เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
I write what I want tothefirstofmine
We were met at the record store
  • -- ถ้าเอ็มไม่ได้ตามหาร้านขายแผ่นเสียงร้านนั้น เธอก็คงไม่ได้พบกับเจ้าของร้านคนนี้อย่างแน่นอน --






    “แม่ วันนี้หนูไปดูร้านด้วยนะ” เสียงเด็กสาววัย 23 ปีที่เพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ ร้องตะโกนบอกแม่ขณะที่แม่ของเธอกำลังจะเปิดประตูโรงรถ


    “รีบลงมานะเรย์ จะสายแล้ว” แม่ของเธอตะโกนบอกก่อนจะเดินไปหนิบมื้อเช้าที่ทำเตรียมเอาไว้จากในครัวมาใส่รถด้วย


    “มาแล้ว แม่รอด้วย” เรย์รีบวิ่งเท้าเปล่าพร้อมหอบสัมภาระของเธอมาด้วย ทั้งกระเป๋าเป้ หนังสือที่ยังไม่ได้เอาใส่กระเป๋า หูฟังเฮดโฟน ถุงเท้าข้อยาวลายสตาร์วอร์ส และรองเท้าแวนส์คู่โปรด ก่อนจะพาตัวเองเข้ารถมินิคูเปอร์ของแม่ที่เปิดรออยู่


    “พร้อมแล้วนะ” แม่ของเธอถามย้ำเพื่อความแน่ใจ เพราะเวลารีบๆ ทีไร เรย์มักจะลืมของทุกที แต่ไม่ใช่คราวนี้อย่างแน่นอน เพราะเธอกวาดของทุกอย่างที่ต้องการใส่เอาไว้ในกระเป๋า พร้อมหยิบของอีกสองสามชิ้นมาครบเรียบร้อยแล้ว



    ระหว่างขับรถไปยังร้าน เรย์เอ่ยปากขอแม่เป็นคนเลือกเพลงทั้งบนรถและที่ร้าน และเมื่อมาถึงร้านขายแผ่นเพลงของแม่ เธอก็รีบวิ่งไปเปิดประตูร้านแล้วเข้าไปจัดการกับเพลย์ลิสต์หลังคอมพิวเตอร์บริเวณเคาน์เตอร์ร้าน ก่อนจะเปิดเพลงเพราะๆ มาให้ฟัง เรย์ฟังเพลงหลากหลายแนว และมาจากหลายช่วงเวลา เธอเป็นแฟนเพลงยุค 80 ไม่ต่างกับเพลงยุคปัจจุบัน


    ร้านขายแผ่นเพลงของเธอตั้งอยู่ในย่านตัวเมือง ไม่ไกลจากบ้านของครอบครัวมากนัก ร้านแห่งนี้แน่นขนัดไปด้วยโปสเตอร์วงดนตรีทั้งรุ่นเก๋าจนถึงศิลปินอินดี้หน้าใหม่ที่หวังว่าจะได้แจ้งเกิดในวงการดนตรีสักครั้งหนึ่ง แผ่นเสียงขนาด 12 นิ้วที่เรียงรายอยู่ในกล่องไม้กลางร้าน เรียงลำดับตามตัวอักษรภาษาอังกฤษ และโซนแผ่นซีดี แผ่นเพลงต่างประเทศ และบันทึกเทปการแสดงสดที่อยู่บริเวณด้านซ้ายของร้าน 


    เสียงเพลง ‘Sadboy’ ของ Wolf Alice วงอัลเทอร์เนทีฟร็อคจากลอนดอนที่มาพร้อมกับกลิ่นอายยุค 90 ดังออกมาจากร้านขณะที่ลูกค้าแต่ละคนเดินเปิดประตูเข้าออกร้าน วันนี้เรย์มีความสุขเพราะนอกจากเธอจะได้เลือกเพลงเองแล้วนั้น น้องชายตัวแสบของเธอก็กำลังจะกลับมาจากการไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ช่วงปิดเทอมฤดูร้อน


    ถึงแม้ว่าช่วงเช้าๆ คนจะยังไม่ค่อยเยอะเท่าที่คิดเอาไว้ แต่ก็ยังมีเข้ามาในร้านบ้างประปราย ไม่ทำให้ร้านเงียบเหงา บ้างก็แวะเข้ามาคุยกับเธอ บ้างก็เข้ามาหาแผ่นเสียงที่ตัวเองอยากได้ บ้างก็เข้ามาสั่งแผ่น แล้วคนจะเยอะที่สุดคือช่วงเย็นๆ ที่แม่ของเรย์จะผละจากงานเอกสารหลังร้านออกมาช่วยดูแลลูกค้า 


    วันนี้เพลย์ลิสต์ในช่วงกลางวันของร้านเต็มไปด้วยเพลงอัลเทอร์เนทีฟร็อค มีอินดี้มาบ้าง แล้วค่อยๆ ปรับมู้ดเพลงให้ฟังสบายขึ้นหลังจากช่วงที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน โดยปกติแล้วเรย์และแม่มักจะช่วยกันปิดร้านประมาณสองทุ่มตรง ก่อนจะเดินทางกลับบ้านกัน แต่วันนี้ทั้งคู่กำลังรอ ‘โรน’ น้องชายตัวแสบที่เดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนที่สเปนและวันนี้เขาก็นัดแนะกับแม่และพี่สาวเอาไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะมาเจอกันที่ร้านแผ่นเสียงตอนสามทุ่ม ทำให้ตอนนี้ Junevelle ร้านแผ่นเสียงของเธอยังคงเปิดไฟสว่างไสวและเปิดเพลงคลอตลอด


    เพลง The Sweetest Thing ของ Horace Bray ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเปิดประตูของร้านจากใครบางคน เรย์กำลังจะเงยหน้าขึ้นมาบอกว่าร้านปิดแล้ว แต่เมื่อพบกับอีกฝ่าย เธอก็ได้แต่เก็บคำพูดนั้นเอาไว้

    “ขอโทษนะคะ ร้านยังไม่ปิดใช่มั้ย” สำเนียงอังกฤษจากสาวที่วิ่งเข้ามาเปิดประตูร้านอย่างกระหืดกระหอบถามขึ้น

    “ยังเปิดอยู่ค่ะ” เรย์เงยหน้าขึ้นตอบหลังจากที่ตัวเองกำลังจัดเรียงแผ่นไวนิลอยู่กลางร้าน “โชคดีนะเนี่ยที่คุณมาวันนี้ ถ้ามาวันอื่นร้านปิดแล้วล่ะ” เรย์เอ่ยแซวสาวคนนั้นที่ตอนนี้กำลังหยิบแผ่นเสียงขึ้นมาดู

    “งั้นก็คงเป็นโชคดีของฉันแล้วล่ะค่ะ” 

    “หืม ทำไมล่ะคะ” เรย์วางมือจากกล่องแผ่นเสียงตรงหน้าแล้วเดินไปหาฝั่งตรงข้ามกับอีกฝ่าย



    “เพราะว่าฉันเจอแผ่นที่ฉันอยากได้แล้วยังไงล่ะ” พูดจบสาวคนนั้นก็หยิบแผ่นเสียงของ Bruce Springsteen อัลบั้ม The River ขึ้นมาโชว์

    “คุณโชคดีอีกแล้ว เพราะถ้าฉันจำไม่ผิด น่าจะเหลืออยู่แผ่นสุดท้ายแล้วล่ะ อืม คุณอยากจะลองฟังไหม” เรย์เอ่ยถามขึ้น วันนี้เธอไม่รีบปิดร้านเหมือนวันก่อนๆ นั่นเป็นเพราะสาวตรงหน้าของเธอ

    “จะรบกวนคุณมั้ย”

    “เรย์ค่ะ คุณตามมาด้วยก็ได้นะ เดี๋ยวฉันเปิดให้คุณฟังหน้าเคาน์เตอร์” เธอไม่เว้นจังหวะให้อีกฝ่ายแนะนำตัวเองเหมือนเธอ แล้วก็รีบพาแผ่นเสียงแผ่นนั้นมายืนอยู่ตรงหน้าเครื่องเล่นแผ่นเสียง ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือมาปิดเพลงที่กำลังเปิดอยู่ให้เงียบไป อีกฝ่ายก็เดินตามมาอย่างว่าง่าย แม้จะรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง

    “ถ้าเป็นตอนกลางวันฉันคงจะต้องเกรงใจคุณมากๆ แน่เลย” เธอเอ่ยขี้น

    “แล้วตอนนี้ไม่หรอคะ” เรย์เย้าอีกฝ่าย

    “ไม่ล่ะ เพราะตอนนี้ดูเหมือนคุณจะไม่ต้อนรับลูกค้าคนใหม่แล้ว” เธอส่ายหน้าเบาๆ พร้อมกับคำตอบนั้น 

    “เอาล่ะ มาลองฟังกันดูว่าใช่แผ่นที่คุณต้องการมั้ย” 


    ทั้งคู่ยืนฟังเพลงจากแผ่นเสียงไปพร้อมๆ กับการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องเพลงกัน เรย์เพิ่งจะได้รู้ชื่อของอีกฝ่าย และเธอไม่ใช่คนที่นี่ แต่ย้ายมาทำงานได้ไม่กี่วันก่อน จนกระทั่งเพื่อนบอกว่ามีร้านแผ่นเสียงอยู่ใกล้ๆ เธอจึงรีบแวะมาหลังจากที่เลิกงานทันที แต่ไม่ทันที่จะได้ถามอะไรมากมาย เสียงเปิดประตูร้านก็ดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงน้องชายตัวแสบ

    “¡Hola! RayRay” โรนเปิดประตูพร้อมกับชูมือทักทาย ก่อนจะรีบหดมือกลับอย่างรวดเร็วเพราะไปเจอกับลูกค้าที่ยืนฟังเพลงอยู่ในร้าน “โทษทีครับ” หลังจากนั้นเขาก็รีบเดินเข้าหลังร้านไป

    “งั้นฉันกลับก่อนดีกว่า” 

    “โอเคค่ะ สรุปเอาแผ่นนี้มั้ย”

    “เอาค่ะ แต่ขอฝากไว้ก่อนนะ” เธอรีบบอก “คิดเงินเลยค่ะ แต่ฝากไว้ก่อนจริงๆ นะ พอดีวันนี้ต้องไปธุระต่อ ไม่ได้เอารถมาด้วย กลัวแผ่นจะเสียก่อน”

    “แต่ถ้าคุณมาเวลานี้ ก็อาจจะไม่ได้แผ่นไปนะ”

    “อืม ถ้าฉันโทรบอกคุณก่อนล่ะ” 

    “แต่เรายังไม่มีเบอร์กันเลยนะคะ” เรย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะถามอีกฝ่ายไป

    “ฉันกำลังขออยู่นี่ไงคะ” เธอยื่นโทรศัพท์มือถือให้กับเรย์ก่อนที่จะส่งเงินค่าแผ่นเสียงนั้นให้แล้วเดินออกจากร้านไปทันที ทิ้งให้เรย์ยืนงงก่อนจะเก็บแผ่นเสียงนั้นเข้าซองแล้ววางเก็บไว้ในกล่องแผ่นเสียงส่วนตัวของตัวเองพร้อมกับแปะโพสต์อิทเขียนชื่อ ‘M. Co.’ ลงไป


    “พี่เรย์ จีบสาวหรอ” เสียงของโรนดังขึ้นมาข้างๆ หูพร้อมกับทำหน้าแหย่พี่สาวของตัวเอง 

    “นี่คือคำทักทายพี่แกหรอไอ้ตูด” เรย์ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วเดินไปกอดน้องชายที่ตอนนี้สูงกว่าเธอเกือบสิบเซ็น

    “ทักแล้วเหอะ แต่พี่คุยกับสาวอยู่อะ แล้วแม่ล่ะพี่” โรนถามขึ้นเพราะหลังจากที่ตนเข้าไปหลังร้านก็ไม่พบแม่ที่บอกว่ารออยู่เลย

    “แม่ไปซื้อของ นั่นไง กลับมาแล้ว” หลังจากที่เรย์พูดจบ โรนก็รีบเข้าไปกอดแม่ที่กำลังจะเข้าร้านมา

    “คิดถึงแม่ที่สุดเลย” 

    “คิดถึงเหมือนกัน ไปเอากระเป๋าแล้วกลับไปอาบน้ำได้แล้ว เหม็นแล้วเนี่ย”

    “แม่ หนูขอเปิดเพลงนะ” เรย์รีบตะโกนบอกก่อนจะกวาดของบนโต๊ะลงกระเป๋าแล้วจองที่นั่งด้านหน้าบนรถก่อนน้องชายของตน แล้วจึงลงมาปิดหน้าร้านกับแม่







  • ปี๊บ เสียงโทรศัพท์ของเรย์ดังขึ้น เธอเผยอเปลือกตาได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องรีบปิดลง แต่แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ต้องเข้าร้านเพราะเอ็ม สาวที่ซื้อแผ่นเสียงเมื่อวานบอกมาว่าเธอจะเข้ามาเอาแผ่นเสียงวันนี้ และเมื่อเธอเช็กโทรศัพท์มือถือก็พบว่าใกล้จะเป็นช่วงเวลาที่แม่ของเธอไปเปิดร้านแล้ว

    “แม่ หนูไปด้วย” เรย์ตะโกนลั่นบ้านก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปทำธุระปะปังของตัวเองจนเสร็จ วันนี้เธอหยิบเสื้อวงตัวโปรดออกมาใส่ พร้อมกับแจ็กเกตหนังตัวใหญ่และหยิบเป้ที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนลงมาจากห้องนอนโดยที่ไม่ลืมคว้าถุงเท้าและรองเท้าแวนซ์คู่โปรดลงมาด้วย

    “ไม่ลืมของนะ” แม่ของเธอย้ำอีกครั้งก่อนจะขับรถออกไปเมื่อลูกสาวส่ายหน้าเพื่อบอกว่าเธอไม่ลืมของอะไรแล้ว 


    ช่วงเช้าของวันระหว่างที่เรย์กำลังเลือกรูปโปสเตอร์ไปแปะที่หน้าร้านอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็สั่นขึ้น เป็นข้อความจากเบอร์แปลกๆ ที่เธอไม่คุ้น


    ‘วันนี้ฉันเลิกงานทุ่มตรง อย่าเพิ่งปิดร้านนะคะ เดี๋ยวจะเข้าไปเอาแผ่นเสียง

    Marie Co.’


    สาวคนนั้นส่งเมสเสจมาหา เรย์ใช้เวลาคิดอยู่พักหนึ่งถึงนึกออกว่า Marie Co คือคนที่วิ่งเข้ามาซื้อแผ่นเสียงกับเธอเมื่อวานนี้ เธอก็เลยบอกกับแม่เอาไว้ว่าเดี๋ยววันนี้จะปิดร้านดึกหน่อยเพราะจะมีคนเข้ามาเอาแผ่นเสียงที่ซื้อเอาไว้เมื่อวานนี้


    เพลย์ลิสต์เพลงภายในร้านแผ่นเสียง Junevelle ของครอบครัวเธอนั้นเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากเพลงยุคเก่าอย่าง A Case of You ของ Joni Michell, Mrs. Robinson ของ Simon & Garfunkel, London Calling ของ The Clash ก่อนจะขยับมาเป็นเพลง The First of the Gang to die ของ Morrissey, Dress Up ของ The Regrettes เรย์เปลี่ยนแนวเพลงเมื่อในร้านไม่มีคน หรือไม่ก็มีลูกค้าแวะมาบอกว่าขอฟังเพลงที่เขาอยากฟัง แต่ก็นั่นแหละ เธอจะเปิดให้ก็ต่อเมื่อในร้านไม่มีคนอื่น เพราะเธอกลัวว่าเพลงที่จะเปิดใหม่นั้นจะไปขัดมู้ดคนที่อยู่ในร้านคนอื่นๆ ช่วงแรกๆ ที่ร้านค่อนข้างเงียบเหงา คนไม่ค่อยแวะมา อาจจะเพราะคนไม่รู้ว่ามีร้านขายแผ่นเพลงอยู่ในละแวกนี้ก็ได้ แต่พอมาช่วงหลังๆ ร้านเริ่มคึกคักขึ้น มีศิลปินหน้าใหม่แวะมาฝากวางแผ่น วงดนตรีที่เดินทางมาจัดคอนเสิร์ตที่นี่ก็แวะเข้ามาซื้อแผ่นเสียงมือสองที่ร้านนี้ ทำให้หลายๆ คนเริ่มรู้จักและเดินทางแวะมาซื้อแผ่นเพลงกันที่นี่เกือบทุกวัน 


    “แม่ เดี๋ยววันนี้ปิดร้านดึกหน่อยนะ คนที่เขามาซื้อแผ่นเสียงเมื่อวานบอกว่าจะแวะมาเอาแผ่นเสียงที่ฝากเอาไว้” เรย์เดินเข้าไปบอกแม่ที่อยู่หลังร้านในช่วงเย็นๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเธอจะปิดร้านดึก แต่ที่แม่ของเธอสงสัยคือเรย์ไปมีคอนแท็กติดต่อลูกค้าของร้านได้ยังไง เพราะเธอไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของร้านดังขึ้นเลยในวันนี้


    ฟ้าเริ่มมืด เรย์แวะออกไปซื้อขนมในร้านสะดวกซื้อไม่ไกลจากร้าน ระหว่างที่เธอหอบขนมและน้ำออกมานั้น ก็ไปเจอกับผู้หญิงร่างสูงกำลังจะเดินเข้าร้านแผ่นเสียงของเธอ เห็นไกลๆ ก็จำได้ว่าเธอคนนั้นคือหญิงสาวที่มาซื้อแผ่นเสียงกับเธอเมื่อวานนี้ กริ๊ง เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังขึ้น สาวที่เดินเข้าไปก่อนนั้นหยุดมือจากการเลือกดูแผ่นเสียงแล้วเงยหน้าขึ้นไปสบตากับอีกฝ่ายที่หน้าประตูก่อนจะเอ่ยทักขึ้นมา


    “เฮ้” เอ็ม โค. เอ่ยขึ้นทักทายกับอีกฝ่าย

    “เฮ้ สวัสดีค่ะ ไม่คิดว่าคุณจะมาเร็วขนาดนี้” เรย์ทักทายก่อนจะรีบเอาขนมไปวางไว้ด้านใน

    “พอดีว่าเลิกงานเร็ว ก็เลยรีบแวะมาดีกว่า เกรงใจคุณที่ต้องเปิดร้านรอ” เอ็มรีบบอก “นี่คุณเป็นคนจัดเพลย์ลิสต์ในร้านเองด้วยรึเปล่าคะ” เธอเอ่ยถามเมื่อได้ยินเพลงโปรดของตัวเองที่กำลังเปิดอยู่ตอนนี้ 

    “ใช่แล้วล่ะ” 

    “นี่เพลงโปรดเราเลยนะ Aligning Stars ของ The Dead Trends” 

    “เห้ย เราก็ไม่คิดว่าจะมีใครฟังเหมือนกัน แต่เสียดายที่ต่างคนต่างไปทำวงใหม่ของตัวเองกันแล้ว” เรย์ดีใจกว่าทุกครั้งเพราะเธอไม่คิดว่าจะมีใครฟังเพลงจากวงนี้เหมือนกับเธอ

    “อ้าว เสียดายเลย ก็ว่าทำไมถึงไม่ปล่อยเพลงมาให้ฟังอีก”

    “แล้วนี่คุณฟังเพลงแนวไหนบ้างหรอ” เรย์เอ่ยถาม “เผื่อจะได้แนะนำเพลงให้คุณฟัง” เรย์รีบบอกต่อ

    “จริงๆ ก็ฟังได้ทุกแนวแหละ แต่ที่ชอบสุดๆ ก็คือเพลงของ Bruce Springsteen แล้วก็ The Beatles คุณรู้มั้ยว่าฉันมาจากเมืองลิเวอร์พูล ที่นั่นมีแต่ The Beatles เต็มไปหมดเลยล่ะ” เอ็มเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เรย์ฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพลงที่เธอชอบ โดยเฉพาะเพลงยุค 70-80 แถมเธอยังเป็นนักดูคอนเสิร์ตตัวยงอีกด้วย เวลาผ่านล่วงเลยไปเท่าไหร่ไม่ทราบได้ แต่เสียงนาฬิกาดังบอกเวลา ในขณะนี้เป็นเวลาสองทุ่มตรง เอ็มจึงต้องขอตัวกลับ แม้ว่าตัวเองจะอยากอยู่คุยกับเจ้าของร้านแผ่นเสียงคนนี้ก็ตาม

    “นี่คุณ คืนวันเสาร์หน้าว่างมั้ย”

    “ยังไม่แน่ใจเลย ทำไมหรอ”

    “จะชวนคุณไปดื่มน่ะ แล้วก็ชวนคุณไปดูเราขึ้นรอวเพลงเลย”

    “เดี๋ยวบอกอีกทีนะ พอดีไม่รู้ว่าที่กองจะมีคิวถ่ายรึเปล่า แต่เอาจริงๆ ก็ไม่น่าจะมีนะ”

    “ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะคุณ”

    “โอเคค่ะ ไว้เดี๋ยวบอกนะ”

    “กลับดีๆ นะคุณ” 




    ช่วงนี้เรย์แวะมาดูร้านแผ่นเสียงเป็นประจำทุกวัน เพราะนอกจากจะยังไม่อยากออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ก็ยังรอสาวคนนั้นอีกด้วย แต่ดูเหมือนเธอจะหายเงียบไปเกือบสัปดาห์แล้ว เรย์ก็เริ่มที่จะถอดใจเกี่ยวกับคำชวนของเธอ จนกระทั่งมีเมสเสจส่งมาบอกเธอในคืนวันพฤหัส สองวันก่อนที่จะถึงวันนัดว่าอีกฝ่ายสะดวกที่จะไปด้วย


    M. Co.: คุณ วันเสาร์นี้เราไปได้นะ

    Ray: เดี๋ยวเราส่งโลเคชั่นให้นะ

    M. Co.: ถ้าคุณไม่ลืม เราเพิ่งอยู่ที่นี่ได้ไม่ถึงเดือนนะ ถ้าเราแวะไปหาคุณแล้วให้คุณพาไป จะสะดวกมั้ย

    Ray: งั้นก็ได้ค่ะ คุณเลิกงานแล้วบอกก็ได้

    M. Co.: โอเคค่ะ แล้วเจอกันนะ



    อันที่จริง เรย์ตั้งใจชวนเอ็มไปฟังเธอร้องเพลงบนเวที มันเป็นครั้งแรกของเธอที่ได้ร้องเดี่ยว เพราะปกติแล้วเธออยู่วงประสานเสียงของโรงเรียน และเป็นคนร้องรองในวงสมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัย การที่มีคอเพลงและคนที่เธอคุยถูกคอไปนั่งฟังเธอร้องด้วย ก็คงจะดีไม่น้อย


    ค่ำวันนั้นเรย์ขึ้นไปร้องเป็นคนแรก นอกจากจะประหม่าแล้ว เสียงก็ดันหายไปอีกด้วย เธอหยิบเอาเพลงมาร้องสี่ห้าเพลง มีทั้งเพลงเก่าและเพลงใหม่ ซึ่งแต่ละเพลงนั้นก็ทำเอาสะกดสายตาผู้ชมไปได้ไม่น้อย และเรียกเสียงปรบมือกันเกรียวกราว ถือว่าเป็นการหวนคืนสู่เวทีที่ดีเลยล่ะ


    “ไม่เห็นจะรู้เลยว่าคุณร้องเพลงเพราะขนาดนี้” เอ็มเอ่ยขึ้นหลังจากที่อีกฝ่ายเดินตรงกลับมาที่โต๊ะ

    “นิดหน่อยเอง จริงๆ เราไม่ได้ร้องเพลงมานานมากแล้วล่ะ” 

    “นานที่ว่านี่นานแค่ไหนนะ”

    “สามสี่เดือนได้”

    “โหคุณ ถ้าแค่สามสี่เดือน สำหรับเราว่าไม่นานนะ จริงๆ เราเคยเรียนร้องเพลงด้วย แต่เลิกไปแล้ว”

    “ทำไมล่ะ” เรย์นั่งเท้าศีรษะรอฟังอีกฝ่ายเล่าให้ฟัง



    “วันนี้คุณกลับดึกได้มั้ย” เรย์เป็นฝ่ายที่เอ่ยถาม

    “กลับได้สิ พรุ่งนี้ไม่มีเข้ากองน่ะ แล้วคุณล่ะ กลับดึกได้หรอ”

    “ได้อยู่แล้ว ที่นี่อยู่ห่างจากบ้านเราไม่ไกลเลยล่ะ”

    “นึกว่ามีหนุ่มตามหวง”

    “ไม่เลยล่ะ น้องชายเรามันชอบทำเป็นหวงเราแบบนั้นตลอดเลย” เรย์รีบอธิบาย เพราะก่อนที่ทั้งคู่จะออกจากร้านแผ่นเสียงของเรย์ เจ้าโรนมันก็แกล้งทำเป็นห้ามนู่นนี่นั่นกับเรย์เพื่อแกล้งเธอนั่นแหละ

    “เราก็มีน้องชายเหมือนกัน แต่ดีหน่อยที่มันไปทำงานแล้ว เสียดายตรงที่มันไม่ค่อยว่างมาดูคอนเสิร์ตกับเราเหมือนเมื่อก่อนแล้วน่ะสิ”

    “คุณมักไปดูวงอะไรแสดงบ้างน่ะ” เรย์เอ่ยถาม

    “ดูเกือบทุกวงเลยนะ พอออกกองก็ไม่ค่อยได้ตามดูเท่าไหร่ แต่ดีหน่อยที่มาออกกองที่นี่ อย่างน้อยก็มีร้านแผ่นเสียงของเธอกับร้านหนังสือให้ฉันแวะเข้าไปด้วย” เอ็มตอบคำถามนั้นแล้วถามกลับ “แล้วเธอล่ะ ไปดูของวงไหนมาบ้าง” 

    “ส่วนใหญ่ก็เกือบทุกวงเลยนะที่มาที่เมืองนี้ แล้วก็วางแผนไปเที่ยวที่นั่นที่นี่พร้อมกับดูตารางทัวร์ของวงที่ชอบด้วยน่ะ จะได้ไปเที่ยวแล้วไปดูคอนเสิร์ตด้วย”

    “อย่างนี้ก็ดีน่ะสิ” 

    “ช่าย ว่าแต่ คุณเคยฟัง Wolf Alice มั้ย” เรย์ถามขึ้นเพราะเห็นว่าเป็นเพลงแนวเดียวกันกับที่เอ็มฟัง และเธอก็เป็นคนอังกฤษด้วย น่าจะเคยได้ฟังวงนี้มาบ้าง

    “ฟังสิ เราชอบมาก ตอนนั้นไปดูคอนเสิร์ตที่อังกฤษมาด้วยแหละ แต่เห็นว่าจะมาแสดงที่นี่ด้วยนี่นา”

    “อื้อ อีกสองเดือน”

    “โห อีกนานเลย คุณจะไปดูรึเปล่า”

    “ไปสิ”

    “ไปกับใครหรอ” เอ็มถาม

    “ไปคนเดียวน่ะ เพื่อนเราไม่ค่อยฟังวงนี้กัน”

    “เขาพลาดสิ่งที่ดีที่สุดไปแล้วเนี่ย รู้ตัวบ้างมั้ย งั้น … เราจองตัวคุณได้รึเปล่า”

    “หืม ยังไงนะ”

    “เรากำลังชวนคุณไปดูคอนเสิร์ต Wolf Alice ด้วยกัน”

    “อืม ขอคิดก่อนนะ”

    “ให้เวลาคิดระหว่างนั่งรถกลับบ้าน ดีมั้ย” พูดจบเอ็มก็ชวนเรย์กลับบ้าน เพราะอีกไม่นานก็เที่ยงคืนแล้ว มันอาจจะดึกเกินไปสำหรับอีกฝ่าย

    “โหคุณ เอางี้มั้ย เราขอไปนอนคิดก่อน ไว้เจอกันคราวหน้าค่อยบอกคุณอีกทีนึง”

    “เจอกันคราวหน้า วันไหนดีนะ คุณเปิดร้านทุกวันใช่รึเปล่า”

    “อื้อ”

    “โอเค ไว้วันไหนเราไม่ต้องเข้ากองแล้วเราจะมาหานะ เดี๋ยวเท็กซ์บอก”

    “เอางั้นก็ได้”


    เอ็มเดินไปส่งเรย์ถึงปากทางใกล้กับที่พักของอีกฝ่าย รอเธอเดินเข้าบ้านแล้วจึงเดินกลับไปเอารถที่จอดไว้ริมถนนก่อนจะขับกลับที่พักของเธอไป


    ‘ถึงที่พักแล้วบอกด้วยนะคะ

    Ray H.’









  • ปิ๊บ เสียงโทรศัพท์มือถือของเอ็มดังขึ้นระหว่างกำลังจะเดินไปเข้ากองถ่าย เธอใช้เวลาแต่งตัวนานไปหน่อย เพราะต้องมาแก้ทรงและจัดการกับซิปเจ้าปัญหาที่ดันมาแตกเอาระหว่างถ่ายทำ เธอจึงทำได้แค่รีบวิ่งไปเข้าฉากพร้อมกับฝากโทรศัพท์ไว้กับผู้จัดการของเธอ


    เอ็มใช้เวลาอยู่ในกองถ่ายนานกว่าที่คิด แถมยังกินเวลาหลังเลิกกองของเธอไปด้วย กว่าเธอจะได้จัดการตัวเองและจับโทรศัพท์อีกทีก็กลายเป็นช่วงเกือบเที่ยงคืนของวันนั้น ระหว่างที่เอ็มกำลังเลื่อนดูแจ้งเตือนในสมาร์ตโฟน เธอก็เหลือบไปเห็นข้อความของเรย์ที่มักมาตั้งแต่เก้าโมงเช้า ช่วงเวลาที่เรย์มักไปเปิดร้าน — เรย์เคยบอกกับเธอเมื่อคราวที่ไปเจอกันครั้งล่าสุด หลังจากที่พวกเธอไปทานข้าวเย็นด้วยกันในร้านโปรดของอีกเรย์ นับเป็นครั้งที่ห้าที่ทั้งคู่ได้เจอกัน — ข้อความนั้นบอกเอ็มว่าอย่าลืมทานข้าวด้วย เพราะเรย์เพิ่งรู้ว่าเอ็มเป็นนักแสดง และใช้เวลาอยู่ในกองถ่ายทั้งวัน จนบางครั้งไม่ได้ทานข้าวเที่ยงก็มี แต่กว่าเธอจะได้ตอบ ก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนซะแล้ว 


    Ray H.: อย่าลืมทานข้าวเที่ยงด้วยนะคุณ


    Today

    M. Co.: ไม่ลืมแน่นอน คุณคงหลับไปแล้ว ฝันดีนะ

    Ray H.: มาซะดึกเลย รีบนอนนะคุณ ฝันดีเหมือนกัน

    M. Co.: วันนี้เปิดร้านรอหน่อยได้มั้ย เดี๋ยวเลิกแล้วจะรีบไป อยากไปซื้อแผ่นเพลงน่ะ


    กว่าเอ็มจะตัดสินใจกดส่งข้อความนั้นไป ก็ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงในการพิมพ์ๆ ลบๆ ข้อความเดิม แต่เธอก็ไม่ได้คาดหวังจะให้อีกฝ่ายพิมพ์ตอบมาทันที แต่ปรากฏว่าเรย์ดันส่งข้อความตอบกลับมาพร้อมกับสติกเกอร์ว่าโอเค แล้วก็รีบไล่เธอไปนอน เพียงเท่านั้นก็ทำให้เอ็มหายเหนื่อยและนอนหลับสนิทยิ่งกว่าคืนไหนๆ



    เช้าวันนี้เรย์รีบหยิบเสื้อวงตัวโปรดมาสวมพร้อมกับแจ็กเกตตัวเก่ง ก่อนจะรีบกวาดหนังสือใส่กระเป๋าเป้และวิ่งลงด้านล่างพร้อมหิ้วรองเท้าและถึงเท้าลงไปด้วย มันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเธอไปเสียแล้ว ตั้งแต่ครั้งแรกที่เอ็มแวะมาที่ร้าน เธอก็กลายเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ และอีกไม่นานเธอก็จะต้องบินกลับอังกฤษ เพราะกองถ่ายที่เธอต้องมาทำงานนั้นใกล้จะปิดกองลงแล้ว แต่เอ็มเองก็ยังมีเวลาว่างอีกสักหนึ่งวันก่อนจะไปดูคอนเสิร์ตกับเรย์และเดินทางกลับอังกฤษในอีกสองวันถัดไป


    ส่วนมากเอ็มมักแวะมาหาเรย์ที่ร้านในช่วงเวลาค่ำๆ ของวันธรรมดา จากสัปดาห์ละครั้งสองครั้ง กว่าเป็นวันเว้นวัน แถมซื้อแผ่นเพลงกลับไปเกือบทุกครั้งเลยด้วย และทั้งคู่เองก็ได้เพลงใหม่ๆ จากการแลกเปลี่ยนของกันและกันมาฟังเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเพลง Stare at Each Other & Fall in Love ของ Daniela Andrade เพลงโปรดของเรย์ในช่วงนี้ หรือจะเป็นเพลง Be My Mistake เวอร์ชันของ Afonso Snow เพลงที่เอ็มมักเปิดฟังซ้ำไปซ้ำมาระหว่างที่เดินทางไปไหนมาไหน ยังไม่รวมเพลง Don’t Stop Me Now เวอร์ชัน The Regrettes ก็ตาม 


    กิ้ง … เสียงกระดิ่งร้านดังขึ้น น้องชายของเรย์ก็เดินไปทักทายผู้มาเยือนพร้อมบอกกับคนๆ นั้นว่าพี่สาวของเธอออกไปซื้อขนม ก่อนจะชวนคุย เอ็มคิดว่าโรน น้องชายของเรย์ จะคุยด้วยยาก แต่เปล่าเลย เขาเป็นคนที่คุยง่ายแถมยังคุยสนุกอีกด้วย ไม่นานเรย์ก็เดินเข้าร้านมา โรนก็ออกไปช่วยหอบขนมแล้วเดินเข้าหลังร้านไป ปล่อยให้สองสาวอยู่ด้วยกันตามลำพังเหมือนเคย


    “ไม่เห็นบอกกันเลยว่าจะมาตอนนี้” เรย์บ่นอุบ

    “ก็อยากเซอร์ไพร์สเฉยๆ แล้วนี่ถึงกับต้องไปซื้อขนมเติมพลังเลยหรอเนี่ย” 

    “โถ่คุณ เฝ้าร้านมันเหนื่อยจริงๆ นะ”

    “แต่คุณก็ชอบใช่มั้ยล่ะ”

    “อื้อ แล้ววันนี้คุณจะซื้อแผ่นของวงไหนล่ะ”

    “โอ้โห เพิ่งมาถึงเอง คุณดูรีบไล่เราจังเลยนะวันนี้” คราวนี้เอ็มกลับเป็นฝ่ายบ่นแทน

    “เปล่าซะหน่อย เราแค่อยากช่วยคุณเลือกแผ่นต่างหากล่ะ”

    “อืม งั้นคุณมีแผ่นไวนิลของ The Marías ‎มั้ย อันที่เป็น Superclean Vol. I & Superclean Vol. II น่ะ”

    “น่าจะมีนะ แล้วคุณชอบเพลงไหนในอัลบั้มนี้ล่ะ” เรย์เอ่ยถามขณะที่กำลังหาแผ่นให้อีกฝ่าย

    “I Like It ก็ดี Basta Ya ก็ชอบ เป็นภาษาสเปนที่พูดถึงความรักนั่นแหละ แต่เป็นความรักที่อีกฝ่ายห่างหายไป เธอก็เลยทำได้แค่คิดถึงเขาวนไป สุดท้ายเมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องพอ”

    “เศร้าแย่เลย”

    “แต่ถ้าเศร้าแล้วมูฟออนได้มันก็ดีนะ”

    “ก็จริงของคุณ อะ เจอแล้ว” เรย์ค้นแผ่นจนเจอแล้วส่งให้อีกฝ่าย

    “เท่าไหร่ คิดเงินเลย เสร็จแล้วไปกินโกโก้ร้อนเป็นเพื่อนหน่อยสิ”

    “ตอนนี้น่ะหรอคุณ พรุ่งนี้ไม่ต้องเข้ากองหรอ” เรย์เอ่ยถามขึ้นระหว่างคิดเงินค่าแผ่นเสียงอัลบั้มนั้นให้แก่อีกฝ่าย

    “เข้าสิ แต่ว่าเข้าตอนบ่ายน่ะ แถมนี่ก็เป็นโกโก้ด้วย หลับสนิทแน่นอน” เอ็มรีบบอกก่อนที่อีกฝ่ายจะขัดขึ้นมา

    “อืม งั้นก็ได้ เดี๋ยวมานะ” 

    “โอเคครับผม เดี๋ยวเราไปเอารถมาเลยนะ” ระหว่างที่เอ็มเดินออกไปเอารถ เรย์ก็เดินเข้าไปหลังร้านพร้อมกับบอกน้องชายของตนว่าให้เก็บร้านแล้วกลับบ้านเลย ไม่ต้องรอ แล้วจึงเดินออกมาหาเอ็มที่จอดรถรออยู่หน้าร้าน


    พวกเธอนั่งพูดคุยกันอย่างเป็นกันเองในร้านมิลค์เชคที่ขายทั้งเครื่องดื่มนม โกโก้ ช็อกโกแลต และขนมหวานเบาๆ อย่างชิฟฟอนเค้ก ชูครีม แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของทั้งคู่คือช็อกโกแลตร้อนแก้วโตกับมิลค์เชคแก้วใหญ่ทรงสูง พร้อมด้วยขนมปังกรอบและซอสช็อกโกแลตที่เรย์บอกนักบอกหนาว่าต้องลองให้ได้

    “เสาร์นี้ว่างมั้ย” เอ็มถามขึ้นหลังจากที่เรย์ก้มลงไปดูดมิลค์เชคในแก้วของตัวเอง

    “อืม น่าจะว่างนะ ทำไมหรอ”

    “จะชวนไปถ่ายรูปเล่นน่ะ”

    “หืม ไหนว่าไม่ชอบไปไหนตอนกลางวัน” 

    “ก็พรุ่งนี้ว่าง แล้วเราก็ใกล้จะกลับแล้วด้วย ก็เลยอยากมีรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกไง คุณก็รู้ว่าที่นี่มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปเพียบเลยนะ”

    “ไม่ยักกะรู้ว่าคุณชอบถ่ายรูปด้วย”

    “มีอีกหลายเรื่องเลยที่คุณไม่รู้ อยากรู้มั้ยล่ะ”

    “ไม่เอาดีกว่า” เรย์รีบปฏิเสธอย่างไว

    “โถ่คุณ”


    ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังหยอกล้อและคุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน ก็มีเด็กวัยรุ่น น่าจะอายุประมาณน้องชายของเรย์เดินเข้ามาหาแล้วถามกับเอ็มว่าใช่นักแสดงคนนั้นมั้ย ซึ่งเรย์เองก็จำไม่ค่อยได้ เพราะเธอแทบจะไม่ได้ดูอะไรมากมาย นอกเสียจากหนังในโรงหนัง แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะถ่ายรูปกับแฟนคลับวัยรุ่นกลุ่นนั้นแล้ว เด็กๆ ก็รีบปลีกตัวออกไป


    “เป็นอะไรไปน่ะ” เอ็มเอ่ยถามระหว่างที่ทั้งคู่เดินกลับไปที่รถ

    “เปล่าสักหน่อย แค่คิดอะไรได้เฉยๆ น่ะ”

    “บอกหน่อยได้รึเปล่า หรือเป็นความลับ”

    “อืม ก็ความลับนิดนึงนะ แต่ไม่บอกหรอก”

    “โถ่”

    “เออคุณ นี่เป็นหนึ่งสาเหตุด้วยรึเปล่าที่คุณไม่ค่อยไปไหนมาไหนตอนกลางคืน” เรย์ถามขณะที่เอ็มกำลังขับรถไปส่งอีกฝ่ายที่บ้าน

    “ก็นิดนึงนะ เราแค่ไม่ค่อยชอบเป็นจุดสนใจ เฉยๆ แต่พอมาเป็นนักแสดงแล้ว ก็เหมือนว่าความเป็นส่วนตัวที่หวงนักหวงหนาก็หมดไปด้วยเหมือนกัน”

    “แล้วเบื่อมั้ยเวลาเจอคนเข้ามาขอถ่ายรูป”

    “ไม่เชิงนะ มันก็ดีแหละที่เขาจำเราได้ มันก็มีแฟนคลับน่ารักๆ นะที่ไม่ค่อยเข้ามากวน ส่วนมากก็มาขอถ่ายรูปแล้วก็ไป แต่แฟนคลับน่ากลัวๆ ก็เยอะ ฉันเคยได้ยินพี่ๆ ในกองเล่าให้ฟังเหมือนกัน”

    “อืม”

    “อะ ถึงแล้ว แน่ใจนะว่าไม่ให้ขับเข้าไปส่งถึงหน้าบ้าน” เอ็มรีบถาม เพราะแต่ละครั้งที่เอ็มมาส่งเรย์ เรย์มักจะให้ส่งที่ปากซอยเท่านั้น แม้ว่าพวกเธอจะไปเดท เอ่อ ไปเที่ยวด้วยกันมาหลายครั้งแล้วก็ตาม

    “ส่งที่นี่แหละ ขอบคุณมากนะคะ ถึงบ้านแล้วเท็กซ์มาบอกเราด้วยนะคุณ” เรย์รีบบอกก่อนจะลงจากรถแล้วเดินเข้าซอยนั้นไป


    อันที่จริงเรย์ใคร่ครวญถึงสิ่งที่พวกเขาทำร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการนั่งคุยเกี่ยวกับเพลงและแผ่นเสียงยามค่ำคืน ไปดิ่มและฟังเพลงที่บาร์ แวะไปคอนเสิร์ตเล็กๆ ของวงหน้าใหม่ที่มีฝากโปรโมตที่ร้านของเรย์ ไปจนถึงดินเนอร์มื้อค่ำ ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่พวกเขาพบกัน เรย์กำลังค้นหาคำตอบกับสิ่งเหล่านั้นอยู่ 


    M. Co.: เราถึงที่พักแล้วนะ

    M. Co.: นอกจากวันเสาร์ที่คุณว่างแล้ว วันคอนเสิร์ตคุณว่างทั้งวันรึเปล่า

    Ray: อืม ก็ว่างนะ ทำไมหรอ

    M. Co.: จะชวนไปปาร์ตี้ก่อนไปคอนเสิร์ตน่ะ

    Ray: ปาร์ตี้ที่ไหน

    M. Co.: ที่กองถ่ายน่ะ เขามีปาร์ตี้ปิดกอง แต่เราไม่อยากเสียเวลาน่ะ ก็เลยจะมาชวนคุณไปด้วย

    Ray: เขาไม่ได้ให้เฉพาะคนในกองหรอกหรอ

    M. Co.: ไปกับเราซะอย่าง จะกลัวอะไร

    Ray: ไปถามที่กองให้เรียบร้อยก่อนเถอะแล้วค่อยมาชวนเรา

    M. Co.: เป็นอันว่าตกลงนะ

    Ray: ยังไม่ได้บอกเลย

    M. Co.: แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

    Ray: เลิกคุยกับคุณละ รีบไปอาบน้ำนอนเลยนะคุณ เดี๋ยวก็นอนไม่พอ

    M. Co.: ไล่อีกละ ไปก็ได้ๆๆ

    Ray: แล้วเจอกันค่ะ

    M. Co.: ฝันดี




    เช้าวันเสาร์ เอ็มขับรถไปรับเรย์ที่หน้าปากซอยบ้าน เรย์วิ่งออกมาจากบ้านพร้อมกับกล่องแซนด์วิชและนมสดที่แม่ของเธอเตรียมมาให้ยามเช้า และเตรียมเผื่อสารถีขับรถอย่างเอ็มอีกด้วย อันที่จริงเธอสนิทกับแม่และน้องชายของเรย์หลังจากที่แวะไปที่ร้านแผ่นเสียงเป็นประจำ จนกลายเป็นลูกค้าคนโปรดของแม่เธอ และพี่สาวคนโปรดของเจ้าโรน 

    “คุณ ทานมื้อเช้ารึยัง” เรย์เอ่ยถามขณะกัดแซนด์วิชของตัวเองบนรถ

    “ยังเลย แม่คุณทำมาเผื่อหรอ”

    “อือหึ กินเลยมั้ย”

    “ป้อนนะ เราไม่อยากมือเปื้อน อีกอย่างเราขับรถอยู่ด้วย”

    “งั้นให้เราขับแทนมั้ย คุณจะได้นั่งกินดีๆ”

    “ไม่เป็นไร โรนบอกว่าคุณขับรถไม่แข็ง”

    “เดี๋ยวนี้เชื่อโรนแล้วเนอะ” 

    “ล้อเล่นน่า เราน่ะชอบขับรถมากกว่า คุณนั่งเฉยๆ กับป้อนแซนด์วิชเราก็พอแล้ว” 

    เรย์ได้แต่หยิบแซนด์วิชในกล่องมาป้อนอีกฝ่ายที่กำลังขับรถอยู่ และเอ็มก็กัดแซนด์วิชนั้นอย่างเอร็ดอร่อย


    อันที่จริงวันนี้เหมือนวันปล่อยของของเอ็ม เธอหยิบกล้องฟิล์ม SLR ขนาดพอดีมือออกมาจากเป้แล้วเดินไปถ่ายรูปตามจุดที่เธอชอบ ส่วนเรย์ก็เดินเล่นรอ บางครั้งก็แอบถ่ายรูปของอีกฝ่ายเอาไว้ ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว จนเอ็มเรียกให้มาถ่ายรูปด้วยกัน ซึ่งเรย์ก็อิดออดไม่ยอมไปถ่ายด้วยจนกระทั่งเอ็มต้องเดินมาหาด้วยตัวเอง


    กว่าพวกเขาจะตระเวนถ่ายรูปครบทุกจุดที่เอ็มอยากไปถ่าย ก็ผ่านไปเกือบสิบชั่วโมง ทั้งคู่นั้นทั้งเหนื่อยและหิว สุดท้ายก็ไปจบลงที่ร้านมิลค์เชคร้านเดิมที่พวกเขาชอบแวะมาทานด้วยกัน

    “ไหนส่งรูปมาให้เราหน่อย รูปที่คุณแอบถ่ายน่ะ”

    “ไม่ให้ได้มั้ย”

    “เราอยากเอาไปลงไอจีนี่นา นะ น่านะ นะเรย์นะ”

    “โห คุณเอ็มอ้อนคนอื่นด้วยหรอเนี่ย เอาไปสิบคะแนนนะคะ”

    “ส่งรูปให้เราหน่อย พลีส” เอ็มยังคงขอร้องอย่างต่อเนื่อง ส่วนเรย์ก็นั่งดูดมิลค์เชคและกินวาฟเฟิลอย่างสบายใจ

    “ก็ได้ค่ะ แต่เดี๋ยวเราส่งให้นะ มันเปลืองเน็ต”

    “โอเคเลย เดี๋ยวเราจะรอ” เอ็มยิ้มกว้างให้กับอีกฝ่ายก่อนจะถามเรย์ “ว่าแต่คุณจะไปงานปาร์ตี้ปิดกองกับเรามั้ย”

    “ไม่ดีกว่า เราเพิ่งนึกได้ว่าเราต้องไปซื้อหนังสือกับเพื่อนน่ะ”

    “โอเคค่ะ”

    “แต่เดี๋ยวไปเจอกันที่หน้าคอนเสิร์ตเลยก็ได้นะ คุณจะได้เสร็จจากปาร์ตี้แล้วเจอกันหน้าคอนเสิร์ตเลย”

    “เอางั้นก็ได้ แต่แอบเสียดายเลย”

    “ยังไงก็ได้เจอกันอยู่แล้วแหละคุณ เดี๋ยวนี้งอแงเก่งนะ”

    “มั่วแล้ว” เอ็มนั่งดื่มช็อกโกแลตร้อนจนหมด ส่วนเรย์ก็ตักวาฟเฟิลชิ้นสุดท้ายเข้าปากพอดี

    “ปากเลอะน่ะคุณ” เรยชี้ให้อีกฝ่ายดู แต่ดูเหมือนว่าเอ็มจะหาไม่เจอ เธอก็เลยเปิดกล้องหน้าของโทรศัพท์มือถือให้อีกฝ่ายส่องเพื่อให้เอ็มเช็ดปากของตัวเอง

    “ขอบคุณนะ” 

    “เออคุณ วันคอนเสิร์ตน่ะ จะออกแล้วบอกเรานะ เดี๋ยวเราค่อยออก คุณจะได้ไม่ต้องรอเรานานๆ” เรย์รีบบอก เพื่อไม่ให้เกิดความเงียบขึ้นระหว่างทั้งคู่

    “โอเค” 


    “คุณอยากฟังเพลงไหนในคอนเสิร์ต” เอ็มเอ่ยถามขึ้นระหว่างที่ขับรถไปส่งเรย์

    “แน่นอนว่า Planet Hunter ถ้าได้ฟังสดๆ มันคงจะดีไม่น้อยเลย คุณลองฟังพวกซาวด์ของเขาสิ มีนู่นนี่นั่นให้เล่นเยอะแน่ๆ” เรย์ตอบราวกับมีคำตอบอยู่แล้วในใจพร้อมกับถามกลับว่าอีกฝ่ายอยากฟังเพลงอะไร

    “คง Beautifully Unconventional มั้ง จริงๆ ตอนไปฟังสดคราวนั้นมันดีมากเลยนะ คราวนี้เลยไม่ค่อยคาดหวังเรื่องเพลงน่ะ กะมาเก็บบรรยากาศอย่างเดียวเลย” เอ็มตอบพลางหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าซอยไป “ถึงแล้ว”

    “ขอบคุณนะ ถึงที่พักแล้วเท็กซ์มาบอกด้วยล่ะ” เรย?เอ่ยย้ำก่อนที่จะปิดประตูรถแล้วเดินเข้าซอยบ้านไป








  • Ray: คุณออกมารึยัง?

    M. Co.: กำลังขับรถไปอยู่

    Ray: ขับรถแล้วพิมพ์ได้ไง

    Ray: เดี๋ยวโทรไปนะ

    Ray: 0.02.35 


    เรย์ยืนรอเอ็มอยู่ด้านหน้าสถานที่จัดงาน แม้เธอจะมาถึงก่อนเวลาแสดง แต่ก็เลยเวลานัดมาพอสมควร อันที่จริง เรย์รู้ตัวว่าไม่ควรไปเร่งเอ็มให้รีบออกมาจากปาร์ตี้ของกอง แต่ทำยังไงได้ล่ะ เพราะมันดันตรงกับคอนเสิร์ตที่อีกฝ่ายจองตัวเธอให้มาด้วยกันเนี่ยสิ


    “เรย์!” เสียงเรียกดังขึ้น ตอนแรกเธอหันหาต้นเสียงไม่เจอ สุดท้ายพบว่าเป็นหนุ่มลูกค้าประจำของที่ร้าน ‘ชาร์ลี’ ที่เดินเข้ามาหาเธอ เขาชวนเธอเข้าไปดูคอนเสิร์ตด้วยกัน แต่เรย์บอกว่าเธอนัดมากับอีกคนหนึ่งแล้ว เขาก็เลยได้แต่เดินเข้างานไปคนเดียว ไม่นานเอ็มมาสายกว่าเวลานัดก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาเรย์

    “นึกว่าคุณจะสายกว่านี้ซะอีก” เรย์เย้าฝ่ายขณะเดินเข้าไปซื้อเบียร์

    “พนันได้เลยว่าถ้าคุณไม่โทรไปหาตอนนั้น เราคงปลีกตัวออกมาไม่ได้แน่นอน” เอ็มรีบปฏิเสธเบียร์ขณะที่อีกฝ่ายถาม เธอคิดว่าวันนี้เธอดื่มมาเยอะเกินไปเสียแล้ว


    ไม่นานฟรอนต์วูแมนสาวคนสวย เอลลี่ โรว์เซล ก็ขึ้นเวที พร้อมกับโจอี้ จอฟฟ์ และธีโอ ถึงแม่ว่าเอ็มจะเคยไปชมพวกเขาแสดงสดมาแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าแต่ละครั้งนั้นก็มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะในครั้งนี้


    ระหว่างที่เอลลี่กำลังพูดถึงเพลงรักของวง ทุกคนต่างเฮกันขึ้นมาราวกับรู้ว่าพวกเขาจะเล่นเพลงอะไรต่อไป และแน่นอนว่าต้องเป็นเพลง Don’t Delete The Kisses เพลงที่พวกเขาไปแสดงที่ไหนก็มักจะมีเพลงนี้อยู่ในเซตลิสต์เสมอ และแน่นอนว่าคอนเสิร์ตวันนี้ของพวกเขาด้วยเช่นกัน


    I see the signs of a lifetime, you 'til I die

    And I'm swiftly out, Irish goodbye

    What if it's not meant for me? love

    What if it's not meant for me? love


    เรย์ที่เพิ่งเดินกลับมาพร้อมกับเพลงที่กำลังขึ้น เอ็มมองเธอไม่วางตา ในขณะที่เรย?กำลังดื่มด่ำไปกับบทเพลงจนไม่ทันสังเกตว่ามีใครเฝ้ามองอยู่


    I wanna tell the whole world about you

    I think that that's a sign

    I'm losing self control and it's you

    It really is, one thousand times

    I look at your picture and I smile

    How awful's that? I'm like a teenage girl

    I might as well write all over my notebook

    That you 'rock my world!'

    But you do, you really do

    You've turned me upside down

    And that's okay, I'll let it happen

    'Cause I like having you around


    บางทีเรย์ก็ซื่อเกินไปที่อาจจะมองไม่ออกว่าเอ็มคิดอะไรอยู่ บางครั้งเธอก็ดูจะตามเกมทันจนเอ็มกลายเป็นคนที่ต้องเดินตามเรย์ไปแทน 


    I'll take your hand, and we will leave

    French exit for me and you


    เอ็มรวบรวมความกล้าก่อนที่จะเอื้อมมือไปจับอีกฝ่ายในท่อนที่เอลลี่ ฟรอนต์วูแมนของวงร้องท่อนนั้น เรย์หันมายิ้มให้ แต่ไม่ได้ขัดขืนอะไร หนำซ้ำยังดึงให้เอ็มเข้าไปอยู่ใกล้กับเธอมากยิ่งขึ้นด้วย และแน่นอนว่าหัวใจของเรย์เต้นแรงขึ้นยิ่งกว่าเเิม เพราะนอกจากแอลกอฮอล์ที่เริ่มออกฤทธิ์แล้วนั้น ก็ยังมีต้นเหตุจากคนข้างๆ ของเธอที่ทำให้เธอเกิดความรู้สึกนี้


    ไม่รู้เหมือนกันว่าเรย์ไปกินจูปาจุ๊ปส์ ลูกอมแท่งเอาตอนไหน แต่กลิ่นหอมหวานเฉพาะตัวของลูกอมนั้นยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปากของเธอ และใช่ เรย์ประทับจูบของเธอเข้ากับอีกฝ่ายหลังจากจบเพลง Don’t Delete The Kisses ท่ามกลางกระดาษโปรยและแสงไฟที่สาดส่องไปทั่ว แน่นอนว่ามันทำให้เอ็มตกใจไม่น้อยเพราะเธอเองก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกระทำการเช่นนี้ ส่วนเรย์ก็คงไม่อยากจะรีรอต่อไป 


    อันที่จริงค่ำคืนนี้มันกลายเป็นค่ำคืนที่น่าจดจำสำหรับเรย์ เพราะอะไรน่ะหรอ นั่นเป็นเพราะเธอได้มาชมการแสดงสดของวงที่เธอชอบ และการที่ได้พูดความรู้สึกของเธอกับหญิงสาวที่พบกันเป็นประจำตลอดระยะเวลาสี่เดือนที่พวกเขาได้พบกัน ไม่สั้นไม่ยาว แต่ก็สามารถก่อให้เกิดความรู้สึกเหล่านี้ภายในใจของกันและกันได้ 


    ตามกำหนดการ เอ็มจะต้องเดินทางกลับลิเวอร์พูลในอีกสองวันถัดมาหลังจากที่เธอไปดูคอนเสิร์ต แต่เธอก็เลื่อนตั๋วเครื่องบินไปอีกหนึ่งสัปดาห์เพื่อใช้เวลาอยู่กับเรย์ให้มากขึ้นก่อนที่จะต้องแยกจากกัน ที่จริงแล้วเธอกับเรย์ยังไม่ได้คบกัน แม้ว่าต่างฝ่ายต่างบอกความรู้สึกให้อีกฝ่ายรับรู้แล้วก็ตาม เพราะทั้งคู่มองว่าความสัมพันธ์ของพวกเธอนั้นมันยังไม่มั่นคง และเรย์เองก็อยากให้เป็นไปอย่างช้าๆ ไม่ต้องรีบเร่ง แถมเอ็มเองก็เป็นนักแสดงดาวรุ่งที่กำลังจะได้ร่วมงานกับทีมงานชั้นนำ ส่วนเธอเองก็กำลังจะเข้าไปทำงานกับค่ายเพลงอิสระ แม้จะอยู่กันคนละฟากโลก แต่ทั้งคู่ก็มักจะหาเวลาให้กันเสมอ


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in