เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
weeklycats’ diaryweeklycats
CHAINSAW MAN by Tatsuki Fujimoto
  • (คำเตือน มีสปอยล์จำนวนมากกกกกกกกกก ใครยังไม่ได้อ่านมังงะเรื่องนี้ห้ามจิ้มเข้ามานะ!)

    ได้ยินชื่อเรื่อง Chainsaw Man มาสักพักแล้ว ไม่ใช่จากใครที่ไหนไกล พี่สาวเราเองที่พยายามไซโคให้เราอ่านตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ช่วงก่อนหน้านี้เราห่างหายจากการอ่านมังงะไปพอสมควร หลังตาม Jujutsu Kaisen กับ Kimetsu no Yaiba จนอิ่มท้องเราก็เว้นจากสายนี้ยาวเลย

    จนกระทั่งได้เห็นภาพทีเซอร์เล็ก ๆ น้อย ๆ ผ่านตามาในทวิตเตอร์ อาการอยากอ่านก็กำเริบขึ้นมาแบบปุปปับ เพราะลายเส้นในอนิเมะเป็นแบบที่ชอบ แถมค่ายที่เอามาทำยังเป็น Meppa อีก เป็นลมคูณสอง สุดท้ายเราก็เลยได้ฤกษ์อ่านเรื่องนี้ซะที

    (รูปจาก Twitter @CHAINSAWMANPV)
    เรื่องนี้มีฉบับแปลไทยที่พิมพ์กับ Siam Inter Comics เชื่อว่าหลายคนคงได้อ่านแล้วก็คงรออนิเมะที่กำลังจะฉายในปีนี้ด้วย ส่วนตัวเรายังไม่ได้ตามข่าวว่าอนิเมะจะเริ่มฉายวันไหน เพราะหลังจากอ่านจบหมดทุกเล่มก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะอยากดูเวอร์อนิเมะรึเปล่า.. ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีนะ แต่กลัวดูแล้วร้องไห้อ่ะทุกค้นนนนนนนน 

    ในตอนนี้เราจะมารีวิวถึงส่วนที่ชอบ ส่วนที่ทำให้ร้องเห้ย รวมถึงส่วนที่อ่านแล้วรู้สึกว่าคุณฟุจิโมโตะเขียนไว้ได้เแบบ อือ แซะแรงดีสะใจ ใครยังไม่ได้ตามเรื่องนี้ก็อย่าเพิ่งอ่านตอนนี้ไปจนจบนะคะ ไปดูก่อนแล้วลองประเมินดูว่าชอบไหมอย่างไร



    เรื่องนี้เกี่ยวกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า เด็นจิ และปีศาจเลื่อยยนต์ที่ชื่อว่า โปจิตะ (กีส แฟนผม)

    อ่านช่วงแรก ๆ เราก็ยังรู้สึกว่ามันเหมือนจะไม่มีอะไร เหมือนจะเป็นแค่มังงะสายโชเน็นทั่ว ๆ ไป (อันที่จริงเวลาเป็นโชเน็นทีไรมันเคยมีคำว่าทั่วไปด้วยเหรอะ เหอะ ๆ) แต่พอเริ่มปูเรื่องไปทีละนิด ได้เห็นชีวิตของเด็นจิแบบเคลียร์เลย คือต้องมาใช้หนี้หลังจากพ่อตายไป แล้วน้องก็ไม่ได้เรียนหนังสือ วัน ๆ แทบจะไม่มีกิน ฉันก็ชิงร้องไห้ก่อนเลยหนึ่ง 

    ทั้งที่คุณฟุจิโมโตะเขียนหน้าแรกไว้ได้อย่างฮา แต่มันเป็นตลกร้ายไงทุกคน หน้าที่หนึ่งก็หัวเราะยาวไปค่ะ พออ่านไปสักพักนี่ร้องไห้ไม่ไหว 5555 เพราะชีวิตของเด็นจินี่มันสะท้อนถึงการบริหารที่ห่วยแตกของรัฐบาลชัด ๆ เลยนี่หว่า การศึกษาขั้นพื้นฐานไม่ได้เข้าถึงทุกคน สวัสดิการต่าง ๆ ที่ควรจะได้ในฐานะมนุษย์หรือพลเมืองคนหนึ่งของประเทศก็ยังไม่มีให้ หนึ่งวันน้องคิดแค่ว่าจะหาเงินจากไหนมากินข้าว คือในมังงะมันอาจจะดูท้าทาย แต่ในความเป็นจริงมันโคตรหดหู่เลย 

    ความฝันของเด็นจิก็เรียบง่ายมาก ฝันว่าอยากได้อะไรง่าย ๆ อย่างเช่นแยมทาขนมปัง ซึ่งมันมากกว่าที่มีอยู่แค่นิดเดียวเองในความรู้สึกเรา (และที่เรารู้สึกแบบนั้นเพราะเราได้มาง่ายกว่าเด็นจิมาก ร้องไห้ช็อตที่สอง) แล้วการได้เจอปีศาจเลื่อยยนต์โปจิตะ ได้เป็นเพื่อนกัน ช่วยกันทำงานหาเงินเพื่อประทังชีวิตก็ดูจะเป็นเรื่องที่ทำให้ชีวิตของเด็นจิมีสีสันขึ้นมาบ้างเล็กน้อย

    เรามองว่าโปจิตะเป็นตัวละครที่น่ารักมากมาตั้งแต่ต้นเรื่องเลย น้องเป็นสุนัขผสมเลื่อย จากมุมเรามองนะ ไม่รู้คนอื่นเห็นเป็นสุนัขไหม แต่น้องก็เห่าอ่ะ ถ้าไม่เห่าจะรู้สึกว่าน้องเป็นมินิฮิปโปมากกว่า 55 และแน่นอนว่าสิ่งที่เรารักที่สุดในเรื่องนี้ก็คือความสัมพันธ์ของเด็นจิกับโปจิตะ TT


    ต่อมาชีวิตของเด็นจิก็พลิกผัน เริ่มจากโดนเจ้าหนี้หลอกไปฆ่า ตายไปแล้วแต่คืนชีพกลับมาเพราะโปจิตะยกหัวใจให้ บอกว่าอยากเห็นความฝันของเด็นจิอีกก็เลยช่วย (แงง ตรงนี้ร้องไห้อีกแล้ว) หลังจากจัดการพวกเจ้าหนี้เรียบร้อยก็ได้รับการชักชวนจากมาคิมะ ซึ่งเป็นนักล่าปีศาจของทางการให้เข้าไปทำงานด้วย ตอนนั้นเองที่เด็นจิได้เจอกับคนที่กลายมาเป็นเพื่อนและครอบครัวนอกเหนือจากโปจิตะ

    นอกจากเด็นจิและโปจิตะที่เราชอบแล้ว มีตัวละครหลายตัวมากที่มีแบคกราวน์สตอรี่ที่น่าสนใจ แต่เราจะยกมาแค่คนที่เราชอบมาก ๆ ไม่กี่คนก็แล้วกันค่ะ เดียวตอนนี้มันจะยาวเกินไป


    คนที่เราอยากพูดถึงคนแรกคงเป็น ฮายาคาวะ อาคิ

    อาคิเป็นรุ่นพี่ในหน่วยล่าปีศาจของเด็นจิ ช่วงแรกที่อ่าน อาคิดูเหมือนจะเป็นคนเย็นชา ไม่อยากผูกพันอะไรกับใคร มีเป้าหมายแค่การพยายามกำจัดปีศาจปืนเพื่อแก้แค้นให้กับครอบครัวของตัวเองเท่านั้น แต่หลังจากได้อยู่กับเด็นจิ พาวเวอร์ (ปีศาจเลือด) แล้วก็คนอื่น ๆ ในหน่วย เจอเหตุการณ์ยากลำบากแล้วผ่านไปด้วยกัน อาคิก็มีพัฒนาการที่ต่างออกไปจากตอนแรกมากทีเดียว 

    มีอยู่ตอนหนึ่งที่อาคิถึงกับล้มเลิกความต้องการในการแก้แค้นปีศาจปืนด้วยการขอให้ตัวเอง เด็นจิและพาวเวอร์ย้ายไปเป็นพลเรือน ไม่เข้าร่วมแผนการตามล่าปีศาจปืน เพราะน้องกลัวว่าเพื่อนมนุษย์ปีศาจอย่างเด็นจิกับพาวเวอร์อาจจะไม่รอด ก็คือน้องไม่อยากเสียเพื่อนไปอีกแล้วนั่นเอง (ร้อง) มาคิมะก็ยอมนะ ยอมให้เฉพาะอาคิคนเดียว แต่ยังให้เด็นจิกับพาวเวอร์ร่วมการปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย พออาคิเจอแบบนั้นสุดท้ายก็เลยไปด้วย ทั้งที่น่าจะห่วงตัวเองใช่มะ 

    เด็นจิก็ครึ่งปีศาจ ส่วนพาวเวอร์ก็มนุษย์ปีศาจ มีแต่อาคิเนี่ยแหละที่มีความเป็นมนุษย์มากที่สุดในทั้งสามคน แล้วแกลองนึกสภาพว่าตอนสู้จริง ๆ อาคิจะเสียเปรียบขนาดไหน อายุก็สั้น จุติใหม่เหมือนปีศาจตัวอื่นก็ไม่ได้ แต่น้องก็ไปเพราะเพื่อน ๆ อ่ะ โอ้ยย เขียนไปน้ำตาก็จะไหล 

    เอาเป็นว่าสำหรับเรา อาคิคือตัวละครที่ให้ฟีลลิ่งแบบพี่ชายมาก ๆ เชื่อว่าใครอ่านไปจนจบแล้วคงแบบ.. ฮ่า ๆ ไม่เอาไม่พูด เราเชื่อว่าทุกคนจะรักน้อง 



    คนที่สอง พาวเวอร์

    น้องคนนี้คือสายแสบ สายป่วน(ป่วง) กวนประสาทสุด ๆ ในบรรดาทุกคน คือชอบกวนชาวบ้านชาวช่องเค้าไปเรื่อยอะนะ เหมือนไม่ค่อยมีแก่นสารอะไร เจอเด็นจิครั้งแรกก็หลอกไปให้ปีศาจตัวอื่นกินด้วย แต่เหตุผลของน้องนี่แหละที่ทำให้เรามองน้องใหม่ไปเลย

    คือมีปีศาจตัวหนึ่งจับแมวน้องไปเป็นตัวประกันเพื่อให้น้องไปหามนุษย์มาให้กิน 
    แกกกกก คือน้องเป็นปีศาจที่เลี้ยงแมว ฮือ ๆ ตอนแรกน้องตั้งใจจะกินแมวนั่นแหละ แต่ไป ๆ มา ๆ ก็อยู่ด้วยกันแล้วก็ผูกพันไปเฉย (น่ารักมาก) 

    เช่นเดียวกันกับอาคิค่ะ น้องเป็นตัวละครสำคัญมาก ๆ สำหรับเด็นจิ ในช่วงท้าย ๆ จะเห็นพัฒนาการความสัมพันธ์ของเด็นจิและพาวเวอร์ค่อนข้างชัดเลย แล้วมันก็ดีมาก 


    ในส่วนต่อไปเราจะพูดถึงจุดที่เราอ่านแล้วสะดุด (ทั้งชอบ ทั้งร้องเห้ย ทั้งเอ๊ะด้วย ประมาณนั้น)

    1. ความฝันของเด็นจิ อย่างที่เรารู้กันว่าสภาพแวดล้อมที่เด็นจิเติบโตมาไม่ได้ดีอะไรนัก ออกไปทางแนวลำบาก (ฉิบหาย) ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นความฝันของน้องส่วนใหญ่เลยเป็นแค่ความฝันเล็ก ๆ อย่างเช่นเรื่องอาหาร หรือการได้นอนในที่อุ่นสบาย

    ฉากที่เราชอบคงเป็นตอนที่เด็นจิพูดกับอาคิว่า เป้าหมายของน้องไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรแบบอาคิ แต่น้องก็เอาจริงไม่แพ้กันหรอก 

    มันทำให้เรารู้สึกว่า การเติบโตมาแบบยากลำบากของน้อง มันทำให้น้องมองสิ่งพวกนี้เป็นเรื่องที่มีคุณค่ามากกว่าที่คนอื่นมอง ช่วงเวลาที่ได้กินของอร่อยก็ถือว่าเป็นโมเม้นท์ที่พิเศษแล้ว (เราเองก็แฮปปี้ตอนได้กินของอร่อยเหมือนกัน ฮ่า)


    2. ความสุดโต่งในตัวมาคิมะ เราไม่แน่ใจว่าคุณฟุจิโมโตะตั้งใจจะเขียนเสียดสีเรื่องระบบการปกครองรึเปล่า แต่มีช็อตนึงทีี่มาคิมะพูดกับพวกมาเฟียว่า ที่บอกว่าความชั่วเป็นสิ่งจำเป็นมันก็เป็นแค่ข้อแก้ตัวให้ทำความชั่วได้ ตรงนี้เหมือนจะดีนะ แต่.. ความชั่วที่จำเป็นก็คือการให้ประชาชนสวมปลอกคอและปกครองอย่างเท่าเทียม จุดนี้แหละที่ร้องเห้ยเลย 

    เรามองว่ามาคิมะอาจจะอยากสร้างโลกแบบยูโทเปียที่ทุกอย่างขาวใสไปหมด แต่จุดนั้นมันมีอยู่จริงเหรอ กลัวว่ามันจะกลายเป็นดิสโทเปียไปก่อนซะมากกว่า

    (มาคิมะเป็นตัวละครที่อ่านไปจนจบเราก็ยังไม่ค่อยแน่ใจในเจตนาเท่าไร อาจจะต้องอ่านรอบสอง)

    3. คำพูดของเรเซ่ยิ่งชี้ให้เห็นไปใหญ่ว่าหลายประเทศมีระบบการจัดการที่เข้าขั้นบัดซบ น้องพูดว่า อายุ 16 แต่ต้องไปฆ่าปีศาจ ไม่ให้ไปโรงเรียน ไม่ใช่สิ่งที่ประเทศควรให้เกิดขึ้น ตรงจุดนี้ในเล่มจะเล่าถึงแบคกราวน์ของน้องคร่าว ๆ พอเข้าใจแล้วยิ่งทำให้หดหู่ไปอีกพอนึกถึงประโยคนี้

    4. การจะใช้ชีวิตบนโลกให้มีความสุข ก็คือการมีชีวิตอยู่แบบคนโง่ไร้ความคิด - กวางซีพูดกับคิชิเบะ เจอคำพูดประมาณนี้ที่ไหนก็จะเห็นด้วยไปโดยไม่มีข้อโต้แย้งเสมอ 

    แต่ในทางกลับกัน ถ้าเป็นคนโง่แล้วถูกชักจูงให้ทำเรื่องไม่ดีโดยที่ตัดสินเองไม่ได้ด้วยซ้ำว่าการกระทำนั้นไม่ถูกต้องมันคงแย่กว่าอะไรทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น ในเรื่องจะมีอยู่ช่วงหนึ่งในเรื่องที่เด็นจิรู้สึกแย่มากจนไม่อยากคิดไม่อยากตัดสินใจอะไรเองแล้ว คือสภาพจิตใจเละตุ้มเป๊ะขั้นสุด น้องก็เลยบอกมาคิมะว่าจะยอมเป็นหมาของมาคิมะก็ได้ถ้ามันทำให้ไม่ต้องคิดอะไรเอง และแน่นอนว่าความพินาศก็มาเยือนหลังจากนั้น

    5. ฉากไล่ล่ากันระหว่างซานตาคลอส กวางซีและเด็นจิ เรื่องคร่าว ๆ ตรงนี้คือซาตาคลอสสร้างกองทัพตุ๊กตาขึ้นมาให้ต่อสู้กับเด็นจิและกวางซี โดยที่เนื้อเรื่องจะปูมาว่า ตุ๊กตาพวกนี้สร้างจากคนจริง ๆ ก็มี แล้วที่ไม่ใช่คนก็มี ปกติตุ๊กตาพวกนี้จะไล่ตามเป้าหมายโดยไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมา ก็แค่วิ่งตามไปจัดการเหมือนเป็นแค่ตุ๊กตาไร้ชีวิตที่ทำตามคำสั่งไปเรื่อย ๆ เท่านั้น แต่ช่วงหลังซานตาคลอสก็เปลี่ยนแผนด้วยการทำให้ตุ๊กตาพวกนี้พูดเหมือนมนุษย์ ซึ่งสร้างความลำบากใจให้เด็นจิมาก ๆ น้องไม่กล้าลงมือทำอะไรเลยเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฆ่าคนบริสุทธิ์อยู่จริง ๆ แล้วในช่วงนี้ก็จะมีบทสนทนาระหว่างกวางซีกับเด็นจิ เป็นบทสนทนาที่ทำให้เราได้แต่ร้องอยู่ในใจอีกแล้ว

    กวางซีบอกว่า พวกนี้ก็แค่ตุ๊กตาเลียนแบบท่าทางมนุษย์ ฆ่า ๆ ทิ้งไปเถอะ แล้วเด็นจิเลยถามว่า แกรู้ได้ไงว่าเป็นแบบนั้นจริง ๆ กวางซีตอบกลับไปว่า ถ้าเข้าใจแบบนั้นได้ก็ฆ่าได้ โง่ไปเถอะ (ประมาณว่าไม่ต้องคิดอะไรมาก ก็รับรู้แบบนั้นไป ไม่ต้องตั้งคำถาม)

    เห็นอะไรไหมคะทุกคน...


    ที่จริงมีประเด็นเยอะกว่านี้ แต่คิดว่าแค่นี้ก็ยาวสุดจากทุกตอนที่เคยเขียนแล้วมั้ง 555 พอดีกว่า ถ้าเอามาย่อยหมดเราคงต้องอ่านไปอีกสักสามสี่รอบ (น่าจะร้องไห้ทุกรอบ)


    นอกเรื่องสักหน่อยก่อนจะจบตอน ในระหว่างที่เราเขียนตอนนี้ เราคิดถึงช่วงเรียนปีหนึ่ง เพื่อนเราคนหนึ่งไม่เคยอ่านมังงะเลย แบบไม่เลย เพราะที่บ้านไม่ชอบให้อ่าน นางอยากลองเลยมายืมจากเราไป ทีนี้แม่ของเพื่อนเราคนนั้นมาเจอเข้า เค้าก็พูดขึ้นมาว่า อ่านการ์ตูนอะไรไร้สาระ (แล้วคือไอ้คนให้ยืมก็นั่งหัวโด่อยู่ด้วยจ้า เยี่ยมยอด) เราก็ขำแห้งในใจ แต่เพื่อนเราคงกลัวเรารู้สึกแย่เลยแบบมองเราด้วยสายตาขอโทษ เราก็แบบไม่เป็นไร คือเข้าใจว่าผู้ใหญ่สมัยก่อนเค้าก็ไม่ได้มองสื่อพวกนี้ในแง่ดีสักเท่าไรอ่ะนะ

    ถ้าเป็นเราในตอนนี้กลับไปเจอสถานการณ์นั้น เราคงจะบอกไปว่า โอเค ไม่ต้องอ่านหรอก อย่าอ่านเลย อย่าเข้าใจอะไรเลย ดีแล้วแหละ ชีวิตจะได้มีความสุข 5555555 จริง ๆ นะไม่ได้ประชด


    กลับมาที่ประเด็นหลักของเรา สรุปเลยก็คือ Chainsaw Man ไม่ใช่แค่มังงะที่อ่านเอาสนุกอย่างเดียว มันได้อรรถรสจากการที่คุณฟุจิโมโตะเขียนเสียดสีเรื่องมนุษย์ การเมืองและสังคมโลกไว้ซะคนอ่านรู้สึกคันยิบ ๆ แถมไอ้ฉากดราม่าก็ทำเอาทิชชูของเราหมดไปเป็นม้วน ถ้าให้วัดความน่า(ควร)อ่านเป็นคะแนน เราคงให้ 100 เต็มไปเลย!



    ฝาก PV เวอร์ Anime ท้ายตอน




    Credit
    รูปภาพประกอบบทความจาก Chainsaw Man Wiki Fandom

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in