เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Journalnichised
วันที่ 46
  • เราคิดมาตลอดว่าเรามาเรียนที่นี่ไม่ใช่แค่เพราะที่นี่มีเป้าหมายที่เราจะทำให้ได้แค่นั้น เราอยากเปลี่ยนชีวิตตัวเอง หนีจากสังคมและวิถีชีวิตที่เราเคยอยู่มาที่นี่ เพราะเรามองเห็นแต่สิ่งที่เราไม่ชอบ จนวันที่เราลาออกมาอยู่บ้านเฉยๆสองเดือนเพื่อเตรียมตัวมาเรียนและเตรียมพร้อมร่างกายให้แข็งแรง (ก่อนออกเราสุขภาพไม่ดี) เราถึงได้เริ่มรู้ตัวว่าเรามีครอบครัวและเพื่อนที่ดีขนาดไหน โฮมซิกล่วงหน้าก่อนมา จนมาอยู่นี่ไม่ค่อยจะเศร้าเท่าไหร่

    2016 เป็นปีที่เราได้ทำความรู้จักคนใหม่ๆ บางคนไม่ใหม่แต่ก็พึ่งจะได้มาเป็นเพื่อนกันมากมาย แล้วไม่ได้มีแต่ปริมาณ แต่เป็นคนใหม่ๆที่เรารู้สึกว่าดีใจจังที่ได้รู้จักและเป็นเพื่อนกัน แต่ก็ไม่ทันแล้ว เราตัดสินใจแล้วว่าเราจะมา เราต้องคอยเตือนตัวเองเสมอว่าเราไม่ได้ออกมาอยู่ที่นี่เพราะหนีอย่างเดียว เราออกมาเพราะเรามีจุดหมาย แต่เราก็ลืมอยู่บ่อยๆแล้วเผลอโกรธตัวเองว่าเราไม่เห็นค่าของสิ่งที่เราเคยมี หรือเราตัดใจง่ายไปว่าชีวิตที่ประเทศไทยเราจะมีแค่นั้น แต่อยู่ดีๆตอนนั้นก็มีอะไรใหม่ๆเข้ามาในชีวิตเราเต็มไปหมด ชีวิตเราช่วงสุดท้ายที่อยู่ไทยมีอะไรให้เราแปลกใจเยอะกว่าชีวิตตอนนี้ที่อยู่ต่างเมืองมาแล้วเดือนครึ่งซะอีก

    ชีวิตตอนนี้ก็ไม่ได้ดีไม่ได้แย่ เรายังไม่เจออะไรที่รู้สึกว่าดีจัง อยากเก็บสิ่งนี้ไว้ตลอดไป (ยกเว้นคอนเสิร์ต Clodplay) หรือว่าอี๋ ไม่เอาแล้ว ไม่อยากเจออีกแล้ว เราไม่รู้ว่าเราชินกับการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น เรายังไม่เปิดใจ หรือเราแค่ยังไม่เจอสิ่งที่ทำให้รู้สึกอะไรกับมันมากจริงๆ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นเรื่องดีมั้ยกับการไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะเราใช้ชีวิตมาปีกว่ากับการรู้สึกทุกอย่างมากเกินไป มันทำให้ชีวิตเรายาก แต่เราก็ดีใจที่เราเห็นอะไรที่เราไม่เคยเห็น ตอนนี้เราก็ยังเห็นเท่าเดิม แต่เราไม่เก็บมาใส่ใจ

    เรายังยึดติดกับชีวิตที่ไทย กับวงสังคมที่เราเคยมี เรายังอยากกลับไปหา แต่ตอนนี้เราจินตนาการชีวิตตัวเองไม่ออกด้วยซ้ำว่าเรียนจบแล้วเราจะเลือกไปที่ไหน เราไม่คิด เพราะเราเชื่อว่าเดี๋ยวตัวเราเองก็จะเปลี่ยนอีกนั่นแหละ มีเวลาอีกมากให้เรากลายเป็นคนใหม่และเจอคนใหม่ๆ

    การมาอยู่ที่นี่ทำให้เรามองเห็นชีวิตเราแยกออกมากจากทุกคนมากขึ้น เดิมทีตอนอยู่ไทยเราก็ไม่ใช่คนที่ติดสังคมอะไรมากอยู่แล้ว มีก็แค่เพื่อนสนิทไม่กี่คน แต่ตอนนั้นเรายังปล่อยให้ชีวิตเราขึ้นกับคนเหล่านั้นอยู่ แต่ตอนนี้เราไม่คิดว่าชีวิตเราผูกกับใครเลย มันเบาสบาย ดีต่อคนที่รักความเป็นส่วนตัวแบบเรา แต่มันก็เหงาเหมือนกัน เหมือนเวลาจัดห้องเราเห็นของเก่าๆเราก็ไม่อยากทิ้งหรอก เก็บใส่กล่องจนล้นห้องนอน แต่พอต้องย้ายบ้านก็จะเลือกได้เองว่าอะไรสำคัญไม่สำคัญ อันไหนโยนทิ้งได้ก็ต้องโยนทิ้งเพราะน้ำหนักกระเป๋ามันจำกัด ก็ดี ง่ายต่อการตัดใจจากอะไรหลายๆอย่าง พอคิดแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองใจร้ายจังเลย แล้วก็เผลอเศร้าอีก เศร้าที่จะไม่เศร้าแล้ว เราขอโกรธตัวเองในอนาคตล่วงหน้าเลยละกัน ถ้าจะมีวันที่เราไม่รู้สึกเศร้ากับอะไรอีกแล้ว

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in