เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
say the namefilmfy.
17's CUT
  • ตั้งใจมาเที่ยวกับเพื่อน...
    อยู่ดี ๆ ก็ได้มางานนิทรรศการ




    ทริปนี้เกิดมาจากที่เคยคิดอยากมาเที่ยวแบ็คแพ็คกันเองกับเพื่อนเมื่อประมาณ 2-3ปีก่อน แต่สุดท้ายก็เพิ่งมามีโอกาสไปเมื่อปลายพฤษภาที่ผ่านมานี้เอง


    จองตั๋วก็จองตั้งแต่ปลายมีนา ตอนนั้นairasiaมีโปรอยู่พอดีเรากับเพื่อนเลยรีบจองกัน ตอนจองเราก็ไม่ได้คิดอะไร เห็นว่าวันไปก็หลังจากวันครบรอบมานิดหน่อย ก็คิดแค่ว่าเพลดิสอาจจะมีทำอีเว้นท์ป้ายอะไรพวกนั้นมั้ง


    แต่พอมาเดือนพฤษภา เพลดิสดันประกาศว่าจะจัดงานนิทรรศการครบรอบ 3ปี แน่นอนว่าเราบอกเพื่อนทันที เพื่อนเราที่ไปเที่ยวด้วยกันไม่ได้เป็นกะรัต ถ้าจะให้มันจ่ายเงินเข้างานไปด้วยเราก็เกรงใจ แต่มันก็บอกว่าไปสิ เดี๋ยวมันเข้าไปด้วย ณ จุดนี้แทบอยากกราบขอบคุณมันเลย


    พอถึงวันจองบัตรเข้า มันมีแบ่งเป็น 2รอบ รอบพรีเซลล์กะรัตกับรอบปกติ คือเราก็มีสมัครกะรัตออฟไว้ จะกดก่อนเลยในรอบพรีก็ได้แต่กลัวว่าถ้ากดแแล้วมันเต็มขึ้นมา เพื่อนก็จะกดรอบเดียวกับเราไม่ได้ เราเลยรอกดพร้อมเพื่อนรอบปกติ แน่นอนเราตื่นแต่เช้ามารอกดบัตร ตื่นเต้นมาก...คือเราต้องกดให้ทั้งตัวเองและเพื่อน วันนั้นเพื่อนมีเรียนพอดีเลยอยู่กดของตัวเองไม่ได้ เรานั่งรอนานมากจนถึงเวลากดบัตร ซึ่งตอนนั้นแหละเราก็เพิ่งรู้ตัวว่าเราจำวันกดรอบปกติผิด มันต้องอีกวันนึง.... ใช่ค่ะเราเด๋อเอง


    วันถัดมาเราก็กดบัตรได้เรียบร้อย ได้รอบตามที่วางแผนไว้ ทั้งหมดก็เหลือแค่รอวันไปงานเท่านั้น




    ตัดข้ามมาที่ตัวงานเลยเนอะ ;




    งานนิทรรศการ 17's CUT จัดที่BREGA ARTIST SPACE 
    서울시 성동구 성수2가 333-93 

    Sungdong-gu Sungsu2-ga 333-93

     

    นั่งมาสถานี Seongsu ทางออก 4 เลี้ยวเข้าซอยตรงมาเรื่อย ๆ แล้วเลี้ยวขวา เดินเข้าซอยแรกสุดทางซ้ายมือก็จะเจอที่จัดงาน


    มาถึงก็ต้องไปรับตั๋วตรงโต๊ะหน้า ต้องโชว์พาสปอร์ตกับสลิปที่เรากดจองตั๋วไว้ให้สตาฟดู ถ้าไม่ได้ปริ๊นสลิปมาจะใช้เป็นเปิดหน้าเว็บให้เขาดูก็ได้นะ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าไม่เด๋อไม่ใช่เรานี่เนอะ...


    เราลืมเอาพาสปอร์ตใส่กระเป๋ามาจ้า /ขำแห้งเลยงานนี้


    ค้นกระเป๋าก็มีเจอบัตรประชาชนอยู่ ในบัตรมันมีชื่อภาษาอังกฤษด้วยไง เราเลยหาสตาฟคนนึงที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ บอกเขาว่าเราลืมพาสปอร์ตไว้ที่ห้องพัก ขอใช้บัตรประชาชนแทนได้มั้ย สตาฟเขาเลยพาไปตรงโต๊ะแลกบัตร พูดอธิบายให้แป๊บนึงสตาฟคนที่เป็นคนหยิบตั๋วเขาก็ขอบัตรเราไปดู เขาคือสตาฟคนนี้ คนที่ดูเป็นคุณแม่ลูกสิบสาม555555555555 


    ตอนแรกเขาก็ทำหน้าแบบเอาไงดี นี่มันภาษาอะไร เราเลยกำลังจะชี้ให้เขาดูตรงชื่ออังกฤษ เขาก็เห็นพอดีเลยบอกโอเค ยอมให้เราใช้บัตรประชาชนแทนได้ เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ จำไว้นะทุกคน...ห้ามลืมพาสปอร์ตเด็ดขาด!!!


    รับบัตรเสร็จแล้วก็ต่อแถวรอเข้าชมงานตามรอบของตัวเอง ข้าง ๆ มีเปิดเอ็มวีตั้งแต่อากินดาจนถึงโคมับตาสลับกับวิดีโอของนิทรรศการวนไปเรื่อย ๆ รอแถวไปก็ไม่น่าเบื่อเลยเพราะกะรัตยืนชานต์กันทุกเพลง55555555


    มาถึงตรงหน้าประตูสตาฟก็จะเก็บตั๋วส่วนด้านซ้ายไป เข้ามาอย่างแรกก็จะเจอกำแพงที่เซบมาเขียนข้อความทิ้งไว้ พื้นที่ยืนมันนิดเดียวมากจริง ๆ ถ้าใครดูในวีไลฟ์ก็น่าจะเข้าใจอยู่ 


    และเราก็เพิ่งนึกตอนเขียนนี่แหละได้ว่าลืมถ่ายกำแพงแบบเต็ม ๆ มา.....เด๋อรอบที่ล้าน


    เดินมาทางซ้ายสุดจะเป็นทางเดินเข้าไปด้านใน มีธง(?)ห้อย ๆ สลับซิกแซกไปมา ที่ในวีไลฟ์ตอนสุดท้ายที่เซบเดินก่อนมาเขียนกำแพงนี่แหละ ตอนที่ดูก็งงตั้งนานว่ามันคืออะไร เรียงเป็นคำว่า 아낀다 เนื้อเพลงShining Diamond คำว่า 예쁘다 เนื้อเพลง웃음꽃 เนื้อเพลงCampfire และสุดท้ายคำว่า고맙다


    พ้นธงมาเสร็จก็จะเจอจอยักษ์! ตอนเราไปนี่กำลังฉาย mv เพลง지금 널 찾아가고 있어พอดีเลย น่ารักมาก ๆ อยากให้เพลดิสลงปล่อยได้แล้ว อยากดูอีกรอบ;;--;;


    ตรงข้ามจอก็มีจุดให้ถ่ายรูปกับเซบ เหมาะสำหรับคนอยากไปเทียบส่วนสูงนะ เพราะเท่าที่ดูจากในโกอิ้งขนาดรูปก็ดูจะใกล้เคียงคนจริงอยู่นิดหน่อย(มั้ง?)


    ระหว่างจอกับจุดถ่ายรูปนี้จะมีแถวรอซื้อของอยู่ด้วย เขาจะให้ต่อแถวไว้แล้วปล่อยไปเป็นล็อต ๆ เพราะไม่งั้นมันจะไปขวางทางตรงมุมขายของ ถ้าใครไม่ซื้อก็สามารถเดินเลี่ยงออกมาไปชมจุดต่าง ๆ ได้เลย


    อันนี้ตอนเราอยู่ในแถวเลยกดถ่ายจอไว้ เป็นช่วงที่เซบพูดนู่นนี่น่ารักมาก ในรูปนี่เหม่งสตาฟผู้ชายคนนึงที่คอยคุมแถวนะ และมา! เราจะเล่าความน่ารักของเขากับพี่ ๆ คนอื่นให้ฟัง


    คือเรามารอบแรกสุดของวัน ด้วยความที่ไม่รู้ทางบวกกับว่าจะมาซื้อเสื้อเลยซื้อขนมปังกับนมติดใส่กระเป๋าไว้เอามากินตอนรอเข้างาน ตอนแรกเราก็นึกว่าหน้างานคงมีถังขยะแหละ แต่ปรากฏว่ามันไม่มี! จะใส่กระเป๋าก็กลัวนมก้นกล่องมันหกเลอะออกมา เราเลยถือเอาไว้ในมือนี่แหละ กะว่าจะไปทิ้งข้างในงานเพราะจำได้ว่าในงานมันมีห้องน้ำอยู่


    พอเข้ามารอต่อแถวเราก็ยืนถือขยะไปนี่แหละ มีนึงถือมือนึงกดถ่ายรูป พี่สตาฟคนนี้เขาเห็นว่าเรามีขยะเขาเลยเดินเข้ามาแล้วก็รัวภาษาเกาหลีใส่ใหญ่เลยจ้า นี่ก็สตั๊นดิแปลว่าไรวะ.... เราเลยพูดกลับไปว่า excuse me...in english, please พี่เขาได้ยินก็สตั๊นเหมือนตอนเราโดนพี่เขาพ่นเกาใส่นี่เลย เราก็เข้าใจละว่าคือพี่เขาไม่รู้จะพูดยังไง คือต่างคนต่างแบบ(ขอหยาบหน่อยนะ) ฉิบหายละ กูควรทำไงวะ... นี่ก็ฟังไม่ออก พี่ก็พูดไม่ได้ จะทำไงดี


    พี่เขาเลยบอกเราว่า just a minute แล้วหันไปขอความช่วยเหลือจากสตาฟอีกคน อธิบายให้เขาฟังแล้วก็เหมือนจะบอกว่าให้พูดกับเราให้หน่อย ปรากฏว่าพี่สตาฟอีกคนเขาก็หันมามองเรา นี่ก็ใจก็แบบอะว่ามาเลยค่ะพี่! แต่พี่เขาก็หันไปเรียกสตาฟอีกคนนึงแล้วก็พูด ๆ กับพี่คนใหม่จ้า ก็คือพี่เขาก็ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน555555


    พี่คนใหม่พอฟังเรื่องจบเขาก็แบบทำหน้ากลุ้มเหมือนกันว่าเอาไงดี พูดไม่เป็นเหมือนกัน... คือทั้งสามคนดูหน้าเครียดมาก ณ จุดนั้นบอกเลยว่ารู้สึกผิดอะ ไว้จะเรียนภาษาเกาหลีแล้วถ้าคราวหน้ามีงานหนูจะไม่ขอภาษาอังกฤษแล้วค่า สุดท้ายพี่ผู้ชายเขาเลยหันมาบอกเราว่า แควนชันนา แควนชันนา.... ยิ้มให้แล้วก็เดินไปดูแถวต่อ


    เราก็มาเข้าใจทีหลังว่าเขาน่าจะอยากบอกว่าอย่าทิ้งขยะในงานนะเพราะเห็นพี่สตาฟคนสุดท้ายเขาคุยกับคนที่สองแล้วชี้ ๆ มาที่ขยะในมือเรา คือประทับใจในความพยายามหาคนช่วยสื่อสารของพวกพี่สตาฟแก๊งนี้มาก หน้าเครียดกันจริง ฮืออออหนูขอโทษค่า;;--;;


    ตัดกลับมาที่งานต่อ ข้างจอยักษ์ทางขวาจะมีบันไดเล็ก ๆ ขึ้นไปห้องแสดงงานศิลปะของกยูฮ่าว


    ห้องจะกันเป็นสองส่วน มีลูกศรให้เดินไล่ตามไปเรื่อย ๆ เริ่มจากภาพของน้องมิงก่อน 7ภาพ แล้วถึงเป็นของอาฮ่าวต่ออีก 7ภาพเช่นกัน


    ด้านซ้ายของจอยักษ์จะเป็นจุดขายของMD มีเสื้อแขวนไว้ด้วยแหละ ซึ่งมันหมดก่อนถึงคิวเราไม่กี่คิวเอง เศร้ามาก มีรูปของรูปปริ๊นท์ที่ขายอยู่บนกำแพงด้วย วิธีซื้อของคือเขาจะให้เราเขียนใส่โพสอิทว่าเอาอะไรบ้างแล้วก็ส่งให้สตาฟ เขาจะไปจัดของแล้วเอากลับมาให้เราไปจ่ายตังตรงเค้าท์เตอร์ที่ปลายแถว เขาก็จะคีย์เข้าระบบแล้วให้เราเช็คอีกรอบนึงว่าถูกต้องตามที่ต้องการมั้ย ถ้าถูกก็จ่ายตังให้เรียบร้อย เป็นอันจบการซื้อของ


    และมาถึงตรงซื้อของนี่แหละที่เราได้ละทิ้งขยะของเรา ที่เค้าท์เตอร์เขามีถังขยะอยู่เพราะบางคนไม่เอาใบเสร็จ เขาจะถามว่าเอาด้วยมั้ย ถ้าไม่ก็โยนทิ้งใส่ถังเลย เราก็เลยถามเขาว่า Can I... ชี้ขยะในมือแล้วก็ชี้ไปที่ถัง สตาฟก็งง ๆ แล้วก็อ๋อ เขาก็ยิ้มให้แล้วพยักหน้า รับขยะไปทิ้งให้เรา เนี่ยสตาฟน่ารักกันทุกคนเลย


    ตรงข้ามจุดขายMDจะเป็นWelcome Messageที่เซบเขียนติดไล่ไปตั้งแต่พี่โตยันมักเน่เรียงตามอายุไป และแน่นอนว่าอาฮ่าวต้องอยู่เป็นลำดับที่แปดนะ5555555555555555


    ที่ปลายทางเดินมีดอกไม้แสดงความยินดีตั้งไว้ด้วย เดินผ่านประตูไปจะมีให้เลี้ยวสองทางคือซ้ายกับขวา ทางซ้ายไปเป็นทางออก ส่วนทางขวาคือขึ้นไปชั้นบนที่จัดแสดงรูปถ่ายต่าง ๆ นั่นเอง


    บันไดของจริงคือสวยมาก ๆ อยากได้เอามาตั้งไว้ที่บ้าน แต่ตรงนี้ออกจะเป็นโซนเกรงใจหน่อยเพราะทุกคนอยากถ่ายแบบไม่มีคนยืนขวางอยู่ ดังนั้นคนจะขึ้นจะลงเลยต้องรีบ ๆ เดิน คนถ่ายก็ด้วย ต้องรีบถ่ายให้เสร็จไว ๆ 


    แต่ก็ไม่ได้รีบถ่ายขนาดนั้นหรอกนะ เพราะคนส่วนใหญ่จะไปค้างอยู่ที่แถวรอซื้อของ เค้าท์เตอร์จ่ายตังก็มีอยู่แค่ 2เครื่อง ดังนั้นคนที่มาต่อแถวหลัง ๆ ก็ต้องรอไป ตามจริงจะไปดูงานก่อนแล้วค่อยกลับมาซื้อก็ได้ แต่ก็นะแล้วแต่ศรัทธาของแต่ละคน


    เดินขึ้นไปจะเจอโซนโพราลอยด์ก่อนเลย แต่เราขอเล่าส่วนด้านในก่อนแล้วค่อยกลับมาที่โซนนี้ละกันนะ


    เข้ามาถึงทางซ้ายมือก็จะเป็นรูปเซบเต็มไปหมด ที่เซบถือปากกายืนเขียนกันสนุกในไลฟ์นั่นแหละ รูปดีจนอยากถามเพลดิสว่าขายมั้ย จะเหมาเอามาแขวนที่บ้าน มีตั้งแต่ก่อนเดจนถึงปัจจุบันเลย 


    เดินวนมาก็จะเจอชุดที่เซบใส่แสดง มาชุดแรกก็เจอของพี่ซูนก่อนเลย เย็บซ่อมกางเกงเรียบร้อยแล้วนะ ไล่จากปัจจุบันไปอดีต สิ้นสุดที่ชุดเอี๊ยมอากินดาของพี่ฮุนคนน่ารัก ชุดมุมิมาก ละชุดก็อยู่ข้างมันเซน้องมิงอะ ขนาดนี่คนละเรื่องกันเลย เอ็นดู55555555555555


    ตรงข้ามชุดอากินดาก็จะเป็นไฮไลท์ของงานเลย แหวนเซเว่นทีน! ทั้งหมดวางอยู่ในตู้เดียวกัน ข้างซ้ายเป็นแหวนวงแรก ข้างขวาเป็นแหวนวงที่สอง ตอนดูด้วยตาก็ไม่ได้อะไรหรอกนะ ยังแอบสงสัยว่าเปลี่ยนแหวนกันทำไม วงแรกก็ยังดูดีอยู่นี่ จนกลับมาดูรูปที่ซูมนี่แหละ อ่า....เปลี่ยนแหละดีแล้ว ให้น้องได้พักเถอะ น้องทำงานมาหนักมากแล้ว555555555


    หลังตู้แหวนจะเป็นตู้ใส่บั้ม เรียงไว้ตั้งแต่บั้มแรกยันบั้มล่าสุด นี่ก็มอง ๆ ไว้นะ สักวันถ้ามีบ้านเป็นของตัวเองก็คงทำตู้งี้ไว้บ้าง5555555555555


    มาถึงส่วนสุดท้ายที่เราจะเล่า ก็คือโซนโพราลอยด์ 


    โซนนี้เขาจะให้ไล่เดินจากตัวSออกมาเรื่อย ๆ จนถึงตัวN รูปแต่ละใบมันน่ารักมาก อยากได้กลับบ้านเลยอะ


    และโซนนี้ก็เป็นโซนที่ถ่ายรูปยากสุดแล้ว ยากกว่าบันไดหลายเท่าเพราะถ้าอยากได้รูปโพราลอยด์แบบไม่มีคนเลย เราต้องรอไปยาวๆ พอมีคนเดินออกก็มีคนเดินเข้าเรื่อย ๆ ความยากระดับสิบล้าน ยิ่งกว่าไฮโน๊ตน้องบูอีก ซึ่งถามว่าเราได้รูปนั้นมามั้ย


    แน่นอนว่าเราต้องได้!!!


    กว่าจะได้มาก็ตามนั้น เรายืนรอนานมาก ข้าง ๆ ก็มีคนยืนรอเหมือนเรานะ ยืนรอด้วยกันอยู่สามสี่คนได้


    ยังจำสตาฟแควนชันนาคนนั้นได้มั้ย จะเล่าความน่ารักของเขาต่อให้ฟัง คือเขาขึ้นมายืนเป็นสตาฟด้านบน คอยตรวจดูว่ามีใครจับชุดมีใครแตะต้องอะไรมั้ย ซึ่งเขาก็เห็นว่าเรากับคนอื่น ๆ ยืนรอจะถ่ายโพราลอยด์แบบไม่มีคนอยู่ ตอนนั้นมันก็เหลือเวลาอีก 15นาทีถึงจะหมดรอบ ทุกคนที่รออยู่ตรงนั้นคือไปถ่ายทุกอย่างมาเรียบร้อยแล้ว เหลือรูปเดียวเท่านั้นที่ต้องการ แต่คนก็ไม่ยอมน้อยลงสักที 


    เราก็รอกันเรื่อย ๆ จนมันมีอยู่ช่วงนึงที่คนน้อยมาก ๆ เหลืออีกแค่สามคนในเฟรม ตามจริงมันมีคนจะเข้าไปถ่าย แต่พอเขาเห็นว่าคนน้อยแล้วจะได้ถ่ายรูปแบบเต็ม ๆ ก่อนเขาเลยรอด้วย สองในสามคนเขาหันมาเห็นว่าทุกคนรอถ่ายอยู่เขาเลยรีบหลบมาให้ หยิบกล้องเตรียมถ่ายภาพเต็มด้วยเหมือนกัน


    แต่คนเดียวที่เหลืออยู่ไม่สนใจรอบข้างเลยจ้า....


    ยกกล้องถ่ายแบบไม่หันมาดูเลยว่าทุกคนรออยู่ เราเข้าใจว่ามันสิทธิ์ของเขาเหมือนกันที่จะถ่าย แต่ก็นะ...มันก็.....


    ทุกคนตรงนั้นก็ไม่รู้จะทำยังไง ไม่มีใครกล้าบอกเขาว่าช่วยหลบแป๊บนึงได้มั้ย ก็มีบางส่วนหันไปมองหน้าพี่สตาฟคนนั้นประมาณว่าช่วยหน่อยได้มั้ย พี่เขาก็ยิ้มแห้งอะ คือเขาก็ไม่กล้าไปไล่เหมือนกัน แล้วเขาก็ทำท่าไฟท์ติ้งกลับมาให้พวกเราเบา ๆ แบบสู้ ๆ นะ เป็นกำลังใจให้ อีกนิดเดียวเดี๋ยวก็ได้ถ่ายแล้ว ทนไว้


    ผ่านไปสักพักแม่นางก็เดินออกไป ตอนนี้แหละทุกคนก็รัวถ่ายกันด้วยควมเร็วแสง เสียงเหมือนเวลาดูแฟนแคมแม่ไซต์ในงานไซน์เลย ยิงรัวกับแช้บๆๆๆๆๆ และในที่สุดเราก็ได้มันมา เย่!


    ตอนถ่ายเสร็จพอเราจะเดินลงไปด้านล่างก็เห็นพี่สตาฟคนเดิมนั่นแหละยืนอยู่ หน้าเขาดูโล่งใจมากแบบทุกคนตรงนั้นได้ถ่ายสักทีอะ ยืนรอมาตั้งนาน พี่เขาลุ้นไปกับพวกเราด้วย55555555555555


    พอถึงเวลาเขาก็บอก ไล่ทุกคนให้เดินออกมาทางประตูทางออกที่เคยบอกไว้ มันก็จะมาโผล่ตรงข้างตึกพอดี เราเลยเดินวกมาหน้างานที่มีป้ายตั้งอยู่ ถ่ายรูปกับป้ายเป็นอันเสร็จครบจบแล้วกับงานนิทรรศการนี้




    ทั้งหมดนี้แค่อยากมาเล่าสู่กันฟังเฉย ๆ 

    ก็หวังว่าเพลดิสจะจัดอะไรแบบนี้อีกนะ เราอยากไปอีก

    และสิ่งหนึ่งที่ขอให้ทุกคนรู้ไว้...


    ถึงเพลดิสจะผีแต่ก็มีสตาฟที่น่ารักอยู่นะ


    สวัสดี♡

Views