เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Vipark So Chillvijarnxoxo
ไทยลี้ไทยลับ อำนาจ “ฝุ่นสาง” กับปัญหา PM 2.5
  • (เขียนขึ้นเมื่อ ณ เวลาที่ PM 2.5 กำลังเข้มข้น)
    มองขวา มองซ้าย ก็ไม่ได้เห็นอะไรชัดไปกว่าม่านหมอกควันที่เรารู้จักในนามของ PM 2.5 แม้ว่าระดับความลึกซึ้งของความเข้าใจของแต่ละปัจเจกนั้นแตกต่างกันออกไป แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามากกว่า 99% ของประชากรไทยต่างรู้จักปรากฏการณ์มลพิษคลุมเมือง (หลวง) ยังให้มี viral ถึงข้อเสียของการสูดดมควัน บ้างก็มีกลุ่ม netizen (ที่ตั้งตนจนเป็นเหมือนกับว่า) ระดับสูงรวมตัวกันวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐที่บกพร่องต่อการแก้ไขปัญหา แต่สิ่งที่ชัดเจนมากที่สุดคือการตื่นตัวซื้อหน้ากากอนามัยกันถล่มทลายแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นอกจากนั้นยังมี info graphic เปรียบเทียบการกรองฝุ่น PM 2.5 ของหน้ากากแต่ละชนิดให้ประชาชนคนไทยทุกคนได้พิจารณาเลือกสรรก่อนเอาตัวไปเสี่ยงกับมลพิษภายนอก และความเสี่ยงกับการสูญเสียเงินไปกับสิ่งที่ไม่มีคุณภาพพอที่จะรักษาชีวิตที่เราตู่ตัวไปว่ามีค่าของตน

    การใส่หน้ากากอนามัยรูปลักษณ์ที่ค่อนข้างจะใหญ่โต และผิดวิสัยปกติมนุษย์ จะสร้างสายตาที่เพ่งพินิจอย่างมากจากคนรอบข้างจนรู้สึกเขินอาย


    ความน่าสนใจในระดับไทยแท้แม่ศรีประจันต์จากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ (อันเกิดมาจากความเป็นธรรมชาติและไร้ระบบของการสร้างรวมถึงการวางผังเมืองของประเทศ และอย่างยิ่งในสังคมเมืองหลวง) ดังกล่าวคือ ถึงจะมีการรณรงค์ให้มีการใช้หน้ากากอนามัยพิเศษสำหรับป้องกันฝุ่นที่ “มองไม่เห็น” ก็มีหลายคนที่เลือกที่จะซื้อหน้ากากอนามัยที่ไม่ได้มีประสิทธิภาพพอที่จะกันฝุ่น PM 2.5 ในร้อยละที่สูง มาก ๆ เหมือนกับว่าเป็นการซื้อมาใส่เพื่อความสบายใจส่วนตัวว่าตนมีระบบป้องกันแล้วนะ หรือในอีกความรู้สึกหนึ่งคือรู้สึกว่าการใส่หน้ากากอนามัยรูปลักษณ์ที่ค่อนข้างจะใหญ่โต และผิดวิสัยปกติมนุษย์ จะสร้างสายตาที่เพ่งพินิจอย่างมากจากคนรอบข้างจนรู้สึกเขินอาย

    นั่นจึงเป็นการคาบเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติของไทยที่ปลูกถ่ายกันมาเนิ่นนานจากอดีต ด้วยเรื่องการเชื่อว่าพระพุทธรูปสามารถป้องกันผีสางมาทำภยันตรายได้ แต่มันก็เกิดความลักลั่นในความเชื่ออยู่เหมือนกัน เพราะแม้ว่าภายใต้สำนึกเราจะตระหนักถึงอิทธิฤทธิ์แรงกล้าของ “พระ” แต่เรากลับ treat ได้อย่างปกติ จน ignore อิทธิฤทธิ์ดังกล่าวไปในที่สุดด้วยการลดทอนความลึกซึ้งให้เหลือไว้เพียง awareness ที่ว่า “พระกันผี” นัยเดียวกัน หน้ากากอนามัยก็ถูกใช้ในฐานะ “ของกันฝุ่น” ที่ถูก treat เพียงว่า แค่ใส่ก็ป้องกันได้แล้ว ไม่ว่าจะยี่ห้ออะไร หรือรูปแบบไหน มันคงให้ภาพเดียวกันที่ว่าไม่มีใครค่อยจะห้อยจตุคามรามเทพขนาดเท่าฝ่ามือเดินออกจากบ้านเหมือนกัน


    ความเชื่อแบบแรกค่อนข้างมีอิทธิพลมากกว่าและยืนยงมากกว่า ไม่อย่างนั้นทุกวันนี้เราคงไม่เห็นข่าวไหว้ตุ๊กแกพิการทางสรีระหรือดื่มน้ำจากบ่อปฏิกูลหรอก


    เห็นรึยังว่าความแตกต่างระหว่างความเชื่อด้านศาสนากับความเชื่อในหลักวิทยาศาสตร์แทบจะแยกออกมากันยากในบริบทของสังคมไทย เนื่องด้วยทั้งสองต่างยึดโยงหากัน จะว่าไปเรียกว่าความเชื่อแบบแรกค่อนข้างมีอิทธิพลมากกว่าและยืนยงมากกว่า ไม่อย่างนั้นทุกวันนี้เราคงไม่เห็นข่าวไหว้ตุ๊กแกพิการทางสรีระหรือดื่มน้ำจากบ่อปฏิกูลหรอก
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in