เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
yourbeliever.
our own world.




  • our own world.

    Parkwoojin x Limyoungmin from AB6IX 
    PG/fluff /Coming Of Age








    อิมยองมินรู้จักพัคอูจินมาเกือบทั้งชีวิต แต่เขาจำไม่ได้ว่าเคยเห็นอีกฝ่ายโกรธขนาดนี้หรือไม่



    คนโตกว่าเหลือบมองใบหน้าของเจ้าของผิวสีแทนบ่มแดดที่นั่งนิ่งอยู่ข้างๆ บรรยากาศโดยรอบในช่วงก่อนจะเข้าฤดูหนาวเต็มตัวมีลมเล็กน้อยชวนให้ขนลุกเกรียวเป็นระยะ แต่อูจินในชุดเสื้อยืดแขนสั้นกลับดูไม่สะทกสะท้าน ใบหน้าที่ดูยิ้มแย้มนิดๆเสมอตอนนี้เรียบนิ่งจนยากจะเดาถูก


    แต่กับยองมินที่รู้จักคนข้างๆดี อูจินน่ะกำลังโกรธสุดๆ และเพราะเขาเป็นต้นเหตุเสียด้วย



    “อูจินนา..” ยองมินเรียกชื่ออีกฝ่ายขึ้นทำลายความเงียบที่หนักอึ้ง
    “พี่เงียบไปเลย” แต่เสียงราบเรียบของอูจินที่ตอบกลับมาทำให้เขาต้องปิดปากนิ่งตามเดิม


    เขาไม่น่าเริ่มเลย เรื่องที่จะทำให้ต้องทะเลาะกันแบบตอนนี้ ยองมินนึกเสียใจ


    “คิดได้ยังไงวะพี่? ปีนี้พี่อายุเท่าไหร่? คิดว่าเวลาปีนึงแม่งสั้นเหรอ ปีนึงที่พี่ควรจะได้ไปเรียนต่อ ไปมีชีวิต ออกไปจากไอ้เมืองบ้าๆนี่”

    “ที่นี่มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นไหมวะ..”

    ยองมินแย้งเสียงแผ่ว หลบสายตาของอูจินที่หันขวับกลับมามองหลังจากเมินหน้าหนีกันอยู่นานตั้งแต่เริ่มบทสนทนาเรื่องนี้เมื่อเกือบครึ่งชั่วโมงที่แล้ว

    “แล้วใครกันวะที่ฝันแทบตายว่าอยากไปออดิชั่นเป็นไอดอล อยากไปเรียนต่อในโซลสักที ใครกันที่อ่านหนังสือไม่หลับไม่นอนให้คะแนนสอบออกมาดี” เด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่ามองหน้ายองมินเขม็ง “แล้วพี่ก็ทำอะไรไม่ถามผมเลยสักคำ”

    “พี่ตัดสินใจเองได้ อย่าลืมว่าพี่โตกว่านาย”

    “ถ้าโตแล้วมันหมายถึงพี่ตัดสินใจอะไรเด็กๆ ทำนิสัยเด็กๆแบบนี้ ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”


    ยองมินถอนหายใจทันทีเมื่ออูจินพูดออกมาแบบนั้น


    ร่างสูงพิงหลังลงกับพนักม้านั่งริมถนนเส้นที่พวกเขาเดินไปซ้อมเต้นที่อะคาเดมี่ถัดไปอีกถนนด้วยกันเป็นประจำ ในมือยังถือโคคาโคล่าสองกระป๋องที่แวะซื้อระหว่างทางเผื่อตัวเองและคนข้างๆ อูจินหันใบหน้าหนี นั่งค้อมตัวเท้าข้อศอกลงกับเข่าทั้งสองข้าง ทั้งยองมินและอูจินยังอยู่ในชุดซ้อมเต้นที่ชื้นเหงื่อ

    ถนนเส้นหลักหลังพระอาทิตย์ตกดินพลุกพล่านไปด้วยรถราทั้งจากคนที่กำลังเดินทางกลับบ้านหลังเลิกงาน และนักเรียนที่กำลังเลิกเรียนพิเศษเดินสวนกันขวักไขว่


    มันดูไม่แปลกไปเลยสักนิดจากแต่ละวัน ที่เขาและอูจินนั่งอยู่ตรงนี้ จะมีก็แต่สีหน้าของยองมินที่ครุ่นคิด เศร้าสร้อย ส่วนอูจินนั้นเงียบงัน โกรธขึง นั่นเองที่เปลี่ยนไป


    ยองมินเหลือบมองเสี้ยวหน้าของอูจินที่ยังคงหันเมินหนีไปจากเขา นึกไม่ออกว่าจะอธิบายด้วยวิธีไหนให้อูจินเข้าใจ


    อูจินเด็กกว่าเขาหนึ่งปี แต่ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็รู้จักกันมาเนิ่นนานเพราะอาศัยอยู่ละแวกเดียวกัน เรียนโรงเรียนเดียวกัน และยังเรียนเต้นที่เดียวกัน ยองมินจำไม่ได้เสียด้วยซ้ำว่าครั้งแรกที่เจอกันนั้นอูจินอายุเท่าไหร่ มันนานเสียจนเขาขี้เกียจจะนึกย้อน

    แรกเริ่มเดิมทียองมินมีแต่กลุ่มเพื่อนอายุเท่าๆกันมาโดยตลอด จนพอได้พบอูจินบ่อยๆเข้า และพูดคุยกันมากเข้า ก็พบว่าเขาทั้งคู่มีความสนใจเดียวกันอยู่หลายเรื่อง นั่นทำให้ยองมินตอนอายุ 16 กับอูจินตอนิายุ 15 กลายเป็นคนสนิทกันในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากที่แค่เพียงยิ้มให้กันผ่านๆอยู่หลายปี

    และไม่นานหลังจากนั้น อิมยองมินและพัคอูจินตกหลุมรักกันและกันจากความเรียบง่ายแบบนั้น ไม่มีอะไรพิเศษหรืออ่อนหวาน ไม่มีฉากเดินจับมือหรือกอดกันอย่างรักใคร่ อูจินประทับตราเป็นเจ้าของจูบแรกในชีวิตของเขาในคืนวันอาทิตย์หลังกลับจากกิจกรรมอธิษฐานรวมที่โบสถ์ ไม่ใช่จูบลึกซึ้งเร่าร้อน หลังจากแชร์บุหรี่มวนเดียวกันที่เหลือในกระเป๋าของยองมิน แค่ริมฝีปากแตะกันอย่างอ้อยอิ่งแผ่วเบา ไม่แน่ใจ สับสน อย่างที่วัยรุ่นไม่ประสารักสองคนควรจะเป็น แววตาอ่อนโยนและรอยยิ้มเล็กๆมุมปากของอูจินในคืนวันนั้นกลายเป็นภาพที่เขาไม่มีวันลืม


    แต่ตอนนี้เขา อิมยองมินอายุ 18 ปี กับอูจินอายุ 17 ปี กลับไม่เข้าใจกันเลยแม้แต่เรื่องเดียว

    อูจินถามแหวกความเงียบขึ้นมา “ที่ทำนี่ไม่ใช่เพราะผมใช่ไหม?”


    ยองมินนั่งเงียบ จ้องมองมือตัวเองที่ยังกำกระป๋องน้ำอัดลมเอาไว้แน่น ยังจนด้วยคำพูดทั้งที่ควรจะเป็นคนที่ทำให้ระหว่างพวกเขามันดีขึ้น ในเวลาแบบนี้ที่อูจินดูจะรับมือกับทุกอย่างได้ดีกว่า ทำให้เขาคิดอยู่บ่อยครั้งว่าอูจินคือคนที่โตกว่าระหว่างพวกเขา

    แต่แน่ล่ะ อูจินทำทุกอย่างได้ดีกว่าเขาเสมอ อูจินที่ฝันอยากเป็นนักออกแบบท่าเต้น และยังอยู่อันดับต้นๆมาตลอดในคลาสเรียนเต้น อูจินที่แม้จะเรียนไม่เก่งแต่ไม่เคยได้อันดับน้อยหน้าใคร อูจินที่มุ่งมั่นตั้งใจและวาดภาพทุกอย่างเอาไว้อย่างชัดเจน แบบที่อิมยองมินสู้ไม่ได้เอาเสียเลย


    เขามันแม่งไม่ได้เรื่อง ถ้าไม่มีอูจินอยู่ข้างๆสักคน



    “บอกผมทีว่าพี่ไม่ได้โง่ขนาดนั้น? ที่จะหยุดเรียนปีนึง ไม่ใช่เพราะรอผมหรอกใช่ไหม”


    คราวนี้อูจินหันหน้ามาถามอย่างจริงจังหนักแน่น เมื่อเห็นว่ายองมินเอาแต่ก้มหน้าเงียบ ฝ่ามือของคนเด็กกว่าคว้าเข้าที่ไหล่ของยองมิน บังคับให้คนตัวสูงกว่าต้องเงยหน้ามองกันตรงๆ


    ยองมินให้เหตุผลที่พูดออกไปแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง แต่ดูเหมือนพัคอูจินยังไม่ยอมทำความเข้าใจ


    “พี่ยองแจจะไปเรียนต่ออีกไม่กี่อาทิตย์นี้แล้ว พี่ต้องอยู่ช่วยพ่อที่นี้ก่อนจริงๆ นายก็รู้ว่าที่ไร่ไม่มีใคร... แค่ปีเดียว” ยองมินสบตาเรียวของอูจินที่เต็มไปด้วยความสับสนไม่เข้าใจ “มันไม่ช้าเกินไปหรอก”
    “แล้วมันจำเป็นต้องเป็นพี่ด้วยเหรอวะที่อยู่ แล้วเวลาที่พี่ต้องเสียไปล่ะยองมิน เรื่องที่เราคุยกัน มหาลัยที่พี่อยากเข้า ออดิชั่นที่พี่อยากไป มันไม่สำคัญแล้วเหรอวะ?”

    ยองมินกลืนน้ำลาย น้ำเสียงห่วงใยปนโมโหของอูจินกำลังทำให้เขาใจอ่อน เขารู้ว่าเขาโกหกไม่เก่งเอาเสียเลย โดยเฉพาะกับอูจิน คนที่แทบจะรู้จักเขาดีพอๆกัน ยองมินฝืนยิ้ม รู้ว่ามันช่างดูแกล้งทำ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นให้ทำ

    “อย่ากังวลเรื่องพี่เลย พอปีหน้า เราก็จะได้ทำทั้งหมดนั่นด้วยกันไง”


    ยองมินพูดด้วยเสียงเรียบเรื่อย อูจินจ้องมองเขานิ่งด้วยสายตาในแบบที่ยองมินรู้ดีว่าอีกฝ่ายมองเขาออกทะลุปรุโปร่ง เหมือนที่เคยทำได้มาหลายต่อหลายครั้ง เสียงทุ้มเอ่ยช้าๆ

    “พี่โกหก”
    “อูจิน..”
    “ผมจะไปถามพ่อพี่ให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้เลย”


    อูจินพูดอย่างโกรธจัด ทำท่าจะลุกขึ้นเดินไปบ้านยองมินจริงๆเสียเดี๋ยวนั้นจริงๆ คนโตกว่ารั้งแขนผอมแข็งแรงเอาไว้ แต่อูจินกลับปัดออกอย่างมีอารมณ์


    "พี่แม่งบ้า" อูจินกระแทกเสียงหายใจ "เมื่อไหร่จะเลิกทำให้ผมโมโหเป็นบ้าแบบนี้สักที"
    "ค่อยๆคุยกันได้ไหม พี่มีเหตุผลจะบอกนายอยู่นี่ไง"
    "เหตุผลของพี่คือ? อยากทำอะไรด้วยกันเหรอ? อยากเรียนที่เดียวกัน? ไปตามความฝันด้วยกัน ย้ายไปอยู่ด้วยกันตลอดไปเลยเป็นไง!?"


    ยองมินก้มหน้าหลบสายตาขุ่นเคืองของคนเด็กกว่าตรงหน้าอีกครั้ง เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เขาหวัง ทั้งหมดนั่นที่อูจินว่ามา และอูจินกำลังทำให้เขารู้สึกเหมือนเขาสิ้นคิดที่หวังอะไรแบบนั้น


    เขาแค่ไม่อยากคิดภาพเขาคนเดียว ในสถานที่อื่น ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม ที่เขามองหาอูจินไม่เจอ


    "แล้วทำแบบนั้นไม่ได้เหรอ?" ยองมินถาม "แค่ปีเดียว พี่รอนายได้"

    เขารู้สึกตัวลีบเล็กอยู่ทั้งที่ยังยืนอยู่เฉยๆ ไม่กล้าแม้แต่จะฟังคำตอบของคนเด็กกว่าตรงหน้า สีหน้าของอูจินตอนนี้ช่างยากจะอธิบาย โกรธ? ผิดหวัง? หรือไม่ก็อาจจะอยากต่อยเขาแรงๆสักทีก็เป็นได้

    แต่เขาไม่ได้คิดเอาไว้เลยสักนิดว่าสิ่งที่อูจินจะพูดต่อมา กลับทำให้เขาอยากโดนต่อยเสียมากกว่า



    "พี่กำลังทำผมหายใจไม่ออก"

    น้ำเสียงอูจินราบเรียบเสียจนเขาใจหาย

    "ผมไม่ใช่โลกทั้งใบของพี่นะ โตสักที"


    ยองมินรู้ตัวดีว่าสิ่งที่เขาคิดมันบ้าสิ้นดี และรู้ดียิ่งกว่าว่าอูจินพูดถูก เขาเลื่อนสายตามองคนเด็กกว่าที่กำมือแน่น สงสัยว่านี่จะเป็นจุดจบระหว่างพวกเขาหรือไม่ อย่างที่เขาจินตนาการในหัวมาหลายต่อหลายครั้ง ใช่ว่าเขาอยากให้มันเกิดขึ้น เขาเพียงกลัวว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆและเขาจะไม่มีแรงหยุดมัน

    อูจินยังเป็นอูจินคนเดิมในสายตาเขามาโดยตลอด มุ่งมั่น น่าชื่นชม หล่อเหลาน่ามองเป็นบ้าในชุดเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มธรรมดาแบบที่ใครๆก็ต้องมองตาม ดึงดูดทุกสายตาเวลาขยับตัวบนเวที รอยยิ้มมุมปากโชว์เขี้ยวเฉพาะตัวแบบที่เขาเผลอมองทุกครั้งที่สบโอกาสตั้งแต่ยังไม่รู้จักกันมากมายอย่างตอนนี้

    ยองมินแทบไม่ต้องหลับตาวาดภาพ เขาแทบจะมองเห็นอนาคตอันใกล้ที่อูจินก้าวออกไปจากที่นี่ ได้พบโลกใบใหม่ ผู้คนใหม่ๆ รู้ว่าอูจินจะประสบความสำเร็จ จะทำได้ดียิ่งกว่าที่อีกฝ่ายคิดฝันไว้เสียอีก


    และเขากลัวว่าพื้นที่ข้างอูจินจะไม่มีเขา แค่เพียงปล่อยมือห่างกัน เขากลัวว่าอูจินจะเดินเร็วจนลืมรอเขาเข้าจริงๆ



    อูจินเป็นโลกทั้งใบของเขา นั่นถูกแล้ว


    "พี่คิดดีแล้ว คุยกับพ่อแม่แล้วด้วย พ่อแม่นายก็เห็นด้วยที่จะให้รอนาย" ยองมินทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดสองประโยคของอูจินทั้งที่มันทำให้เขารู้สึกจุกเหมือนถูกเหยียบเข้ากลางอก ไม่โทษอูจินสักนิด เขาบอกแล้วว่าเขามันบ้าเอง


    ดวงตาเรียวชี้ของอูจินแวววาบขึ้น โมโหกว่าเดิม คนเด็กกว่ายกมือขึ้นเสยผมชื้นเหงื่อให้พ้นกรอบหน้า


    "พี่ไปคุยกับพ่อแม่ผมตอนไหนวะ!? แล้วเพิ่งมาบอกผมเป็นคนสุดท้ายเนี่ยนะ"

    "ก็รู้ว่านายจะต้องโมโหแบบนี้ไง มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย.." ยองมินส่ายหัว "พี่คิดดีแล้ว วางแผนทั้งปีนี้ไว้หมดแล้วด้วย ช่วยมองในมุมพี่บ้างได้ไหม"


    อูจินขยับเท้าออกห่าง เขาอยากเดินตาม แต่รู้ว่าไม่มีประโยชน์ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังโกรธ


    "อย่าทำให้ผมผิดหวังที่เคยชื่นชมพี่ได้ไหมวะ ยองมินที่ผมรู้จักมันหายไปไหน"
    "อูจิน.."
    "รู้ไหมว่าผมเกลียดพี่ตอนนี้จริงๆ" เสียงทุ้มพูดเบาเสียจนแทบไม่ได้ยินในระยะห่างระหว่างพวกเขา แต่กลับดังก้องในหูยองมิน "ไว้มาคุยกันตอนพี่หายบ้าเถอะ หรือถ้าพี่จะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็ไม่ต้องคุยกันอีกเลย"


    ยองมินขยับปาก แต่ไม่มีคำพูดไหนเล็ดรอดออกมา ขายาวอยากก้าวเดินตามร่างผอมสูงของคนเด็กกว่าที่กำลังเดินหนีเขาไปอีกฟากถนนแต่กลับถูกตรึงอยู่กับที่


    เสียงล้อรถบดกับถนนดังเอี๊ยดจากการเบรกกระทันหันกระชากยองมินกลับมาสู่ความจริง


    ภาพตรงหน้าทำให้นัยน์ตาของเขาพร่าเบลอ มองเห็นร่างของอูจินค่อยๆเอนตัวล้มลงบนพื้นถนนตามแรงกระทบ ราวกับภาพช้าฉายซ้ำในโทรทัศน์ พร้อมกับเสียงหวีดร้องของคนรอบข้างที่ดังราวกับมาจากที่ไกลแสนไกล



    ยองมินปล่อยกระป๋องน้ำอัดลมหลุดมือ



    โลกรอบๆตัวกำลังพังทลายลง และเขากอบกู้อะไรเอาไว้ไม่ได้















    สิ่งแรกที่อูจินเห็นหลังจากลืมตาขึ้นมา นอกจากเพดานโรงพยาบาลสีจืดชืด คือใบหน้าเปื้อนน้ำตาของอิมยองมิน

    ขณะนั้นเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน อูจินเดาได้ในทันทีว่าพ่อกับแม่เขาคงกลับไปแล้ว และทิ้งคนตัวสูงไว้เฝ้าเขา พ่อแม่เขาไว้ใจยองมินเสมอ และน้องสาวเขาต้องไปโรงเรียนแต่เช้า อูจินกลอกตามองไปรอบๆ ก่อนจะมองคนตัวสูงที่เช็ดน้ำตาลวกๆแล้วถามอย่างอ่อนแรงมาทางเขาว่า "นายโอเคไหม?"


    พ่อแม่เขาหารู้ไม่ว่าไอ้ขี้แยนี่ช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย นอกจากทำให้เขาปวดหัวหนักกว่าเดิม


    ชั่วโมงต่อมายองมินกำลังนั่งปอกเปลือกส้มให้เขากิน อูจินนอนหลับต่อไม่ลงแม้จะยังรู้สึกเพลียจากเหตุการณ์เมื่อช่วงเย็น เขาไม่ได้เป็นอะไรมากนัก ดีที่ยังหลบทันไปเฉียดฉิว แขนปวดเหมือนเกือบหัก แต่แค่นั้นไม่ได้สะเทือนเขาเท่าไหร่ พักฟื้นไม่เท่าไหร่ก็คงกลับไปเต้นได้เหมือนเดิม ใบหน้าที่มองผ่านกระจกก็ไม่ได้ยับเยินอะไร มือถลอกเล็กน้อย แบบที่แค่เลียๆก็คงหาย

    แต่คนที่นั่งเฝ้าเขากลับทำหน้าเหมือนจะเป็นจะตาย อูจินอดนึกขำด้วยความเอ็นดูไม่ได้ แม้จะยังโกรธมากมากอยู่

    ใช่ เขาโกรธมาก โกรธไม่ลงแต่ก็โกรธไปแล้ว โกรธเสียหน้ามืดตามัวเดินทะเล่อทะล่าไม่ดูสัญญาณไฟจนเกือบโดนรถเสยเอานี่ไง


    "ปอกไปให้ใครกินเยอะแยะ" อูจินถามคนที่นั่งก้มหน้างุดปอกส้มลูกที่สาม เขาคว้าลูกแรกเข้าปากทีละครึ่งลูก

    "ขอโทษนะ เพราะพี่แท้ๆเลย"

    นั่นแหละอิมยองมิน ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ต้องโทษตัวเองไว้ก่อน


    "พี่เกี่ยวไรวะ ผมเดินไปให้รถมันชนเอง"

    ร่างสูงของยองมินในชุดใหม่ที่คงกลับไปเปลี่ยนนั่งสำนึกผิดอยู่ข้างเตียงของเขา


    "ขอโทษเรื่องที่ทำอะไรไม่คิด ทำตัวเป็นเด็กแบบที่นายว่า"

    ดวงตากลมเล็กหางตาตกๆนั่นยิ่งทำให้ดูน่าสงสารเข้าไปกันใหญ่ จมูกยังแดงจากการร้องไห้ที่เดาได้ว่าคงร้องอยู่นานพอดู ยองมินไม่ได้เงยหน้ามองเขาสักครั้งตั้งแต่อูจินตื่นขึ้นมา

    กลุ่มผมสีน้ำตาลล้อมกรอบหน้ายองมินดูอ่อนนุ่มเหมือนเคย เจ้าตัวติดกิ๊บเล็กๆไว้ตรงผมม้าเผยหน้าผากขาวเพราะชอบรำคาญที่มันทิ่มตาอย่างที่่บ่นอยู่บ่อยๆ น่าหมั่นเขี้ยวเสียจนอยากดีดเข้าให้สักที

    เขารู้ว่ายองมินไม่ชอบให้ปฏิบัติด้วยเหมือนสาวๆ แบบที่แฟนหนุ่มรุ่นพี่ว่า ถ้าเขายกมือขึ้นไปปัดผมม้ายาวๆที่ปรกหน้าปรกตานั่นออกให้ยองมินคงจะมองเขาเหมือนคนบ้า


    แต่พี่มันแม่งดื้อ จนเขาอ่อนใจ ไอ้นิสัยชอบคิดเองเออเอง ทำอะไรเองของยองมินจะทำเขาเป็นบ้าเข้าสักวัน


    "วันหลังก็อย่าทำอีกสิวะ" อูจินว่านิ่งๆ ถอนใจ เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ตอบอะไร "อย่าดื้อได้ไหม ขอล่ะ"

    ยองมินช้อนตาขึ้นมองเขา ปากอิ่มเบะออกเล็กน้อย เหมือนจะประท้วง ท่าทางแบบนั้นไม่ได้รู้เลยว่าเผลอทำออกมาแล้วดูงอแงขนาดไหน

    "แค่อยากอยู่ด้วยนี่ผิดมากเหรอวะ" คนโตกว่าและยังตัวสูงกว่าแย้งขึ้นมา ทำตัวไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่กว่า อูจินคิด แต่ก็แบบนี้นี่น่ะ อิมยองมินในสายตาเค้าน่ะ ไม่เคยโตมานานแล้ว ตั้งแต่รู้จักกันจนตอนนี้ก็ยังไม่เคยโต


    "ขึ้นมานอนด้วยกันบนนี้มา ผมอยากดูหนัง ไปเปิดช่องหนังก่อนเร็ว"
    "เค้าไม่ให้ขึ้นไปนอนบนเตียงคนไข้"

    "ไม่มีใครเห็นหรอกน่า"


    อูจินเขยิบตัว ตบฝ่ามือเข้ากับพื้นที่ว่างข้างตัว ยองมินลุกไปเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ตามที่บอกอย่างว่าง่าย ทีแรกก็ตั้งใจเลือกหนังที่อูจินน่าจะชอบ เอาใจใส่เก่งเหลือเกิน แต่เมื่อเลื่อนผ่านอีกช่องที่มีหนังรักโรแมนติคฉายอยู่ ก็กดค้างเอาไว้อย่างสนอกสนใจ ทำท่าอาลัยไม่ยอมเปลี่ยนช่องอยู่หลายนาที


    อูจินถอนหายใจ หนังรักก็ไม่แย่ อยู่กับแฟนใครเขาก็ดูหนังรักกันทั้งนั้น


    "เอาเรื่องนั้นแหละ มานอนได้แล้ว"


    ยองมินพาร่างสูงๆของตัวเองขึ้นมาบนเตียงแคบที่ควรจะนอนได้แค่คนเดียว สอดตัวใต้ผ้าห่มข้างๆคนเจ็บ พยายามจัดท่าให้รบกวนแขนข้างที่เจ็บของอูจินให้น้อยที่สุด แก้มขาวของคนตัวนุ่มแนบลงกับไหล่แข็งแรงของคนเด็กกว่า ผมเส้นเล็กคลอเคลียกับคางเขาจนจั๊กจี้ชอบกล

    ครึ่งชั่วโมงแรกผ่านไปอย่างที่ยองมินตั้งใจดูหนังเอามากๆ อูจินรู้ว่ายองมินชอบหนังรักประเภทนี้ถึงเจ้าตัวจะไม่ค่อยอยากยอมรับ มีอีกเป็นร้อยเรื่องที่เขารู้ว่ายองมินชอบแต่ไม่ยอมรับน่ะ


    เรื่องที่ทะเลาะกันเมื่อเย็นก็ด้วย ถ้าใครไม่มาเป็นเขาคงไม่เข้าใจ


    ตั้งแต่เปลี่ยนจากเพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้องมาเป็นคนรักกัน (หรือแฟน ที่ยองมินบอกห้ามเรียก) อันที่จริงก็น่าจะตั้งแต่รู้จักกันมา มีครั้งนี้ที่อูจินรู้สึกใกล้เคียงคำว่าโกรธมากที่สุดกับยองมิน เขากับยองมินใช้เวลาแทบจะทั้งปีที่ผ่านมาคุยกันเรื่องมหาวิทยาลัยที่ยองมินควรจะยื่นหลังสอบเอนทรานซ์ เขาเที่ยวมองหาสถาบันสอนเต้นและร้องเพลงที่น่าจะดีที่สุดให้แฟนรุ่นพี่ ให้ตายเหอะ พัคอูจินจินตนาการไปถึงขั้นว่าจะติดโปสเตอร์หนังเรื่องไหนในห้องพักใหม่ของยองมินในกรุงโซล แล้วยองมินก็ทำลายไอ้ทั้งหมดที่เขาวางแผนมาอย่างไม่บอกกล่าวกันเสียด้วยซ้ำ

    เหตุผลพี่แม่งบ้าบอชิบหายด้วย แล้วพ่อแม่พี่มันก็ดันยอมอีก ทำเอาเขาหัวร้อนจนควบคุมปากไม่อยู่ พอรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปบ้างเมื่อเย็น นึกถึงสีหน้าของยองมินตอนฟังเขาพูดคำพวกนั้น เขาก็นึกอยากตบปากตัวเองเสียตอนนี้

    พัคอูจินยอมรับว่าพูดไม่คิด ตอนนั้นไม่ได้ตั้งใจเลยสักนิด เขาอาจจะดูเป็นคนดูมีสติครบถ้วนตอนพูดอะไรใจร้ายแบบนั้น แต่ไม่เลย พอเป็นเรื่องของยองมินก็ทำเขาเครื่องรวนไปซะทุกครั้ง จนบางครั้งเขาเผลอลืมไปว่ายองมินอ่อนไหวได้มากแค่ไหน ยิ่งกับเรื่องของเขา


    ยองมินทำตาปรือง่วงงุนแทนคนป่วยทั้งที่เพิ่งจะดูไปได้ครึ่งเรื่อง ไม่ถึงห้านาทีต่อมาก็หลับตาเต็มรูปแบบ อูจินมองขนตาที่ทาบลงกับแก้มขาว ปล่อยให้คนตัวโตกว่าเอนหัวแนบกับไหล่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสอดแขนเข้าไปรองใต้คอและหัวเพราะกลัวอีกคนจะนอนไม่สบายตัวเอา

    ท่าทางจะร้องไห้จนเหนื่อยถึงได้หลับไวขนาดนั้น แต่กลับไม่ปริปากถามเรื่องที่เขาพูดจาใจร้ายเมื่อเย็นเลยสักนิด ไม่แม้แต่จะมีท่าทีโกรธตอบ ยังเป็นยองมินที่ใจดีเกินไปอยู่เรื่อย ปล่อยให้เขาเอาแต่ใจใส่จนนับครั้งไม่ถ้วน


    แค่อยากอยู่ด้วยนี่ผิดมากเหรอวะ



    "ก็อยากอยู่ด้วยเหมือนกันละน่า คิดมากจังวะ" อูจินส่ายหัว รั้งหัวกลมมาใกล้ๆก่อนจะหอมหน้าผากขาวฟอดใหญ่ นึกหมั่นเขี้ยวมาตั้งแต่ตื่นแล้ว ถ้าทำแบบนี้ตอนอีกฝ่ายมีสติคนตัวนุ่มในอ้อมแขนนี่คงไม่ยอม หวงตัวเก่งนัก

    เขารู้ได้ในทันทีจากคำพูดนั้นของยองมินว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เขารู้จักยองมินมานาน ถึงแม้จะสนิทกันไม่เท่าไหร่ แต่ระยะเวลารวมๆกันทำให้เขาคิดว่าเขารู้จักอีกฝ่ายดี แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเขาแสดงท่าทีแบบไหนออกมา ที่มันทำให้ยองมินกลัวนักหนาว่าจะต้องห่างกัน


    ให้พูดจริงๆไหม

    หน้าอย่างเขาน่ะนะจะอยู่ห่างจากยองมินได้ ฝันเอาเลย เขาจะเกาะติดเป็นปลิงจนรำคาญกันไปข้างนึง นั่นแหละคือสิ่งที่พัคอูจินตั้งใจเอาไว้ว่าจะทำ

    ยองมินปรือตาขึ้นมองเขา อยู่ๆก็ตื่นขึ้นมาซะอย่างนั้น เหมือนแค่งีบไปชั่วครู่ แล้วยังพยายามดันตัวออกเมื่อเห็นว่าคนเด็กกว่าใช้แขนข้างที่ใช้การได้มาหนุนคอให้ แต่อูจินกลับล็อคเอาไว้ไม่ให้ขยับ ยองมินเงยหน้าขึ้นมอง โวยวายทั้งที่ยังลืมตาไม่เต็มที่


    "ปล่อยก่อน เดี๋ยวก็เจ็บหรอก"
    "นอนไปเถอะ โซฟามันไม่สบาย"
    "ไม่โกรธแล้วเหรอ?" ยองมินถาม ตากลมใสหางตาตกดูน่ารักขึ้นอีกล้านเท่าในตอนที่เพิ่งตื่นนอน ทำหน้าอ้อนเป็นลูกหมาแบบนั้น อูจินถอนหายใจ


    เลือกไม่ถูกเลยว่าจะแกล้งโกรธต่อให้ทำหน้าสลดอีกสักพักหรือจะหอมให้แก้มอีกคนช้ำดี ในเมื่อมันน่าทำพอๆกัน

    "โกรธ" คนโตกว่าทำหน้าสลด "ถามจริงยองมิน นี่ปี 2020 นะ ไม่ได้อยู่ในยุคโทรเลข รถไฟไปโซลมันไม่ได้ไกลเลย จะกลัวไม่ได้อยู่ด้วยกันไปทำไม"


    ยองมินมองตาเขานิ่ง อูจินได้แต่รอฟังอีกว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร


    "ก็พี่มันไม่เก่งอย่างนายเลยสักเรื่อง" ยองมินพูดตามตรง "จะตามนายทันไหมก็ไม่รู้"

    อูจินขมวดคิ้ว เขาสิต้องกลัวเรื่องนั้น พี่มันทั้งเรียนเก่งทั้งน่ารักขนาดนี้ พัคอูจินรู้จักคนสักร้อยได้ที่แอบปลาบปลื้มชื่นชมยองมินอยู่ไกลๆโดยที่ไอ้ตัวนุ่มในอ้อมแขนเขาไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย ยังไม่นับคนที่รู้ดีอยู่เต็มอกว่าเขากับยองมินไม่ใช่แค่รุ่นพี่รุ่นน้อง แต่ยังชื่นชมยองมินให้เขาฟังอย่างออกนอกหน้า


    ห่างกันไปวันเดียวใครมันจะมาหลงชอบบ้างก็ไม่รู้ ยิ่งเด๋อๆอยู่ด้วย เคยรู้บ้างไหมเขาเครียดเป็นบ้าที่ต้องปล่อยให้ไปอยู่คนเดียวเนี่ย


    "ก็ไม่ได้จะเดินหนีพี่ไปไหนสักหน่อย"
    "นายไม่เข้าใจที่พี่พูดเลย"
    "แล้วพี่เข้าใจที่ผมพูดหรือยัง?"


    ยองมินกระพริบตาง่วงใส่คนเด็กกว่า สีหน้าสำนึกผิดหงอยๆนั่นกลับมาอีกครั้ง คราวนี้อูจินห้ามใจเอาไว้ไม่อยู่


    "ช่วยเลิกทำหน้าน่ารักเวลาเราคุยเรื่องซีเรียสกันอยู่ได้ป่ะ ผมไม่มีสมาธินะ"
    "บ้าป่ะวะ น่ารักอะไร" ยองมินขมวดคิ้วจนมันชนกัน พอออกจากแขนอีกคนไม่ได้เลยพลิกตัวหันหลังให้เสียเลย โทษฐานที่อูจินพูดจาไม่เข้าหู

    อูจินหัวเราะที่เห็นคนโตกว่าทำท่าฮึดฮัด น่ารักกว่าเดิมเข้าไปอีก

    "ขอโทษ" อูจินขยับเข้าไปสูดกลิ่นผมนิ่มจากด้านหลัง "ที่พูดไปตอนนั้น ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายจิตใจพี่นะ"


    ยองมินไม่ตอบ เอาแต่นอนฟังอยู่เงียบๆ


    "แต่ก็หมายความตามนั้นจริงๆ ผมไม่ใช่โลกทั้งใบของพี่ ยังมีอะไรรออยู่อีกตั้งเยอะรอให้พี่ไปเห็น เข้าใจไหมวะเนี่ย อย่าทำให้ผมเสียเวลาเปล่าที่เชียร์พี่อยู่"

    "อืม" ยองมินตอบรับ พยักหน้าทั้งที่ยังนอนหันหลังอยู่ "แล้วที่พี่เป็นแบบนี้ นายเกลียดมากไหม"


    น้ำเสียงที่ลดระดับลงกระทันหันทำให้อูจินต้องเงี่ยหูฟังท่ามกลางเสียงโทรทัศน์ที่ยังฉายหนังรักเรื่องนั้น


    "ถ้าพี่ยังเป็นแบบนี้ เป็นคนเก่งแบบที่นายคิดไว้ไม่ได้เลย ถ้าพี่เอาแต่ถ่วงนายเอาไว้จนทำให้นายอึดอัด ถึงตอนนั้น นายจะยังอยากคุยกันไหม"

    "หันหน้ามาก่อนแล้วจะตอบ"


    พอเสนอแบบนั้นยองมินก็ยอมพลิกตัวกลับมาจริงๆ ตากลมใสจ้องมองไปที่คอเสื้อของอูจินเพราะไม่กล้าสบตาคนเด็กกว่าตรงๆ ยองมินชอบทำแบบนั้นเวลากลัวหรือประหม่า และเขาบอกแล้วว่าเขารู้ดี ทุกอย่างที่อยู่ในใจอีกฝ่าย


    แต่เขาอาจจะลืมนึกไปอีกครั้งว่ายองมินไม่รู้ อะไรที่อยู่ในใจเขา เพราะเขาพูดมันน้อยเหลือเกิน และยิ่งแสดงออกมาน้อยยิ่งกว่า


    "ผมเคยบอกรึยังว่าผมชอบพี่มาก?"


    ใบหน้าขาวนุ่มของยองมินที่นอนอยู่ต่ำกว่าเขาเล็กน้อยขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด ตากลมกระพริบถี่อย่างทำตัวไม่ถูก ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยมีบทสนทนาลักษณะนี้ แต่ยองมินไม่เคยชิน และอูจินไม่ใช่คนเก่งเรื่องนี้สักนิด เขาทั้งคู่ห่วยแตกเรื่องแสดงความรัก


    แต่เขาอยากให้ยองมินรู้ อยากให้ยองมินมั่นใจ


    "พี่อยู่ไหนผมอยู่นั่น รู้ไว้แค่นี้ก็พอ" อูจินพูดช้าๆ หนักแน่น ให้แน่ใจว่าคนโตกว่าจะได้ยินชัดทุกคำ "พี่ไม่ต้องเก่งที่สุดกว่าใครๆก็ได้ แต่สัญญาว่าจะพยายามเพื่อผม เพื่อตัวพี่เอง ทำได้ไหม?"

    เหลือเชื่อที่ยองมินพยักหน้า ว่าง่ายกว่าที่คิดเสียอีก น่ารัก น่ารักเป็นบ้า อยากหอมหัวอีกรอบแต่กลัวโดนมือใหญ่ของอีกคนดันหน้าออกแบบที่เคยโดนมาบ่อยๆ


    "ทีนี้จะหายดื้อยัง?"

    "เผื่อลืมนะว่าพี่โตกว่า ไม่ได้ดื้อว้อย" ยองมินแย้งไม่ลดละ ไม่ยอมเลยเว้ย เชื่อเขาเลย

    "ไม่ดื้อก็ไม่ดื้อ" อูจินหัวเราะกว้างโชว์เขี้ยว "นอนดีๆ ผมง่วงแล้ว"

    "พี่จะลงไปนอนข้างล่าง เดี๋ยวพยาบาลเข้ามาด่าพอดี"

    "ช่างหัวพยาบาลเหอะน่า ผมจะนอนกับพี่ตรงนี้ อยู่เฉยๆ"

    อูจินบังคับอีกคนลงไปนอนเมื่อเห็นว่าร่างสูงทำท่าจะขยับตัวลงจากเตียง ขาอีกข้างล็อคเข่ายองมินเอาไว้ให้อยู่กับที่ คนโตกว่าได้แต่กลอกตาไปมาอย่างขัดใจอีกคนไม่ได้ หัวกลมพยายามเลี่ยงหนีเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของเจ้าของอ้อมกอดราวกับอูจินกำลังฝังหน้ากับผมนิ่ม

    อูจินกระชับแขนที่สอดเข้าโอบไหล่อีกฝ่าย ตื่นมาเขาคงจะเมื่อย แต่กลับไม่อยากเอาตัวออก เพราะยังอยากเอาใจคนตัวโตที่ขี้น้อยใจแต่ปากแข็งนัก เขาพึมพำถามอู้อี้กับผมของยองมิน

    "พรุ่งนี้จะกลับไปคุยกับพ่อแม่พี่ใช่ไหม?"
    "อือ" ยองมินตอบรับสั้นๆ
    "น่ารัก" อูจินชมเปราะ ยองมินบ่นงึมงัมว่า ไม่น่ารักว้อย ใต้ผ้าห่มที่คลุมจนถึงคาง "นี่พี่"
    "อือ?"
    "ไว้เรามานอนด้วยกันแบบนี้อีกนะ" อูจินยิ้มกับคำพูดตัวเอง พนันได้เลยว่ายองมินกำลังหน้าแดงอยู่แม้จะไม่เห็น "ที่โซลก็ด้วย ตอนผมไปหา เรามาเลือกห้องที่เตียงกว้างกว่านี้หน่อยแล้วกัน"


    ยองมินไม่ตอบด้วยคำพูด อูจินได้ยินเพียงเสียงงึมงำของคนขี้เขินที่หันหน้าและพลิกตัวกลับมากอดอูจินเอาไว้ ไม่แน่นจนเกินไปเพราะกลัวจะกระเทือนคนเจ็บ แต่พอให้รู้ว่ายังฟังอยู่ และเห็นด้วยกับความคิดเรื่องนั้น

    แล้วเขาจะไปไหนรอด อูจินคิด ขณะที่กอดกระชับยองมินเข้าไว้มากกว่าเดิม 

    ไม่ว่าจะที่นี่ บนเตียงโรงพยาบาลแคบๆที่นอนเบียดกันสองคนแล้วไม่สบายตัวเอาเสียเลย กับเขาที่เจ็บแขนเป็นบ้า จะที่นี่ ที่โซล หรือที่ไหนๆ ขอแค่มียองมินอยู่ด้วยกันในโลกของเขา ขอแค่นั้น





    ที่ที่พัคอูจินเต็มใจจะอยู่ จะเป็นที่ไหนได้อีกนอกจากข้างๆอิมยองมิน












    end.



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in