เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิวหนังmalibxnight
นครดารา หนังที่เล่าเรื่องด้วยบทเพลงและเสียงดนตรี
  • บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนต์


    มีอาหญิงสาวผู้มีความฝันอยากเป็นนักแสดง

    เซบาสเตียนชายผู้อยากดำรงรักษาดนตรีแจ๊สให้มีอยู่ต่อไป

         ในครั้งแรกพวกเขาพบกันบนทางด่วนที่ขึ้นชื่อว่ารถติดแน่นขนัดของเมืองลอสแอนเจลิส เซบาสเตียนบีบแตรใส่รถของเธอ เมื่อเธอไม่ขยับรถซักที ในขณะที่คันข้างหน้าของเธอขับเคลื่อนที่ไปแล้ว

         การพบกันครั้งที่สอง เป็นวันที่มีอาผิดหวังจากการแคสติ้ง เธอไปปาร์ตี้เพื่อสังสรรค์กับเพื่อนที่มีความฝันเดียวกันกับเธอ แต่ขากลับรถของเธอกลับโดนตำรวจลากไปซะแล้ว เธอจึงจำใจต้องเดินแทนเพื่อที่จะกลับบ้าน ในขณะที่เธอกำลังเดินไปเรื่อยๆ เธอได้ยินเสียงบรรเลงเปียโนดังมาจากสถานที่แห่งหนึ่ง เธอจึงเดินย้อนกลับไปเพื่อเดินหาที่มาของเสียง แล้วเธอก็ได้เห็นบุคคลที่บรรเลงบทเพลงนั้น

         เขาที่นั่งเล่นเปียโนอยู่คือคนที่บีบแตรใส่เธอบนทางด่วน

         เมื่อเล่นจนจบเพลง เขาโดนเจ้าของร้านเรียกเข้าไปคุยเพราะไม่ได้เล่นตามลิสต์เพลงที่เขาบอกไว้และโดนไล่ออก

         ในขณะที่เขากำลังจะเดินออกไป เธอเอ่ยทักเขา แต่เขาจงใจเมินเธอแถมยังชนไหล่เธอก่อนเดินจากไป

         เวลาล่วงเลยผ่านไป พวกเขาได้มาพบกันอีกครั้งในงานเลี้ยง

         เธอได้ยินเสียงดนตรีดังมาจากอีกฝั่งของสระว่ายน้ำ เธอจึงเดินเข้าไปดูแล้วก็พบว่าเป็นเขาอีกแล้ว

    ครั้งนี้เขาเป็นมือคีย์บอร์ดของวง

         หลังเลิกงานเลี้ยงเธอใช้ชื่อเขาเป็นข้ออ้างเพื่อจะได้หนีออกมาจากบทสนทนาของเพื่อนนักเขียนที่ดูไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ

    มีอาบอกเขาว่า มันแปลกดีนะที่เราบังเอิญมาเจอกันอยู่เรื่อย เขาเองก็คิดอย่างนั้น

    พวกเขาต้องแยกย้ายกันไปเพราะเกร็ก แฟนเธอโทรมาหาเพราะว่าเธอไปตามนัดสาย

         ครั้งนี้เซบาสเตียนเป็นคนมาเจอมีอาที่คาเฟ่ที่มีอาทำงานอยู่

         มีอาบอกว่า เธอชอบทำงานอยู่ในสถานที่แบบนี้เพราะว่ามันถูกรายล้อมไปด้วยสถานที่ถ่ายหนัง

         เซบาสเตียนก็บอกว่า เขาเข้าใจดีเพราะเขายอมขับรถไปกินกาแฟไกลถึงห้าไมล์เพราะมันอยู่ใกล้บาร์แจ๊สที่เขาชอบ

         มีอาก็บอกเขาว่าที่เธอสนใจเรื่องหนังและการแสดงก็เพราะน้าสาวของเธอเองก็เป็นนักแสดง

         เมื่อก่อนเธอมักใช้เวลากับน้าสาวในการดูหนังทั้งวัน เธอชอบแสดงในห้องนอนของเธอ น้าสาวของเธอเองก็เล่นตามฉากในหนังไปพร้อมกับเธอและเธอยังเขียนบทละครของตัวเธอเองอีกด้วย

         เซบาสเตียนแนะนำให้มีอาเขียนบทเองและแสดงเป็นด้วยตัวเองไปเลย ให้น่าสนใจที่เป็นคุณ จะได้ไม่ต้องไปทดสอบบทเห่ยๆนั่น

         มีอาเปิดใจและบอกเขาไปตรงๆว่าเธอไม่ชอบเพลงแจ๊ส เขาจึงพาเธอไปฟังเพลงแจ๊สที่บาร์โปรดของเขา เขาบอกข้อมูลที่เกี่ยวกับดนตรีแจ๊สมากมายให้กับเธอ และบอกเธอว่าเพลงแจ๊สน่ะ มันกำลังจะตายหายไปจากยุคนี้แล้ว เพราะหลายๆคนคิดว่ามันหมดยุคของเพลงแจ๊สไปแล้ว แต่เซบาสเตียนจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้น เขาจะเปิดไนต์คลับเป็นของตัวเองเพื่อยังคงที่จะสามารถสรรค์สร้างบทเพลงที่เป็นท่วงทำนองของแจ๊สไม่ให้หายไปตามกาลเวลา

         ในคืนนั้นมีอาได้รับโทรศัพท์ ปลายสายแจ้งว่า เธอได้รับการคัดเลือก เธอรีบไปบอกเขาว่าเธอผ่านการคัดเลือกรอบแรกของบทซีรีย์ทีวีที่เธอเล่าให้เขาฟังไปก่อนหน้านี้ เขาแสดงบทละครหนึ่งจากหนังที่เกี่ยวข้องให้เธอดู แต่เธอไม่เคยดู

         เขานัดเธอให้ไปดูหนังเรื่องนั้นด้วยกัน เพื่อศึกษาข้อมูล เซบาสเตียนบอกเธอแบบนั้น

         แต่เธอลืมไปว่ามันเป็นวันที่พี่ชายของเกร็กมาถึงลอสแอนเจลิส เธอจำใจไปกินข้าวกับเกร็กและพี่ชาย เธอนั่งฟังสิ่งที่เกร็กและพี่ชายพูดคุยกัน เธอรู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ของเธอ แล้วจู่ๆร้านอาหารก็เปิดเพลงแจ๊ส เธอฟังแล้วนึกถึงเซบาสเตียน เธอขอโทษเกร็กแล้วเดินจากมา 

        เธอรีบเดินทางไปหาเซบาสเตียน เมื่อเธอหาเขาเจอ เธอก็เดินเข้าไปนั่งลงข้างๆเขา

        แต่ยังไม่ทันที่หนังจะจบ ฟิล์มที่ใช้ฉายหนังกลับไหม้ซะก่อน

        พวกเขาจึงตัดสินใจเดินทางไปยังสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่องที่พวกเขาได้ไปดูด้วยกัน


    Griffith Observatory


         เขาทั้งคู่เล่าความฝันของตัวเองให้อีกฝ่ายฟังและพวกเขาต่างก็สนับสนุนในความฝันของกันและกันอย่างเต็มที่

         พวกเขาใช้เวลาร่วมกันมากมาย 

         มีอาย้ายเข้ามาอยู่กับเซบาสเตียน 

         วันหนึ่งเซบาสเตียนบังเอิญได้ยินที่มีอาคุยโทรศัพท์กับแม่
    เธอบอกแม่ของเธอว่า เซบาสเตียนกำลังเก็บตังเพื่อนำไปเปิดคลับของตัวเองอยู่
    ทำให้เขาตัดสินใจยอมเข้าร่วมงานกับเพื่อนเขาเสนอมาเพื่อเก็บเงิน 

    ถึงเขาจะไม่ชอบแนวเพลงที่เพื่อนเขาทำก็ตาม

    แต่มีอาจะได้เห็นว่าเขาทำงานที่มั่นคง

    มีอายังคงไล่ตามความฝันของเธอไปเรื่อยๆ
    แต่เซบาสเตียนกลับยอมแพ้ให้กับความฝันของตัวเอง

    เซบาสเตียนคิดว่ามันคงดีที่เขาจะมีงานทำที่มั่นคงและมีอาก็คงต้องการให้เป็นอย่างนั้น

    เซบาสเตียนยอมแพ้และคิดว่าคงจะไม่มีใครชอบดนตรี/เพลงแจ๊สอีกแล้ว 

    แม้แต่มีอาก็เคยบอกเขาแบบนั้น

    แต่มีอาเปลี่ยนไปแล้ว

    เธอรักเพลงแจ๊สก็เพราะเซบาสเตียน

    เธอพยายามบอกเขาว่า นี่มันไม่ใช่ความฝันที่แท้จริงของคุณนะ

    แต่เขาก็บอกว่า ไม่หรอก นี่แหละความฝันของผม

    บางทีผมก็แค่อยากให้มีคนมาชื่นชอบในตัวผมบ้าง

    "คุณสนใจเรื่องความชอบของคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"

    "คุณเป็นนักแสดงนะ คุณถามแบบนี้ทำไม" เขาพูด

    นั่นคงเป็นคำพูดที่ทำให้เธอผิดหวังในตัวเขา

    และเธอเลือกที่จะเดินออกจากบ้านของเซบาสเตียนไป


    ในวันที่เซบาสเตียนต้องไปออกทัวร์ 

    ก็เป็นวันที่มีอาจัดงานแสดงของเธอเอง

    ผลที่ออกมาไม่ได้ดีเหมือนที่เธอคาดหวัง

    มีผู้ชมไม่ถึงครึ่งฮอลล์

    เธอได้ยินผู้ชมบางคนพูดว่าการแสดงของเธอนั้นไม่ดี
    และที่ยิ่งไปกว่านั้นเซบาสเตียนคนที่เธอรักไม่ได้มาชมการแสดงของเธอด้วยซ้ำ

    นั้นคงยิ่งทำให้เธอผิดหวังมากขึ้นไปอีก
    เซบาสเตียนเพิ่งเดินทางมาถึงในตอนที่เธอกำลังจะเดินทางกลับ


    เธอบอกเขาว่ามันจบแล้วทุกอย่างทั้งการทำตามความฝันอยากเป็นนักแสดงและเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเรา


    การไล่ตามความฝัน คงไม่มีใครที่สมหวังตั้งแต่ครั้งแรกเราอาจต้องทำมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อที่จะประสบความสำเร็จ
    แต่บางครั้งชีวิตมันไม่เป็นเช่นนั้น เราถูกทำให้ผิดหวังนับครั้งไม่ถ้วน เราล้มเหลว เราท้อแท้
    จนในที่สุดเราเลือกที่จะยอมแพ้กับความฝันนั้น
    เพราะบางทีมันก็เกินกว่าที่เราจะรับไหว


    เพื่อที่จะทำตามความฝัน เราต้องแลกด้วยความเจ็บปวดขนาดนี้เลยหรือ ?


    ไม่นานหลังจากนั้นมีทีมแคสติ้งพยายามจะติดต่อเธอแต่ไม่สามารถติดต่อได้
    พวกเขาจึงโทรหาเซบาสเตียน
    ในตอนแรกเขาตอบไปว่า เธอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว
    แต่เมื่อคนปลายสายบอกว่าเกี่ยวกับการแคสติ้งแต่ไม่สามารถติดต่อเธอได้ 
    เขาก็ไม่ลังเลที่จะไปตามหาและบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้




    เมื่อเขาหาเธอพบ

    เขาบอกเรื่องแคสติ้งกับเธอ

    เธอกลับบอกว่า เธอจะไม่ไป เธอเหนื่อยที่จะต้องผิดหวังแล้ว

    “ฉันทิ้งการเรียนเพื่อมาทำตามความฝันเป็นเวลาหกปี และฉันไม่อยากทำมันอีกต่อไปแล้ว ”

    “ทำไมถึงไม่อยากทำมันแล้วล่ะ” เขาถามเธอ

    “เพราะมันเจ็บปวดเกินไป”

    เซบาสเตียนบอกว่าเธอทำตัวและร้องไห้เหมือนเด็กและตัดบทสนทนาด้วยการบอกว่าเขาจะมารับเธอพรุ่งนี้เช้า


    วันต่อมามีอาตัดสินใจไปแคสติ้ง

    โดยมีเซบาสเตียนตามไปให้กำลังใจถึงหน้าห้องแคสติ้ง


    หลังจากที่เธอแคสติ้งเสร็จ

    พวกเขาก็กลับไปที่เดิมที่พวกเขาเคยไปเดินเล่นด้วยกันอีกครั้ง

    มีอาบอกว่าเธอไม่คาดหวังว่าเธอจะได้รับเลือก

    “เขาจะเลือกคุณแน่ คุณจะได้รับการติดต่อมาแน่นอน ผมมั่นใจ”

    เซบาสเตียนบอกเธอซ้ำๆ

    มีอาถามเขาว่า

    “เรื่องของเราจะเป็นยังไงต่อไป

    “ก็คงทำอะไรกับมันไม่ได้แล้ว พอคุณได้รับงานนี้…”

    “ถ้าหากว่าฉันได้งานนี้” เธอแก้คำพูดของเขา

    “เมื่อคุณได้รับการคัดเลือก คุณก็ต้องทุ่มเททุกอย่างให้กับมัน เพราะมันเป็นความฝันของคุณ” 

    “แล้วคุณล่ะ”

    “ก็ทำตามความแผนของผมไง อยู่ที่นี่ แล้วทำตามความฝันต่อไป”

    “คุณไปอยู่ปารีสที่นั่นมีดนตรีแจ๊สดีๆให้คุณฟัง ยังไงตอนนี้คุณก็รักแจ๊สแล้วใช่ไหม..."

    “ใช่”

    "ส่วนระหว่างเราก็คงต้องดูกันไป"

    พวกเขาทั้งคู่เงียบไปสักพัก

    "I'm always gonna love you." -Mia

    "I'm always gonna love you, too" -Sebastian

    ประโยคที่พวกเขาบอกกันและกันก่อนจะแยกย้ายไปทำตามความฝันของตัวเอง

    ห้าปีต่อมา
    พวกเขาทั้งคู่สามารถทำตามความฝันที่วาดเอาไว้ได้
    มีอาทำตามความฝันของเธอได้สำเร็จ
    เธอกลายเป็นนักแสดงชื่อดัง
    เซบาสเตียนเองก็กลับมาทำตามความฝันของเขาเช่นกัน
    เขาเปิดคลับโดยใช้ชื่อ Seb's
    ชื่อที่มีอาเคยบอกให้เขาตั้งเป็นชื่อร้าน
     
    พวกเขาทั้งคู่ไม่ได้พบกันเลยหลังจากแคสติ้งครั้งนั้น
    มีอาก้าวเดินต่อไปในเส้นทางนักแสดง
    เธอวางความรักของเธอและเซบาสเตียนเอาไว้ที่เดิม
    และเธอก็ก้าวเดินต่อไป
    ธอแต่งงาน มีครอบครัวและลูกสาวที่น่ารัก
     
    กลับกัน เซบาสเตียนไม่ได้ทิ้งมันไปไหน
    เขายังคงอยู่ที่เดิม
    ความรักที่เขามีต่อมีอายังคงเป็นเช่นเดิม
     
    พวกเขาบังเอิญกลับมาเจอกันในร้านSeb's
    ในขณะที่เธอและสามีกำลังจะเปิดประตูรถ
    พวกเขาทั้งคู่ได้ยินเสียงดนตรีแจ๊สดังมาจากในคลับที่อยู่เยื่องออกไป
    พวกเขาตัดสินใจเดินเข้าไปในคลับดังกล่าว
    SEB'S




    แน่นอนว่ามีอาจำมันได้ทันทีเพราะมันเป็นชื่อที่เธอเคยบอกให้อีกคนนำไปตั้งเป็นชื่อร้าน
    และตัวโน้ตที่ใช้แทนเครื่องหมายอัญประกาศเดี่ยว (')
    เธอยืนนิ่งไปสักพักก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน
    เธอนั่งลงข้างสามีของเธอ
    ทั่วทั้งร้านถูกปกคลุมไปด้วยดนตรีแจ๊ส
    และผู้คนมากมายที่หลงรักในดนตรี


    เซบาสเตียนเดินขึ้นไปบนเวทีเพื่อแนะนำนักดนตรี
    เมื่อเขากวาดสายตาลงมา
    วันนี้เขาได้พบกับคนที่เขารักอีกครั้ง 
    เขาสบตากับเธอ
    และเขานิ่งไป
    "Welcome to Seb's"
    เขาเอ่ยก่อนเดินไปนั่งที่เปียโนเพื่อบรรเลงทำนอง
    เขาเลือกบรรเลงบทเพลงเดียวกันกับครั้งแรกที่เขาเล่นเปียโนเสร็จแล้วได้พบมีอา


    ฉากในหนังตัดกลับไปในตอนที่พวกเขาได้พบกันครั้งแรก 
    จะเป็นยังไงถ้าเขาหยุดแล้วพูดคุยกับเธอในครั้งแรก
    ตอนนี้จะเป็นอย่างไร 
    หากวันนั้นเขาไม่ไปทำวงดนตรีกับเพื่อนที่เขาไม่ชอบ
    ที่เขาทำไปทั้งหมด เขาคิดว่าเขาทำเพื่อมีอา
    ถ้าหากวันนั้นเขาได้เข้าไปรับชมการแสดงเดี่ยวของเธอ
    ถ้าหากว่าเขาได้อยู่ข้างๆ เธอในตอนที่ไปทำตามความฝันที่ปารีส
    ถ้าหากว่าย้อนกลับไปเขาเลือกไล่ตามความฝันของเขา
    ถ้าวันนี้คนที่เดินกุมมือเธอเข้ามาในร้านไม่ใช่คนอื่น 
    แต่เป็นเขาเอง
    ถ้าเป็นอย่างนั้น ตอนนี้พวกเขาคงได้ใช้ชีวิตร่วมกัน
    มีลูกที่น่ารักด้วยกัน
    ก้าวต่อไปและเติบโตเคียงข้างกัน
    แต่ในท้ายที่สุดบทเพลงที่บรรเลงอยู่ก็ต้องจบลง

    และเมื่อบทการแสดงดำเนินมาถึงฉากสุดท้าย 
    ม่านก็ค่อยๆเลื่อนปิดลงมาอยู่ดี
     เมื่อบทเพลงที่เซบาสเตียนบรรเลงจบลง
    มีอาก็เลือกที่จะลุกเพื่อเดินออกไปจากร้าน
    แต่ก่อนที่จะเดินออกไป
    มีอาเธอหันกลับไปมองเซบาสเตียนที่นั่งอยู่บนเวทีอีกครั้ง
    เซบาสเตียนเองก็หันมามองเธอเช่นกัน
    เขายิ้มให้เธอ
    เธอเองก็ยิ้มให้เขา
     
    ฉันดีใจที่ได้เห็นเธอทำตามความฝันที่เธอเคยวาดไว้
    ฉันดีใจที่เธอประสบความสำเร็จ
    ฉันยินดีจากใจจริงที่เห็นเธอมีความสุข
                                            
    ในตอนสุดท้ายมีอาก็เดินออกจากร้าน
    และเซบาสเตียนก็ยังคงบรรเลงบทเพลงให้ผู้คนฟังต่อไป




  • INCEPTION หรือชื่อไทย จิตพิฆาตโลก



         ในช่วงของการกักตัวที่ผ่านมาผู้เขียนได้มีโอกาสดูหนังเรื่อง INCEPTION บน NETFLIX แล้วรู้สึกประทับใจมากแม้จะเป็นหนังที่ฉายในปี 2010 ก็ตาม วันนี้ผู้เขียนจึงอยากจะมีรีวิวคร่าว ๆ ซึ่งเป็นเพียงความคิดเห็นผ่านมุมมองของตัวผู้เขียนเองนะคะ มาเริ่มกันเลยค่ะ


         โดยเรื่องนี้จะเป็นเรื่องของการเข้าไปในความฝันของผู้อื่นเพื่อเข้าไปขโมยบางอย่างที่อยู่ในจิตใจหรือความคิด ซึ่งพระเอกของเรานั่นก็คือ Leonardo Dicaprio รับบทเป็น Cobb นักจารกรรมความฝัน มีภรรยาซึ่งติดอยู่ในความฝันไม่สามารถแยกแยะได้ว่าตัวเองอยู่ในโลกความเป็นจริงหรือความฝันกันแน่ จึงฆ่าตัวตายในที่สุด รับบทโดย Marion Cotillard รับบทเป็น Mal ส่วนผู้ที่จะมาออกแบบโลกความฝันให้นั่นก็คือ Ellen Page รับบทเป็น Ariadne เป็นสถาปนิก โดย Cobb มีผู้ช่วยอีกหนึ่งคนนั่นก็คือ Joseph Gordon-Levitt รับบทเป็น Arthur และยังมีคนอื่นอีกมากมายแต่เราจะขอพูดแค่ตัวละครหลัก


         Cobb ได้ถูกว่าจ้างให้เข้าไปในความฝันของลูกชายนักธุรกิจคู่แข่งของผู้ว่าจ้าง เพื่อเข้าไปเปลี่ยนความคิดให้ลูกชายนักธุรกิจล่มสลายอาณาจักรของพ่อตัวเอง ซึ่งถ้าเขาทำสำเร็จเขาจะสามารถกลับบ้านของเขาที่มีลูก ๆ รออยู่ได้โดยไม่ถูกจับเนื่องมาจากอาชีพที่เขาทำนั้นผิดกฎหมาย เขาจึงรับภารกิจนี้ ซึ่งเขาและ Arthur ได้เดินทางไปฝรั่งเศสเพื่อหาสถาปนิกมาช่วยออกแบบฝัน ซึ่งก็ได้ Ariadne มา เขาได้ลองให้เธอเข้าไปในความฝันและลองออกแบบดูซึ่งหลังจากออกจากความฝัน Arthur ได้บอกกับเธอว่า เธอจำเป็นต้องมี Totem ติดตัวไว้ตลอด Totem ในที่นี้คือสิ่งของขนาดเล็ก มีน้ำหนักหน่อย โดยคนอื่นห้ามรู้ และต้องเฉพาะตัว ซึ่ง Totem ของ Cobb คือลูกข่าง เขาจะเช็คตัวเองโดยการหมุนลูกข่างถ้าลูกข่างหยุดหมุนปกติแสดงว่าอยู่ในโลกจริงแต่ถ้าไม่ แสดงว่าอยู่ในโลกความฝัน ถ้าเห็น Totem ของตัวเองจะแน่ใจว่าไม่ได้อยู่ในความฝันของคนอื่น ตอนนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วจะออกจากฝันนั้นยังไง การออกจากฝันสามารถทำได้โดยการปลุก ซึ่งในการทำภารกิจก็จะมีคนนึงที่อยู่คอยปลุกคนที่เหลือและในฝันแต่ละชั้นก็จะเปลี่ยนคนปลุกไปเรื่อย ๆ การปลุกทำได้โดยการเปิดเพลงที่คุ้นเคย ตกจากที่สูง หรือ ตายในความฝัน นี่ก็เป็นเนื้อเรื่องคร่าว ๆ นะคะ สำหรับใครที่อยากรู้ว่าเขาจะสามารถทำสำเร็จและออกจากโลกความฝันได้หรือดำดิ่งอยู่ในนั้นก็ต้องไปลุ้นกันในหนังนะคะ ผู้เขียนขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่อ่านมาจนถึงตรงนี้มากๆค่ะ








    ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt1375666/mediaviewer/rm616530688?ref_=ttmi_mi_all_sf_15
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
IS Years (@fb6110846297621)
กำลังอยากดูสองเรื่องนี้อยู่พอดีเลยครับขอบคุณสพหรับรีวิวดีๆนะครับ ถ้ามีเรื่องอะไรดีๆมารีวิวด้วยนะครับบบ
NNPCC (@fb2687128294855)
รีวิวดีมากครับ อ่านเพลินมาก ชอบหนังเรื่อง inception เหมือนกันครับ ดูแล้วก็อยากเข้าไปในความฝันได้เหมือนกัน อยากลองออกแบบความฝันตัวเองดูบ้าง เพราะบางอย่างคงจะเกิดขึ้นในชีวิตจริงไม่ได้อย่างน้อยเกิดขึ้นในความฝันก็ยังดี^_^