เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
นิวยอร์ก 21swichmink
นิวยอร์ก21 - 3 : YO HARLEM BRO
  • ( ก่อนอื่นเลย ต้องบอกก่อนว่าเรื่องนี้เราเขียนในฐานะของคนที่ไม่ใช่คนที่นั่น เป็นแค่มุมมองของเราเฉย ๆ ค่ะ ถ้าให้ New Yorker มาเล่าเลยก็อาจจะเป็นอีกมุมนึง )

    .

    .

    เป็นที่รู้กันของทุกคนว่ายิ่งขึ้นสูง (Uptown) ไปมาก ๆ ยิ่งไม่ใช่ที่ที่เราควรไป

    .

    .
    ในแมนฮัตตัน จะมีการแบ่งถนนเรียงตามตัวเลขขึ้นไปเช่น 23 Street, 24, 25, ... ,100, 101,... Street.
    และตรงกลางของเกาะแมนฮัตตันจะมีพาร์คที่สวยและใหญ่มากๆ อยู่ ซึ่งก็คือ Central Park
    เซนทรัลพาร์คจะรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าวางตัวตามแนวเดียวกับเกาะเลยโดยเริ่มตั้งแต่ถนน 59th St. ขึ้นไปจนถึง 110th St. หรือระยะตามแนวยาว 51 บล็อคถนน

    .

    .

    ถ้าเราขึ้นไปบนสุดของเซนทรัลพาร์คเลยขึ้นไปอีกจะเป็นย่านฮาร์เล็ม (Harlem) ซึ่งเป็นย่านของคน African Americans อยู่กันซะเป็นส่วนใหญ่ และถ้าเราเลยขึ้นไปสูงอีกเรื่อย ๆ จะเป็นย่าน The Bronx ซึ่งเท่าที่เราเข้าใจ ฮาร์เล็มและเดอะบร๊องซ์จะคล้าย ๆ กันที่เป็นย่านที่มีชาวผิวสีอยู่เป็นส่วนมาก

    .

    .

    ถ้าเราพูดถึงคำว่านิวยอร์กซิตี้ คงจะมีคนนึกถึงมันได้ 2 แบบที่ต่างกัน คนกลุ่มแรกอาจจะนึกถึงเมืองสวย ๆ คนรวย ๆ แต่งตัวดีเต็มไปหมด ใช้ชีวิตกันแบบ Fancy ( นึกถึงเรื่อง Gossip girl ประมาณนั้น )

    .

    กับอีกแบบนึงคือตรงกันข้าม นิวยอร์กในแบบเมืองเถื่อน ๆ โจรเต็มเมือง และสกปรก ๆ หน่อย (ซึ่งความจริงแล้วนิวยอร์กซิตี้น่าจะเป็นการรวมกันของทั้ง 2 แบบนี้ 555)

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    พูดถึงฮาร์เล็ม จากที่เราได้ยินได้ฟังมา สมัยก่อนฮาร์เล็มจะเป็นย่านที่ถือว่าอันตรายที่สุดย่านนึงของนิวยอร์ก (ไม่ได้โยงกับเรื่องชนชาตินะ พูดถึง Area & Crime rate) ดังนั้นถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงจะดีกว่า

    .

    เมื่อก่อนนั้นอันตรายในระดับที่มียิงกันตลอด รวมถึงเต็มไปด้วยอาชญากรรม อารมณ์แบบมีแก๊งนู้นนี้เต็มไปหมด แม้แต่คนที่อยู่ตรงนั้นอยู่แล้วก็ยังอาจโดนปล้นได้ จากที่เราอ่านมาเค้าบอกว่าเป็น 'Worst area of crime and poverty of NYC and The United States' เลย (ย่านที่มีอาชญากรรมและความยากจนหนักที่สุดในนิวยอร์กซิตี้ หรืออาจจะหนักที่สุดในอเมริกา!) (Ref.1)

    .

    ยิ่งช่วง Great Depression และช่วงหลังสงครามยิ่งแย่หนัก คนจนหรือชนชั้นแรงงานมีเยอะขึ้นมาก ซึ่งช่วงนั้นก็คือช่วง Late 20th century หรือช่วงที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่สิบปีนี่เอง ( เนื่องจากยิ่งเศรษฐกิจแย่ คนก็จะยิ่งว่างงาน พอคนว่างงานก็จะยิ่งไม่มีเงิน ดังนั้นการก่ออาชญากรรมก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ) (Ref.2) // ไปหามาค่ะ Harlem Riot ล่าสุดคือปี 1964

    .

    .

    .

    เค้าว่ากันว่าทุกวันนี้ย่านฮาร์เล็มก็ดีขึ้นเยอะมากแล้วเทียบกับเมื่อก่อน เพราะเค้าได้มีการเข้าไปดูแลและพยายามปรับปรุงหรือแก้ไขปัญหาต่าง ๆ มากขึ้นแล้ว แต่ยังไงก็ตาม ฮาร์เล็มหรือเดอะบร๊องซ์ก็ยังขึ้นชื่อเรื่องนี้อยู่ดี นี่เลยเป็นสาเหตุที่ถ้าไม่จำเป็น เค้าจะไม่แนะนำให้ไปเหนือเซนทรัลพาร์คกันค่ะ

    .

    .

    .

    .

    แต่เนื่องจากเราเป็นคนแปลก 5555 (...) ช่วงแรก ๆ ที่เรามาที่นี่เราบอกพ่อตลอดเลยว่า อยากไปฮาร์เล็ม หรือไปเดอะบร๊องซ์ก็ได้ ขอไปเถอะ นั่งรถไฟไปดู ๆ แล้วนั่งกลับก็ได้ 

    .

    จริง ๆ คือเราแค่อยากรู้ว่าเมืองมันเป็นยังไง อยากเห็น ไหน ๆ ก็มาอยู่ตรงนี้แล้ว เนื่องจากเรารู้สึกว่าแต่ละเขตในนิวยอร์กซิตี้ที่เราเคยไป ทั้งแมนฮัตตัน บรู๊คลิน ควีนส์ มันแตกต่างกันหมดเลย มันมีสเน่ห์ต่างกันหมดเลย เลยทำให้ยิ่งอยากไปมากกว่าเดิมอีก 

    .

    จริง ๆ นอกจากการขึ้นชื่อเรื่อง Crime แล้ว ฮาร์เล็มยังเป็นที่รู้จักในเรื่องของดนตรี อีกอย่างคือเราเคยดูในหนังด้วย เมืองมันคูลมาก

    .

    .

    นอกจากการถามพ่อแล้ว เราก็มีความพยายามในการชักชวนรูมเมทให้ร่วมไป Explore กับเราด้วย ยังไม่พอ ชวนเพื่อนที่คอลเลจไปด้วย แต่ไม่มีใครอยากไปด้วยซักคน 5555 จะไปคนเดียวมันก็กระไรอยู่ มันจะดูเป็นคนแปลกเกินไปนิดนึง

    .

    .

    .

    หลังจากเราถาม ๆ พ่อไปว่าขอไปได้มั้ย อยากไปมากจริง ๆ สิ่งที่พ่อตอบกลับมาก็คือ..
    "เลิกคิดไปได้เลย!"

    .

    เสริมด้วยคำพูดของรูมเมทว่าชั้นไม่ไปกับแกหรอก เชิญไปคนเดียว (TT) แต่ก็นั่นแหละ ก็เข้าใจ มันก็อันตรายจริง ๆ แหละ ยิ่งสำหรับคนที่ไปแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว และเอ๋อๆแบบนี้ด้วยแล้วนั้น 5555 เลิกคิดไปได้เลยอะถูกต้องแล้ว

    .

    .

    เราเลยเลิกคิดเรื่องการไปฮาร์เล็มกับเดอะบร๊องซ์ไป และคิดว่าคงไม่ได้ไปแล้วแหละมั้ง แต่ก็ช่างมัน ไม่ได้ไปก็ไม่เป็นไร

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    แต่สุดท้าย ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เราได้ไปฮาร์เล็มกับบร๊องซ์คนเดียวรวมแล้วสามครั้ง 555 จริง ๆ คือหลงไปทุกครั้ง (จริง ๆ นะ..)

    .

    .

    .

    .

    .

    เริ่มจากครั้งแรก อยู่ดี ๆ ในช่วงเย็นของวันนึงที่เราไม่มีอะไรทำ และเราไม่อยากอยู่เฉย ๆ รวมถึงตอนนั้นค่อนข้างง่วงและรู้สึกไม่ชอบเลยเวลาตัวเองเนือย ๆ เลยเกิดความคิดว่าวันนี้อยากลองเดินไปทางใหม่ ๆ ไปคนเดียวนั่นแหละ 555 ไม่ได้ชวนใครเพราะอยู่ดี ๆ ก็คิดอยากเดินเล่นขึ้นมาเฉย ๆ (เพื่อนไม่คบก็พูดมา...55)

    .

    .

    .

    .

    เราเดินไปเที่ยว Columbia University ซึ่งอยู่ประมาณถนน 116th St. วันนั้นอากาศดี ท้องฟ้าเปิดและซันนี่มาก จริง ๆ แล้วเราตั้งใจไปเดินเล่นโคลัมเบียนั่นแหละ เพราะอยากรู้ว่าแคมปัสไลฟ์ของฝรั่งที่นี่เป็นยังไงบ้าง ต่างจากที่ไทยยังไงบ้าง ( เพราะคอลเลจที่เราเรียนไม่มีแคมปัส มีแต่ตึกสูง ๆ สามสี่ตึก )

    .

    .

    พอเราเดินเข้าไปในโคลัมเบีย โอโห้วว น่ารักมาก มีคนโยนลูกรักบี้เล่นกันในสนาม บางคนก็อ่านหนังสือหรือเปิดแลปท็อปทำงานกันบนหญ้า บางคนนั่งถอดเสื้ออาบแดดเลย แถมช่วงนี้เป็นช่วงรับปริญญาด้วย เดินผ่านไปเห็นคนใส่ชุดครุยยืนคุยกันอยู่ สีน่ารักมากก สีฟ้าอ่อนหม่น ๆ เทา ๆอยากมาเรียนที่นี่เลย ( เพราะอะไร อ่อ สีชุดครุยน่ารัก.. )

     

    ประมาณนี้ (ยืมรูปจากเว็บโคลัมเบียมา) น่ารัากกก 5555



     

    เดี๋ยวนะ โคลัมเบียไม่ใช่ประเด็น 555

    .

    พอเราเดินเล่นแถวโคลัมเบียไปซักพักก็เริ่มเย็นแล้ว แต่มันยังไม่มืด เราเลยเดินขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่ง ณ ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเมืองมันน่ารักมาก ๆ เดินไปทางไหนก็น่ารักหมดเลย




    .
    .
    .
    ระหว่างทาง เราเดินผ่าน Morningside Park ขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งตอนนั้นมันก็เริ่มเย็นมากแล้ว พาร์คนี้เหมือนเป็นป่าเล็ก ๆ ไม่มีคนเลย เดิน ๆ ไปจะเจอบ้างคนสองคน เอาจริงก็แอบน่ากลัวนิดนึงนะ กลับมาดูรูปแล้วก็นั่งคิดกับตัวเองว่าเดินไปได้ยังไงวะ 5555




    .

    .

    ตอนระหว่างเดินก็รู้สึกแฮปปี้มาก แฮปปี้อยู่คนเดียว 5555 เดินไปฟังเพลงไป ถ่ายรูปเล่นไป เราเดินออกจากพาร์คมาที่ถนน ณ ตอนนั้นเรารู้สึกว่าแถวนี้มันน่ารักจริง ๆ นะ คนน้อยไม่พลุกพล่าน บวกกับตึกอะไรก็ดูมีสเน่ห์ไปหมด

     



    .

    .

    .

    แต่อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองแปลกยังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก แบบรู้สึกแปลกขึ้นมาเองเฉย ๆ ไม่รู้ทำไม ทั้ง ๆ ที่ทุกอย่างรอบตัวดูสวยมาก แต่รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ควรเดินอยู่ตรงนั้นขึ้นมาซะอย่างนั้น ไม่มีเหตุผลเลย (มันแปลกมากจริง ๆ นะ ทั้งที่ตอนนั้นเราไม่ได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าหลงไปไหนแล้ว แค่อยากเดินเล่นไปเรื่อย ๆ เฉย ๆ)

    .

    .

    เราเลยมองไปรอบตัว อ้าว นี่เป็นเอเชียคนเดียวตรงนั้น และสังเกตว่าทำไมมีแต่พี่คนดำทั้งนั้นเลย  เวลาเดินผ่านคนที่นั่งอยู่แถวนั้นเค้ามองเราเหมือนเป็นตัวประหลาด ( อาจจะคิดไปเองรึเปล่าไม่รู้ ) หรือเพราะวันนั้นแต่งตัวแปลก หรือเป็นคนแปลก ซักอย่างแหละ 55555

    .

    หลังจากเริ่มรู้สึกว่าอะไร ๆ มันแปลก ๆ นะ เลยคิดว่าเออ เดินกลับดีกว่า เริ่มเย็นมากแล้วด้วย

    ระหว่างคิดว่าจะเดินกลับเลยเงยหน้ามองว่าตรงนี้ถนนอะไร เท่านั้นแหละ เลยตระหนักได้ว่า ในที่สุดก็ได้มีโอกาสมาเดินเล่นในฮาร์เล็มแล้วจ้า จริง ๆ เดินไปก็แอบกลัวไปเพราะไม่ค่อยมีคนเลย มีพี่คนดำยืน ๆ นั่ง ๆ เป็นกลุ่มกันบ้างประปราย นี่ก็พยายามทำหน้าเหมือนอยู่แถวนี้อยู่แล้ว น้องแค่ออกมาเดินเหวี่ยงแขนลดพุงชิว ๆ

    .

    .

    แต่สุดท้ายก็เดินกลับอย่างปลอดภัย ถึงแม้จะโดนแซวบ้างระหว่างทาง 5555 (ซึ่งตอนนั้นรู้สึกไม่แปลกเพราะเจอคนแปลกมาพูดด้วยระหว่างเดินบ่อยมากตั้งแต่อยู่เมืองนี้.. จนตอนนั้นเริ่มชินแล้ว อย่างที่บอกก็คือต้องเมินไป) แต่ตอนนี้มานั่งคิดก็แบบเออยิ่งมีคนมาคุยด้วยยิ่งน่ากลัวนะ

    .

    .

    ยังไม่พอ นอกจากจะไม่รีบแล้ว ยังอุตส่าห์เดินกลับให้ผ่านทางที่มีร้านคุกกี้ด้วย 5555 (นอกเรื่อง ร้านนี้ดังมาก ชื่อร้าน Levain Bakery ปกติถ้าเป็นสาขาอื่นแถวจะยาวมาก ยาวออกมานอกร้านตลอดเลย แต่วันนั้นที่ไปสาขาในฮาร์เล็มไม่มีลูกค้าเลยอะ หรือเพราะมันเย็นแล้วก็ไม่รู้ เลยได้โอกาสดี ได้ลองกินคุกกี้ของร้านนี้เป็นครั้งแรกหลังจากได้ยินชื่อเสียงมานาน 5555) ทางนั้นร้างมาก มองไปข้างหน้าเห็นบอยแบนด์พี่ ๆ คนดำนั่งอยู่บนบันไดอพาร์ตเมนต์ไกล ๆ เค้าไม่ได้อะไรยังไงกับเราหรอก เค้าอาจจะแค่ออกมานั่งคุยกันคูล ๆ แต่โดยสัญชาตญาณมีเสียงในหัวบอกว่าเดินไปอีกทางมั้ย และตอนนั้นไม่มีใครเลยนอกจากพี่ ๆ กลุ่มนั้น เพื่อความปลอดภัยหรือความอะไรไม่รู้ เราเลยเดินกลับไปแล้วไปเดินอีกทาง

    .

    แต่สุดท้ายเราก็ได้กินคุกกี้...

    .

    .

    .

    .

    .

    ในที่สุดเราก็เดินกลับมาถึงด้านบนสุดของเซนทรัลพาร์ค ซึ่งก็ยังคงมีพี่ๆจับกลุ่มกันบ้างประปรายตามเกาะกลางถนน ตรงนี้ก็เป็นอีกอย่างนึงที่เราว่าเป็นสิ่งที่ฮาร์เล็มหรือบร๊องซ์ต่างไปจากในตัวเมืองแมนฮัตตันช่วง Downtown ลงไป ถ้าเราขึ้นไปสูง ๆ จะเห็นมีคนมาอยู่ตามเกาะกลางถนนกันตลอดเกือบทุกที่เลย มีคนบอกว่าเป็นเพราะส่วนมากคนแถวนั้นจะเป็นคนจนเยอะ (No offence ค่ะ) แต่ไหนแต่ไรแล้ว เค้าไม่มีอะไรทำก็จะมานั่งจับกลุ่มคุยกันตามริมถนน หรืออาจจะเป็นนิสัยของเค้าแบบนั้น

    .

    .

    .

    จริง ๆ แล้วเพิ่งมาเล่าเรื่องไปฮาร์เล็มกับบร๊องซ์ให้พ่อฟังตอนกลับมากรุงเทพแล้ว ว่าตอนนั้นหลงไปมา ชอบมาก 55555

    .

    พ่อเลยเล่าให้ฟังว่าตอนพ่ออายุ  17 เป็นแบบนี้เหมือนกันเลย พ่อเราไปนิวยอร์ก จะไปหาเพื่อน สมัยนั้นไม่มี GPS ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีเน็ต สิ่งที่ต้องทำคือกางแผนที่แผ่นใหญ่ ๆ แล้วเดา ๆ เดินไปเรื่อย ๆ แต่เดินไปเดินมา ดันรู้สึกแปลก หลงไปเดินในฮาร์เล็มซะงั้น 555 (แถมยุคนั้นน่าจะเป็นยุคหลัง riot ไม่นานมากเลยแหละ)

    .

    .

    อาจจะมีแต่คนบอกว่าแถวนั้นน่ากลัวอันตราย ไม่ใช่ที่ที่ควรไปเที่ยว แต่สำหรับเราแล้วเราชอบมากเลย ชอบในแง่ที่มันดูมีอะไรยังไงไม่รู้ พูดไม่ถูก แต่ต้องไปอยู่ตรงนั้นเอง ยิ่งตอนหลงไปเดอะบร๊องซ์เรายิ่งชอบมากๆ มันมีสเน่ห์แบบบอกไม่ถูก (พูดเสร็จก็ตามมาด้วยคำด่าจากเพื่อนว่าไอบ้า 5555) แต่ยังไงก็ตามมันก็ค่อนข้างอันตรายและไม่ใช่ที่ที่ควรไปถ้าไม่จำเป็นอยู่ดี

    .

    .

    .

    ยิ่งตอนเราดูซีรีส์ Orange is the New Black เรายิ่งอินมาก เป็นซีรีส์ที่เรากำลังดูอยู่และชอบมาก มันเป็นเรื่องนึงที่ค่อนข้าง Real และไม่เหนือธรรมชาติ (น่าจะ Based on true story) เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนในคุกหญิงในเมืองใกล้ ๆ นิวยอร์ก ในเรื่องจะค่อย ๆ เล่าว่าแต่ละคนมีเบื้องหลังยังไง ทำไมบางคนทั้ง ๆ ที่ดูไม่มีพิษมีภัยอะไรแต่ดันมาอยู่ในคุกซะงั้น บางคนถึงกับอยู่เป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งตัวละครแต่ละตัวในเรื่องส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มาจากนิวยอร์กซิตี้รวมถึงนางเอก ซึ่งมาจากชนชั้นกลาง มีความรู้ มีความคิด แต่มาติดคุกได้ยังไง ประมาณนี้

    แล้วในเรื่องมันเห็นได้เลยว่าชนชาติของคนที่มาจากที่นี่มันหลากหลายมาก มันจะมีกลุ่มนึงเป็นคนผิวสีซึ่งส่วนมากมาจากย่าน The Bronx เราชอบกลุ่มนี้มาก 5555 หมายถึงชอบนิสัยตัวละคร ชอบสำเนียงด้วย ฟังแล้วมันสนุกอะ 555

    เดี๋ยวถ้ามีโอกาสอยากเล่าถึงตอนที่หลงไปบร๊องซ์ด้วย ตอนนั้นกลัวมากแต่ก็แฮปปี้มากที่ได้ไปแล้ว lol

    .

    .

    .

    .

    .

    นั่นแหละ..  Daddy หนูไปฮาร์เล็มมาแล้วนะ อิอิ

     


    / ส่วนอันนี้แปะไว้เฉย ๆ เป็น Article ที่เราเขียนในเฟสบุคช่วงตอนที่หลงไปฮาร์เล็มครั้งแรก จริง ๆ มันก็คือเรื่องนี้แหละแต่อาจจะได้ฟีลกว่าเพราะเขียนความรู้สึกตอนนั้นเลย555 เผื่อมีใครสนใจอ่านค่ะ

     

    May 1,2017
    Harlem and the Bronx :
    This 'article' is said in the name of a non-New Yorker.
    .
    .
    Before I came here, I was told by many people (and books as well), not to go above Central Park because it's kinda be dangerous. Nevertheless I REALLY want to go to the Bronx and Harlem since I've always been feeling like, now you're in New York, why not? I told my dad about this and what he said was 'don't even think about it.' and yeah I understand. I stopped thinking about visiting those places.
    .
    .
    And yeah, I just went there alone 2 days ago, by chance.
    .
    .
    .
    Since I have nothing to do, and I have very limited time left, I decided to wander around while waiting for my uncle. It was a very beautiful chilly-sunny day. I went to Columbia University for the second time to see what the real campus here is like. (My college only has buildings.) College students were sitting on the grass with their laptops and books. Some of them were throwing rugby ball with each other. Yeah it's a beautiful day. I walked around alone (which is quite normal for me since I came here though a little bit weird while in Bangkok) then I walked toward the Northern side of Manhattan, just to explore the new part of this lovely city. That moment I felt like everything around me was so pretty and lovely. The buildings are neat and I felt that they were so sophisticated in New York City kind of way. I walked past Morningside Park, which was a bit like a small forest in the middle of the city. Then, I walked further to the North, on and on. (See that I really have plenty of time on that day lol )
    .
    .
    I started feeling a little bit weird even the town is so pretty. I felt different by no reasons. Yeah I really meant that! At that moment, I suddenly realized that I was in Harlem already. I was far above the Central Park. So, I rushed back to the South because there was something I felt scared, something I don't even know what it was. I started thinking about some movies and some news about crimes in New York City lol I heard that most of them happened in these areas. Yeah I was a bit so panicked inside LOL Also, maybe it's because it's getting dark at that time. I felt really weird all my way back and I didn't know why lol. Luckily I got back safe though.
    .
    .
    .
    .
    Actually, from my view point, I'm quite happy to have a 'chance' to walk to and visit the places. The town is so pretty and probably looks better than in Manhattan in some ways. I talked to my uncle and he told me that once those who lived in the Bronx were rich people but in some periods, those people left the area because of some economic or political reasons. What left are beautiful buildings. That's why even most people there are poor (no offence), compared to other areas, they still could manage to live in those exquisite buildings and scenery. In the other words, the town is old and in the ancient time, rich people lived there.
    .
    .
    Anyway, I'm happy that I went there once, even I didn't plan to.. Haha
    Ps. Anyway2, I heard that Harlem today is much better than a decade ago. Still I was so nervousss.
    .
    .
    Dad I went to Harlem.
    Alone, dad.

     




    Ref.1 :  Finnegan, Jack (6 March 2007). Newcomer's Handbook For Moving to and Living in New York City: Including Manhattan, Brooklyn, the Bronx, Queens, Staten Island, and Northern New Jersey. First Books. p. 55. ISBN 978-0-912301-72-3. Retrieved 14 June 2013.

    Ref.2 :  "Harlem Renaissance". Biography.com. Retrieved 17 June 2013.

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in