลางเอ่ยปากกับคนข้างๆ หากใครต่อใครมองมาก็ไม่รู้สึกผิดสังเกตมากนัก และก็จะรับรู้ไปในทางที่ว่าพวกเขาเป็นเพียงคนสองคนที่พูดคุยกันตามปกติ ไม่มีพิรุธเว้นเสียแต่เสื้อผ้าของพวกเราที่ไปคนละแนว ไม่เข้าพวกกันสักนิด แล้วไหนจะท่าทีบูดบึ้ง ห่างเหินจากเบลเซบับที่หมายมั่นจะบีบคอเขาอยู่ทุกชั่วขณะจิต “เราสองคนมีจุดประสงค์เดียวกัน จะไม่เจอกันแบบนี้มันคงยากไปหน่อยว่าไหม”

    “แกคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ” เจ้าของน้ำเสียงขัดเคืองนี้แทบจะแยกเขี้ยวยิงฟันใส่อัครทูตสวรรค์แล้วยามที่โต้ตอบกลับไป เธอทำหน้าเหมือนที่ต้องยอมรับความจริงข้อนี้อยู่นี่ก็ทุกข์ทรมานมากเพียงพออยู่แล้วไม่จำเป็นต้องให้อีกฝ่ายมาตอกย้ำ เกเบรียลยักไหล่ เขาไม่ทันรู้ตัวว่านั่นเป็นท่าทางของมนุษย์ อาร์คแองเจิลยกมือขึ้นชี้นิ้วทั้งสองข้างนั่นมาทางเบลเซบับ แสดงออกว่ากำลังจะจับจุด โยงเข้าประเด็นสำคัญของเรื่อง

    “นั่นก็เลยทำให้ผมคิดขึ้นมาได้ว่า ไหนๆ ก็ไหนๆ เราควรมาร่วมมือกันในเรื่องนี้ไปเลยน่าจะสะดวกกว่า ผมเองก็ทำให้คุณคล้อยตามได้ตั้งแต่แรกจนทำให้พวกเรามาอยู่กันตรงนี้แบบนี้ คุณเองก็ปฏิเสธว่ามันไม่ใช่ไม่ได้แล้วนะบี” ก็เล่นยอมรับออกมาเองด้วยเสียขนาดนั้น แต่เกเบรียลรู้จักอีกฝ่ายดีเกินกว่าจะพูดสิ่งที่คิดออกไปจนจบ เขาเหลือบมองคู่สนทนาไปด้วย พยายามหยั่งท่าที ดูปฏิกิริยาของเธอกับสิ่งที่เขาเสนอไป แม้สมาธิและใจจดจ่อเพียงเสี้ยวหนึ่งจะถูกทำให้ไขวเขวไปจากการเฝ้ารอคำตอบก็ตาม เพราะขณะเขาทอดสายตาไปเบื้องหน้าก็ไม่อาจหลีกหนีไปจากภาพของทูตสวรรค์อาซีราฟาเอลและปิศาจโครว์ลีย์ไปได้ สองคนนี้หันเหความสนใจของเขา รบกวนจิตใจ ทำให้เขาเสียสมาธิไม่น้อย สองเผ่าพันธุ์ที่ควรจะเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน สองฝั่งที่เป็นปรปักษ์ และไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเปลี่ยนแปรจากคำว่าศัตรูไปได้ เวลานี้กลับมีทูตสวรรค์หนึ่งตนและปิศาจหนึ่งตนจากทั้งสองฝั่งสานสัมพันธ์กันในแบบที่เกี่ยวกระหวัดพันผูกเหนียวแน่น เชื่อมโยงลึกซึ้ง เปลี่ยนไปเป็นข้างของพวกเขาเอง รักใคร่ลงเอยกัน และผูกพันด้วยรักที่ทูตสวรรค์แบบเขาไม่อาจปฏิเสธเป็นอื่นไปได้เลยว่ามันไม่งดงาม ไม่จริงแท้ หรือไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องสมควรยิ่งแล้ว นอกจากนั้น เกเบรียลยังไม่เคยแน่ใจกับการใช้คำจำกัดความกับอะไรสักอย่างเท่านี้มาก่อนในการเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างสองตนนั่นว่ารัก เขาไม่อาจลังเลที่จะใช้นิยามคำว่ารักระบุเจาะจงผู้ทรยศสองคนนี้ พวกเขาเป็นคู่ชีวิตถึงจิตวิญญาณ สถานะพงษ์พันธุ์ไม่เกี่ยวข้องแต่อย่างใดเลย มันทำให้ใจของเขารู้สึกไม่มั่นคงเอาเสียมากๆ กับสิ่งที่เขาได้รับรู้ ความจริงที่ว่าทูตสวรรค์และปิศาจรักกัน สามารถผูกสัมพันธ์กันได้มากล้ำสุดจะบรรยายยิ่งกว่าแผนการเหนือพรรณาของพระเจ้าถึงเพียงนี้ อัครทูตสวรรค์มองคู่รักสุดจิตวิญญาณซึ่งยืนกันอยู่สุดปลายสายตากำลังสุมหัวทำอะไรกันสักอย่าง หัวเราะให้กับเรื่องเล่าของกันและกัน ดื่มด่ำลงไปในบทสนทนาและการมีอยู่ของอีกฝ่ายเบื้องหน้า เพลิดเพลินอภิรมย์ไปกับความสุขของอีกฝ่าย อยู่ด้วยกันอย่างสุขสงบราบเรียบที่ชวนให้อบอุ่น สบายใจอย่างที่ความสุขใดไม่อาจเทียบใดกับการที่มีกันและกันไว้ ความรู้สึกและรักที่พวกเขามีให้กัน ห่อหุ้มโอบอุ้มกันและกันไว้ มันดูสว่างสดใส จุดประกายโลกทั้งใบ อาร์คแองเจิลเกเบรียลพลันนิ่วหน้าด้วยดวงใจที่สั่นสะท้านขึ้นมา จากนั้นก็รีบนำพาเอาจิตใจที่สั่นไหวผินมองกลับมายังคนตัวเล็กกว่าที่นั่งรังสีอำมหิตออกมาข้างๆ พร้อมกับโต้ตอบเขาเสียงกร้าวแบบที่เขาคาดไว้แล้วไม่มีผิดว่าเธอต้องตอบสนองต่อสิ่งที่เขากล่าวออกไปเช่นนี้ โดยในชั่ววินาทีที่เขาตวัดสายตากลับมามองบาปแห่งความตะกละตัวเล็กกระทัดรัดนี่ เขาก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าทำไมในอกถึงกระตุกวูบ เธอกำลังส่งเสียงเหมือนแมลงใส่เขา

    “เงียบเสียงของแกไปซะ ฉันบอกแกไว้ว่าไง หน้าที่ล่อลวงเป็นของปิศาจ แกอยากจะตกสวรรค์ลงมาเป็นพวกเดียวกันมากนักสิถึงได้พยายามล่อหลอกอยู่นี่ ที่แกทำอยู่นี้คือการล่อลวงรู้ไหม” มันคือการผจญ เป็นเทมป์เทชั่นที่ควรมีแค่ปิศาจที่ทำ ไมใช่อาร์คแองเจิลตนหนึ่ง เบลเซบับไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเกิดประสาทกลับหรือวิปลาสอะไรขึ้นมาถึงอยากจะเสนอให้ร่วมมือกันในแบบที่ไม่ใช่เพราะคำสั่งจากเบื้องบนอย่างที่แล้วมา เป็นการร่วมมือกันด้วยการตัดสินใจของเราสองคนเองล้วนๆ ไม่ใช่เพราะภาระหน้าที่บอกให้ทำเช่นนั้น และหากเธอตอบตกลงไปมันจะมิใช่หมายความว่าเธอยอมผูกมิตรไมตรีกับหมอนี่หรือ เจ้าชายแห่งขุมนรกนึกอยากส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวันเพราะเริ่มผวา หวั่นใจกับความคิดอีกฝ่ายจนนึกอยากจะละทิ้งการวางเฉยหรือความเยือกเย็นไปเสีย อยากจะตะโกนบอกไปเลยว่าเลิกเล่นตลกกับเธอได้แล้ว เธออยากให้การลองเชิง หยั่งท่าที หรือวัดใจอะไรก็ตามที่อีกฝ่ายกำลังพยายามทำอยู่จบเสียที แค่เขามีอิทธิพลให้เธอมาอยู่ตรงนี้ได้ บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ความสงสัยและการตั้งคำถามให้เธอมาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ก็มากเกินพอแล้ว มันทำให้เธอรู้สึกสูญเสียความมั่นคงในจิตใจ และมันอ่อนไหว ปิศาจนั้นหวั่นไหวได้ง่ายนัก ไม่ได้แข็งกร้าว กระด้างชาอย่างที่เห็นไปเสียทุกคนหรอก ลอร์ดเบลเซบับเบะปากเล็กน้อยทำหน้าเหมือนอยากจะปลดปล่อยอารมณ์หนักหน่วงกับความรู้สึกหนักอึ้งที่แบกรับไว้ทั้งหมดออกมารอมร่อ สีหน้าเธอเหมือนตอนบอกกับเกเบรียลที่ฐานทัพอากาศแทดฟิลล์ว่าลองให้เขาเป็นฝ่ายบอกกองทัพปิศาจสิบล้านตนกลับไปทำงานดูสิไม่มีผิดเพี้ยน แต่ก่อนที่จะทันได้สูญเสียการควบคุมตัวเองเข้าไว้ด้วยกันไม่ให้แสดงความอ่อนแอออกมา เธอก็เหลือบไปเห็นเจ้าอสรพิษโครว์ลีย์กับทูตสวรรค์คล้ายจะมองมาทางนี้ขณะเริ่มออกเดินเรื่อยเฉื่อย ทอดน่องสบายอารมณ์ไปด้วยกัน อ้อยอิ่งไปกับวันสบายๆ ที่สงบสุขเรียบง่ายนี่ ฉับพลันนั้นเอง เบลเซบับรีบคว้าหมวกของตนไปเกี่ยวศีรษะของอาร์คแองเจิลไว้ในทันที เจ้าชายแห่งนรกโลกันต์สวมหมวกให้อัครทูตสวรรค์ ดึงปีกหมวกลงมาอย่างแรงจนหมวกทรงแกสบีพองๆ เกี่ยวหัวเกเบรียลไว้ครึ่งหนึ่ง ง้ำลงมาปิดหน้าเขาไว้กว่าค่อน เพียงเท่านั้นไม่พอ ลอร์ดเบลเซบับยังกดหัวอีกฝ่ายให้ก้มลงไปพร้อมๆ กับเธอ ทำทีเป็นหาเศษเหรียญที่เพิ่งทำตกที่พื้น ทั้งที่มันไม่มีอยู่จริง เธอยอมรับว่าใช้โอกาสนี้ล้างแค้นอาร์คแองเจิลหน่อยๆ ด้วยการขยี้ผมกับหัวอีกฝ่ายเสียจนยุ่งเหยิง จนเมื่อเห็นว่าสองคนนั้นหยุดยืนอยู่หน้าร้านไอศกรีมรถเข็น อยู่ในขอบข่ายที่ไม่อาจจะมองเห็นเธอกับอาร์คแองเจิลงี่เง่าน่าหมันไส้นี่ได้แล้ว จึงค่อยๆ เงยหน้ากลับขึ้นมาตั้งตัวตรงดังเดิม ปล่อยมือที่ขยุมผมอีกฝ่ายเป็นอิสระ เกเบรียลกลับสู่อิริยาบถที่ถูกที่ควรอีกครั้ง เขาจัดหมวกที่เธอมาเกี่ยวหัวเขาไว้สวมศีรษะตนอยู่ดังเดิมในแบบที่เรียบร้อยและถูกที่ถูกทางมากกว่าเมื่อครู่ ไม่ได้ถอดคืนเธอ พร้อมกันนั้นก็รีบสานต่อความตั้งใจของตนให้เป็นไปตามแผนการที่วางไว้อย่างต่อเนื่องทันทีประหนึ่งว่าเมื่อครู่ไม่ได้โดนขัดจังหวะด้วยการคุกคามแบบที่ตั้งตัวไม่ติด ถูกประทุษร้ายต่อกายซึ่งๆ หน้า ทว่าเขาปราศจากซึ่งท่าทีถือสาเอาความ ไม่นึกถือโทษหรือขุ่นเคืองใดๆ แม้แต่น้อยจนเบลเซบับต้องจดจ้องกลับไปอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง – เธอไม่พอใจนิดๆ ด้วยที่อีกฝ่ายยึดหมวกเธอไว้กับตัวแบบนั้น – เห็นทีว่าคนตรงหน้าแน่วแน่และมุ่งมั่นกับการเชื้อเชิญ ชักชวนเธอให้ร่วมมือกันเสียเหลือเกินเป็นแน่แล้ว ถึงได้ไม่มีอะไรทำให้วอกแวกหรือส่งผลให้ล้มเลิกความตั้งใจไปได้ ทว่าที่จริง – ยากสำหรับเธอที่จะยอมรับ – แต่อาร์คแองเจิลเกเบรียลใจกว้างขวางกว่าที่คิด เขาไม่ใคร่จะขุ่นเคืองใครง่ายๆ เว้นแต่เวลาเธอยั่วโมโหเขาอย่างหนักข้อจนเขาหัวเสียขึ้นมานั่นแหละ นอกนั้นเขาก็มักจะยิ้มร่า มั่นอกมั่นใจเสียเต็มประดาขณะแสดงอัธยาศัยอันดีในแบบวางท่าไว้ตัวของเขา ไม่ถือสาหาความ ไม่ถือโทษโกรธเคือง มักมองทุกคนด้วยสายตาแห่งความดี การทำตัวเป็นไอ้งั่งหัวโตตัวใหญ่จอมงี่เง่าบางครั้งเพราะเขาแค่เป็นทูตสวรรค์ และทูตสวรรค์ส่วนใหญ่งมงายในความเชื่อและศรัทธาที่ถูกปลูกฝังจนอาจมองข้ามบางสิ่งบางอย่างทำให้ดูใจดำและขาดความเห็นอกเห็นใจ หรือการคำนึงถึงความถูกต้องเหมาะสมตามสมควรและศีลธรรมความดีที่แท้ในบางครั้ง รวมทั้งด้วยสถานะอาร์คแองเจิลของเขาก็มีส่วนช่วยส่งเสริมให้เขาถือดีและผยองในตน คิดว่าตนเองทำทุกสิ่งถูกต้องและดีเลิศ เผลอข่มคนอื่นบ้างไม่น้อย ดังนั้น เมื่ออามาเกดดอนไม่เกิดและเรื่องอื่นๆ ที่ตามมาเขาจึงดูเหมือนจะเสียศูนย์ เคว้งคว้าง ทำอะไรไม่ถูกไปเลยทีเดียว เบลเซบับไม่เคยเห็นเขาหัวเสียมากจริงๆ มาก่อน แต่เขาก็ดูจะฉุนมากกับเรื่องทั้งหมดเหล่านั้น พยายามจะจัดการเรื่องต่างๆ ให้กลับไปเรียบร้อย ลุล่วงดังเดิมให้ได้มากที่สุด

    “ไม่หรอกบี ไม่ใช่การล่อลวงสักนิด ผมมีข้อเสนอ ผมคิดว่าเราน่าจะร่วมมือกันได้ หมายถึงสืบเรื่องพวกนี้ ค้นหาความจริง หาคำตอบที่น่าพอใจ คุณเห็นว่าอย่างไร ส่วนข้อแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อและน่าจะพอจูงใจคุณได้ก็เอาเป็นส่งพวกคนบาปจากภัยพิบัติใหญ่ครั้งต่อไปให้ฝั่งเบื้องล่างล่ะเป็นอย่างไร” เกเบรียลหยุดชะงักไปลมหายใจหนึ่ง พลางยกมือขึ้นป้องปากสื่อว่าสิ่งที่กำลังจะพูดเป็นความลับขั้นสุดยอดนัก – “ขอบอกไว้ล่วงหน้าเลยว่าภัยพิบัติครั้งต่อไปของโลกน่ะเป็นภูเขาไฟระเบิดที่ซีกตะวันออก ผมขอไม่เจาะจงเพราะเป็นความลับทางการค้า แต่จะได้วิญญาณเยอะเชียวละ” การโน้มน้าวด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นระคนตื่นเต้นจูงใจนี้กอปรไปกับใบหน้าฉีกยิ้มกว้าง เสนอความจริงใจเปิดเผยที่สุดแล้ว ชั่วขณะหนึ่ง ไม่รู้ด้วยเหตุใด อาร์คแองเจิลก็พลันนึกถึงการสนทนากับพี่น้องของเขาขึ้นมา ครั้งหนึ่งหลังจากเขากลับขึ้นไปข้างบนเมื่อการพบปะหารือกับลอร์ดเบลเซบับจากเบื้องล่างคนนี้เสร็จสิ้น ไมเคิลก็ทักเขาว่าไปพบเบลเซบับมาหรือ นั่นทำให้เขางุนงงมากทีเดียวว่าเพราะเหตุใดไมเคิลจึงรู้แค่เพียงมองปราดเดียว ครั้นเขาเอ่ยปากถาม อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาว่ามันออกจะชัดเจนอ่านง่ายถึงเพียงนั้นทีเดียวเชียว ทุกครั้งที่เขาไปพบปิศาจตนนั้นจะกลับขึ้นมาด้วยใบหน้าที่คล้ายจะหงุดหงิดก็ไม่ใช่กึ่งๆ จะพึงพอใจก็ไม่เชิง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จะมีสีหน้าที่ดีใช้ได้ ราวกับว่ากำลังสนุกและเบิกบานสำราญใจไม่น้อย เกเบรียลจ้องมองไมเคิลกลับไปว่าเธอคงจะเข้าใจผิดแล้ว ทว่าอาร์คแองเจิลไมเคิลกลับยิ้มพลางกล่าวต่อว่านายหาเรื่องแกล้งเธอ ยั่วโมโหเธอให้ขุ่นเคืองทุกครั้ง เมื่อไรนายจะเลิกแกล้งเธอ ไม่รู้เหรอว่าเวลามนุษย์เด็กผู้ชายบนโลกจะเรียกร้องความสนใจจากเด็กผู้หญิงที่ตัวเองชอบ เขาจะแกล้งเธอ ล้อเลียนเธอ แต่นั่นคือการกระทำที่คล้ายจะตะโกนกู่ร้องว่าฉันอยู่ตรงนี้นะ สนใจฉันหน่อย มันเป็นสิ่งที่เด็กผู้ชายมักจะทำในตอนแอบชอบเด็กผู้หญิงสักคน เกเบรียลฟังแล้วต้องย่นจมูก แต่เขาไม่ใช่เด็กผู้ชายและเขาก็ไม่ได้ชอบบี เกเบรียลฟังไมเคิลพูดแบบนั้นแล้วรู้สึกไม่ชอบใจนิดหน่อย พลางคิดว่าที่อีกฝ่ายพูดนั้นไม่ถูกเลย เขาก็แค่แหย่บีเพราะเห็นว่าสนุกดีที่ใบหน้าเรียบเฉยตึงตังนั่นจะแสดงอารมณ์หลากหลายออกมาบ้าง ตอนที่เธอแสดงอารมณ์บนสีหน้า มันดูมีชีวิตชีวาไม่น้อย ไมเคิลเดินผละไปทำหน้าที่ตัวเองดังเดิมด้วยรอยยิ้มยั่วเย้าที่เหมือนจะรู้เท่าทัน เธอเป็นแบบนี้เสมอล่ะ เกเบรียลส่ายหน้า จากนั้นก็หลุดออกจากผืนความทรงจำ กลับมาสู่ความเป็นไปปัจจุบันอีกครั้ง ดวงตาสีม่วงทรงพลังเป็นประกายคมกล้าขณะพินิจมองปิศาจตัวเล็กกว่าที่จมลงสู่วังวนความคิดตรึกตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วน แววตาของเธอเต็มไปด้วยการใคร่ครวญอย่างระมัดระวัง หลังจากบรรยากาศรายล้อมด้วยห้วงการตัดสินใจ ผ่านการชั่งน้ำหนักพร้อมทั้งไตร่ตรองดูแล้วอย่างละเอียดลออ เจ้าชายแห่งขุมนรก บาปแห่งความตะกละก็ส่งเสียงเหมือนแมลงออกมา เธอหันไปคว้าหมับ ฉวยหมวกจากศีรษะอีกฝ่ายกลับมาสวมหัวตนเองเหมือนเดิมก่อนจะรีบรวบรัดคำพูดออกมาในคราวเดียว

    “ตกลง” ความจริงก็คือนับแต่ดั้งแต่เดิมมา ถึงพวกเขามักจะทะเลาะ ต่อล้อต่อเถียงกัน แต่ถ้าเรื่องใหญ่ที่ต้องตัดสินใจร่วมหรือมีผลสะท้อนใหญ่หลวงแล้วก็จะเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย หากต้องจัดการสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จเสร็จสิ้นก็จะมีแบบฉบับของตัวเอง แต่ก็จะเห็นด้วยกันไปหากเกี่ยวพันถึงวัตถุประสงค์อันใหญ่ยิ่งที่มีร่วมกันอย่างอามาเกดดอน การทำงานของฟากฝั่งตนให้สำเร็จลุล่วงด้วยการประสานงาน จัดการบางเรื่องไปด้วยกัน หรือการควบคุมดูแลคนในสังกัดไม่ให้แตกแถวออกนอกลู่นอกทาง ที่จริงแล้วสองคนนี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากนำมาร่วมมือกันได้คงเป็นเจ้านาย เป็นผู้บังคับบัญชาที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ระหว่างอาร์คแองเจิลเกเบรียลกับเจ้าชายแห่งนรกมันไม่เคยมีเส้นที่อีกฝ่ายจะไม่กล้าล้ำเส้นเข้าไปตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พวกเขาสองคนทำให้ต่างฝ่ายต่างรำคาญกันและกัน ไม่สบอารมณ์หรือหงุดหงิด แต่กลับสนุกไปกับการทำแบบนั้น และบางทีก็รื่นเริงไปกับการข้องแวะชั่วครั้งชั่วคราวตลอดกาลเวลาเกือบหกพันปีมานี้ ปฏิเสธไปไม่ได้เลยว่าออกจะสำราญ รักที่จะรำคาญฝ่ายตรงข้าม ยามที่อาร์คแองเจิลเกเบรียลได้ยินคำตอบเช่นนั้นจากปากคนตรงหน้า เขาก็ยิ้มร่าออกมา เบลเซบับแทบจะรู้สึกว่ารัศมีของอาร์คแองเจิลเปล่งประกายเจิดจ้าแรงขึ้น เธอยอมตกล่องปล่องชิ้นไปกับเขาแล้ว ไหนๆ เราก็มีผลประโยชน์ร่วมกัน แถมนรกยังจะได้เปรียบเนื่องจากรับประโยชน์มากกว่าฝั่งนั้นด้วยถ้าภัยพิบัติใหญ่รอบหน้าจะได้พวกวิญญาณคนบาปมาเป็นพลพรรคเพิ่ม เธอยอมเสียสละสภาพความมั่นคงทางจิตใจและสุขภาพจิตอันดีของตัวเองนิดๆ หน่อยๆ เพื่อแลกมันมา แต่ก็ยังจะได้ไขข้อสงสัยของตนไม่ต้องทุ่มเทแรงทั้งหมดแสวงหาด้วยตัวเอง กับการแค่ยอมทนอาร์คแองเจิลฟักกิ้งเกเบรียลไม่เหลือบ่ากว่าแรงเลยแม้เพียงนิด อย่างไรเสียตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอกับเขาก็เหมือนจะเป็นเอเนมีวิธเบเนฟิท – ให้ตายเถอะ ที่จริงเธอเลิกใช้คำนี้ตั้งแต่พวกมนุษย์คิดค้นคำคล้ายๆ กันแล้วเอาไปใช้ในความหมายแฝงอีกแบบหนึ่งขึ้นมา – แต่เธอกับเกเบรียลเป็นเอเนมีวิธเบเนฟิทมาตลอด เป็นศัตรูคู่อริผู้ที่บางทีมีผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่ว่าอย่างไร

    ทว่ากระนั้น สำหรับเบลเซบับแล้ว ต่อให้ตกลงปลงใจ ยินยอมร่วมมือไปเช่นนั้นก็ยังมีเงื่อนไขเก็บงำบางประการที่ไม่ได้บอกกล่าวออกไปด้วยเช่นกัน ก่อนหน้าจะร่วมมือกับอาร์คแองเจิลนี่ เธอมีเรื่องหนึ่งที่สำคัญกว่าต้องทำ เบลเซบับกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ แต่ยังไม่ทันจะทำสิ่งที่มาดหมายไว้ ฝ่ายอัครทูตสวรรค์ก็เพิ่งรู้สึกตัวขึ้นมาว่ามัวแต่เทความสนใจไปกับคนข้างๆ จนหมด หลงลืมใส่ใจเป้าหมายไปเสียสนิท เขายืดคอสอดส่ายสายตาไปมาทั่วอาณาบริเวณแต่ไม่พบเงาร่างของผู้ทรยศทั้งสอง ก่อนจะบ่นงึมงำคล้ายคำถามที่ทำให้เบลเซบับรู้ได้ว่าเหตุการณ์กำลังเข้าทางตนและช่วยให้เรื่องต่างๆ ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องลงแรงพอดิบพอดี “บี พวกนั้นไปไหนกันแล้ว”

    จากถ้อยคำพึมพำนั้น เบลเซบับไม่ได้ตอบกลับไปในทันที ความเงียบแวะเวียนมาทักทายครู่หนึ่ง ขณะที่เจ้าชายแห่งนรกเลือกจะยกมือจับที่ขมับพลางหลับตา จับสัมผัสรอบด้านเพียงชั่วไม่กี่ลมหายใจ เกเบรียลรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังใช้ปาฏิหาริย์ค้นหาตัวสองคนนั้นในแบบที่หากเขาจะทำก็ไม่ได้เหนือบากกว่าแรงเช่นกัน แต่เขาพึงใจจะปล่อยให้เธอเป็นฝ่ายมีบทบาทเหนือกว่า ส่วนเขาจะยอมตามอย่างว่าง่าย เพราะนั่นจะทำให้เธอพอใจและอารมณ์ดี ครั้นแล้วเบลเซบับก็พูดขึ้นโดยที่อีกฝ่ายไม่ล่วงรู้หรือทันรู้สึกตัวเลยสักนิดเดียวว่านี่คือตอนที่เธอเริ่มดำเนินตามแผนที่วางไว้ในใจให้เป็นไปตามแนวทางที่ต้องการ ซึ่งในทางเทคนิกแล้วก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเธอโกหก หรือต่อให้เธอโกหกนั่นก็เป็นวิสัยที่พึงสมควรของปิศาจอยู่ดี “เจอแล้ว ตามฉันมาอย่าอืดอาดล่ะ อาร์คแองเจิล” – ปิศาจผุดลุกขึ้นจากม้านั่ง ก้าวฉับๆ ออกไปเสียจนเกเบรียลที่กำลังงุนงงกับท่าทีหุนหัน เกือบจะลุกตามไปไม่ทัน อัครทูตสวรรค์ไล่ตามหลังอีกฝ่ายไปติดๆ เขาเกือบจะคว้าข้อมือเธอไว้อย่างลืมตัวเพื่อรั้งให้อีกฝ่ายรอและให้การกระทำปุบปับฉับไวเช่นนี้ช้าลงบ้าง


    ในคราแรก เกเบรียลถูกจับยัดเข้ามาในแท็กซี่ด้วยท่าทีบังคับแกมข่มขู่จากปิศาจเพราะเขาดื้อดึงไม่ยอมใช้ยานพาหนะของมนุษย์ด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกประการหนึ่งเนื่องจากในฉับพลันดังกล่าว เขาสัมผัสได้ถึงสังหรณ์เตือนภัยล่วงหน้าว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลรอคอยเขาอยู่ – ทว่าสุดท้ายอย่างไรก็ต้องยอมลงให้กับเธอ เกเบรียลคิดว่าปิศาจจะพาตนไปยังสถานที่อันเป็นจุดหมายปลายทางของคนทรยศสองคนนั้น ติดตามเสาะหาข้อเท็จจริงและคำตอบต่อไปอย่างไม่ลดละ แต่ทุกอย่างเริ่มจะไม่เป็นไปตามที่เขาคาด ทั้งยังดูคล้ายจะกลับตาลปัตรไปอีกทางอย่างไม่น่าเชื่อและไม่ควรจะเป็นตั้งแต่เขาเริ่มพาตัวเองลงจากแท็กซี่ เดินตามเธอซึ่งก้าวฉับๆ อย่างเด็ดขาดนำหน้ามาเรื่อยๆ เข้าสู่ตรอกเงียบๆ ร้างราผู้คนที่หากจะมีใครสักคนหลงมาก็ดูมีพิรุธ ไม่เป็นมิตร และไม่น่าไว้วางใจอย่างยิ่ง เวลานี้สภาพการณ์และสิ่งแวดล้อมรอบด้านดูห่างไกลจากสถานที่ซึ่งสองคนนั้นจะมีโอกาสแวะเวียนมาเป็นที่สุด พิจารณาจากมุมไหนไม่น่าจะใช่ที่ที่สองคนนั้นจะเยียบย่างมาเป็นแน่ อาร์คแองเจิลค่อนข้างมั่นใจ เขาเริ่มหันรีหันขวาง หันมองอย่างวอกแวก พะวักพะวงไปข้างหลังขณะเบียดตัวตามเจ้าชายแห่งนรกผ่านช่องทางเดินระหว่างช่วงตึกที่บีบท้องฟ้าเหนือขึ้นไปให้แคบจนกลายเป็นเส้นตรงบางๆ สีขาวสล้างซึ่งดูดอึดอัด น่าแปลกที่เขารู้สึกว่าผืนนภาสีครามเบื้องบนนั้นดูผิดแผกไม่เป็นมิตรเหลือเกินภายใต้มุมมองและสิ่งรายล้อมเหล่านี้ บางทีเขาอาจจะเดินเข้ามาอีกโลกหนึ่ง โลกที่เร้นลับของเหล่ามนุษย์ผู้อยากหนีให้ห่างจากความเป็นจริงกระมัง อัครทูตสวรรค์มองแผ่นหลังเล็กๆ อันขึงขังเบื้องหน้า ทั้งที่รู้ดีว่าเธออาจจะพาเขาไปที่ไหนก็ได้เว้นเสียแต่ที่ที่ต้องไปอย่างที่ซึ่งคนทรยศทั้งสองนั้นอยู่ เขาก็ยังจะยอมตามเธอไปโดยง่ายแม้จะคาดหนทางเบื้องหน้าไม่ได้ ไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรรอยู่และสถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาเคยชินแม้แต่น้อย จนถึงตอนนี้เกเบรียลย่อมรู้แล้วว่าสิ่งที่กำลังเป็นไปนี้ไม่ได้นำทางพวกเราไปหาสองคนนั้น อาร์คแองเจิลค่อยๆ เพ่งสมาธิ ร่ายปาฏิหาริย์เพื่อตามหาที่อยู่แท้จริงของปิศาจโครว์ลีย์และอาซีราฟาเอลก่อนจะพบว่าพวกเขานั่งเพลิดเพลินกับมื้ออาหารอยู่ที่เดอะริทซ์ ทว่าแม้จะทราบดังนั้น เขาก็ยังจะพึงใจตามคนตรงหน้าไปด้วยอยากรู้อย่างตั้งหน้าตั้งตาคอยเลยด้วยซ้ำว่าเธอกำลังจะทำอะไร เขาเป็นอาร์คแองเจิล ไม่มีทางหวาดกลัวหรือกังวลต่อสิ่งใดๆ ที่รออยู่ ย่อมป้องกันตัวเองได้ นอกจากนี้ อีกใจหนึ่งก็ตระหนักแจ้งดีว่าปิศาจจะไม่ทำอะไร พวกเรารู้จักกันมานานและดีพอที่จะเข้าใจนิสัยใจคออีกฝ่าย เกเบรียลมั่นใจในตัวฝ่ายตรงข้ามว่าต้องมีเหตุผลอันสมควรในการพาเขาไปยังที่ที่เธอกำลังจะมุ่งหน้าไปนี้ ฝ่ายเบลเซบับก็แจ้งแก่ใจดีเช่นกันว่าอาร์คแองเจิลรู้ตัวว่าเธอไม่ได้กำลังพาเขาไปยังที่ที่ควรจะเป็นตามจุดมุ่งหมายอันต้องประสงค์ของพวกเรา หากจะให้พูดกันตามตรง สิ่งที่เบลเซบับมุ่งหมายไว้ขณะตกปากรับคำกับอาร์คแองเจิลนั้นไม่มีอะไรแอบแฝงมากมาย ไม่ได้มีลับลมคมใน ไม่ใช่การล่อหลอกให้ติดกับ หรือเป็นอะไรที่เจ้าเล่ห์เพทุบาย และสถานที่ซึ่งเธอกำลังพาอาร์คแองเจิลมุ่งหน้าไปอยู่นี้ไม่ใช่หลุมพรางหรือกับดักที่เป็นภัย ประสงค์ร้ายใดๆ ทั้งสิ้น เธอไม่มีเจตนาชั่วร้ายแต่อย่างใดแม้วิถีการล่อลวงมาจะไม่ถูกต้องเท่าไรด้วยการปิดบัง ชักนำมาโดยปราศจากความยินยอม กลับกันเสียอีกที่เธอกำลังจะหยิบยื่นความสำราญ ปลดเปลื้องเรื่องทุกข์ใจอันหนักอึ้งให้ได้ระบายออกมาบ้าง ความจริงก็คือพวกเขาจำเป็นต้องได้แอลกอฮอล์แรงๆ ก่อนจะกลับไปรับมือกับสองคนนั้นและรักที่อบอวลไปทั่วจนแทบจะสำลักนั่นอีกครั้ง เธอคงจะไม่อาจหวังให้ตัวเองรับมือเรื่องนี้พ่วงด้วยอาร์คแองเจิลอีกตนหนึ่งอย่างมีสติและเหตุผลอันดีถ้าไม่ได้ทำตัวเองให้แปดเปื้อนด้วยบาปโดยการเมามายไปกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ครั้นแล้วปิศาจแห่งขุมนรกก็หยุดยืนอยู่หน้าผับเก่าแก่แห่งหนึ่งบนถนนเส้นเล็กๆ ปูด้วยหินที่ห้ามรถผ่าน มันเป็นไอริชผับดูเก่าคร่ำครึและตั้งอยู่ในทำเลแย่ๆ เหนือเนินเล็กๆ ที่ต้องอาศัยแรงไต่ขึ้นไปจากถนนหลัก ป้ายไม้แสดงชื่อร้านที่แขวนยื่นออกมาเขียนด้วยอักษรแบบกอธิคว่าแองเจิลส์สเลย์เยอร์ส อาร์คแองเจิลยืนตาปริบ มองแผ่นป้ายนั้นแล้วไม่รู้จะตีสีหน้าเช่นไรดี – เวล แค่ชื่อร้านก็ทำให้ใจชื้นได้แล้วว่าไหมว่าจะมีอะไรรออยู่ – เขาดูสับสนระหว่างจะยิ้มร่าตามปกติหรือควรจะคลางแคลงใจในความหมายที่แท้จริงของมัน สมองพลันหยุดคิดทบทวน หรือที่จริงนี่เป็นแหล่งส่องสุมของปิศาจแล้วเขากำลังถูกล่อลวงมาฆ่าโทษฐานที่กวนใจเธอมากเกินไปจนอีกฝ่ายหมดความอดทน แต่น่าแปลกที่พอมีความคิดนี้ผ่านเข้ามา อาร์คแองเจิลกลับรู้สึกว่ามันประหลาดพลางนึกขบขัน เบลเซบับตรงไปตรงมาและใจเด็ดแบบที่คงจะจัดการเขาตรงๆ ซึ่งๆ หน้าเกินกว่าจะทำอะไรลับๆ ล่อๆ ส่วนของสถานการณ์นี้ที่แย่กว่าความคิดนั้นจริงๆ ก็เห็นจะเป็นการที่มันทำให้เขายิ่งตื่นเต้นอยากจะรู้ขึ้นไปอีกว่าเธอพาเขามายังที่แห่งนี้หน้าตาเฉย โดยไม่บอกไม่กล่าวอะไรเพื่อสาเหตุใดกันแน่เสียมากกว่า

    “อันที่จริงผมคิดว่าพวกนั้นอยู่ที่เดอะริทซ์ซะอีก” มันเป็นเพียงการทิ้งคำถามไว้เฉยๆ เพื่อหยอกเอินอีกฝ่าย พลางบอกเป็นนัยว่าเขารู้อยู่ตลอด แต่ไม่ได้ประสงค์คำตอบจริงๆ แต่อย่างใด เกเบรียลหยุดยืนข้างๆ คนตัวเล็กกว่า เอียงตัวไปทางเธอเล็กน้อยคล้ายอยากจะให้ประโยคที่พูดได้ยินกันเพียงแค่สองคนทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น ฉับพลันนั้น เจ้าของดวงตาสีฟ้าใสตัดกับองค์ประกอบสีเข้มอันปรากฎเป็นส่วนใหญ่บนตัวโดยเฉพาะอาภรณ์สวมใส่ก็หันควับมองอาร์คแองเจิลคนดังกล่าว สายตาทั้งหมดบอกเล่าสิ่งที่คิดในใจไว้ได้อย่างชัดเจนและเฉียบคมโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยออกมา เธอทำหน้าเหมือนจะบอกว่ารู้อยู่แล้วจะตามมาทำไม ในเมื่อตามมาแสดงว่ายอมรับความเสี่ยงเอง ทำไมต้องถามไถ่ให้มากความ เบลเซบับทำหน้าเอือมระอาเล็กน้อยก่อนจะคว้าประตูเหวี่ยงออก

    “ใช่พวกนั้นอยู่ แต่ไม่ใช่เรา” น้ำเสียงที่ยอมตอบกลับไปคือความเย็นชา ไร้อารมณ์เฉกเช่นเดียวกับสีหน้า แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามีความยียวนกวนอารมณ์แฝงเร้นอยู่ด้วย เมื่อประตูเปิดออกนั้น เธอไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรอีก พร้อมกับพาตัวเองโฉบเข้าไปยืนตั้งท่าจังก้าอยู่หน้าทางเข้าด้วยท่าทางเฉียบขาดและเอาเรื่องไม่น้อย ทว่าใบหน้าก็ยังคงความเรียบเฉยติดจะเนือยนายตามปกติไม่เปลี่ยนแปรเสมือนหนึ่งว่าไม่มีอะไรจะมากวนใจหรือกล้าล้ำเส้นกับเธอได้ ต่อให้คนในร้านที่กำลังนั่งกันอยู่จะหันหน้ามองมายังเธอเป็นตาเดียวหรือขัดขืนไม่ยอมทำตามคำสั่งอันเด็ดขาดที่เธอกำลังจะประกาศกร้าว – “พวกแกออกไปให้หมด วันนี้ร้านปิดแล้ว” – บรรดาผู้คนในร้านต่างมองค้างไปทางเดียวกันอย่างนิ่งงัน หยุดทุกพฤติกรรมที่กำลังทำอยู่ไปชั่วขณะด้วยความงงงันเต็มไปด้วยคำถาม ไม่ใคร่จะเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างน่างงงวยนี่เท่าไรนัก แม้แต่ผู้ที่ดูน่าจะอันธพาลที่สุดในร้านก็ยังรู้สึกตั้งตัวไม่ติด ทำตัวไม่ถูกไปกับความห้าวหาญและแข็งกร้าวของเธอในเวลานี้ที่บุกเข้ามาหน้าตาเฉยราวกับพร้อมจะมากวาดล้างอะไรสักอย่างเต็มที่ รวดเร็วหุนหันและเอาแน่เอานอน คาดเดาไม่ได้ดังพายุ เจ้าชายแห่งขุมนรก ตัวแทนบาปแห่งความตะกละไม่ใส่ใจสิ่งใดทั้งสิ้น เธอโบกมือวูบหนึ่งเพื่อสร้างปาฏิหาริย์ของปิศาจพลางพูดเสียงเฉียบกับเหล่ามนุษย์ผู้ยังงุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูกในร้านที่ต่างก็เงยหน้า ผงกหัวขึ้นมองแขกผู้มาเยือนที่เปิดประตูผ่างเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัว ขณะอาร์คแองเจิลซึ่งยืนเป็นฉากหลังราวกับไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพเหตุการณ์ทั้งหมดตรงหน้ากำลังมีสีหน้าภาคภูมิใจกึ่งๆ จะบอกว่าอย่ากล้าลองดีกับเธอเลย ระคนปนเปไปกับท่าทางที่อยากจะสื่อว่านี่แหละเธอล่ะ ผู้คนในร้านต่างทยอยกันลุกขึ้น ทิ้งทุกอย่าง ไม่ใส่ใจจะติดตาม พร้อมกับพากันเดินแถวออกจากร้านอย่างว่าง่ายจากปาฏิหาริย์ที่ปิศาจสะกดไว้ พวกเขาเดินเรียงหน้าผ่านปิศาจและทูตสวรรค์ออกไปจนทั้งร้านตกอยู่ใต้ความเงียบสงัด ไร้กระแสของสิ่งชีวิต เบลเซบับทำตัวเหมือนพายุที่เมื่อโหมมาก็พัดพาเอาทุกอย่างหอบกลับไปจนหมดสิ้นแบบนี้ เหลือทิ้งไว้แต่เพียงโต๊ะเก้าอี้ว่างเปล่ากับร้านโล่งๆ ที่เงียบงัน จากนั้นเธอก็เดินดุ่มๆ ด้วยฝีเท้าอันสม่ำเสมอและฉับไว มุ่งตรงไปนั่งที่บาร์ ถอดหมวกและโค้ทออก เกเบรียลเลื่อนสายตาตามเธอไปทุกอิริยาบถ และพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่แสดงออกใดๆ ทางสีหน้าเมื่อเก้าอี้ตรงบาร์ที่ค่อนข้างสูงนั้นทำให้เธอลำบากเล็กน้อยในการปีนขึ้นไปนั่ง อันที่จริง เธอแทบจะต้องโยนตัวเองขึ้นไปทีเดียว ครั้นจับให้ตัวเองนั่งอย่างมั่นคงได้สำเร็จ ปิศาจก็ดีดนิ้ว คลายมนต์สะกดให้กับบาร์เทนเดอร์

    “เตกีล่าช็อต” ถ้อยคำเรียบๆ สั้นๆ ไม่ต้องอธิบายอะไรให้เยิ่นเย้อก็เป็นอันเข้าใจถูกทิ้งลงหน้าเคาน์เตอร์บาร์เหมือนเช่นทุกๆ ครั้งที่เธอแวะเวียนมาในรูปแบบที่ต่างออกไปจากตอนนี้เล็กน้อย เพราะปกติแล้วเธอไม่ได้ไล่ตะเพิดใครออกไป แค่แฝงตัวกลืนไปกับมนุษย์และใช้เวลาอยู่กับห้วงภวังค์แห่งความเมามายอันรื่นรมย์ของตัวเอง ปิศาจผู้ซึ่งเพิ่งบุกบั่นอย่างมั่นอกมั่นใจเข้ามาถล่มไอริชผับจนร้างผู้คนไปภายในอึดใจเดียวเมื่อครู่ ทำราวกับว่าตนไม่รู้ไม่ชี้ จำไม่ได้สักนิดว่าเมื่อครู่ได้ทำอะไรลงไป เธอกล่าวกับบาร์เทนเดอร์ด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ติดจะบงการนิดๆ ขณะบาร์เทนเดอร์คนดังกล่าว มนุษย์ผู้เดียวในร้านอันเปลี่ยวร้างผู้คนหงกศีรษะรับคำก่อนจะหันไปดำเนินหน้าที่ของตัวเองตามคำสั่ง สงบปากสงบคำและไม่มีคำถามที่ควรจะเป็นอย่างน่าสงสัยทีเดียวทั้งที่ก่อนหน้านี้คนทั้งร้านของตัวเองเพิ่งถูกกวาดต้อนออกไปในคราวเดียวแบบที่ห่างไกลจากคำว่าเป็นปกติวิสัยอย่างมาก ทั้งยังไม่มีคำอธิบายที่น่าจะสมเหตุสมผลรองรับ และคนที่ทำเช่นนั้นก็ยังมีโอกาสเดินเข้ามานั่งปักหลักหน้าตายอย่างไม่ทุกข์ร้อนว่าเพิ่งเป็นต้นเหตุและต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นครู่ก่อน จึงเห็นได้ชัดว่าเขากำลังตกอยู่ใต้ปาฏิหาริย์บงการของปิศาจ อีกด้านหนึ่ง ที่หน้าประตู อัครทูตสวรรค์ยังคงไม่รู้ว่าตนควรจะขยับเขยื้อนไปตรงไหน อย่างไรดี ขณะเบลเซบับเริ่มคลายท่าที ลดกำแพงความแข็งกร้าว และเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่อาร์คแองเจิลเกเบรียลเห็นคนตรงหน้าดูผ่อนคลายคล้ายจะว่าง่ายกว่าปกติหลายเท่านัก เธอดูอ่อนลงและเริ่มเหยียดตัว คลายท่าทีที่วางท่าแข็งๆ กับความทระนงองอาจอันห้าวหาญอย่างเกียจคร้านเหมือนนางแมวสง่างามเย่อหยิ่งตัวเล็กๆ ที่ปกติมักจะดุดัน ไม่ยอมคน แล้วก็เอาแต่ขู่แฟ่ใส่เขาที่พยายามจะทำทีเป็นสนิทชิดเชื้อ ตีสนิท เข้าไปหยอกล้อเล่นด้วย เกเบรียลคิดพร้อมกันนั้นก็ลืมตัวไปว่ากำลังละสายตาไปจากอีกฝ่ายไม่ได้เลย แต่แล้วก็เกือบจะสะดุ้งเมื่อเธอหันหาด้วยผวาไปว่าเธอจะอ่านความคิดเขาได้ ทว่าแท้ที่จริง เบลเซบับก็แค่ทำอย่างที่เธอต้องการ ตามใจอยากอย่างที่เกเบรียลไม่เคยคาดหมายได้เลยแต่ละครั้ง ในเวลานี้ ด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้ติดสอยห้อยตามที่ยังคงยืนบื้ออยู่หน้าประตู เบลเซบับก็ยังมีแก่ใจนึกถึง หันไปถามเขาอย่างมีน้ำใจ เพราะมาถึงขั้นนี้ ลากทูตสวรรค์มาถึงนี่ ตั้งใจจะปล่อยให้ตนเองหรือแม้กระทั่งอาร์คแองเจิลเองได้ทำใจและเยียวยาปรับทุกข์ด้วยความเมามายก่อนรับมือกับเรื่องต่อไป เธอคงจะยอมให้เขายืนบื้อ มองเธอดื่มอยู่คนเดียวโดยไม่ทำอะไรเลยอยู่หรอก “แกเอาด้วยไหม”

    สำหรับมุมมองในฝั่งของทูตสวรรค์แล้ว เกเบรียลค่อยๆ ขยับฝีเท้า เดินหน้าเข้ามาจากประตูอีกเล็กน้อยพลางกวาดตามอง หันซ้ายเอียงขวาไปด้วยเพราะไม่รู้ตำแหน่งแห่งที่ของตัวเองในเวลานี้เลยว่าควรจะพาตนไปอยู่ที่ตรงไหนดี ลุกลี้ลุกลนไปมาด้วยไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์เช่นนี้เท่าใดนัก ทั้งหมดนี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาเคยชิน หรือจะพูดได้อีกอย่างหนึ่งเลยว่าเขาไม่เคยพบเจอสภาวการณ์แบบนี้ หรือตกอยู่ภายใต้ภาวะไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่รู้จะทำเช่นไรมาก่อนเลยนับแต่พระผู้เป็นเจ้าสร้างเขาขึ้นมา เขาดูผิดที่ผิดทางเป็นที่สุด เมื่อเห็นอีกฝ่ายหันมาพร้อมด้วยคำถาม อาร์คแองเจิลก็พลันยิ้มตอบอย่างสุภาพ ปฏิเสธพลางส่งสัญญาณมือบ่ายเบี่ยงประกอบ “ไม่ล่ะ ขอบคุณ”

    “เอาให้หมอนี่ด้วย” คล้ายกับว่าคำปฏิเสธไม่ได้ผ่านเข้าไปยังความรับรู้หรือกระทั่งความใส่ใจของเจ้าชายแห่งขุมนรกแม้เพียงเศษเสี้ยว เหมือนเธอแค่ถามพอเป็นพิธี แต่ที่จริงไม่ได้สนอกสนใจสักนิดว่าอีกฝ่ายจะมีคำตอบเช่นไร ก่อนจะทำตามใจอยากของตัวเอง บังคับมัดมือชกอีกฝ่ายไปกลายๆ เหมือนที่ตั้งใจไว้แต่แรก ปิศาจบุ้ยใบ้มือมาทางเกเบรียล สั่งบาร์เทนเดอร์ผู้พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เกเบรียลมองออกว่ามนุษย์ตนนี้ตกอยู่ใต้มนต์สะกดของปิศาจ เขาทำหน้าที่ไม่อาจบอกได้ว่าสงสารหรือเห็นอกเห็นใจ แต่เป็นความสังเวชและดูถูกดูแคลนในความอ่อนแอของสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่ามนุษย์ หนึ่งในนั้นกำลังถูกชักใยโดยปิศาจได้ง่ายดายนัก เกเบรียลคิดขณะเดียวกันก็ค่อยๆ ขยับตัว เคลื่อนเข้าไปหาปิศาจตัวเล็กกว่ามากขึ้นทีละนิด จนสุดท้ายก็เข้าถึงตัวเธอ ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น เบลเซบับปรายตามองอัครทูตสวรรค์ที่ไม่รู้จะทำอย่างไรกับตัวเองดีด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายระอาใจ และดูแคลนไม่น้อยกับความไม่รู้เรื่องรู้ราวและอาจจะถึงขั้นกล่าวได้ว่าอ่อนต่อโลกเสียเหลือเกินของเขา หากมีสถานการณ์ใดขัดกับความรู้ที่มีดังเดิมของเขาขึ้นมา อัครทูตสวรรค์ก็ดูจะทำอะไรไม่เป็นไปเลยทีเดียวกระนั้นหรือ เบลเซบับนึกแล้วก็เริ่มตัดสินคนตรงหน้า ควบคู่กันกับการกล่าวหยั่งเชิง ชักนำวิถีทางของเรื่องทั้งหมดที่เธอทำให้เป็นไปมาจนถึงตอนนี้ให้ไปในทางที่ตนต้องการ

    “แกจะเอายังไง อาร์คแองเจิล แกจะตามสองคนนั้นไปเองก็ได้นะ ถ้าอยากเห็นอะไรต่ออะไรที่มันน่าจะสนิทชิดใกล้กว่าที่เห็นมาแล้วทั้งวัน หรือแกจะออกไปจากที่นี่ไปที่ไหนที่แกต้องการก็ได้ ฉันไม่จะเหนี่ยวรั้งอะไรแกไว้แน่ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าถ้าแกหันหลังเดินกลับไปเท่ากับไม่เคารพการตัดสินใจของหุ้นส่วนทางธุรกิจอย่างฉันทั้งที่เราตกลงร่วมมือ ร่วมหัวจนท้ายกันแล้วแบบนั้น ข้อตกลงก่อนหน้านี้จึงเป็นอันโมฆะ ตัดสินใจเอาเองแล้วกัน นั่งลงดื่มเป็นเพื่อนกันดีๆ เพื่อจะได้ย้อมใจไปสู้รบปรบมือกับอะไรก็ตามข้างหน้าหรือจะจบกันไปแบบนี้” ดูเหมือนเจ้าชายแห่งนรกจะกุมจุดอ่อนอาร์คแองเจิลในเรื่องนี้ไว้ได้ เธอร่ายยาวอย่างเย่อหยิ่งและไว้ตัว ลอร์ดเบลเซบับแจ้งแก่ใจดีว่าอัครทูตสวรรค์คนนี้ไม่อยากให้เธอถอนตัว และต้องการทำงานร่วมกันจริงๆ หวังจะมีเพื่อนคู่คิดหัวอกเดียวกันไว้ระบายปรับทุกข์ด้วยได้ เพราะกับทุกอย่างทั้งหมดนี่เขาไม่สามารถรับมือไปได้เพียงคนเดียวถ้าขาดคนที่เข้าอกเข้าใจกันดี ตกอยู่ใต้สถานการณ์เดียวกันมาตลอดอย่างเธอ เจ้าชายแห่งขุมนรกผู้ไม่ค่อยจะใส่ใจกับคำว่าปรานีนักจึงใช้ไพ่ที่ถือเหนือกว่าใบนี้เป็นเครื่องมือข่มขู่แกมบังคับเขาให้คิดตรึกตรองให้ดีว่าควรจะทำเช่นไรต่อไป ทว่ากระนั้นจะพูดว่าเธอบังคับก็ไม่ถูกเท่าใดนัก เพราะทุกสิ่งย่อมขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของอาร์คแองเจิลเกเบรียลเองทั้งนั้นว่าจะยังต้องการให้ข้อตกลงระหว่างเธอกับเขามีอยู่ต่อไปอีกหรือไม่ ถ้าคำตอบคือยังมีความประสงค์เช่นนั้นอยู่ เขาก็ไม่เหลือทางเลือกใดนอกจากนั่งลงเป็นเพื่อนดื่มกับเธอ แท้ที่จริง สำหรับเบลซบับแล้ว ใจหนึ่งที่เธอทำแบบนี้ก็เนื่องจากอยากให้อีกฝ่ายได้ปลดเปลื้องเสียบ้าง ใช้ฤทธิ์สุราปัดเป่าความหนักใจและความคิดกังขา เต็มไปด้วยคำถามรวมถึงความสงสัยที่แบกรับอยู่ให้ทุเลาเบาบางลงหน่อยก่อนจะรับมันต่อไปไว้ไม่ไหว ความคิดตลอดจนความเชื่อที่ถูกสั่นคลอนอาจจะทำให้คนอย่างเขาที่ยึดถือแนวทางเดียวมาตลอด แต่แนวทางนั้นกลับดูไม่ให้คำตอบกับเขาทั้งยังทำให้เขารู้สึกไม่มั่นคงอีกต่อไป ถูกทำร้ายด้วยความเชื่อมั่นที่ไม่มั่นคงอีกต่อไป และความผันแปรเปลี่ยนผันสวนทางกับสิ่งที่เขาทุ่มเททำมาตลอด อาจทำให้อัครทูตสวรรค์ตนหนึ่งสูญเสียความเป็นตัวเองไปก็ได้ และเธอไม่นึกอยากจะเห็นอะไรเช่นนั้นเกิดขึ้น เพราะอาร์คแองเจิลเกเบรียลย่อมเป็นอาร์คแองเจิลเกเบรียลไม่ว่าอย่างไร เป็นอัครทูตสวรรค์คนที่ถือดี ผยองลองดีจนน่าโมโห ทำตามคำสั่งและวิถีทางของสวรรค์เบื้องบนอย่างเถรตรงและมั่นอกมั่นใจมากเกินไปจนทำให้เขาดูวางท่าและอวดดีในแนวทางที่เขาเชื่อว่าถูกต้องและควรจะเป็นของเบื้องบน เป็นอาร์คแองเจิลที่อุปนิสัยเหล่านั้นและการปฏิบัติตัวของเขาจะยั่วโมโห กวนอารมณ์เธอได้เสมอ หากเขาสูญเสียตัวตนพวกนั้นไป ใครกันเล่าจะคอยมายียวน สร้างความหงุดหงิดน่ารำคาญ และทำให้เธอหัวเสียได้อีก ที่ผ่านมาก็มีแค่เขาคนเดียว

    ท่ามกลางบรรยากาศที่เข้าสู่ห้วงความคิดตรึกตรองอยู่ชั่วลมหายใจหนึ่ง เบลเซบับใช้ดวงตาเฉียบคมและเด็ดขาดมองอาร์คแองเจิลอย่างประเมินดูว่าเขาจะมีท่าทีรับมือกับความเป็นไปขณะนี้เช่นใดบ้าง และจะเลือกทำเช่นใดต่อ จากนั้นในขณะลมหายใจถัดมาเบลเซบับก็ยิ้มอย่างมีชัยเมื่ออัครทูตสวรรค์ค่อยๆ ขยับตัว เดินมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เธอโดยไม่พูดตอบรับอะไรนอกไปเสียจากคำถามกลับง่ายๆ คล้ายพยายามกลบกลืนความจริงที่ว่าเขาเลือกจะทำตามใจเธอและยอมตนภายใต้ข้อตกลงโดยง่าย ที่จริงเกเบรียลแทบจะไม่ได้หยุดคิดเลยด้วยซ้ำกับทางเลือกที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้แก่ตน เพราะเขาตัดสินใจมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ นานมากแล้ว เขาต้องการเธออยู่ข้างๆ กันในเรื่องทั้งหมดนี่ รับมือทุกอย่างไปด้วยกัน แค่เธอคนเดียวเท่านั้น แถมเขายังเลือกจะเดินตามเธอมาจนถึงตอนนี้ทั้งที่รู้แก่ใจว่ามันคนละเรื่องกับหนทางที่จะดำเนินการตามข้อตกลงระหว่างพวกเราให้เป็นไปอีกด้วย ดังนั้น คำถามใดๆ ก็ดูจะไม่ใช่สาระสำคัญสำหรับเขาอีกต่อไป ทว่าอาร์คแองเจิลเกเบรียลก็ยังสรรหาคำพูดอะไรสักอย่างกล่าวออกไปอยู่ดีเพียงเพราะแค่ว่าอยากจะพูดกับเธอเพียงเท่านั้น ไม่ได้มีข้อสงสัยหรือกังขาคลางแคลงในการตัดสินใจหรือการกระทำใดๆ ของเธอในเวลานี้ มันจึงเป็นถ้อยคำหวังจะชวนคุย เสริมสร้างบรรยากาศ เพิ่มพูนความสนิทสนมและสัมพันธไมตรีที่ได้ผลลัพธ์อย่างการกลอกตาจากคู่สนทนากลับคืนมา “ทำไมคุณไม่อยากตามพวกนั้นไปล่ะ คุณไม่อยากหาข้อมูลจากสองคนนั้นให้ได้เพิ่มอีกสักนิดก็ยังดีเหรอ”

    “พอเถอะ แค่วันนี้ทั้งวันก็ดูมามากพอได้ ขืนตามดูมากไปกว่านี้ได้เลี่ยนตายก่อน หรือไม่แล้วฉันก็คงจะใช้การไม่ได้เพราะอะไรก็ตามที่ห้อมล้อมรอบตัวสองคนนั้นไว้น่ะส่งผลกระทบรุนแรงมาก เพราะฉันสัมผัสได้เลยว่าระหว่างพวกนั้นน่ะมีความรู้สึกให้กันมากแค่ไหน และมันทำให้ปิศาจแบบฉันป่วย พวกแกเรียกนี่ว่ารักใช่ไหม” ปกติแล้วเบลเซบับอาจจะไม่ยอมตอบคำถามอีกฝ่ายดีๆ ก็ได้ ทว่าตอนนี้ เธอคิดว่าเราสองคนร่วมมือกันแล้ว จึงไม่คิดจะปิดบังอำพรางความคิดส่วนที่เปิดเผยให้อีกฝ่ายรู้ไปก็ไม่ได้เสียหายอะไร คนสองคนที่จับมือลงเรือลำเดียวกันควรจะไม่มีลับลบคมในและซื่อสัตย์จริงใจต่อกันให้มากพองานจึงจะสำเร็จ ถึงแม้คำว่าปิศาจไม่ควรจะอยู่คู่กับคำว่าซื่อสัตย์จริงใจอะไรทำนองนั้นก็ตามที ฉะนั้นถ้าจะพูดให้ถูกต้องคงเป็นเธอจะซื่อสัตย์จริงใจ ไม่หลอกลวงหรือมีเล่ห์เหลี่ยมเพทุบายเท่าที่จำเป็น นั่นค่อยสมกับสถานะปิศาจของตนหน่อย เสียงของเบลเซบับถูกขัดจังหวะด้วยแก้วช็อตก้นหนาสองชุดที่วางกระทบเคาน์เตอร์ตรงหน้าพวกเขาทั้งสองพร้อมด้วยเกลือและเลมอนฝานจากมือของบาร์เทนเดอร์ผู้ทำหน้าที่ของตนไปเรื่อยๆ ด้วยท่าทีประหนึ่งไม่รับรู้ต่อสิ่งรอบข้างและไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นไปภายในร้าน เบลเซบับหยุดชะงักเพื่อปรายตามองเครื่องดื่มที่สั่งชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยท่าทีไม่ยี่หระต่อสิ่งใดนัก – “วันนี้ฉันต้องพอแค่นี้ก่อนไม่อย่างนั้นได้สำลักความรักตาย ไว้แล้วค่อยหาคำตอบว่าทำไมน้ำมนต์สุดศักดิ์สิทธิ์กับไฟนรกทำอะไรพวกนั้นไม่ได้ แต่ในเวลานี้ หลังจากผ่านเรื่องทั้งหมดนั่น ฉันว่าพวกเราจำเป็นต้องเมา แกไม่คิดอย่างนั้นบ้างเหรอ” – ฟังดังนั้น อาร์คแองเจิลเกเบรียลก็ยักไหล่ไหวคอนิดหน่อย ดูเหมือนกึ่งๆ จะยอมรับว่าตนคงต้องยอมอย่างเสียไม่ได้ มาถึงขั้นนี้แล้ว ก็คงจะต้องเป็นอย่างไรก็เป็นกัน อีกอย่างที่ปิศาจช่างไร้อารมณ์ตัวเล็กแสนดุดันพูดมาก็ดูจะมีเหตุผลดี แม้เขาแทบจะไม่เคยได้ลิ้มรสแอลกฮอล์มากไปกว่าที่ได้รับจากเหล้าองุ่นตามพิธีกรรมและธรรมเนียมปฏิบัติของสวรรค์ก็เถอะ มันเป็นขนบธรรมเนียมแต่เดิมที่สวรรค์จะมีเหล้าองุ่นไว้คอยบริการเหล่าเทวทูตทั้งหลาย เกเบรียลไม่เคยดื่มอะไรมากมายไปกว่าที่ควรจะเป็นเช่นนั้น ความคิดที่ว่าต้องนั่งดื่มกับเธอ รับเอาสิ่งบริโภคของมนุษย์เข้ามาให้ตัวเองแปดเปื้อนเป็นความคิดที่ท้าทายและแปลกใหม่พอดู ในขณะที่ปกติเบลเซบับจะมานั่งยังที่แห่งนี้ เป็นแหล่งกบดาน พักจิตพักใจ และเยียวยาตัวเองจากภาระหน้าที่หนักหนาสาหัสกับพวกปิศาจทั้งหลาย เธอจะปักหลักคนเดียวเงียบๆ หน้าเคาน์เตอร์บาร์ ดวดเครื่องดื่มลงคอหลายต่อหลายแก้วจนหนำใจจึงค่อยทำให้ตัวเองสร่างและกลับออกไป ทุกคนในผับท้องถิ่นนี่รู้ว่าเธอเป็นขาประจำคุ้นหน้าคุ้นตาประเภทที่นานๆ แวะเวียนมาทีแถมยังเป็นขาใหญ่ที่ไม่มีใครกล้าหือเสียด้วย เจ้าชายแห่งนรก บาปแห่งความตะกละ ดูจะใม่ใส่ใจอัครทูตสวรรค์ที่มองมาแม้แต่น้อย เบลเซบับแหงนหน้าเล็กน้อย บีบเลมอนใส่ปาก เอานิ้วซึ่งแตะเกลือไว้แล้วเลียที่ลิ้นก่อนจะกระดกแก้วช็อตในรวดเดียวและวางมันลงกับเคาน์เตอร์ในคราวเดียวกันอย่างรวดเร็ว ไหลลื่นและชำนาญ เสียงก้นแก้วหนาๆ กระทบพื้นผิวอย่างแรงตามสไตล์อย่างที่เครื่องดื่มชนิดนี้เป็น จากนั้นเธอก็ส่งสัญญาณมือบอกแก่บาร์เทนเดอร์ว่าต้องการเครื่องดื่มแบบเดียวกันนี้เพิ่มอีกเรื่อยๆ ทุกครั้งที่จัดการส่วนก่อนหน้านั้นเรียบร้อย มนุษย์ผู้ต้อนรับปิศาจตนนี้มานานจนจดจำกิจวัตรนิสัยการดื่มของเธอได้ ถึงแม้จะตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดก็ยังทำตามความเคยชิน พยักหน้ารับรู้ก่อนจะวางช็อตต่อไปลงบนเคาน์เตอร์ทันที ระหว่างนั้นเองที่ปิศาจเหลือบเห็นแก้วบรรจุของเหลวแห่งบาปที่ยังไม่ถูกแตะของอัครทูตสวรรค์ เบลเซบับหรี่ตามอง ชัดเจนว่ากำลังรำคาญได้ที่ การที่เขายอมนั่งกับเธอ รับปากยอมรับข้อตกลงเสียดิบดี แต่ไม่ยอมแตะต้องของตรงหน้าพลางมองมันราวกับเป็นยาพิษหรืออะไรก็ตามที่ทำให้เขาแปดเปื้อนอย่างยิ่งด้วยบาปร้ายแรง มันทำให้เบลเซบับหงุดหงิดจนต้องพูดขึ้น ในเมื่อเขายอมตกลงปลงใจแล้วทำไมจึงทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้ เธอคิดค่อนขอด ช่างไม่เด็ดเดี่ยวหนักแน่นเอาเสียเลย ใจไม่ถึงแม้แต่น้อย อ่อนแอยวบยวบยิ่งกว่าพวกมนุษย์ที่ถูกล่อลวงได้ง่ายเสียอีก ปิศาจทำหน้าเหมือนพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่เสียอารมณ์พลางกล่าวอย่างอดรนทนไม่ไหวที่ระคนปนเปไปกับน้ำเสียงขู่กรรโชก

    “กินๆ ไปหรือจะให้ฉันจับกรอกปากแก เชื่อเถอะต่อจากนี้ไปเรื่อยๆ กับเรื่องทั้งหมดนี่ แกจะต้องการแอลกอฮอล์แรงๆ แน่” ดวงตาสีม่วงมักจะดูคมกล้าเป็นประกายรุนแรงราวกับมันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลานุภาพร้ายแรงวางสายตาลงที่เธอซึ่งเหมือนกำลังลองใจเขา และเกเบรียลก็แน่ใจว่าถ้ายอมทำตาม ดื่มเจ้าเครื่องดื่มแห่งบาปของมนุษย์นี่เข้าไป ยอมให้ตนแปดเปื้อน เขาอาจจะได้สนิทใจและเพิ่มความสนิมสนมเชื่อใจกับเธอขึ้นบ้างอีกสักเล็กน้อยก็ยังดี ซึ่งมันเป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่เลวเลย สมน้ำสมเนื้อและคู่ควรจะรีบคว้าไว้อย่างมาก อัครทูตสวรรค์พยักหน้าหงึกหงักคล้ายจะสื่อว่าเข้าใจดีว่าต้องทำเช่นไรขณะจดจ้องเครื่องดื่มตรงหน้าราวกับกำลังจะต้องถืออาวุธเข้าต่อสู้กับมันจนตายไปข้างหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น ครั้นอาร์คแองเจิลทำใจเสร็จสิ้นในชั่วอึดใจสั้นๆ ที่เต็มไปด้วยท่าทีลีลาได้มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ ภายใต้สายตาสุดจะเอือมระอาและรำคาญอย่างถึงที่สุดของปิศาจ อาร์คแองเจิลเกเบรียลก็เอื้อมมือไปถือแก้วช็อตไว้ในมือราวกับกำลังจะต้องกล้ำกลืนดื่มยาขม ตั้งท่าจะยกมันขึ้นดื่ม เลียนแบบท่าทางที่เบลเซบับทำเมื่อครู่อย่างทุลักทุเล เพราะเขาไม่รู้แม้กระทั่งวิธีบริโภคเครื่องดื่มชนิดนี้ เกเบรียลกลั้นใจ ยกมันขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดท่ามกลางเสียงเชียร์ของเธอที่นั่งทำหน้าที่สมศักดิ์ศรีปิศาจโดยการล่อลวงเขาอยู่ข้างๆ ไม่ห่าง

    “เอาเลย เอาให้หมดแก้ว เอาอีก” และนี่เป็นประโยคสุดท้ายที่ชัดเจนที่สุดก่อนที่ทุกความเป็นไปที่เหลือของวันจะห่างจากการมีสติสมบูรณ์ครบถ้วนออกไปทุกทีในทุกๆ แก้วที่เขายกขึ้นดื่มต่อจากนั้น ฤทธิ์ของบาปแห่งความเมามายเข้าเล่นงานอาร์คแองเจิลอย่างไม่ปรานี ทุกการกระทำและความเป็นไปคล้ายเป็นภาพซึ่งค่อยๆ เบลอลงเรื่อยๆ ทั้งยังห่างไกลออกจากสติสัมปชัญญะและความรับรู้ของเขาออกไปทีละน้อย เพราะหลังจากที่เขาดื่มช็อตแรกเข้าไป ปิศาจก็เติมเครื่องดื่มเข้ามาไม่ขาดสายโดยที่อาร์คแองเจิลพ่ายแพ้ต่อแรงยุและการล่อลวงของเธออย่างหมดรูป มันไหลผ่าน แผดเผาลำคอและทำให้เขามัวเมาในรสชาติกับการที่มันทำให้ตนค่อยๆ เสพติดและต้องการฤทธิ์รุนแรงของมันเข้ามาเติมเต็ม จัดการภาระรวมถึงความกังวลที่แบกรับอยู่ให้พร่าเลือนไปทุกชั่วขณะ ดูเหมือนปิศาจจะพูดถูกที่ว่าเขาต้องการสิ่งนี้ ความเมามายกับการหลงลืมสิ่งที่เกิดขึ้นไปชั่วครู่ทำให้เขารู้สึกดี แม้มันจะเป็นการหลีกหนีปัญหาและไม่ใช่วิธีการที่ยั่งยืนก็ตาม ทว่าเกเบรียลก็พึงใจจะปรนเปรอตัวเองด้วยบาปนี้ ดื่มด่ำแสวงหาความสำราญไปกับปิศาจ ด้วยตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ช่องว่างแห่งการถือตัวและขีดเส้นกะเกณฑ์แบ่งฝั่งกันไว้ตามสถานะพงษ์พันธุ์ระหว่างพวกเขาถูกย่นย่อจนไม่มีเหลืออยู่เลย พวกเขาทั้งสองลดท่าที เปิดอกเปิดใจพูดคุยกัน ทั้งยังสำเริงสำราญไปกับการเพิ่มปริมาณแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายต่อเนื่องกันแก้วต่อแก้วไม่ขาดสายราวกับมันเป็นน้ำทิพย์ที่กินเข้าไปเท่าไรก็ไม่พอ ซึ่งปริมาณแอลกอฮอล์ในเครื่องดื่มที่ไหลผ่านลำคอไปนั้นเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ปิศาจนึกอยากจะสั่งเครื่องดื่มที่แรงขึ้นอย่างไม่รู้จักพอสมกับที่เป็นตัวแทนบาปแห่งความตะกละ ตอนนี้อัครทูตสวรรค์ตนหนึ่งกับเจ้าชายแห่งนรกอีกตนหนึ่งมองดูคล้ายคู่คนที่สนิทชิดใกล้ สหายร่วมดื่มที่สนิทชิดเชื้อ และทำเช่นนี้ด้วยกันเป็นพันๆ ครั้ง บาร์เทนเดอร์วางเครื่องดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าลงบนเคาน์เตอร์บาร์ กระนั้นเบลเซบับก็ยังทำหน้าเหมือนพวกเขาต้องการอะไรที่แรงกว่านี้อีกอยู่ทุกครั้ง เธอเริ่มต้นด้วยเตกีล่าก่อนจะสั่งแอบแซงธ์ออกมาละเลียดความขมขื่นของมันกับน้ำตาล จากนั้นก็ให้อาร์คแองเจิลได้ลิ้มรสเดวิลสปริงส์วอดก้า ครั้นแล้วเริ่มหมุนเวียนไปที่เอฟเวอร์เคลียร์แบบที่ไม่คิดอยากจะลำบากผสมกับเครื่องดื่มชนิดอื่นก่อน แน่นอนว่าเป็นรูปแบบการดื่มซึ่งมนุษย์ไม่มีทางทำได้หรือรับมือไหวและต้องจบลงด้วยการล้มลุกคลุกคลานหรือประสาทหลอน ทว่าพวกเขาจะเป็นปิศาจและทูตสวรรค์ไปทำไมในเมื่อใช้ข้อได้เปรียบตนนี้เพื่อครองสติตัวเองไว้ไม่ได้ เมื่อลิ้มรสแอลกอฮอล์ ปล่อยให้มันมีอำนาจครอบงำสติ อาร์คแองเจิลเกเบรียลก็เริ่มพล่ามและปิศาจก็เริ่มพูดออกมาไม่หยุด ผลัดกันระบายความอัดอั้นตันใจจากหน้าที่รับผิดชอบอันเป็นผลจากตำแหน่งแห่งที่ที่ตนยืนอยู่ให้แก่กัน รวมถึงการกล่าวพาดพิงหลายต่อหลายคนในวงสังคมที่มีร่วมกัน เธอนั่งฟังเขาบ่นเรื่องงานเป็นวรรคเป็นเวร เวลาที่เขาถูกไมเคิลข้ามหน้าข้ามตา ถูกเทวทูตตนอื่นนินทาพาดพิงลับหลังเพราะเขาคือคนที่คอยออกหน้าทำเรื่องต่างๆ จึงเป็นเป้าหมายในการโจมตีได้ง่าย จนถึงกระทั่งเรื่องการควบคุม ตรวจสอบงานของเหล่าเทวทูตทั้งหลายที่บางทีก็ทำให้เขากุมขมับ ประสาทกิน และเคยมานั่งถามตัวเองด้วยซ้ำว่าทำไมพระเจ้าจึงทดสอบเขาด้วยการให้รับหน้าที่เช่นนี้ เกเบรียลตัดพ้ออย่างน้อยใจในแบบของเขา บ่นอุบอิบหลายต่อหลายเรื่องเกี่ยวกับงานในแบบที่มั่นใจว่าเธอที่รับฟังต้องเข้าใจกันดีแน่ ฝ่ายปิศาจเองก็ร่ายยาวเป็นคุ้งเป็นแควถึงความทึ่มและทื่อมะลื่อของเหล่าปิศาจในบางครั้งอย่างไม่น้อยหน้า เธอได้ทีใช้ฤทธิ์แอลกอฮอล์เป็นข้ออ้างในการระบายความอัดอั้นตันใจแก่อัครทูตสวรรค์ผู้มีหัวอกเดียวกันเสร็จสรรพ พลางเกทับด้วยว่าลองให้เกเบรียลมาคอยห้ามพวกปิศาจไม่ให้เลียกำแพงอยู่ทุกวันควบคู่ไปกับการมอบหมายคำสั่งให้จัดการหน้าที่ต่างๆ ที่เจ้านายตัวจริงสั่งลงมาด้วย ดูว่าเขาจะเข้าใจความลำบากหนักหนาสาหัสกับสิ่งที่ต้องรับมือแต่ละวันบ้างหรือไม่ เธอบ่นว่าบางครั้งปิศาจก็เถรตรงกับหน้าที่มากเกินไปจนทำให้ต้องกุมขมับนึกอยากขำไปด้วยเสียจริตไปด้วยอย่างไม่น่าเชื่อ อันที่จริง เบลเซบับเพิ่งรู้เดี๋ยวนั้นเองว่าอาร์คแองเจิลไมเคิลคือนายใหญ่ในบรรดาอาร์คแองเจิลที่แท้จริงด้วยความที่เธอชอบทำอะไรตามใจตนเอง ไม่มีใครจะอาจหาญห้ามได้ แม้แต่เกเบรียลก็ยังเกรงใจเธอเนื่องจากท่าทีไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด อีกทั้งเธอก็เหมือนจะรู้เรื่องอะไรต่อมิอะไรมากกว่าเขาในบางเรื่องเสียอีก ขณะที่อัครทูตสวรรค์เกเบรียลเองก็เพิ่งรู้ว่าบางทีเจ้าชายแห่งขุมนรกก็มีประหม่ากับงานของตัวเองบ้างอย่างการระดมพลปิศาจก่อนหน้านี้จนต้องอาศัยเดกอนให้ออกหน้าอยู่บ่อยไป ยิ่งระบายออกมาเท่าไรก็ยิ่งพบจุดเชื่อมโยงกันมากเท่านั้น พวกเขาเคยถูกแจ้งให้เปลี่ยนแผนการดำเนินงานที่ตัดสินใจไปแล้วกะทันหันก็มี บางทีก็สั่งงานใหญ่เข้ามาในระยะกระชั้นชิดหรือโถมงานเข้ามาในระลอกเดียวกับกำหนดเส้นตายตรงกัน อาร์คแองเจิลอาจจะเผลอบอกไปด้วยซ้ำว่าบางทีเธอผู้นั้นก็ทำอะไรตามใจอยากมากกว่าที่คิด นึกอยากจะบันดาลสิ่งใด กำหนดชะตากรรมใดก็ทำ อยากจะเปลี่ยนใจก็เปลี่ยน อยากจะสร้างภัยพิบัติหรืออุบัติการณ์อย่างไรก็ทำ ร้อนถึงผู้ได้รับมอบหมายและผิดชอบโดยตรงอย่างเขาที่ต้องคอยตามเก็บกวาด เบลเซบับก็เช่นกันเธอวิพากษ์วิจารณ์ ลอบเสียดสี ติหนิติเตียนจ้าวแห่งนรกอย่างซาตานไม่ยั้งอย่างเก็บกด อาร์คแองเจิลเกเบรียลมองคู่สนทนา ตั้งใจฟังเธอทุกถ้อยคำอย่างนึกอยากจะร่วมแบ่งปันรับรู้เช่นนั้นจริงๆ โดยไม่มีเจตนาใดอื่นแอบแฝง เขาพยายามหน่วงเหนี่ยวสติรับรู้ของตัวเองไว้จากฤทธิ์รุมเร้าของแอลกอฮอล์ แล้วก็คิดว่าเรื่องตอนนี้รวมถึงหัวข้อสนทนาต่างๆ ที่กำลังพูดคุยแลกเปลี่ยนกันไปมาอยู่นี่จะถลำลึกลงไปมากหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่บางทีถ้าเธอเมามายจนล่วงไปถึงคำถามที่เขาไม่อาจตอบได้ขึ้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาอาจจะพังทลายลง สิ่งต่างๆ ที่สั่งสมมาจะกอบกู้ไม่ได้ เพราะเขาไม่อาจมองตาเธอตรงๆ แล้วตอบไปได้ว่าสิ่งที่เขาปกปิดเธอไว้มีอะไรบ้าง คำถามเหล่านั้นที่เขาหวั่นใจไม่ได้เกี่ยวข้องกับสวรรค์เบื้องบน ไม่ใช่เรื่องของตัวเขา ไม่ได้มีอะไรข้องเกี่ยวกับภาระหน้าที่รับผิดชอบของเขา ไม่ใช่เรื่องงาน ไม่ใช่ความลับหรือเรื่องสุ้มเสี่ยงที่นรกเบื้องล่างไม่ควรต้องรู้ เขาไม่เกรงกลัวคำถามพวกนั้นแม้แต่น้อย คำถามที่เขากลัวจะตอบและไม่สามารถพูดบอกออกไปได้เต็มปากเต็มคำคือเรื่องของเธอต่างหาก เกเบรียลไม่อาจบอกออกไปว่าเขารู้จักเธอ รู้จักมานานแสนนาน เบลเซบับคือคนที่เขารู้จักมาเนิ่นนานก่อนกาลเวลาของโลกเสียอีก เขาไม่ได้สนอกสนใจเธอนักแต่เธอก็เคยดึงเอาสายตากับใจจดจ่อไปจากเขาได้อยู่ครู่หนึ่ง เทพนารีตนที่มีผีเสื้อบินวนเวียนรอบตัวกับกลิ่นกายหอมๆ เหมือนดอกไม้ คนที่เขาพบในสวนเบื้องบน ดึงดูดจับตรึงสายตาด้วยความมั่นใจและมุ่งมั่นกับความเด็ดเดี่ยวซึ่งไม่อาจเปลี่ยนใจเธอได้เป็นซ้ำสอง ดวงตาเหมือนธารน้ำฤดูหนาว แต่แล้วเขาก็เผลอหลับถอยฉากไปตอนอีกฝ่ายตวัดมองมาด้วยรู้ตัวว่ามีคนเมียงมองอย่างกร้าวแกร่งและเฉียบขาด ภายหลังเขาถามพี่น้องอาร์คแองเจิลของตนก็ได้รับรู้ว่าเธอเป็นทูตสวรรค์ที่แข็งกร้าว เข้มแข็ง ใจเด็ดทั้งยังไม่เคยยอมใคร และเธอภักดีกับลูซิเฟอร์ รับใช้เขาอย่างแน่วแน่ ปวารณาตน ซึ่งในคราวต่อมา นั่นทำให้เธอร่วงหล่น ความจงรักภักดีและความมั่นคงหนักแน่นต่อสิ่งที่เธอเชื่อมั่นยึดถือต่อแนวทางซึ่งต่างจากวิถีทางของเบื้องบนพรากเธอลงไปจากสวรรค์ด้วยสงครามและการกบฏ แค่เพียงเพราะเธอเป็นคนเช่นนั้น ซื่อสัตย์และเด็ดเดี่ยว

    นัยน์ตาทรงพลานุภาพและพลังอำนาจคมกล้าของอัครทูตสวรรค์ผู้เป็นตัวแทนพละกำลังของพระผู้เป็นใหญ่อย่างเกเรียลจับจ้องเธอซึ่งกำลังพูดบ่นไปพลางยกเครื่องดื่มไปพลางอย่างไม่วางตา ความรู้สึกที่กระจายอยู่บนนั้นคือความอ่อนโยนอันจริงแท้ที่สกัดออกมาจากใจจริง เกเบรียลมองเธออย่างเงียบงันอยู่ท่ามกลางสมดุลในความรับรู้ตรงหน้ากับการลื่นไหลไปกับความคิดของตัวเอง โดยที่ผู้ถูกวางสายตาไว้กำลังเพลิดใจไปกับสิ่งที่ตัวเองพูดและกระทำจึงไม่ทันรู้สึกตัวแม้เพียงนิด อาร์คแองเจิลกำลังหลงใหลไปกับการเฝ้ามองอิริยาบถของเธอ วิธีการที่เธอเอื้อนเอ่ย การขยับตัวเล็กน้อย มุมมองที่ยกเครื่องดื่มขึ้นกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปเสี้ยวหนึ่งให้กับความร้อนแรงแผดเผาของแอลกอฮอล์ ความเป็นธรรมชาติไม่เคยคิดอำพรางตัวตนแท้จริงข้างใน รวมถึงสีหน้าผ่อนคลายรู้สึกดีที่ทำให้ใจเขาปลดเปลื้องตามไปด้วย ต่อให้เกเบรียลกระพริบตาจากภาพซ้อนทับที่เขาเคยเห็นเมื่อครั้งนานแสนนานมาแล้วยามอยู่เบื้องบนขึ้นไปนั่น เธอก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ไม่เปลี่ยนไปจากเทพนารีคนที่เขารู้จักแม้แต่น้อย สำหรับเกเบรียลแล้วเบลเซบับยังคงเป็นคนเดิมคนนั้นเสมอมานับตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาเห็นเธอ การร่วงหล่นและเบื้องล่างนั่นอาจแปดเปื้อนต้องมลทินแต่โดยเนื้อแท้ แต่เกเบรียลไม่เคยคิดว่าเธอเปลี่ยนไปเป็นคนอื่น ยังคงเป็นเช่นทุกอย่างที่เธอเคยเป็นต่างเพียงสถานะพงษ์พันธุ์เท่านั้น ที่สำคัญคือแม้ปิศาจจะโกหกได้ก็ตาม ทว่าเธอไม่เคยโกหก พูดปดหรือบิดเบือนความจริงกับเขาเลยสักครั้ง การไม่โกหกคือวิสัยของทูตสวรรค์และเธอผู้เป็นปิศาจก็ยังรักษามันไว้ราวกับมรดกต่างหน้าจากอดีตครั้งหนึ่ง เขารู้ว่าเธอยังเหมือนเดิมตั้งแต่วินาทีแรกที่พบกับเธออีกตอนที่พระเจ้าส่งสารแก่โนอาห์ นั่นเป็นครั้งแรกหลังสงครามการกบฏและเธอได้ร่วงหล่นสู่เบื้องล่างในฐานะพลพรรคของลูซิเฟอร์ที่เขาเห็นเธอกับปีกและอาภรณ์สีดำ รวมถึงแมลงมากมายซึ่งบินวนเวียนส่งเสียงรอบตัว เป็นภาพตรงข้ามกับเมื่อครั้งแรกพบหน้าโดยสิ้นเชิง ทว่าไม่มีอะไรในตัวเธอที่เป็นตัวเธอจะเปลี่ยนตามไป นั่นทำให้เกเบรียลคิดว่าการลืมเลือนของเบลเซบับนั้นคือความเมตตายิ่งแล้ว เธอควรจะลืมเลือนเสียว่าคุณธรรมความสัตย์จริงเช่นไรนำพาเธอตกลงไป มันคงจะเจ็บปวดยิ่งหากยังจดจำได้ ความรู้สึกที่มีขณะนี้ไม่ใช่ความสงสารหรือความสังเวชใจ แต่เป็นความผูกพันลึกๆ ที่ทำให้รู้สึกเศร้าและมีอารมณ์ร่วมไปด้วย อาร์คแองเจิลหันกลับมายกเครื่องดื่มกรอกลงลำคออีกครั้งยามที่เธอหันมาอย่างฉงนว่าเหตุใดเขาจึงหยุดนิ่งและเงียบไปอีกครั้ง เวลาหมุนผ่านเดินหน้าไปเฉกเช่นที่มันเป็นมาเสมอไม่เคยหยุดพัก ทั้งสองดื่มด่ำสำราญไปด้วยกันและพูดคุยแลกเปลี่ยนบทสนทนาที่เข้าถึงหัวจิตหัวใจของกันและกันต่อไปไม่หยุดจนดวงอาทิตย์เคลื่อนคล้อยลงต่ำละเส้นขอบฟ้า และเมื่อท้องนภาถูกทาทับด้วยสีสันของรัตติกาลกับการแต่งแต้มของดวงดาว บรรยากาศยามค่ำคืนและเอกลักษณ์ประจำตัวของมันค่อยๆ กล้ำกรายเข้ามาในร้าน ขับให้แสงจากไฟสีส้มนวลสลัวโดดเด่นมีสีสัน ไขแสงสุกสว่างขึ้น ขณะบทสนทนาเริ่มเว้นช่วงห่างเพราะสติที่เริ่มเลื่อนลอย หลุดไปไกลจากฤทธิ์น้ำเมา ก่อนที่อัครทูตสวรรค์จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ อดทนไม่ไหวพับคอลงไปกับเคาน์เตอร์เสียก่อนในท้ายที่สุด ปิศาจดื่มต่อไปอีกเล็กน้อย ปล่อยอารมณ์ทอดถอนใจกับตัวเองพักหนึ่ง ครั้นแล้วเบลเซบับซึ่งมาถึงจุดอิ่มตัว รู้สึกว่าพึงพอใจแล้วและควรพอเพียงเท่านี้ก็วางแก้วที่เชื่อว่าเป็นชุดสุดท้ายของวันสำหรับตัวเองลงกับเคาน์เตอร์บาร์ ปิศาจวางศีรษะให้ตั้งตนอยู่ไหวแต่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากทีเดียวที่จะไม่โยกคลอนหรือหัวทิ่มหัวตำไปเสียก่อน เธอโน้มตัวเกาะขอบเคาน์เตอร์ไว้ให้ยังทรงตัวอยู่บนเก้าอี้นั่งส่งสูงที่ส่งผลให้ขาเธอลอยเหนือพื้นหลายคืบได้อย่างมั่นคง พลางเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงยานคาง สะลึมสะลือด้วยสติพร่าเลือน “ให้ตายเถอะ ฉันจะทำให้ตัวเองสร่างแล้วนะ”

    พูดจบก็พลันหลับตาอยู่เพียงอึดใจหนึ่ง คล้ายกำลังสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด จากนั้นทั่วทั้งร่างก็สั่นสะท้อนเล็กน้อยพร้อมๆ กับสติสัมปชัญญะครบถ้วนบริบูรณ์ที่หวนย้อนคืนกลับมาเหนือสำนึกรับรู้ของเจ้าชายแห่งนรกโลกันต์อีกครั้ง เบลเซบับยืดตัว สั่นศีรษะ บิดไหล่ให้ลั่น พร้อมทั้งขยับร่างกายคล้ายจะคลายตัวขับไล่ความมึนเมาทุกส่วนให้ถูกขจัดออกไปจนหมด แล้วจึงนั่งตัวตรงด้วยท่าทีขึงขังเย็นชาตามปกติพร้อมด้วยบรรยากาศนิ่งเฉยเรียบเย็นที่กลับมารายล้อมรอบตัวดังเดิม ช่วงเวลาแห่งความเมามายและการปลดปล่อยได้จบลงแล้ว เมื่อปิศาจจัดการตัวเองให้เข้าที่เข้าทางแล้วเสร็จ เธอก็หันไปสะกิดคนข้างๆ ที่ยังคงฟุบไปกับเคาน์เตอร์ซึ่งดูๆ แล้วไม่น่าจะได้ยินประโยคที่เธอเอ่ยกับเขาเมื่อครู่ หรือรับรู้ว่าเธอยุติวงสนทนากับการร่ำสุราจนเมามายและบันดาลปาฏิหาริย์ทำให้ตัวเองสร่างเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองอีกครั้ง เบลเซบับกระตุกแขนอีกฝ่ายพยายามปลุกเขาคืนสติเพื่อที่เขาจะได้สร่างเมาให้แก่ตนเอง และมาพูดคุยกันถึงแผนการที่พวกเราได้ตกลงร่วมมือกันให้รู้เรื่อง อีกทั้งให้เป็นเรื่องเป็นราวสำหรับการรุดหน้าลงมือต่อไปอย่างไม่รอช้าหลังผ่านการย้อมใจ ปรับทุกข์อย่างน่าพึงพอใจเช่นนี้แล้วตามเงื่อนไขที่เธอตั้งใจไว้ขณะยอมรับปากร่วมหัวจมท้ายไปกับเขาในเรื่องทั้งหมดนี่ ปิศาจแยกเขี้ยวส่งเสียงกระตุ้นเตือนเข้าไปยังโสตประสาท ฉุดสติรับรู้ของอัครทูตสวรรค์ให้กลับคืนมา

    “ถึงคราวแกแล้ว ทำให้ตัวเองสร่างซะ อาร์คแองเจิล” – ทว่าปฏิกิริยาที่ได้รับกลับมาคือความเงียบกับความนิ่งสนิทประหนึ่งว่าไม่รับไม่รู้ถึงสิ่งใดอีกต่อไป เบลเซบับเขย่าตัวอีกฝ่ายแรงขึ้นเพื่อปลุกเขาจากภวังค์ไร้สติที่อาร์คแองเจิลกำลังดำดิ่งลงไปให้ฟื้นคืนกลับมาโดยที่เธอหลงลืมไปสนิทว่านี่คือการเมามายด้วยฤทธิ์สุราเป็นครั้งแรกของอัครทูตสวรรค์ตนนี้ และอาร์คแองเจิลเกเบรียลไม่เคยมีประสบการณ์เช่นที่เป็นอยู่มาก่อน “นี่แกฟังฉันอยู่รึเปล่า เฮ้ อาร์คแองเจิล – ตื่นมาทำให้ตัวเองสร่างได้แล้ว”

    ขณะเสียงเรียกของเบลเซบับเร่งร้อนและบีบคั้นมากขึ้นแปรผันตามท่าทีนิ่งสนิทไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย ในท้ายที่สุดน้ำเสียงงึมงำตอบรับที่ออกมาจากปากของอัครทูตสวรรค์ผู้เมามายหัวทิ่ม ฟุบอย่างหมดท่าไปกับเคาน์เตอร์บาร์ ไม่แม้แต่จะรักษาตัวให้ตั้งตรงอยู่ได้นั้นก็ทำให้เบลเซบับต้องหน้าตาตื่นอย่างไม่นึกอยากเชื่อหูตัวเอง เธอร้องลั่นเสียงหลงอย่างเหลือเชื่อและคิดว่าตนอาจจะฟังผิดไป แต่ครั้นพิจารณาดูสภาพของคนตรงหน้าแล้ว เบลเซบับก็เริ่มตระหนักชัดเลยว่าตนหาเรื่องใส่ตัวเข้าเสียแล้วที่พาหมอนี่มาดื่มจนเมามายเสียขนาดนี้โดยที่เจ้าตัวดื่มไม่เป็นด้วยซ้ำ แถมยังไม่มีประสบการณ์ทำนองนี้มาก่อนสักนิดเดียว ยังไม่นับรวมถึงการที่อาร์คแองเจิลตนนี้ห่างไกลจากคำว่ามีสติรู้ตัวและดูเหมือนจะไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าการทำให้สร่างเมานั้นคืออะไร อย่าว่าแต่ทำเช่นไรเลย ชั่วขณะความคิดนั้นเบลเซบับก็พลันนึกไปถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นได้จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี่ทันที เธอกำลังจะทำให้ตัวเองตกที่นั่งลำบากหากอัครทูตสวรรค์ไม่รีบฟื้นคืนสติ กลับมาสร่างเมาให้ตัวเอง เธอก็คงสร่างเมาให้เขาแทนไม่ได้ และพวกเราก็จะติดแหง็กอยู่อย่างนี้จนกว่าหมอนี่จะสร่างเมาด้วยตัวเองตามธรรมชาติแบบพวกมนุษย์โดยที่เธอไม่อาจขอความช่วยเหลือจากฝั่งของตนหรือคนของฝั่งเขาได้อย่างเด็ดขาด ดังนั้นก็จะเหลือเพียงเธอคนเดียวที่จะต้องรับมือกับอาร์คแองเจิลผู้มึนเมา ไร้สติ ไม่รู้ว่าจะกลับคืนมาเมื่อไหร่ และถ้าหากมีใครมารับรู้เรื่องนี้เข้าหรือถ้าเขาเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ไม่อาจขจัดฤทธิ์ของบาปแห่งความเมามายไปได้ – เธอไม่รู้ด้วยซ้ำ เนื่องจากลืมเลือนไปแล้วและฝังกลบสัญชาตญาณแต่เดิมสมัยครั้งเป็นทูตสวรรค์ของตนไปสิ้น ว่าพวกนั้นมีวิธีการหรือกลไกของร่างกายรับมือเรื่องพวกนี้แบบใดและอย่างไรได้บ้าง เธอไม่มีความจำต่ออะไรพวกนั้นหลงเหลือด้วยซ้ำว่ามันจะเหมือนพวกปิศาจหรือไม่ ทูตสวรรค์จะมีลักษณะกลไกเหมือนปิศาจหรือเปล่า ไม่มีใครเคยบอกเธอด้วยเพราะน้อยคนนักที่จะรู้ว่าเธอลืมเลือน เธอจำไม่ได้ ทุกอย่างลบเลือนหมดสิ้นแม้แต่รากเหง้าดั้งเดิมที่ควรจะพอตระหนักแจ้งได้ เพราะเธอทิ้งอดีตไว้เบื้องหลังทั้งหมด ไม่เคยคิดจะรื้อฟื้นหรือพยายามหวนระลึกทุกอย่าง – เบลเซบับรู้สึกว่าข้างในของตัวเองสั่นสะท้านและคลอนแคลนขึ้นมาโดยเฉียบพลัน ทั้งนี้ ไม่น่าประหลาดใจที่ความคิดว่าจะทิ้งเขาไว้ตามยถากรรมหรือจัดการสังหารเขาเสียไม่ได้อยู่ในความคิดของเบลเซบับเลยแม้เพียงเศษเสี้ยว ลึกๆ ในใจเธอยอมรับว่าเขาสามารถอยู่ในฐานะสหายผู้เท่าเทียมได้ แม้เธอจะไม่รู้ตัวแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เช่นเดียวกันว่ามีความคิดยอมรับในตัวอีกฝ่ายเช่นนั้น ทว่าอย่างไรเสียเขาก็เป็นอาร์คแองเจิล หากเธอปลิดชีพเขาให้สูญสลาย คันชั่งจะเอนมาทางฝั่งนรก พวกเธอจะได้เปรียบและได้ประโยชน์มหาศาล อีกทั้งพวกเราก็จะได้สงครามระหว่างเบื้องบนและเบื้องล่างอย่างที่คิดหวังมาตลอดหกพันปีเกิดขึ้นง่ายๆ เพียงนั้นเองกับแค่อึดใจเดียวที่เธอดีดนิ้วเรียกไฟนรกออกมา แต่เบลเซบับรู้ดีว่าตนจะไม่แลกมันมาด้วยมิตรภาพอันแปลกประหลาดที่ก่อเกิดและสั่งสมขึ้นมาผ่านห้วงกาลเวลาของโลกอย่างพิลึกพิลั่นนี้ เจ้าชายแห่งนรกมองคนตรงหน้าอย่างคิดประเมินลู่ทางระคนวิตกกังวล อาร์คแองเจิลงึมงำออกมาในแบบที่ทำให้ปิศาจนิ่งอึ้งไป ยืนยันมาสิ่งที่เธอกังวลนั้นถูกต้องและเป็นจริงขึ้นมาแล้ว “คุณพูดอะไร ทำให้สร่างคืออะไร”

    “หา –” ได้ยินเช่นนั้น ก็ไม่มีคำพูดใดจะปราดเปรื่องและเหมาะสมกับเรื่องตรงหน้าได้ดีไปกว่าคำสถบสั้นๆ ที่เธอพึมพำออกมาแทนการตอบรับใดๆ ที่จะสอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์นี้มากกว่านั้น เบลเซบับนึกอยากจะคำรามอย่างเหลืออดกับการตัดสินใจและการกระทำของตัวเองในช่วงระยะที่ผ่านมานี้ เธอยอมรับว่าปล่อยให้เขาเข้ามามากเกินไปแล้ว ปิศาจหันไปทั้งฉุดดึงทึ้งกระชากอาร์คแองเจิลผู้เมามายหมดสภาพเหนือเคาน์เตอร์บาร์ ก่อนจะดีดนิ้วพยายามสร้างปาฏิหาริย์ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจทำให้อีกฝ่ายสร่างเมาอย่างที่ควรจะเป็นและเธอหาเหตุผลที่ไม่สามารถใช้ปาฏิหาริย์กับคนตรงหน้าไม่ได้จึงรัวถ้อยคำสบถสาบานอย่างเผ็ดร้อนออกมาอีกระลอก เธอทั้งดีดนิ้วบันดาลปาฏิหาริย์เป็นร้อยๆ ครั้ง ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ทั้งเขย่าทั้งสะกิดทั้งข่มขู่ แต่ไม่เกิดผลใดๆ เลย

    “บ้าจริง แก – อาร์คแองเจิล มีสติเดี๋ยวนี้นะไม่อย่างนั้นฉันจะทิ้งแกไว้ที่นี่” จากตรงนี้ เบลเซบับนั้นยื้อยุดฉุดกระชากเขาอีกครั้งหวังจะปลุกอาร์คแองเจิลใจเสาะจอมอ่อนแอยวบยวบที่ใจไม่ถึงแม้แต่น้อย แค่เจอฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเรื่องที่ไม่เคยชิน ผิดแผกจากที่สิ่งที่ตนเชื่อหรือรับรู้เข้าหน่อยก็หมดท่าขึ้นมาได้ เธอนับรวมถึงเหตุการณ์อามาเกดดอนที่ไม่เกิดขึ้นนั่นด้วย แต่คนตัวใหญ่กลับนิ่งไม่ไหวติง เรี่ยวแรงของเธอที่ปกติทำให้เขาสูญเสียการทรงตัวตามได้ ในเวลานี้กลับทำอะไรไม่ได้สักนิด ปิศาจเริ่มเชื่อความจริงที่เล่าลือบนโลกมนุษย์แล้วว่าการเมาทำให้คนตัวหนักอึ้งขึ้น เมื่อความอดทนกับความพยายามทุ่มเททุกวิถีทางให้อีกฝ่ายคืนสติหรือขยับตัวรับรู้สิ่งรอบด้าน ส่งสัญญาณใดๆ ให้เธออุ่นใจบ้างเหล่านั้นร่ำๆ จะสิ้นสุด เบลเซบับก็รู้ดีว่าเธอแทบจะไม่เหลือทางเลือกใดที่จะจัดการกับสภาวการณ์นี้ได้มากมายอีก ดูเหมือนมันกำลังจะบีบบังคับเธอให้ต้องทำสิ่งที่ไม่ต้องการแม้แต่น้อย ทว่ามันพาดผ่านห้วงความคิดเข้ามาบอกกับเธอว่านี่จะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้มากที่สุดเท่าที่ในเวลานี้เธอจะนึกออกหรือสรรหามาได้ เจ้าชายแห่งนรกกัดริมฝีปากอย่างครุ่นคิดผสมปนเปไปกับการทำใจยอมรับทางออกนี้ให้ได้ ครั้นแล้วเธอก็ตัดสินใจ


    ทั่วทั้งห้องมืดสนิท แต่สำหรับผู้เป็นปิศาจซึ่งสามารถมองเห็นในเวลากลางคืนได้นั้น ไม่ต่างอะไรกับการเดินในเวลากลางวัน เบลเซบับลากตัวเองเข้ามาในห้องอย่างเชื่องช้าและทุลักทุเลด้วยเพราะกำลังถูลู่ถูกัง แบกคนตัวใหญ่กว่าตนอีกเท่าตัวหนึ่งพาดบ่า ประคับประคองเขาเดินไปด้วยกันอย่างยากลำบากก่อนจะเหวี่ยงตัว กองร่างสบลไสลไม่ได้สติที่ลากมานั้นลงบนเตียงอย่างไม่ปรานีปราศรัย ปิศาจใช้ปาฏิหาริย์แบกร่างหนักอึ้งของเขามาจากที่หมายก่อนหน้าและย่นย่อระยะทางหายวับมาปรากฎตัวยังหน้าห้องของเธอตรงนี้ด้วยความจำยอมและจำใจต้องทำ – อันที่จริงจะเรียกว่าห้องของเธอได้คงไม่ถนัดนัก พูดได้ไม่เต็มปากเต็มคำเท่าไร เพราะมันเป็นหนึ่งในบรรดาห้องซึ่งมีกระจายตัวอยู่หลากหลายพื้นที่ที่นรกมีเตรียมไว้ใช้สำหรับเวลาที่มีปิศาจจะขึ้นมาปฏิบัติการข้างบน เป็นคล้ายๆ ฐานปฏิบัติการ กบดาน รวมถึงส่องสุมย่อยๆ เพื่อดำเนินการตามหน้าที่ที่มอบหมายมาในครั้งหนึ่งๆ และจำเป็นต้องใช้ที่พัก ทั้งนี้ เธอกันห้องหนึ่งในชานกรุงลอนดอนที่ฝ่ายจัดหาจัดเตรียมมาไว้ให้ตัวเอง และจะใช้มันนานๆ ครั้งในเวลาที่นึกอยากจะปลีกตัว วิเวกออกจากหน้าที่ในนรกสักพักหนึ่งไม่ทิ้งช่วงนานนักเพื่อใช้ความคิดกับตัวเอง ทบทวนเรื่องราวต่างๆ กับตัวเองแค่คนเดียว สงบจิตสงบใจต่างการลาพักผ่อน ปลดเปลื้องจากภาระหน้าที่อยู่ชั่วขณะหนึ่งเหมือนๆ กับที่เธอไปนั่งดื่มที่แองเจิลส์สเลเยอร์สนั่นแหละ เธอจะขึ้นมาจากนรก ทิ้งงานให้เดกอนรับช่วง ไม่เคยบอกให้ใครรู้และไม่มีใครอาจหาญจะถามไถ่เอาความ จากนั้นก็อาจจะใช้เวลาเพื่อนอน ไม่ก็นั่งศึกษาวัฒนธรรมความเป็นไปของมนุษย์ผ่านสิ่งที่เรียกว่าโทรทัศน์และหนังสือทั้งหลายขณะคอยติดตามข่าวคราวจากนรกไม่เคยขาดผ่านอินเฟอนัลไทมส์ไปด้วย ปกติปิศาจไม่จำเป็นต้องนอน แต่ความจริงแล้วเธอกับปิศาจส่วนใหญ่โดยเฉพาะเจ้าอสรพิษโครว์ลีย์ชื่นชอบการนอน นอกจากนี้เธอยังไม่มีปัญหากับการดื่มกินด้วย เพราะอย่างไรเธอก็เป็นตัวแทนบาปแห่งความตะกละ เบลเซบับมองอาร์คแองเจิลที่นอนคว่ำหน้าหมดสภาพอยู่บนเตียง เธอโยนผ้าห่มคลุมตัวเข้าไว้อย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้บุนวมอีกมุมหนึ่งอันสงัดเงียบและเป็นส่วนตัวของห้อง มันเป็นเก้าอี้บุนวมสำหรับคนเดียวนั่งตัวใหญ่ที่ตั้งเอียงหน้าเข้าหาเตียง ร่างเล็กๆ ของเธอจมลงไปกับความนุ่มสบายอ่อนยวบที่โอบล้อมผู้นั่งไว้ทันทีที่ทิ้งตัวเข้าหา ขณะกำลังนั่งอยู่เช่นนั้นอย่างเงียบงันในห้องที่มืดสนิท มีเพียงไฟถนนส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างซึ่งรูดม่านเปิดไว้เล็กน้อยเป็นลำแสงเล็กๆ ทอดยาวไปกับพื้นพอให้เห็นภาพเงาและวัตถุตะคุ้มๆ ภายในห้อง สีสันของเมืองที่แผ่ขยายไปจนสุดสายตายามเยี่ยมหน้ามองออกไปกลบกลืนแสงจากดวงจันทร์ไปจนหมด อยู่ดีๆ เธอก็นึกถึงครั้งหนึ่งของการพบหน้าในห้องเฉพาะกิจนั่น มันเป็นช่วงกาฬโรคระบาดครั้งใหญ่ในยุโรป อาร์คแองเจิลหอบเอกสารลงมากองใหญ่มาวางปุกไว้บนโต๊ะที่ไม่ได้จบแค่ตรงนี้ แต่มีอีกหลายลังลอยตามหลังเข้ามาเบียดแน่นจนห้องดูคับแคบแออัดไปถนัดตา เธอเองก็เช่นกัน หอบหิ้วเอกสารลงมาโดยอาศัยแรงของพวกแมลง ค่อยๆ บินวนขนลังเอกสารหลายต่อหลายหลังลงมาเต็มห้อง พวกเราต่างนั่งเผชิญหน้ากันเงียบๆ และเริ่มงานของตัวเอง อย่างไรเสียเราสองคนก็ไม่จำเป็นต้องกินต้องนอน อย่างน้อยก็ไม่ใช่กับเธอที่ติดนิสัยการนอนจากพวกมนุษย์ เมื่อเริ่มโหมงานหนักเข้าหน่อย หลายวันผ่านไปเธอก็เริ่มคอพับคออ่อน ง่วงงุนเกือบๆ จะฟุบลงไปกับกองเอกสารตรงหน้าอยู่รอมร่อ เขาลอบมองเธอเป็นระยะเมื่อเห็นเธอมีท่าทีเช่นนั้น เมื่อหนักเข้าอาร์คแองเจิลก็เสนอว่าเธอสามารถปลีกตัวไปพักก่อนได้ ทีแรกเบลเซบับปฏิเสธด้วยกลัวจะถูกดูแคลนจากอีกฝ่าย แต่แล้วก็สู้ใจตัวเองไม่ไหว อีกฝ่ายที่เหมือนจะรู้จึงเสนอให้เราทั้งคู่หยุดพักขึ้นมาเอง เธอที่ไม่ค่อยอยากรับความเห็นอกเห็นใจจากทูตสวรรค์จึงได้กลับไปหยุดพักหายใจหายคอที่นรกก่อนจะกลับขึ้นมาอีกครั้ง เธอรู้ดีว่าเราต่างก็งานเยอะด้วยกันทั้งคู่อยู่แล้วแต่เขาก็ยังเห็นแก่เธอยอมพักยก หยุดงานไว้ชั่วคราว ตอนที่กลับขึ้นมานั้นเธอเห็นอาร์คแองเจิลนั่งรออยู่แล้วด้วยรอยยิ้มผ่าเผยน่าหมันไส้นั่น อีกอย่างเธอเกลียดท่าทีที่เขาเหมือนเธอเป็นคนกันเองด้วย เบลเซบับพบว่างานส่วนของเธอลดลงไปอย่างมากจนแทบไม่เหลือเลย สิ่งที่รอเธออยู่มีเพียงกองเอกสารปึกเล็กๆ ที่แค่รับรองไม่กี่แผ่นก็เสร็จสิ้น อาร์คแองเจิลผู้ยิ้มแย้มอย่างภาคภูมิใจจะนำเสนอบอกกับเธอว่างานส่วนของเธอ เขาทำให้ได้เท่าที่จะทำได้แล้ว นอกนั้นเป็นอำนาจของฝั่งนรกที่เขาแตะต้องไม่ได้ เบลเซบับจำได้รางๆ ว่าหลังจากนั้นเธอไม่เชิงจะอาละวาดแต่หัวเสียไม่น้อยที่เขามาทำดีกับเธอ บางทีเธออาจจะกำลังกลัวและรู้สึกอ่อนไหวไปกับเรื่องนี้กระมังถึงได้แสดงออกมาตรงข้าม แต่ก็ยังขอบคุณเขาพลางขู่ไปด้วยว่าต้องไม่ล่วงล้ำหน้าที่กันแบบนี้อีก หลังจากนั้นตนก็พยายามหาช่องทางทดแทนหนี้ที่ติดค้างอยู่ตลอด เธอไม่นึกอยากติดหนี้อาร์คแองเจิลตนหนึ่งหรอกจนครั้งหนึ่งทั้งข้างบนกับข้างล่างมีงานล้นทะลักเข้ามารวดเดียว น่าจะราวๆ สงครามโลกครั้งแรก เธอหัวปั่นไปหมดกับอะไรต่อมิอะไรทั้งหลายแต่ก็ยังทำงานส่วนที่ต้องติดต่อกับข้างบนนั่นจนสำเร็จเรียบร้อย ไร้ที่ติแม้จะต้องอดตาหลับขับตานอนรับมือกับทุกเรื่องจนสภาพทรุดโทรมอย่างยิ่งก็ตาม แน่นอนละ เราต้องมาพบหน้ากันในห้องเดิม อาร์คแองเจิลมาในสภาพเหนื่อยล้าโรยแรงไม่ต่างกัน ครั้นแลกเปลี่ยนเอกสารให้อีกฝ่ายตรวจสอบเธอก็พบว่าท่ามกลางกองเอกสารมากมายเหล่านั้นที่ต้องส่งแก่เบื้องล่าง เขาแอบทำงานลวกๆ ส่งๆ จนเกิดข้อผิดพลาด เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ใส่ใจเท่าที่ควร นั่นถือเป็นการดูถูกลบหลู่นรกเบื้องล่าง ไม่ให้ความสำคัญหรือให้เกียรติกันถึงได้แอบทำงานสะเพร่าแบบนี้ออกมา เธอบอกกับเขาเสียงเย็นว่าให้เขายกเลิกนัดทุกอย่าง เคลียร์ตารางงานหลังจากนี้ให้เกลี้ยงเพราะเขาต้องอยู่แก้งานทั้งหมดนี่กับเธอไม่มีวันได้ไปไหนจนกว่าเธอจะพอใจ อาร์คแองเจิลที่เหมือนจะรู้อยู่เต็มอกว่าไม่มีข้อผิดพลาดใดจะหลุดรอดสายตาเจ้าชายแห่งนรกตนนี้ไปได้ทำท่าเหมือนจะปฏิเสธ ทว่ามีแต่พระเจ้าที่รู้ว่าเป็นเพราะท่าทีเหนื่อยล้า หน้าตาอิดโรย รวมถึงสภาพอ่อนเพลียกับเสื้อผ้ายับย่น ขาดการดูแลบ่งบอกว่าเธอเองก็ทำงานหนักไม่แพ้กันแต่ก็ยังต้องคอยตามล้างตามแก้งานของเขา เสียเวลาส่วนตรงนี้ไปเหล่านั้นเองที่ทำให้เกเบรียลพูดอะไรไม่ออกอีกแม้แต่คำเดียว สาเหตุที่เบลเซบับยอมลดราวาศอกไม่ถือสาหาความกับเขามากมายในเรื่องนี้ต่อไปอีกนอกจากนั่งแก้ข้อผิดพลาดไปด้วยกันเนื่องจากเหตุผลเดียวคือชดเชยหนี้ที่ติดค้างเขาไว้ตั้งแต่ครั้งที่เขายอมเสียเวลาของตัวเองจัดการงานส่วนของเธอให้จนแทบไม่เหลืออะไรให้ทำโดยไม่เคยนึกเอ่ยปากทวงถามทีหลัง

    ภาพความทรงจำอันหลากหลายหวนย้อนกลับมาย้ำเตือนยังผืนห้วงคำนึง ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราแต่ละเรื่องทรงอิทธิพลแผ่เข้าไปถึงจิตใจไม่เคยมีครั้งไหนเป็นข้อยกเว้น ทุกครั้งต้องมีส่วนสั่นคลอนเบื้องลึกจิตใจของเราลงไปถึงแก่นทีละเล็กทีละน้อย ค่อยๆ สร้างเสริมให้พวกเรามีความสัมพันธ์อย่างที่เป็นอยู่นี้ ลอร์ดเบลเซบับจมอยู่ในห้วงภวังค์ ทอดสายตาเหม่อมองไปเบื้องหน้าแต่ไม่ได้จับจ้องอยู่ที่จุดใดเลย ขณะสำนึกรับรู้หมุนกลับไปยังเมื่อครั้งที่เขาบอกว่าความลืมเลือนของเธอคือเมตตาจากเบื้องบน อาร์คแองเจิลไม่เคยบอกเธอว่าทำไมเธอจึงลืมเลือน แล้วสิ่งใดกันที่เธอลืมไป แต่ป่วยการที่จนถึงเวลานี้แล้วยังจะสนใจอยากรู้อีก เพราะได้ทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง และอดีตก่อนร่วงหล่นนั้นก็ควรจะเป็นอดีตไปเช่นนั้น เบลเซบับไม่โหยหาหรือนึกอยากหวนรำลึก แต่กระนั้นก็อาจจะมีบางครั้งที่เธอก็นึกอยากรู้ว่าเขาจะรู้จักเธอมาก่อนหรือไม่ เราอาจจะเคยรู้จักกัน นานแสนนานมาแล้ว เจ้าชายแห่งนรกยกขาขึ้นมากอดไว้ ห่อตัวบนเก้าอี้บุนวมที่ตัวใหญ่ยวบและนุ่มสบายจนเหมือนจะกลืนร่างของเธอเข้าไปจนหมด ปิศาจเกยคางกับหัวเข่าพลางไหลไปกับชั่วขณะความคิด บางทีถ้าเรื่องทั้งหมดมันต่างออกไป ถ้าเธอไม่ร่วงหล่น สิ่งที่เธอถูกลบเลือนไปตอนนี้ก็คงยังอยู่ และเรื่องราวต่างๆ อาจจะเปลี่ยนไป บางทีเราสองคนอาจจะเปลี่ยนจากที่เป็นอยู่นี้จากหน้ามือเป็นหลังมือก็เป็นได้ ความนึกคิดและภาพความจำมากมายแล่นผ่านไปราวกับล่องไหลอยู่บนผืนน้ำ เธอกำลังปล่อยอารมณ์ให้ล่องลอย ทอดห้วงความระลึกตรึกตรองและความรู้สึกที่ตีรวนขึ้นมาไปกับบรรยากาศอันเงียบเหงาและผืนรัตติกาลด้านนอกที่โอบล้อม นำพาเอาความมืดแผ่อิทธิพลเข้ามาในห้องนี้ด้วยเช่นกัน ครู่ถัดมาดวงตาสีฟ้าก็ขยับเล็กน้อยเป็นสัญญาณว่าหลุดออกจากการเหม่อมองสิ่งรอบตัวอย่างเลื่อนลอยไม่จดจ่อที่ใดเป็นพิเศษ ปลายสายตาพลันรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวขยับตัวเพียงผิวๆ บนเตียงเบื้องหน้า เธอเลื่อนผ่านสายตาจากเหม่อลอยกลับมาอยู่กับปัจจุบันรอบตัว เจ้าชายแห่งขุมนรกมองอาร์คแองเจิลเกเบรียลขยับตัวอย่างไม่ใคร่จะสบายนักก็อดใจอ่อนขึ้นมาไม่ได้ เธอปาฏิหาริย์ผ้าห่มคลุมตัวเขาเพิ่มอีกชั้นพร้อมกับเสกให้ตนเองอีกผืน จับมันเหวี่ยงรอบตัวห่อทั่วทั้งร่างที่นั่งคู้บนเก้าอี้บุนวมไว้ต่างอ้อมกอดอันอบอุ่น เบลเซบับซุกตัวใต้ผ้าห่มอุ่นสบายนั้นราวกับมันเป็นเกราะกำบังป้องกันตนชั้นดีไม่ให้ใครคนใดกล้ำกรายผ่านเข้าไปถึงจิตใจข้างในพลางนึกหมายมั่นปั่นมือกับคนที่กำลังนอนสลบไสลอย่างหมดท่า หากอาร์คแองเจิลฟื้นคืนสติกลับมาได้เมื่อไหร่ จะชำระบัญชีทบต้นทบดอกโทษฐานที่ทำให้เธอต้องมานั่งลำบากแบบนี้ให้ผวาไปอีกสักพันหรือสองพันปีเลยทีเดียวเชียว เบลเซบับตั้งใจแน่วแน่พร้อมกันกับที่ภวังค์ความง่วนงุนเริ่มเข้ามาครอบงำปิศาจ เธอที่หมดแรงจะขัดขืนแล้วในเวลานี้จึงปล่อยตัวไหลไปกับห้วงนิทราที่เวียนผ่านเข้ามาและผล็อยหลับไปบนเก้าอี้เช่นนั้นอย่างเงียบงันคนเดียวเช่นที่เป็นมาตลอด ปิศาจหลับใหลผ่านรัตติกาลยามค่ำคืนที่เคลื่อนไปจนล่วงเข้าสู่วันใหม่อันเป็นเวรยามของดวงตะวันอีกครั้ง ด้านนอกหน้าต่างปรากฏแสงสีส้มเรื่อๆ ที่ปลายขอบฟ้าผ่านช่องว่างระหว่างตึกซึ่งแข่งกันแทงตัวสูงขึ้นจากพื้นแบ่งกั้นผืนนภาออกจากกันเป็นสัดส่วน สีชมพูอมส้มที่พยายามจะผสมกลืนไปกับสีน้ำเงินไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังกลืนกินความมืดที่แผ่อาณาเขตปกคลุมท้องฟ้าส่วนใหญ่ มันระรานขึ้นมาทีละน้อยจากข้างล่างจนสุดท้ายสีทองสว่างอันเรืองรองของรุ่งอรุณก็มีชัยเหนือ แสงอาทิตย์แรกยามเช้าลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านกับม่านกรองแสงซึ่งรูดเปิดไว้พอประมาณเข้ามาในห้องที่สงัดงัน

    ร่างสูงใหญ่ซึ่งนอนพังพาบบนเตียงเริ่มขยับถี่ขึ้นยามที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนคล้อยผ่านจากเส้นขอบฟ้าขึ้นมาอีกหลายช่วง ขณะที่ปิศาจผู้เผลอตัวพ่ายแพ้ความง่วงงุน จมลึกลงสู่ห้วงนิทราเช่นกันลืมตาตื่นตั้งแต่เวรยามผู้พิทักษ์ผืนนภาในเวลากลางวันโผล่พ้นเส้นขอบฟ้ามาเล็กน้อยเหตุเพราะเครื่องมื่อสื่อสารที่อาร์คแองเจิลใช้บนสวรรค์นั่นส่งเสียงไม่หยุดมาจากตัวคนที่กำลังนอนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ และเธอก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้มันดังอยู่เช่นนั้นจนกว่าอาร์คแองเจิลจะมีสติกลับคืนมาจัดการกับมันเอง เบลเซบับกำลังสะกดจิตใจตัวเองให้ใจเย็นเป็นน้ำแข็ง ไม่รู้สึกรู้สาต่อสิ่งใดให้มากความ พร้อมกับปล่อยให้กาลเวลากับความเป็นไปอันนิ่งสนิทกับเสียงดังเป็นระยะจากสิ่งที่ทำหน้าที่คล้ายโทรศัพท์ของพวกมนุษย์นี้ไหลผ่านตัวเองไปอย่างเปล่าประโยชน์ขณะเฝ้ารอคนบนเตียงรู้สึกตัว ซึ่งสุดท้ายแล้วเขาก็ขยับตัวตื่นขึ้นด้วยท่าทีสะลึมสะลือ อาร์คแองเจิลเกเบรียลผงกหัวจากที่นอน ค่อยๆ ประกอบเศษส่วนของสติระลึกรับรู้ที่กระจัดกระจายเข้าไว้ด้วยกันเพื่อตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น พลางกวาดสายตามองรอบๆ อย่างช้าๆ และพลิกตัวกลับมานอนแผ่หงายอย่างงุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก และเต็มไปด้วยคำถาม ตอนนั้นเองที่เขาเห็นปิศาจนั่งคอยท่าอยู่แล้วบนเก้าอี้บุนวมตรงปลายเตียงด้วยท่าทีเฉกเช่นนางพญา ใบหน้าเหี้ยมเกรียม ส่งสายตาคมกริบและเข้มงวดขึงขังมองมาในแบบที่เขารู้สึกว่าตนกำลังจะตกที่นั่งลำบากอย่างยิ่ง น้ำเสียงที่เธอใช้เอ่ยก็เยียบเย็นระคนแข็งกร้าวไม่แพ้กัน “มีสติสตังดีแล้วเหรอ อาร์คแองเจิล ตอบข้อความจากเครื่องมือสื่อสารของแกให้เรียบร้อยซะก่อนที่ฉันจะทนมันไม่ไหวอีกต่อไปแล้วเขวี้ยงมันออกนอกหน้าต่าง”

    เมื่อเธอทักขึ้น เกเบรียลถึงเพิ่งรับรู้ว่าเครื่องมือสื่อสารที่ใช้ติดต่อบนสวรรค์กำลังส่งเสียงดัง เขายังคงงุนงงกับสภาพการณ์ที่ลืมตาตื่นขึ้นมาพบอยู่นี้อีกทั้งยังเต็มไปด้วยคำถามอย่างเช่นเกิดอะไรขึ้น เขามาอยู่ที่แห่งนี้ได้อย่างไร อะไรทำนองเช่นว่านั้นก็จริง ทว่าอาร์คแองเจิลก็ยังเก็บสวงนความพิศวงงงงวยทั้งหมดลงไปไว้ในใจก่อนพลางรีบตรวจสอบดูข้อความจากเบื้องบนอย่างเร่งร้อนในทันทีเป็นอันดับสำคัญแล้วจึงพบว่าข้างบนกำลังต้องการตัวเขาอย่างเร่งด่วน ทั้งยังกำลังตามหาตัวให้กวัก อัครทูตสวรรค์หายจากอาการสะลึมสะลือง่วนงุนเป็นปลิดทิ้ง สร่างเมาและตาสว่างขึ้นมาทันควัน ปิศาจที่จับสายตาอยู่ไม่ห่างเห็นสีหน้าเขาเปลี่ยนไปวูบหนึ่งก็รับทราบได้ว่าเขากำลังถูกข้างบนนั่นตามตัวด้วยเรื่องสำคัญอะไรบางอย่างแน่ จากสีหน้าก็เห็นได้ทันทีว่าเป็นเรื่องด่วน เธออ่านเขาออกได้หมดเปลือกเพราะหลังจากนั้นอาร์คแองเจิลก็รีบผุดตัวลุกขึ้น คลำซ้ายแตะขวารอบตัวตรวจดูว่าเกียรติภูมิของตัวเองยังคงอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ ครั้นแล้วจึงหย่อนเท้าลง ลุกขึ้นจากเตียง จัดระเบียบเสื้อผ้ากับทรงผมที่ยุ่งเหยิงก่อนจะปาฏิหาริย์ชุดสูทเรียบกริบแบบที่เขามักจะใส่ยามอยู่บนสวรรค์ให้กับตัวเองใหม่แทนที่ชุดลำลองอันยับยู่ เหตุนี้เธอจึงรู้ได้ว่าเขาต้องรีบขึ้นไปข้างบนถึงได้เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเตรียมตัวเช่นนี้ล่วงไปก่อนแล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วในคราวเดียวท่ามกลางสายตาจับจ้องไม่ห่างของปิศาจที่เฝ้ารอจะตอบทุกข้อสงสัยของอัครทูตสวรรค์ซึ่งต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนด้วยท่าทีคล้ายตั้งตาคอยกึ่งๆ จะเฉื่อยชาไปพร้อมๆ กัน บรรยากาศที่แผ่ออกมารายล้อมรอบตัวเธอนั้นเงียบเชียบเยียบเย็นยิ่งคล้ายนักล่าที่กำลังซุมรอตะครุบเหยื่อ หลังเกเบรียลจัดการกับตัวเองเสร็จสิ้นในชั่วเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจประหนึ่งว่าเมื่อครู่เขาไม่ได้กำลังนอนสลบเหมือดด้วยความมึนเมามาก่อน เขาก็มองมายังเธอด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าถึงช่วงเวลาของคำถามเสียที เป็นไปตามที่เจ้าชายแห่งนรกคาดไว้ไม่มีผิด เบลเซบับโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อยแทนสัญญาณว่าเธอพร้อมสำหรับทุกๆ คำตอบที่จะมีให้เขาแล้ว นั่นเป็นตอนที่เกเบรียลเพิ่งสังเกตเห็นว่าปิศาจเองก็แต่งตัวในเครื่องแบบอย่างที่เธอมักจะใส่ยามอยู่เบื้องล่างเป็นที่เรียบร้อย เป็นเหมือนอย่างที่เขามักจะเห็นเวลาเธอขึ้นมาจากข้างล่างเพื่อพบปะกัน ไม่ได้อยู่ในชุดที่ใช้พรางตัวไปกับพวกมนุษย์อย่างกลมกลืนอีกต่อไป เขาถึงได้รู้ว่าเธอเองก็มีเรื่องให้ต้องรีบกลับไปนรกแล้วเช่นกัน แต่ก็ยังยอมเฝ้ารอเขาตื่นขึ้นมา ไม่ทิ้งเขาไปไหนด้วยรู้แน่ว่าเขาต้องมีคำถามตามมาอีกเป็นขบวนยามที่รู้สึกตัวฟื้นคืนสติเพราะไม่อยากให้เขาตื่นมาพบเจอกับห้องว่างเปล่าพร้อมด้วยความสงสัยหวั่นใจไร้จุดพึ่งพิงกับความรู้สึกเคว้งคว้างเว้งว้างอัดแน่นเต็มหัว ปิศาจคิดเอาใจใส่เผื่อแผ่คนอื่นอย่างไม่สมกับสถานะปิศาจและที่แน่ๆ เธอคงไม่ทันรู้ตัวว่านี่คือความเอาใจใส่ด้วยกระมัง อาร์คแองเจิลเกเบรียลทรุดตัวลงนั่งที่ปลายเตียงอย่างว่าง่าย หยุดท่าทีเร่งร้อนของตนทันที เขาหันหน้าประชันกับปิศาจผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมที่วางเยื้องๆ อีกฝั่ง คำถามพร่างพรูถูกเอื้อนเอ่ยช้าๆ เป็นจังหวะอย่างใจเย็น ไม่มีร่องรอยคาดคั้นเอาความหรือบีบบังคับให้ตอบ โทนเสียงประหนึ่งการถามสั้นๆ เพียงว่าวันนี้สภาพอากาศเป็นเช่นไร อีกทั้งมันยังเจือความอ่อนโยนพร้อมให้เวลาเหมือนๆ กับที่เธอให้เวลาทั้งหมดกับเขา “เรื่องมันยังไงกันแน่บี พวกเรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เกิดอะไรขึ้น มีอะไรชักนำ ทำไมเรื่องถึงเป็นแบบนี้ได้ ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออก จำอะไรไม่ได้เลย”

    “อย่าให้ฉันต้องเริ่ม อาร์คแองเจิล” ถึงจะพูดแบบนี้แต่เบลเซบับพร้อมจะเริ่มสาธยายวีรกรรมยืดยาวของอาร์คแองเจิลอย่างเต็มที่ตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นแล้ว เธอกล่าวแกมขู่เสียงเครือพร้อมกับทำหน้าคล้ายรำคาญที่จะต้องเล่าแต่กลับไม่ละทิ้งรายละเอียดใดๆ ไปเลย ไม่เสียเวลามานั่งไล่เรียง ทั้งยังไม่รั้งรอที่จะถ่ายทอดทุกอย่างให้อีกฝ่ายรับรู้เนื่องจากรอเวลานี้มานานเต็มแก่ เบลเซบับร่ายทั้งหมดที่เก็บไว้ในใจตั้งแต่เมื่อคืนวานออกมาจนหมดเปลือกในอึดใจเดียวพลางทิ้งท้ายไว้ด้วยน้ำเสียงยกตัวถือไพ่เหนือกว่าที่ติดจะยั่วเย้ามากกว่าทวงถามหรือยกตนข่มเช่นนั้นจริงๆ เนื่องจากลึกลงไปภายในยังก้นบึ้งของจิตใจ เธอรู้สึกยินดีที่เขาฟื้นคืนสติกลับมาครบถ้วนปลอดภัย อีกทั้งยังดีใจและโล่งใจเป็นปลิดทิ้งกับการได้พูดระบายความอึดอัดกังวลใจที่มีก่อนหน้านี้ออกไปจนหมด อาร์คแองเจิลที่เห็นดวงตาสีฟ้าเยือกเย็นของอีกฝ่ายเป็นประกายคมปลาบ วาวโรจน์ขึ้นสื่อให้เห็นอารมณ์คุกรุ่นพร้อมชำระความให้ถึงใจ ก็พลันนั่งอย่างสำรวม เจียมเนื้อเจียมตัวรับฟังอีกฝ่ายแต่โดยดีอย่างว่าง่าย ไม่คิดจะมีปากมีเสียงใดๆ ทั้งสิ้น การพบปะกันเกือบหกพันปีสอนให้เขารู้ดีว่าเวลาอย่างนี้ไม่ควรทำเป็นเล่นกับเธอ และต้องตั้งใจรับคำอย่างสำนึกตัว “เมื่อวานที่เราไปดื่มกัน เราดื่มกันจนดึกแล้วแกก็เมาหัวทิ่มแถมยังสร่างเมาไม่เป็นอีกต่างหาก ฉันใช้ปาฏิหาริย์สร่างเมาให้แกแทนไม่ได้ไม่รู้ว่าทำไม แกไม่ตอบสนองอะไรเลยนึกว่าแกจะใช้การไม่ได้ไปแล้ว แต่ก็นะยังรอดมาได้นี่ ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี จะเรียกพวกปิศาจมาช่วยก็ไม่ได้ เรียกฝั่งแกก็ไม่ได้ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ขืนให้ใครมารู้ว่าพวกเรามาคบค้าสมาคม เสวนากันด้วยบาปแห่งความเมามายแบบนี้มีหวังหมดความน่าเชื่อถือ ดีไม่ดีจะโดนแบบสองคนนั้นเหมือนพวกปากว่าตาขยิบ สรุปก็คือฉันแบกแกมากองไว้ที่ห้องฉันเอง แถมยังนั่งเฝ้าทั้งคืนจนแกตื่นขึ้นมานี่” – เธอเว้นจังหวะขณะอัครทูตสวรรค์มองมาตาปริบ ก่อนจะพูดต่ออย่างวางท่าไปด้วยในลักษณะทีเล่นทีจริง “ขอบคุณฉันให้มากๆ เสียด้วยล่ะ”

    ฝ่ายผู้รับฟังที่นั่งสงบนิ่งประหนึ่งพร้อมจะอยู่ในโอวาทมองเธอทึ่งๆ หลังจากได้ยินทุกถ้อยคำถ้วนทั่ว เขานิ่งอึ้งไปเพราะเพิ่งรับรู้เดี๋ยวนี้เองว่าเรื่องเมื่อคืนสุ่มเสี่ยงแค่ไหน แต่นั่นไม่ใช่เพราะเขาหวาดกลัวหรือห่วงสวัสดิภาพของตัวเอง เนื่องจากจริงๆ แล้วไม่เคยแน่ใจอะไรเท่านี้มาก่อนว่าเบลเซบับจะไม่ทำอันตรายเขา เธอไม่ใช่ปิศาจที่จะลอบทำร้ายผู้อื่นลับหลังหรือสังหารใครต่อใครเวลาที่ไม่รู้สึกตัว การที่เขานิ่งงันไปด้วยเพราะนับถือใจเธอและวิธีการจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้อย่างดีต่างหาก ทั้งที่คิดเช่นนี้ แต่ตอนเฟ้นหาคำพูดออกไปเขากลับทำตัวราวกับตนกลายเป็นคนบื้อและโง่เง่าอย่างยิ่งผิดจากอะไรๆ มากมายที่ตั้งใจจะกล่าวกับเธอไว้ถนัด ทั้งที่เขามีเรื่องมากมายอยากจะบอกกับเธออย่างคำว่าขอบคุณ คำชื่นชม นิยมชมชอบ หรือคำพูดใดๆ ที่สื่อความหมายถึงมิตรไมตรีและความปรารถนาจะมีสัมพันธภาพอันดี แต่เขากลับเลือกสิ่งที่ตรงข้ามกับใจโดยปราศจากเหตุผลและดูจะไม่รู้ตัวเท่าไรนักในเวลาที่คำพูดหลุดเลื่อนผ่านลำคอไปก่อนความคิด เขาพูดจาออกมาอย่างที่ฟังแล้วไม่น่าจะเข้าหูอีกฝ่ายเท่าใดนัก เกเบรียลเพิ่งพิสูจน์กับให้ตัวเองได้ตระหนักรู้ว่าเขามันตัวงี่เง่าสร้างหายนะเดินได้ดีๆ นี่เอง และไม่จำเป็นต้องใช้เหตุผลใดอื่นเลยที่อีกฝ่ายจะเหม็นขี้หน้า เกลียดเขาหนักหนา เขาตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมจึงเลือกคำถามที่เลวร้ายที่สุดออกไป เขาไม่ได้กลั่นกรองผ่านความคิดจริงๆ ด้วยซ้ำ บางทีเขาก็คือไอ้งั่งล้วนๆ ไม่มีข้อแก้ตัว หรือไม่แล้วเขาก็นึกอยากจะยืนยันความเชื่อมั่นของตัวเองที่มีต่อเธอ ถ้าเธอยอมรับอะไรอบางอย่างออกมา – ที่เขาเองก็เจาะจงลงไปไม่ได้เช่นกันว่าคืออะไร – เขาคงจะลิงโลดใจ จิตใจโลดแล่นและมีความสุขไม่น้อย เกเบรียลแค่อยากจะให้เธอแสดงท่าทีอะไรต่อมิอะไรอย่างหลากหลายในเรื่องที่เกี่ยวกับเขา อยากจะเป็นคนที่ทำให้เธอรู้สึก ไม่ว่าจะด้วยความรู้สึกอะไรก็ได้นอกจากความเรียบเฉยไร้อารมณ์เสียเป็นส่วนใหญ่บนใบหน้าเธอนั้น ไม่ว่าความรู้สึกใดที่เธอมีต่อเขา อาร์คแองเจิลก็พร้อมจะยอมน้อมรับด้วยชอบที่จะเห็นเธอมีชีวิตชีวาและรับรู้ได้ว่าเธอยังสนใจเขาอยู่ มีความรู้สึกต่อเรื่องของเขาไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็แสดงให้เห็นว่าเขาเข้าไปมีอิทธิพลในจิตใจเธอได้ เพราะเขาอาจจะเป็นเด็กผู้ชายคนที่ช่างกลั่นแกล้งเพื่อเรียกร้องความสนใจอย่างที่ไมเคิลพูด ทั้งยังเป็นอัครทูตสวรรค์ถือดี หยิ่งผยองและน่าหมันไส้ที่ไม่รู้จะปฏิบัติตัวอย่างไรกับปิศาจที่ตนเองสนใจใฝ่หาโดยไม่ทันรู้ตัวมาตลอดหลายพันปี “คุณไม่ทำจะอะไรผมเลยเหรอ คุณมีโอกาสดีมากเลยนะ มีโอกาสจะทำอะไรกับผมก็ได้โดยที่ผมไม่รู้ตัวเลยสักนิด”

    เมื่อได้สดับตรับฟังคำถามดังกล่าวจากปากอาร์คแองเจิลผู้ซึ่งเอ่ยมันออกมาโดยปราศจากเจตนาที่จะลบหลู่ สงสัยหรือไม่เชื่อใจเธอ แต่พูดออกมาราวกับไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดไปเรื่อยเปื่อยเหมือนแค่อยากจะย้ำความมั่นใจอะไรสักอย่าง เบลเซบับก็มองอีกฝ่ายราวกับอาร์คแองเจิลโง่เง่าเสียเต็มประดากับการถามคำถามอันแปลกประหลาดพิกลนี้ออกมา แล้วที่เขายังอยู่ดีมีสุขครบสมบูรณ์มาตลอดคืนนี่หมายความว่าอย่างไร เธอนึกค่อนขอด โชคดีที่เบลเซบับรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นไอ้งั่งหัวโตตัวใหญ่จึงไม่ใคร่จะใส่ใจคำพูดเมื่อครู่ทั้งยังไม่คิดจะถือสาหาความนัก เธอเข้าใจเขาดีว่าหมอนี่ไม่ได้ตั้งใจจะถามคำถามอะไรเช่นนั้นออกมาจริงๆ แต่เป็นเพราะสรรหาคำพูดออกมาไม่เก่งดังที่ใจจริงคิดมากกว่า ก็เหมือนกับเธออีกนั่นแหละ เกือบหกพันปีสามารถให้อะไรกับคนสองคนที่ต้องมาพบหน้ากันอยู่เรื่อยๆ เกิดปฏิสัมพันธ์กันอย่างยากจะหลีกเลี่ยงจนนำสู่สัมพันธภาพระหว่างกันที่พิลึกพิลั่นแต่ก็น่าพึงใจในแบบที่ไม่อยากยอมรับแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ดังนั้นเบลเซบับจึงแหวใส่เล็กน้อย แสดงออกว่ายังมีส่วนที่รู้สึกหัวเสียกับสิ่งที่เขาพูดอยู่บ้างแต่ไม่ทั้งหมด เธอนึกอยากจะบอกออกไปว่าฉันจะไปทำอะไรแก บ้าเหรอ แต่แค่สายตาที่ส่งผ่านไปก็พูดถ้อยคำเดียวกันนี้ให้อีกฝ่ายประจักษ์ได้ชัดเจนดีเกินพอแล้ว นอกจากนั้นเธอยังพร้อมกับการกระเซ้าเย้าแหย่อารมณ์ ยียวนอีกฝ่ายให้ไปในทางลบมากกว่าจะตอบคำถามดีๆ หรือเอาจริงเอาจังตามที่ควรจะเป็น “อ๋อใช่ ฉันมีเยอะเลยเมื่อวานนี้ ทุกเวลาทุกวินาทีและทุกอย่างที่แกทำก็กระตุ้นความคิดนั้นเป็นแรงผลักดันและขับเคลื่อนเจตนาได้ยอดเยี่ยมมากเลยด้วย อาร์คแองเจิล”

    เสียงเธอเย็นขึ้นเรื่อยๆ ดูจะใกล้หมดความอดทนเต็มแก่ ใบหน้าถมึงทึงมากทีเดียวแม้ใจจริงจะไม่ได้รู้สึกดังที่แสดงออกมานั้นก็ตามที เธอแค่นึกอยากจะประชดประชันเสียดสีและแสดงท่าทีข่มขู่ให้สมกับสถานะปิศาจเสียหน่อยเพื่อว่าอีกฝ่ายจะหลงลืมสังกัดพงษ์พันธุ์ของเธอไปชั่วครู่ ลอร์ดเบลเซบับต้องการจะย้ำเตือนอาร์คแองเจิลว่าอะไรก็ตามที่เขากำลังรู้สึกอยู่ไม่ว่าจะเป็นจิตใจอันเป็นมิตร ความสนิทสนมชิดเชื้อ หรือความผูกพันทั้งหมดนั้นไม่สมควร เธอใช้มันเตือนตัวเองด้วยเช่นกันว่าสิ่งใดเหมาะสม ความรู้สึกใดไม่ควรมี เบลเซบับหยุดพูดไปครู่หนึ่งจากเสียงของเครื่องมือสื่อสารติดตัวอีกฝ่ายดังขึ้นขัดจังหวะ แต่พอเห็นเจ้าของไม่คิดอยากจะขยับตัวทำอะไรอื่นนอกจากดีดนิ้วเบาๆ ปิดเสียงมันคืนกลับไป เธอก็ฉุดตัวเองลุกขึ้นอย่างมาดมั่นและสง่าผ่าเผย เดินเข้าไปประชิดตัวอาร์คแองเจิลที่นั่งอยู่ปลายขอบเตียงในระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเธอยืนตระหง่านค้ำเขาอยู่แบบนี้ พร้อมจะรุกล้ำและคุกคามทุกเมื่อ เธอนึกชอบอกชอบใจเวลาเธอดูมีอำนาจเหนือกว่าอีกฝ่ายทั้งยังดูตัวสูงกว่า ครั้นแล้วเบลเซบับก็โน้มตัวลง ชี้นิ้วเข้าที่หน้าอกกว้างๆ ของคนตัวใหญ่โดยไม่นึกเกรงกลัว ถือดีและห้าวหาญอย่างมากขณะสบดวงตาสีม่วงนั่นแน่วแน่พลางเอ่ยต่อหน้าเขาในระยะที่ห่างกันเพียงไม่กี่ช่วงมืออย่างเหี้ยมเกรียม – “ฉันอาจจะคิดอย่างนั้น แต่พอไตร่ตรองดูอีกที ถ้าเก็บแกไว้ใช้งานให้คุ้มกับที่ทำให้ฉันต้องลำบาก ไถ่ถอนหนี้นี้ด้วยการลงแรงไปกับแผนการนี้แทนฉันให้มากๆ หน่อยจะดูดีกว่าว่าไหม ดีกว่าจุดชนวนสงครามสวรรค์กับนรกอะไรนั่น ไหนๆ มันก็ไม่ใช่แผนการอันใหญ่ยิ่งของพระเจ้าไปแล้ว ก็ไม่รู้จะทำให้มันเกิดขึ้นมาอีกทำไม อีกอย่างถ้าแกเป็นอะไรไปใครจะคอยมาประสานงานกับฝั่งนรก ขืนส่งทูตสวรรค์คนอื่นมาต้องทำความรู้จักกันไปอีกกี่พันปี ฉันกับแกหัวอกเดียวกันมาหกพันปีแล้วนะ อาร์คแองเจิล” – เธอกล่าวเน้นเสียงเย็นเจือด้วยกระแสความท้าทาย “แกยังจะกล้าตั้งคำถามว่าทำไมฉันถึงไม่ทำอะไรแก ที่นี้ก็กลับไปได้แล้วไปทำธุระอะไรที่แกต้องทำ แต่จำไว้ว่าต้องตอบแทนฉันให้มากๆ หน่อยล่ะ”

    เพราะเห็นเสียงเครื่องมือสื่อสารของอีกฝ่ายดังอีกครั้ง เธอจึงยอมพูดปล่อยเขาไปโดยง่าย อีกประการหนึ่งก็เพราะเธอมีหน้าที่ต้องรีบกลับไปติดตามยังนรกเบื้องล่างด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ เหนือกว่าความคาดหมายทั้งมวล ตอนที่เบลเซบับกำลังจะผละออกจากตัวเขา ไม่รู้อีกฝ่ายนึกครึ้มอะไรขึ้นมา แตกต่างออกไปจากทุกๆ ครั้ง อัครทูตสวรรค์ก็พลันลุกขึ้นกะทันหันจนเธอตกใจและผงะไปด้วยไม่ทันตั้งตัว ร่างของเขายืดตัวตรงกลับมาสูงตระหง่านข่มเธอไว้ดังเดิมอย่างน่าหงุดหงิดอีกครั้ง และเขาใช้ข้อได้เปรียบนี้เดินรุกไล่เธอเข้ามาจนคนตัวเล็กกว่าต้องก้าวถอยหลังไปทีละน้อยตามช่วงจังหวะการก้าวล้ำจากเขาที่ย่างสามขุมเข้าหาทำให้เธอหมดทนทางหนี ไม่มีที่ไปหรือเบี่ยงตัวหนีด้วยร่างของเขาขวางเธอไว้ เธอไม่เคยนึกเกลียดการที่ตนเองตัวเล็กกว่าเขามากขนาดนี้มาก่อน อันที่จริงเธอก็ไม่ได้รู้สึกกังวลหรือถูกคุกคามเท่าที่ควร แต่แค่ปกติแล้วอาร์คแองเจิลไม่เคยตอบสนองเช่นนี้ เบลเซบับรู้สึกได้ว่าส้นเท้าที่ก้าวไปเบื้องหลังชนเข้ากับพนังห้อง เธอทรงตัวไม่ให้ล้มขณะหมดทางเลือกอื่นนอกจากทิ้งแผ่นหลังชนข้างฝาขณะคนตรงหน้ายังคงรุกคืบไม่หยุด เมื่อเห็นอีกฝ่ายจนมุม อาร์คแองเจิลเกเบรียลก็ขยับตัวออกห่างเล็กน้อยไม่ให้ดูคุกคามหรือข่มขวัญจนฝ่ายตรงข้ามต้องตระหนกตกใจ เขาไม่อยากให้เธอรู้สึกเหมือนถูกก้ำเกิน ล่วงล้ำความปลอดภัยหรืออาณาเขตส่วนตัว แต่เพราะไม่ใช่แค่ฝ่ายปิศาจคนเดียวที่จะแสดงท่าทียั่วเย้าเช่นนั้นแล้วจะเดินจากไปได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่จะสามารถปั่นหัวเขาได้อยู่ตลอดในแบบที่เขายอมให้เสมอ เกเบรียลยกมือขึ้นยันกำแพงข้างหลัง ยืนคร่อมตัวเธอไว้อย่างสำรวมท่าทีพยายามจะไม่ให้ดูเหมือนว่าขณะนี้กำลังมีอำนาจเหนือกว่า แต่ดูจะไม่เป็นผลเท่าใดนัก อัครทูตสวรรค์กักกันตัวปิศาจไว้ในอาณัติจนปิศาจตนดังกล่าวซึ่งอยู่ในวงแขนที่เขายกคร่อมไว้ข้างหนึ่งกับผนังที่เธอยืนแนบสนิทดูตัวเล็กลงไปอีกถนัดตา หากทูตสวรรค์มีลมหายใจเช่นมนุษย์ ปิศาจคงจะรู้สึกถึงมันแล้วในเมื่อพวกเรายืนแทบไม่ห่าง และใบหน้าของเขาก็โน้มลงมาแทบจะมาจ่อโดนจมูกของเธอซึ่งสาบานว่าถ้าเขาย่อตัวลงมาให้เสมอกันเพื่อพูดให้ถนัด เธอจะหั่นขาเขาเดี๋ยวนี้ตรงนี้ เจ้าชายแห่งนรกจับจ้องคนตรงหน้าไม่ลดละ ความรู้สึกบนใบหน้าเต็มไปด้วยความหาญกล้าท้าทาย เกเบรียลเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้คิดจะทำสิ่งใดอื่นอยู่แล้วนอกจากยิ้ม ไม่หลบสายตาแต่จ้องกลับไปอย่างแน่วแน่ เอาจริงเอาจังจนทำให้ใครคนอื่นอาจรู้สึกร้อนผ่าวได้ ดวงตาของเขาพราวระยับ ทรงอำนาจจับตรึงในแบบที่ละสายตาไปที่ใดอื่นไม่ได้เลย และเบลเซบับรู้สึกเป็นครั้งแรกว่าถ้าเขาเอาจริงแล้ว ที่ผ่านมาเธอจะไม่มีทางได้เย้าแหย่เขาแบบนี้เฉยๆ โดยไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นแน่นอน เพียงเสี้ยวจังหวะหัวใจเต้นถัดมาอาร์คแองเจิลก็เอ่ยขึ้นในที่สุด “ผมจะนัดเจอคุณอีก บี ผมต้องขอบคุณคุณมากๆ เลย”

    ชั่วอึดใจหนึ่ง อาร์คแองเจิลเกเบรียลก็เงียบนิ่งไปด้วยรอยยิ้มที่ตั้งใจทำให้เบลเซบับรู้ว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้ เขาคิดว่ามาถึงขั้นนี้ ก็เป็นประจวบเหมาะที่ตนจะบอกกับอีกฝ่ายออกไป อัครทูตสวรรค์เลื่อนมือลงมาจับต้นแขนทั้งสองข้างของปิศาจแผ่วเบาแต่หนักแน่นราวกับว่าถ้าเขาไม่สัมผัสจับต้องเธอไว้ เธอจะเป็นภาพลวงตาที่สลายหายไปโดยง่าย หัวใจของเขาบิดตัวอย่างแรงจนเขารู้สึกว่ามันทรมานกับการมองเธอแต่ทั้งหมดที่มีได้คือการติดต่อพบหน้าและสัมพันธภาพอันน่าพิศวง ขณะเดียวกันก็เป็นสุขใจที่จะยังมีเธออยู่เสมอ เธอมักจะทำให้เขาหายใจไม่ออก และนึกอยากตะเกียกตะกายไขว่คว้า รู้จักสิ่งที่เรียกว่าความดิ้นรน ดิ้นรนให้ได้มา รวมถึงความพยายามลงแรง และเป็นครั้งแรกที่อยากจะได้หรือมีอะไรเป็นของตัวเอง บางทีอาจเป็นอิทธิพลจากการข้องแวะกับปิศาจหรือนี่อาจจะเป็นการล่อลวงจากอีกฝ่าย ค่อยๆ บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ของบาปและความชั่วร้ายที่เธอแอบทำอย่างแนบเนียนมาตลอดก็ได้ แต่ความจริงก็คือมันไม่ใช่

    “ผมเชื่อใจคุณนะ” แล้วเขาก็กล่าวถ้อยคำต้องห้ามออกมาจนปิศาจที่สดับฟังทุกถ้อยคำนั้นเข้ามาใจหายวาบ ดวงใจในอกกระตุกวูบด้วยไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุใด แต่มันไม่ใช่ความกลัวหรือรังเกียจชิงชังแน่ คำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกแน่นหน้าอก มันเหมือนเขาถูกความรู้สึกของเธอกอบกุมเอาไว้ และทิ่มแทงเข้ามาในอกทำให้ใจที่สั่นคลอนไม่มั่นคงของเขาถูกทำให้วูบไหวตามไป เธอไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป ภายในนั้นรวนเรไปหมด มันอาจจะเป็นความโกรธ ความไม่พอใจ หรือเป็นอย่างอื่นไปเลยก็ได้ ทว่าสิ่งที่เบลเซบับเลือกจะแสดงออกมีเพียงอย่างเดียวคือเธอจะไม่ทนอยู่เฉยกับการคุกคามอันก้ำเกินนี้ แม้เขาจะไม่ได้มีทีท่าหรือส่อเจตนาจะล่วงเกินเธอเลยก็ตาม เบลเซบับโพล่งตัวขึ้น ถลำไปข้างหน้า เธอใช้ประโยชน์จากความที่ตัวเล็กกว่าบ้าง เสยศีรษะขึ้นกระแทกปลายคางของอาร์คแองเจิลฟักกิ้งเกเบรียลจนเขาหน้าหงาย ต้องถอยห่างไป เธอจึงสามารถเคลื่อนไหวหนีออกมาได้เป็นอิสระอีกครั้ง อัครทูตสวรรค์กำลังงอตัวกุมคางด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว ดูเจ็บปวดไม่น้อยเพราะถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวเหมือนๆ กับที่เขาทำกับเธอ แต่มันน่าสะใจกว่าตรงที่เขาคลายความเจ็บในแบบที่ใช้ปาฏิหาริย์ฟื้นฟูตัวไม่ได้ มันจะทิ้งร่องรอยไว้ให้ใครต่อใครได้พบเห็นแน่นอนซึ่งเธอจะอวยพรขอให้โชคดีกับการตอบคำถามทั้งหลาย เจ้าชายแห่งนรก ตัวแทนบาปแห่งความตะกละ ผละตัวออกห่างจากการเกาะกุมกลายๆ ของเขาพร้อมกันนั้นก็ตะโกนตอบออกไป

    แต่ฉันไม่เชื่อใจแก!” โดยไม่เสียเวลาตรึกตรองหรือปล่อยให้ห้วงบรรยากาศหยุดพักไปกับความเงียบงันแม้เพียงเสี้ยววินาที เบลเซบับขู่ฟ่อกลับไปทันที ติดสำเนียงเสียดอากาศผ่านไรฟันเหมือนเสียงของแมลง ครั้นแล้วก็หายไปตัวไปกับกลุ่มแมลงหอบใหญ่ มุ่งหน้ากลับไปยังนรกเบื้องล่าง คำพูดของเธอยังคงทิ้งเสียงสะท้อนที่ดังชัดเจนทุกถ้อยคำไว้เหมือนหนึ่งว่าเธอยังคงมีตัวตนอยู่ในห้องให้อาร์คแองเจิลเกเบรียลได้ยินอย่างชัดถ้อยชัดคำ เธอรู้แจ้งแก่ใจว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดคือความจริง ความจริงเท่านั้นไม่บิดเบือน อย่างไรเสียทูตสวรรค์ก็โกหกไม่ได้ แต่โชคดีนักที่เธอเป็นปิศาจ เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าอย่างไรปิศาจก็สามารถโกหกได้อยู่ดี


    End

     

    ----------------------------- ℘ -----------------------------

    Disclaimer: All about Good Omens belong to Terry Pratchett and Neil Gaiman, I own nothing but plot and narrative of this fan fiction are mine. If I owned all of them, the ineffable husbands would definitely end up together since they met each other at the Eden. I would smack their heads together, and say kiss already.

    Author's Note:

    สวัสดีค่ะ คราวนี้เป็นฟิค Ineffable Bureaucracy ค่ะ ตอนแรกตั้งใจจะเขียนแค่ประมาณ 20-30 หน้า แต่พอเอาเข้าจริงๆ ทั้งหมดครบบริบูรณ์คือ 68 หน้าค่ะ... เขียนไปเขียนมาแล้วคู่นี้มีอะไรให้ใส่เยอะเต็มไปหมดไม่แพ้คู่ Ineffable Husbands เลย (ถึง Ineffabl Husbands จะมีไอเดียให้เล่นเยอะมากจนใส่ไม่หวาดไม่ไหวก็ตาม) หวังว่าทุกคนจะชอบแฟนฟิคนี้นะคะ สมัยอ่านเวอร์ชันหนังสือ คู่นี้คือไม่ได้อยู่ในความคิดเลยแต่ดูมินิซีรีย์ได้เห็นฉากที่ Tadfield Air Base ก็รู้สึกว่าเอ๊ะ สองคนนี้ทำไมดูสนิทสนมกันจัง เป็นลูกคู่รับส่งกันได้ดีมากตอนพยายามโน้มน้าวอดัม ดูเหมือนเป็นคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันครั้งแรกแต่ต้องรู้จักกันอยู่พอตัวเลย ก็เลยเกิดเป็นไอเดียขึ้นมา อีกอย่างเราชอบที่ตอนเกเบรียลกับเบลเซบับปรากฎตัวพร้อมกัน มีจังหวะหนึ่งที่เกเบรียลหยุดยืนรอเบลปัดเสื้อตัวเอง หันไปมองว่าพอเบลพร้อมถึงจะออกเดินไปด้วยกัน แถมยังมีแอบส่ายหน้าระอาเบาๆ ด้วย ก็เลยได้ไอเดียว่าคู่นี้น่าจะเป็นคู่กัด เป็นไม้เบื่อไม้เมา แต่จริงๆ แล้วสนิทกันมากกว่าที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะยอมรับ แถมยังมีส่วนที่คล้ายๆ กันมากกว่าที่คิดทั้งนิสัยบางอย่าง หรือตำแหน่งหน้าที่ เรียกได้ว่าหัวอกเดียวกัน จะมีใครเข้าใจกันได้มากกว่านี้อีก ก็เลยเกิดเป็นฟิคนี้ขึ้นมาค่ะ สำหรับชื่อไอริชผับของเบลนั้น แองเจิลสเลเยอร์สที่ทับศัพท์ไปคือ Angles Slayers หรือก็คือเหล่าผู้สังหารบรรดาทูตสวรรค์นั่นเองค่ะ

    กิมมิคสำคัญของฟิคนี้คือการโกหก เราใช้ไอเดียที่ว่าทูตสวรรค์ไม่โกหกในขณะที่ปิศาจจะโกหกมาเป็นแก่นของเรื่อง กล่าวคือ ในเรื่องจะมีเมนชั่นเป็นระยะว่าคำพูดช่วงไหนเกี่ยวข้องกับความคิดของตัวละครที่มีต่อการโกหกอย่างไร จะมีส่วนที่บอกว่าเบลเซบับไม่เคยโกหกเกเบรียลเลยด้วยและนั่นทำให้เกเบรียลเชื่อใจเธอมาก ไม่เคยสงสัย และไม่เคยคิดว่าเธอเป็นปิศาจที่ชั่วช้าอะไรมากมายแค่ทำตามหน้าที่และแค่อยู่สถานะตรงข้ามกันเท่านั้น โดยที่ลึกๆ ก็เคารพสถานะปิศาจของเธอจริงๆ แต่เพราะจุดที่เกเบรียลรุกไล่เธอมากเข้าและทำสิ่งที่เขาเองไม่เคยทำมาก่อนคือเปิดเผยความจริงใจมากไปในแบบที่ที่ผ่านมาเบลเซบับไม่เคยเชื่อว่าเขาจะจริงใจหรือจะเป็นมิตรกับเธอจริงๆ (ซึ่งมีบรรยายความคิดจุดนี้ไว้ในช่วงกลางๆ เรื่อง) พอการกระทำของเกเบรียลเอาจริงเอาจังผิดปกติจนเบลเซบับพร่ำปฏิเสธเช่นทุกทีไม่ได้ แล้วแถมยังพูดออกมาตรงๆ ด้วยว่าเชื่อใจเธอ และเพราะเธอรู้ว่าทูตสวรรค์ไม่โกหกดังนั้นมันก็เลยเป็นความจริงที่ไม่อาจจริงไปกว่านั้นได้อีกแล้ว นั่นบีบให้เบลเซบับทำสิ่งที่เธอไม่เคยทำเช่นกันก็คือการโกหกออกไปนั่นเอง เธอใช้การโกหกเพื่อปฏิเสธในขณะที่เกเบรียลใช้จุดที่เขาโกหกไม่ได้เพื่อสารภาพ แต่สุดท้ายแล้วบทสรุปของเรื่องก็ใช้จุดนี้มาขมวดปมสรุปความสัมพันธ์ของทั้งสองคนว่าพวกเขาต่างเชื่อใจกัน เพราะเกเบรียลที่บอกว่าตัวเองเชื่อใจเบลเซบับนั้นเป็นทูตสวรรค์ที่จะไม่โกหก ส่วนเบลเซบับที่บอกออกไปตรงข้ามว่าไม่เชื่อใจเกเบรียลนั้นเธอกำลังตักตวง ใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบที่ว่าปิศาจโกหกได้ ดังนั้น แท้ที่จริงเบลเซบับก็เชื่อใจเกเบรียลนั่นเองค่ะ แต่เธอเป็นปิศาจและไม่อยากยอมรับจึงอาศัยการโกหกที่ปิศาจทำได้กลบเกลื่อนไป ซึ่งเราทิ้งท้ายไว้แค่ตรงนี้ ไม่ได้อธิบายส่วนของเกเบรียลต่อว่าเขาจะรู้หรือไม่ว่าเธอโกหกหรือเขาจะเชื่อเธอ นั่นเป็นส่วนที่นักอ่านต้องลองพิจารณาค่ะ (แต่ถ้าถามเรา เราจะบอกว่าเกเบรียลรู้อยู่เต็มอกว่าอีกฝ่ายโกหกเต็มๆ เพราะจากพล็อตของแฟนฟิคนี้ ทั้งสองคนรู้จักและพบหน้ากันมาตลอดเกือบหกพันปีค่ะ ทำไมจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีความคิดความอ่านอย่างไร)

    ตอนเขียนฟิคนี้ถ้าเป็นภาษาอังกฤษก็จะเขียนด้วยความตั้งใจให้สรรพนามของเบลเซบับเป็น they แต่พอเขียนภาษาไทยแล้วจะใช้คำว่าเขาก็ยังบ่งบอกเพศอยู่ดีแถมยังสับสนกับเกเบรียลได้ง่าย ครั้นจะใช้คำว่า zir ก็ไม่สละสลวยเท่าที่ควร จึงเรียกใช้คำว่าเธอนั่นเอง แต่ทั้งนี้ หากนักอ่านท่านใดพึงใจคาแรคเตอร์ของเบลเซบับในแบบที่ไม่เจาะจงเพศตัวละคร ผู้เขียนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ อนึ่ง สามารถติดต่อ พูดคุย ติชม หรือติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับงานเขียนได้ผ่านทางแอคเค้าท์ Twitter @ccarcharia ซึ่งใช้สำหรับลงข้อมูลเกี่ยวกับงานเขียนของเราโดยเฉพาะ เข้ามาพูดคุยกันได้ทุกเมื่อนะคะ :)

    สำหรับนักอ่านท่านใดที่สนใจหรือกำลังหาแฟนฟิค Good Omens ของคู่ Ineffable Husbands สามารถเข้าไปอ่านฟิค Good Omens - For Eternity ที่เราเขียนไว้ก่อนหน้านี้ได้ที่เด็กดี (คลิก) หรือ Readawrite (คลิก) หรือ WP (คลิก) ตามช่องทางที่สะดวกเลยค่ะ เป็นฟิคคู่ Crowley/Aziraphale (ที่จริงเนื้อเรื่องไม่ได้ฟิกโพตายตัวขนาดนั้น แต่โพของคนเขียนคือ Crowley/Aziraphale น่ะค่ะ ก็เลยใส่โพนี้ :D) ถ้าถามคนเขียน มันเป็นฟิคที่ทุ่มทุนสร้างมากค่ะ ทั้ง fluff ทั้งละมุน ละเมียดละไมอบอุ่น และอบอวลด้วยรักทีเดียว หวังว่าจะเป็นที่ชื่นชอบและถูกใจนะคะ หากแวะเวียนเข้าไปอ่านและทิ้งคอมเม้นท์ไว้คนเขียนจะสุขใจและยินดีมากเลยค่ะ สำหรับฟิคนี้ก็ด้วยเช่นกัน ขอฝากฟิคทั้งสองเรื่องไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยค่ะ ขอบคุณนักอ่านทุกท่านมากๆ นะคะ xxx

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in