เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
2018 - ForeverHi. My World
180813
  • นานๆมาโพสต์ทีเนาะ ครั้งนี้หนักหนากว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่เข้าใจตัวเอง


    เมื่อสัปดาห์ก่อน เราได้มีโอกาสไปคอนเสิร์ตงานหนึ่ง ถ้าใครตามk-popน่าจะรู้กันว่าเป็นวงอะไร ฮ่าา เราไปด้วยความคิดที่ว่า ถ้าได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสิ่งที่เราชื่นชอบ เราจะมีความสุข ซึ่งก็เป็นความจริง

    ทั้งสองวันนั้นเรามีความสุขมาก ในคอนเสิร์ตเราได้กรี๊ด ได้ปลดปล่อย ได้เห็นคนที่เป็นแรงบันดาลใจทำให้เรามีชีวิตอยู่มาได้ในทุกวันนี้ ตลอดงานเราได้แต่กล่าวขอบคุณเขาในใจ ถ้าไม่ได้รู้จักเขา เราก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าเราในวันนี้จะเป็นอย่างไร มีความสุขมั้ยหรือยังมีลมหายใจอยู่รึเปล่า?

    จนงานจบ เราเดินทางกลับบ้าน ความรู้สึกแฮปปี้เริ่มถูกแทนที่ด้วยความคิดถึง เป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อเราพบความสุข เราจะไม่อยากกลับไปเจอกับความทุกข์ที่เคยพบผ่าน เรานั่งหงอยเป็นวันๆจนเริ่มดีขึ้น


    แต่จู่ๆไม่กี่วันก่อน เราดิ่ง เปรียบเหมือนเรากำลังล่องเรือในวันฟ้าโปร่ง แต่พลันเกิดคลื่นพายุซัดเข้ามา เราจมลงไปน้ำ เราหายใจไม่ออกและสำลักความมืดรอบกาย ทุกอย่างบีบอัดเข้ามาเหมือนแรงดันน้ำ ยิ่งเราจมลงไปลึกเท่าไหร่ มันยิ่งบีบอัดเรามากขึ้นเท่านั้น

    เราไม่ได้เศร้า ไม่ได้รู้สึกผิดหวังหรือเสียใจ เราเพียงแค่อยากร้องไห้ ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา ตาสองข้างปวดหนึบไปหมด รู้สึกแย่ชะมัดที่เราไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้ว่าทำไมเราถึงเป็นแบบนี้ เราก็แค่อยากมีความสุขเอง


    ในที่สุดเราตัดสินใจได้ว่าเราจะไปเที่ยว ไปหาที่นั่งเงียบๆทบทวนตัวเอง เราถามเพื่อนว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้าง แม้จะไม่ได้คำตอบกลับมาแต่เราก็หาได้ด้วยตนเอง เราเลือกคาเฟ่น่ารักๆได้2-3ร้าน คิดตั้งนานแหนะว่าจะไปที่ไหนก่อน พอจัดลำดับได้สมองเรากลับแว๊บที่ที่น่าสนใจมาที่นึง อืม เราอยากไปอควาเรียมจัง


    เราหาข้อมูล หาวิธีการเดินทาง

    เราพร้อมทุกอย่าง แต่เพียงเราบอกครอบครัวเราก็โดนล่มแพลนที่วางไว้เสียหมด


    สาเหตุเพียงเพราะเรื่องธรรมดาของครอบครัว เราไม่อยากพูดถึงเพราะมันอาจจะดูไร้สาระสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเราในวันนั้น วันที่เรากำลังจมดิ่ง เราร้องไห้ เราอยากไปที่เหล่านั้นมากๆ ในตอนนั้นเรามั่นใจมากว่าถ้าเราไม่ได้ไป เราต้องตายแน่ๆ เพราะมันหมดสิ้นทุกอย่าง เหมือนโทรศัพท์ที่แบตกำลังจะหมด 1%สุดท้ายนั้นคือเราเอง


    เรานั่งอยู่บนรถ คนขับคือพ่อ ข้างๆคือแม่ เรานั่งข้างหลัง

    แม่ถามว่าทำไมเราถึงอยากไปที่เหล่านั้น

    เราร้องไห้


    ทั้งคู่ดูตกใจกับปฏิกิริยาของเรา ตอนนั้นคำว่าไม่รู้อยู่เต็มหัวเรา เราไม่รู้ เราไม่รู้ เราไม่รู้ เราไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร เราร้องไห้ทำไม สับสนไปหมด ‘แค่อยากไปเที่ยวคนเดียว’ คือคำพูดที่นึกออกตอนนั้นทั้งที่ในหัวเรามีเรื่องราวมากมายที่เล่าให้ใครฟังไม่ได้แม้แต่พวกเขา

    พ่อแม่เริ่มตัดพ้อ สาธยายเรื่องเก่าๆที่เราเป็นเด็กไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ เราอุดหู นิ้วชี้อุดรูนิ้วอื่นพับใบหูเข้าหา เราไม่อยากฟังไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น เราสะอื้นหนักขึ้นและหนักขึ้น เราเริ่มได้ยินเสียงแม่สูดน้ำมูก แม่เราพูดว่าแม่เลี้ยงลูกผิดหรอ ทำไมถึงมีความคิดอย่างนี้ ตอนนั้นเราร้องไห้หนักกว่าเดิม เรามีความคิดเช่นนี้แล้วมันผิดหรอ?

    เราเพียงแค่อยากไปที่ที่เราไม่รู้จัก ที่ที่ไม่มีใครู้จักเรา ที่ที่เราสามารถนั่งเงียบๆได้โดยไม่มีคนมาถามว่าเป็นอะไร เราไม่ต้องการของแบบนั้น แค่ปล่อยเราไปเงียบๆแค่นี้ไม่ได้เลยหรือ?


    .


    เราอยากพิมพ์ต่อแต่เราไม่รู้จะพิมพ์ยังไง เราเป็นคนอธิบายอะไรไม่เก่ง ทุกอย่างเกิดขึ้นและหายไปในสมองเราทั้งสิ้น ตัดจบเพียงเท่านี้ดีกว่าเนาะ


    หวังเพียงแค่วันนึง

    เราจะได้ไปอยู่ในที่ที่เรามีความสุขนะ

    อยากไปเจอหมาแมวที่เคยเลี้ยงจัง


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in