เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Journalnichised
St. Jerome's Laneway Festival
  • เราเห็นโฆษณาเทศกาลดนตรีอันนี้มาตั้งแต่วันแรกที่มาถึงนิวซีแลนด์ เห็นคำว่า Glass Animals ท้ายรถเมล์ที่ขับผ่านก็ตาโตอยากจะไปดูบ้าง แต่ตอนนั้นยังไม่รู้จักที่ทาง บวกกับมี Coldplay ในใจแล้ว เลยคิดว่าพอเถอะ จนแล้ว มองไลน์อัพผ่านๆก็ไม่รู้จักใคร เลยลืมๆไป

    แต่เนื่องจาก Auckland เป็นเมืองที่สงบมาก จนเกือบจะสงบเกินไป วันธรรมดาร้านกาแฟยังปิดสี่โมง เราที่พึ่งได้แต๊ะเอียมา เดินผ่านสวนที่ใช้จัดแสดงล้อมรั้วแล้วปิดป้ายรอบสวนเป็นรูปงานคอนเสิร์ตตลอดหลายปีที่ผ่านมา มองไปเห็นรูปมือกีตาร์ Of Monsters And Men ก็นึกถึงคอนเสิร์ตที่เคยดูแล้วเริ่มหวั่นไหว วันหยุดครบรอบวันสร้างเมืองคงจะไม่มีอะไรทำ ซุปเปอร์มาร์เก็ตยังจะไม่มีให้เดิน กลับบ้านมาตั้งสติก็ไม่มีใครห้ามแถมยังยุอีก แอบไปกระซิบถามเสพย์สากลว่าเทศกาลดนตรีที่นี่เถื่อนเหมือนกลาสตันมั้ยเพราะเราไม่สู้คน ได้ความว่าน่ารักมุมิ เลยนั่งบวกลบคูณหารเงินในบัญชี พอคิดว่าเดือนนี้กูไม่อดตายละก็กดซื้อคืนก่อนวันแสดงเลย


    ประตูเปิด 11.30 เรามารอหน้าประตูก่อน 15 นาที นั่งมองแฟชั่นคนมาดูคอนเสิร์ตไปพลางสงสัยว่าคนพวกนี้มันไปอยู่ไหนมาตลอดสองเดือนที่เราอยู่ที่นี่ เพราะ 90% เป็นฝรั่งมีตั้งแต่เด็กไฮสคูลยันคนแก่หัวขาว แต่ส่วนใหญ่ก็เด็กมหาลัยแหละ มีเอเชียนอยู่จึ๋งนึง แอฟริกันกับละตินอเมริกายิ่งน้อยเข้าไปใหญ่ ที่ผ่านมาเจอแต่คนจีนเต็มเมืองจนลืมไปว่าประเทศนี้ก็มีคนขาว คนในงานก็ไม่ได้น้อยหรอกแต่เดินชนกันทั้งวันจนจำกันได้หลายคนเลย


    เราตากแดดต่อคิวรอสักพักประตูก็เปิด ตอนตรวจกระเป๋าก็ให้เอาขวดน้ำเปล่าๆเข้าเท่านั้น ต้องเทน้ำทิ้ง แต่ข้างในมีน้ำเปล่าฟรีให้เติมและของกินขายอีกเพียบ ราคาก็ไม่ต่างกับที่ขายในเมืองปกติเท่าไหร่ คือแพงเป็นปกตินั่นเอง

    เราจะเล่าให้ฟังนะว่าแต่ละวงที่ไปดูมาเราประทับใจอะไรบ้าง ไม่ได้รีเสิชอะไรเพิ่มเลย ไม่ได้กะมาขายวง ถ้ามีแรงกายและแรงใจจะมาขายอีกที ตอนนี้ขอเล่าประสบการณ์เทศกาลดนตรีที่นี่ให้ฟังก่อนเพราะเราตื่นเต้นมาก!


    Nikolai - Thunderdome


    Thunderdome เป็นเวทีที่เล็กสุด แต่เราชอบสุด เพราะร่ม5555 มีต้นไม้ล้อมสองข้างทาง ตั้งอยู่ข้างห้องสมุดกลางของมหาลัยที่เรากำลังจะเริ่มเรียนเดือนมีนานี้ บรรยากาศสบายๆ เหมาะกับวงชิวๆคิ้วท์ๆ ความฮาคือข้างเวทีเป็นป้ายรถเมล์ที่ตารางโชว์ว่าวิ่งปกติทั้งที่ถนนปิด (รถเมล์ประเทศนี้ชอบหลอก) แถมยังใช้วายฟายมหาลัยอัพไอจีสตอรี่ไปดูโชว์ไปได้อีก เราว่าวงนี้น่าสงสารมาก เพราะเล่นเป็นวงแรกตั้งแต่เกตเปิด คนน้อยแบบเหงาแทน แต่วงก็พยายามเล่นเต็มที่ มีพ่อแม่นักดนตรีมาเชียร์ด้วย คนดูที่เหลือก็น่ารักพยายามให้กำลังใจส่งเสียงเชียร์ตลอด เล่นจนเพลงหมดแล้วคนก็ยังน้อยแถมเวลาเหลืออีก มีคนดูตะโกนบอกให้เล่นอีก วงเลยเล่นเพลงแรกของโชว์ เพราะคนเกินครึ่งไม่ได้ฟังตั้งแต่เริ่ม เราพยายามจะโยกตัวตามแต่คนน้อยเหลือเกิน เขิน ปกติไม่ใช่คนชอบเต้น ผับบาร์ก็ไม่ค่อยเข้า ไปแต่คอนเสิร์ตนี่แหละ


    Fazerdaze - Princes Street Stage


    เวทีนี้ใหญ่สุด แต่พื้นเอียงขึ้นแล้วเวทีไม่สูง คนที่อยู่ข้างหลังมองแทบไม่เห็นอะไรเลย ส่วนโชว์นี้เนื่องจากยังเช้าอยู่คนเลยน้อย (ก็ไม่เช้าหรอก เที่ยงครึ่งละ แต่เป็นวงแรกๆ) เราเลยได้อยู่ใกล้เวที เห็นทุกอย่างชัดแจ๋ว ในบรรดาวงที่ไม่ได้รีเสิชมาก่อนแล้วไม่ได้ตั้งใจมาดู เราชอบวงนี้สุด นักร้องนำน่ารัก เป็นสาวเอเชียปากแดงตัวผอมแต่มีกล้าม เอาคนดูอยู่ เพลงไม่หนักเท่าไหร่แต่วงเล่นมันใช้ได้เลย แล้วก็โยกตามแบบไม่เขินเพราะเพลินมากๆ แบบทำให้เราลืมๆได้ละไม่เกร็งเหมือนวงแรกอะ ที่รู้สึกว่าต้องพยายามสนใจโชว์ แล้วก็ต้องคิดว่าตัวเองทำอะไรอยู่ แต่วงนี้ปล่อยตามสบายเลย เราสนุกกับโชว์จริง กลับบ้านมาโหลดเพลงแทบไม่ทัน แอปเปิลมิวสิกคุ้มเลยเดือนนี้


    Julia Jacklin - Rotunda Stage


    ชอบเวที Rotunda นี่มาก ตามแผนคือตั้งใจจะดูเวทีนี้ให้ครบทุกวง แต่พลาด Bob Moses เพราะชนกับ Whitney ที่เราตั้งใจมาดูมากๆ (ทั้งๆที่รู้จักเมื่อคืนก่อนมา ฮ่าๆ) บรรยากาศเวทีนี้น่ารักสุด ต้นไม้ล้อมรอบเวทีเป็นฉากหลัง ฟ้าสีฟ้าสดไม่มีเมฆเลย แต่แดดเที่ยงร้อนแสบผิว คนที่นี่บ้าแดดยังเห็นหลายคนยอมแพ้เอาหมวกมาใส่ ส่วนเรานั้นไม่ทน เอาทั้งหมวกทั้งเสื้อมาคลุมกันแดด แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้เดินไปหลบแดดข้างเวทีเพราะกลัวหน้าเหี่ยว

    ก่อนมาเราลองหาเพลงของจูเลียฟังก็ว่าชิวดี ถึงจะไม่ค่อยติดหูเท่าไหร่ แต่พอมาฟังสดแล้วเราว่าเค้าเล่นมันกว่าสตูดิโอ เทคนิกการร้องแนวเดียวกับ The Civil Wars จนต้องกูเกิลดูว่าคนเดียวกันมั้ยเพราะได้ข่าวว่าวงแตกไปแล้ว นึกว่าจะออกมาทำเพลงคนเดียว แต่ก็ไม่ใช่ นี่อุตส่าห์มีความหวัง

    ช่วงนี้คนเริ่มเยอะขึ้นแล้วแต่ก็ยังไม่แน่นเท่าไหร่ ยังมีคนปูผ้านอนดูใต้ต้นไม้ไกลๆเวทีอย่างสบายใจอยู่ จนเริ่มบ่ายแล้วเราหิว ไปช้อปปิ้งหาของกิน ได้ชีสเบอร์เกอร์อันใหญ่มากมานั่งกินใต้ต้นไม้ ดู Purple Pilgrims เล่นที่ Fountain Stage ไปด้วยจากเนินไกลๆท้ายเวที เจริญอาหารสุด


    White Lung - Thunderdome

    พึ่งเริ่มต้นวันผ่านไปไม่กี่วง แรงยังเหลือ เลยเดินเล่นหาเพลงฟังไปเรื่อย วงนี้เป็นวงที่เราชอบน้อยสุดของวันนี้ คงเพราะเราไม่ค่อยชอบเพลงผู้หญิงว้ากๆอยู่แล้วด้วยมั้ง ฟังไปสองเพลงก็ย้ายเวที จำอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แฟนวงนี้มาเห็นอย่าได้เสียใจ คนมาดูเยอะอยู่ ไม่เหงาๆ


    DMA’s - Princes Street Stage

    เราเดินมั่วๆมาฟังวงนี้เพราะไม่มีอะไรทำตอนรอ Whitney ฮ่าๆ ก็ถือว่าเล่นดีอยู่ ไม่เคยฟัง ไม่ได้ตั้งใจฟังมาก่อนก็ยังประทับใจ ถ้าไม่ติดว่าจะไปดู Whitney ก็คงฟังจนจบ เสียดายเหมือนกัน


    Whitney - Thunderdome


    ได้ยินชื่อวงนี้มานาน แต่ก็ขี้เกียจไปหาฟัง เพราะปกติเราเป็นคนจูนติดยากเลยผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยมีเพลงที่ฟังครั้งแรกแล้วชอบหรือไม่ชอบในทันที แต่นี่เป็นหนึ่งในวงที่ชอบแบบภายในสาม สอง หนึ่ง ตั้งแต่ตอนกดซื้อตั๋วแล้วลองหาวงฟังว่าจะไปดูใครบ้าง


    เรารัก Whitney ทันทีที่ฟังเวอร์ชั่นสตูดิโอ แต่บอกเลยว่าแสดงสดดีชิบหาย ดีผีบ้า ปลื้มมากทั้งๆที่พึ่งรู้จักวงได้วันเดียว จูเลียนนักเป็นร้องนำแล้วยังตีกลองด้วย เล่นเต็มแต่ก็ยังเก๊กหน้านิ่ง ความพีคคือตอนโซโล่ทรัมเป็ต (ที่ดีมากๆ) จูเลียนหันไปจูบกับมือเบส แบบ passionate สุด แล้วจูบหน้าผากอีกที จูบเสร็จหันมาบอกคนดู “นี่ญาติผมเอง” จ้า ญาติจ้า รักกันมากจ้า ดีจ้า

    สรุปว่าเราดีใจมากที่ได้มาดูวงนี้ ประทับใจมาก ก่อนมาดูเราคาดหวังมากเพราะชอบสตูดิโอ แต่เล่นสดก็ยังดีเกินคาด ดนตรีแน่น ร้องสดก็ดี ทรัมเป็ตก็เทพ มีตอนที่เล่นคีย์บอร์ดไปพร้อมๆกันด้วย ดีไปหมด คิดคำชมไม่ออกแล้ว

    คนดูวงนี้ก็น่ารัก ส่วนใหญ่เป็นเด็กๆมหาลัย เต้นกันสนุกเว่อร์ คนเยอะพอสมควร แต่ก็ไม่ได้เบียดแบบตัวติดกัน เหงื่อก็ยังไม่ออก เพราะอยู่ในร่มด้วยแหละ

    เราเริ่มสนุกกับงานจนเริ่มเมาดิบก็จากวงนี้นี่แหละ ไม่ต้องพึ่งเบียร์ใดใดก็ high ได้


    Car Seat Headrest - Fountain Stage

    Fountain Stage เป็นเวทีที่บรรยากาศดี หน้าตาคล้ายๆ Rotunda Stage แต่ใหญ่กว่า เสียดายที่เราไม่ได้ฟังวงไหนจนจบเลย มีวงนี้ที่ตอนแรกก็ตั้งใจจะดูจนจบแหละ เพราะ @palmarun แนะนำให้ดู เพลงดี เราไม่เคยฟังมาก่อน ก็อินกับเพลงทั้งๆที่ฟังไปแค่แป๊บเดียว เล่นสดสนุกเลยล่ะ แต่ตารางซ้อนกับ Aurora พี่เลยต้องหลีกทางให้นางฟ้าค่ะ ช่วยไม่ได้จริงๆค่ะ ไว้จะไปติดตามหาฟังต่อนะคะ


    Aurora - Rotunda Stage


    เราฟังเพลงน้องมาไม่บ่อยเท่าไหร่ แต่ฟังจบอัลบั้มจนติดหูมาซักพักแล้ว เพราะคนรอบตัวไฮป์น้องหนักมาก กลัวใช้แอปเปิลมิวสิกไม่คุ้ม เลยโหลดมาเก็บไว้ในมือถือ ตอนฟังสตูดิโอก็ไม่ได้อินมากหรอก ก็ติดหู จำได้ ตามไอจีน้องมาก็ดูเป็นคนคูลๆ อยากจะมาสัมผัสแสดงสดสักครั้ง เลยมาปักหลักรอโชว์น้องหน้าเวที ตอนรอก็เห็นละว่าแฟนเยอะพอควร มีคนทำป้ายมา ตะโกนเรียกแสดงความรักเป็นพักๆ แต่โชว์เริ่มช้ากว่าตารางเพราะลำโพงพัง ตอนเริ่มเล่นแล้วก็ยังพังอยู่ เสียงดนตรีขาดๆเกินๆ แต่น้องเล่นดีมาก ท่าเต้นเพี้ยนพึลึกสุดเหมือนกำลังบูชายัญอะไรอยู่แล้วคนมาดูเป็นสาวกลัทธิ เราสนุกมาก ชอบมาก มีตอนที่เกือบจะร้องไห้กับเพลง Runaway ด้วย (ทีมไกลบ้านจะไม่ทน) 


    ส่วนตอนนี้เราได้ขายวิญญาณให้ลัทธิน้องแล้ว ใครยังไม่เคยฟังก็ไปอ่านเอนทรี่ขายเพลงน้องของนาวได้ เราก็โดนขายมาเหมือนกัน


    King Gizzard and the Lizard Wizard ​- Rotunda Stage

    นี่เป็นหนึ่งในวงที่รีเสิชหลังซื้อตั๋วแล้วติดใจ มาดูแสดงสดแล้วไม่เหมือนที่ฟังสตูดิโอเลย แบบคนละวงรึเปล่านะ แต่ก็ชอบมากๆ ประทับใจในความมีมือกลองสองคน วงก็เล่นได้ดุเดือดสมกับที่มีกลองสองชุด กีตาร์ก็ดีงาม นักร้องนำเพี้ยนมาก ฟังเล่นเต็มสุดๆ ส่งถึงคนดูแม้จะฟังอะไรไม่รู้เรื่องเลยเพราะว้ากไม่เป็นภาษาคน คนดูมีจิตวิญญาณ red neck และเรื้อนพอควรทั้งๆที่ฟ้ายังไม่มืด แต่คนยังยืนกันห่างๆอยู่ อาจจะเพราะเรายืนหลังๆด้วยเพราะแอบไปหาของกินมา เลยไม่ได้มาจองที่หน้าๆ

    คนดูถึงจะหน้าตาเถื่อนแต่ก็ใจดีอย่างไม่น่าเชื่อ มีคนหันมาถามเราตลอดเวลาว่ามองเห็นมั้ย พยายามจะขยับให้เรามายืนข้างหน้า นี่ก็รู้สึกขอบคุณ แต่คือเตี้ยจนขยับไปไหนก็มองเห็นเท่าเดิม ความหวังดีของลูกพี่ไม่ช่วยอะไรเลย ไม่มีรูปเพราะมองเวทีไม่เห็นแล้วเพลงก็มันจนลืมพยายามจะถ่าย

    หลังจากจบวงนี้เราก็เลิกไปหาวงดูรอระหว่างรอยต่อของโชว์ที่รอแล้ว เพราะโยกหัวแทบหลุด เต้นคนเดียวมาครึ่งวัน ตีนพังและแรงเริ่มหมด แต่สงครามยังไม่จบ น้องเลยต้องขอไปชาร์จแบตก่อน


    Glass Animals - Rotunda Stage

    นี่คือเหตุผลของการกดซื้อบัตรของเรา เรามุ่งมั่นที่จะมาดูหัวสับปะรดมากๆ 

    จริงๆแล้วคืนก่อนมา@palmarun แนะนำให้เราไปดู Tycho ด้วย แต่ตารางซ้อนกับ GA แล้วเราอยากมายืนใกล้ๆเวทีเลยเท Tycho มาจองที่ หารู้ไม่ว่าคนทั้งเมืองก็คิดเหมือนเรา ขนาดมาก่อนโชว์เริ่ม 40นาทียังมีคนรออยู่เยอะแล้ว ตอนเรามานั่งรอคนรอบตัวพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า I’m here for Glass Animals บรรยากาศตอนจองที่เลยบันเทิงใช้ได้

    ก่อนมาฟังก็คิดว่าวงนี้เพลงฟังแล้วชวนเลื้อยเหลือเกิน แต่ก็ไม่คิดว่าคนดูจะเพี้ยนขนาดว่าเดินมานั่งข้างๆแล้วถามว่า “Hi, do you have any weed?” นี่ก็ช็อคไปเลยรีบโนนนนเสียงหลงอย่างรวดเร็ว แต่จบโชว์แล้วก็คิดได้ว่าน่าจะตอบไปว่า “Who needs weed when you have Glass Animals.” คือเป็นโชว์ที่สนุกสุดของวันนี้สำหรับเราเลยล่ะ เดฟเล่นเต็มมาก เต้นมันมาก ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนปกติทั้งคนดูทั้งคนเล่น สนุกผีบ้า เรารู้สึกเหมือนไปสงครามมาเพราะหัวโดนทั้งศอกคนที่สูงกว่า เข่าของคนที่ขี่คอดูข้างหลังก็กระแทกหัว ผมคนข้างหน้าตบหน้าเราตามจังหวะกลอง มีคนทำเบียร์หกเลยลื่นเกือบลงไปนั่งกับพื้น เละเทะยับเยิน แต่ก็สนุกมากๆเพราะคนดูตั้งใจมาดูจริงๆแล้วร้องได้ทุกเพลงทุกท่อน เรียกได้ว่าแฟนเดนตายกันเลยทีเดียว 


    ความพีคที่สุดของวันนี้คือ พอเดฟบอกนี่เพลงสุดท้ายแล้วนะ แล้วอินโทร Pork Soda ก็ขึ้น คนตบมือกันอย่างไม่ลงจังหวะเพราะไม่มีใครมีสติกันแล้ว ตอนแรกเราแอบงงว่าทำอะไรกันด้วย ฮ่าๆ อยู่ดีๆคนข้างหน้าก็หันมาบอกให้เราขี่คอ นี่ก็แบบ ห้ะ เอาจริงหรอ นางก็พยักหน้าแบบจริงจังมาก เราเลย โอเค กูอยู่ในหลุมจั๊กกะแร้คนสูงๆมาสี่สิบนาที หายใจก็ไม่ออกแล้วแทบจะโดนเหยียบตาย เขาคงสมเพช นี่คือโอกาสทองแล้ว เลยพยายามจะปีนขึ้นไป แต่ก็ขึ้นไม่ได้ เพราะขาน้องสั้นเกิน คนข้างๆเลยช่วยหิ้วเราขึ้นไป ทุลักทุเลสุด ต้องกราบขอบคุณผู้ให้ขี่คอจริงๆเพราะเป็นประสบการณ์ที่สุดมาก เคยเห็นแต่ในยูทูบไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้ขี่คอใครก็ไม่รู้ที่เทศกาลดนตรีในเพลงที่ชอบที่สุดของวงที่ตั้งใจมาดู หัวสับปะรดสมองตายสมใจอยาก


    Nick Murphy (Chet Faker) - Princes Street Stage


    สารภาพว่าไม่ได้ตั้งใจมาฟังวงนี้เลย ฮ่าๆ แค่มารอ Tame Impala แฟนๆอย่าได้เคืองโกรธ ไปถึงก็เล่นไปเกือบจบแล้วเพราะตารางซ้อนกับ Glass Animals เลยยืนไกลมาก มองไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่ไฟเวทีแล้วพื้นยังเอียงลง เวทีก็เตี้ยอีก เตี้ยอย่างเรานี่ไม่ต้องหวังเลย รองเท้าบู้ทก็ไม่ช่วยอะไร แถมเราพึ่งผ่านสงครามคนพี้ยามาจาก Glass Animals เลยได้แต่ยืนเฉยๆแบบหมดแรง ไม่เบียดไม่เต้นไม่อะไรทั้งนั้น อยากจะนั่งก็ไม่ได้เพราะต้องรักษาตำแหน่งรอเบียดไปดู Tame Impala ต่ออีก


    Tame Impala - Princes Street Stage


    ยืนรอเฉยๆเกิน 40 นาทีจนเมื่อยเท้า แล้ววงเริ่มเลทอีกประมาณ 10 นาที แต่คนก็เดินออกมาเป็นพักๆเพราะตารางซ้อนกับเวทีอื่นเหมือนกัน เราเลยได้ไปยืนใกล้เวทีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็มองไม่เห็นอะไรอยู่ดี เราเริ่มท้อใจว่าจะสนุกมั้ย หันไปถามฝรั่งข้างๆนางก็บอกไม่เห็นอะไรเลยเหมือนกัน เลยสบายใจละ เตี้ยอย่างเท่าเทียม ไม่มีใครมองเห็นอะไรทั้งนั้น


    พอเพลงแรกขึ้นเท่านั้นแหละ ลืมทุกอย่างว่าเห็นหรือไม่เห็นอะไรบ้าง เวทีก็มองเห็นแต่หลังคาว่าตอนนี้ฉากสีอะไร แต่สนุกมากจนลืมทุกอย่าง เราไม่ได้ร้องเพลงได้ทุกเพลง แต่ก็คุ้นกับทุกเพลงนะ ฟังบ่อยแต่จับคำไม่ค่อยได้ วอนแฟนๆที่ประเทศไทยอย่าเกลียดเรา


    เวทีสวยมากๆ เพราะได้เล่นตอนฟ้ามืดแล้วด้วย เลยได้โชว์เอฟเฟกต์เต็มที่ กราฟฟิกสวยงามแบบเมาๆเหมือนปกอัลบั้ม


    คนดูวงนี้ไม่เบียดเท่าตอน Glass Animals อาจจะเพราะเพลงไม่ได้เต้นมันเท่า GA แต่ก็มีดันมีผลักพอประมาณ ทั้งๆที่มองไม่เห็นอะไรเลยแต่วงก็เล่นดีจนลืมเวลา เผลอเปิดกล้องทิ้งไว้อีก สมเป็นวงใหญ่ที่ตั้งใจมาดู

    จนเพลงก่อนสุดท้าย อินโทร Feels Like We Only Go Backwards ขึ้นเท่านั้นแหละคนก็คลั่งเลย ที่ผ่านมาคนดูร้องได้กันหมดทุกเพลง แต่เพลงนี้คือชัดถ้อยชัดคำแบบเก็บกดรอกันมานานเห็นๆ ประทับใจสุด Kevin Parker ชมตลอดงานว่าคนดูคูลมากๆ เราก็ดีใจเหมือนกัน ในที่สุดก็มีเพลงที่ร้องได้ทั้งเพลงซักที ฮี่ๆ

    งานจบเกือบห้าทุ่มเลทกว่าเวลาจริงไปเกือบครึ่งชั่วโมง เราก็รีบเผ่นกลับบ้านไปหาข้าวกินสบายใจตายตาหลับ


    สุดท้ายนี้ เราก็รู้ตัวว่าเป็นคนชอบใช้ชีวิตคนเดียว แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะเก่งขนาดเต้นคนเดียวเกือบ 12 ชั่วโมงในเทศกาลดนตรีได้ ภูมิใจจริงๆค่ะ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in