มีอาหญิงสาวผู้มีความฝันอยากเป็นนักแสดง
เซบาสเตียนชายผู้อยากดำรงรักษาดนตรีแจ๊สให้มีอยู่ต่อไป
ในครั้งแรกพวกเขาพบกันบนทางด่วนที่ขึ้นชื่อว่ารถติดแน่นขนัดของเมืองลอสแอนเจลิส เซบาสเตียนบีบแตรใส่รถของเธอ เมื่อเธอไม่ขยับรถซักที ในขณะที่คันข้างหน้าของเธอขับเคลื่อนที่ไปแล้ว
การพบกันครั้งที่สอง เป็นวันที่มีอาผิดหวังจากการแคสติ้ง เธอไปปาร์ตี้เพื่อสังสรรค์กับเพื่อนที่มีความฝันเดียวกันกับเธอ แต่ขากลับรถของเธอกลับโดนตำรวจลากไปซะแล้ว เธอจึงจำใจต้องเดินแทนเพื่อที่จะกลับบ้าน ในขณะที่เธอกำลังเดินไปเรื่อยๆ เธอได้ยินเสียงบรรเลงเปียโนดังมาจากสถานที่แห่งหนึ่ง เธอจึงเดินย้อนกลับไปเพื่อเดินหาที่มาของเสียง แล้วเธอก็ได้เห็นบุคคลที่บรรเลงบทเพลงนั้น
เขาที่นั่งเล่นเปียโนอยู่คือคนที่บีบแตรใส่เธอบนทางด่วน
เมื่อเล่นจนจบเพลง เขาโดนเจ้าของร้านเรียกเข้าไปคุยเพราะไม่ได้เล่นตามลิสต์เพลงที่เขาบอกไว้และโดนไล่ออก
ในขณะที่เขากำลังจะเดินออกไป เธอเอ่ยทักเขา แต่เขาจงใจเมินเธอแถมยังชนไหล่เธอก่อนเดินจากไป
เวลาล่วงเลยผ่านไป พวกเขาได้มาพบกันอีกครั้งในงานเลี้ยง
เธอได้ยินเสียงดนตรีดังมาจากอีกฝั่งของสระว่ายน้ำ เธอจึงเดินเข้าไปดูแล้วก็พบว่าเป็นเขาอีกแล้ว
ครั้งนี้เขาเป็นมือคีย์บอร์ดของวง
หลังเลิกงานเลี้ยงเธอใช้ชื่อเขาเป็นข้ออ้างเพื่อจะได้หนีออกมาจากบทสนทนาของเพื่อนนักเขียนที่ดูไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ
มีอาบอกเขาว่า มันแปลกดีนะที่เราบังเอิญมาเจอกันอยู่เรื่อย เขาเองก็คิดอย่างนั้น
พวกเขาต้องแยกย้ายกันไปเพราะเกร็ก แฟนเธอโทรมาหาเพราะว่าเธอไปตามนัดสาย
ครั้งนี้เซบาสเตียนเป็นคนมาเจอมีอาที่คาเฟ่ที่มีอาทำงานอยู่
มีอาบอกว่า เธอชอบทำงานอยู่ในสถานที่แบบนี้เพราะว่ามันถูกรายล้อมไปด้วยสถานที่ถ่ายหนัง
เซบาสเตียนก็บอกว่า เขาเข้าใจดีเพราะเขายอมขับรถไปกินกาแฟไกลถึงห้าไมล์เพราะมันอยู่ใกล้บาร์แจ๊สที่เขาชอบ
มีอาก็บอกเขาว่าที่เธอสนใจเรื่องหนังและการแสดงก็เพราะน้าสาวของเธอเองก็เป็นนักแสดง
เมื่อก่อนเธอมักใช้เวลากับน้าสาวในการดูหนังทั้งวัน เธอชอบแสดงในห้องนอนของเธอ น้าสาวของเธอเองก็เล่นตามฉากในหนังไปพร้อมกับเธอและเธอยังเขียนบทละครของตัวเธอเองอีกด้วย
เซบาสเตียนแนะนำให้มีอาเขียนบทเองและแสดงเป็นด้วยตัวเองไปเลย ให้น่าสนใจที่เป็นคุณ จะได้ไม่ต้องไปทดสอบบทเห่ยๆนั่น
มีอาเปิดใจและบอกเขาไปตรงๆว่าเธอไม่ชอบเพลงแจ๊ส เขาจึงพาเธอไปฟังเพลงแจ๊สที่บาร์โปรดของเขา เขาบอกข้อมูลที่เกี่ยวกับดนตรีแจ๊สมากมายให้กับเธอ และบอกเธอว่าเพลงแจ๊สน่ะ มันกำลังจะตายหายไปจากยุคนี้แล้ว เพราะหลายๆคนคิดว่ามันหมดยุคของเพลงแจ๊สไปแล้ว แต่เซบาสเตียนจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้น เขาจะเปิดไนต์คลับเป็นของตัวเองเพื่อยังคงที่จะสามารถสรรค์สร้างบทเพลงที่เป็นท่วงทำนองของแจ๊สไม่ให้หายไปตามกาลเวลา
ในคืนนั้นมีอาได้รับโทรศัพท์ ปลายสายแจ้งว่า เธอได้รับการคัดเลือก เธอรีบไปบอกเขาว่าเธอผ่านการคัดเลือกรอบแรกของบทซีรีย์ทีวีที่เธอเล่าให้เขาฟังไปก่อนหน้านี้ เขาแสดงบทละครหนึ่งจากหนังที่เกี่ยวข้องให้เธอดู แต่เธอไม่เคยดู
เขานัดเธอให้ไปดูหนังเรื่องนั้นด้วยกัน เพื่อศึกษาข้อมูล เซบาสเตียนบอกเธอแบบนั้น
แต่เธอลืมไปว่ามันเป็นวันที่พี่ชายของเกร็กมาถึงลอสแอนเจลิส เธอจำใจไปกินข้าวกับเกร็กและพี่ชาย เธอนั่งฟังสิ่งที่เกร็กและพี่ชายพูดคุยกัน เธอรู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ของเธอ แล้วจู่ๆร้านอาหารก็เปิดเพลงแจ๊ส เธอฟังแล้วนึกถึงเซบาสเตียน เธอขอโทษเกร็กแล้วเดินจากมา
เธอรีบเดินทางไปหาเซบาสเตียน เมื่อเธอหาเขาเจอ เธอก็เดินเข้าไปนั่งลงข้างๆเขา
แต่ยังไม่ทันที่หนังจะจบ ฟิล์มที่ใช้ฉายหนังกลับไหม้ซะก่อน
พวกเขาจึงตัดสินใจเดินทางไปยังสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่องที่พวกเขาได้ไปดูด้วยกัน
Griffith Observatory
เขาทั้งคู่เล่าความฝันของตัวเองให้อีกฝ่ายฟังและพวกเขาต่างก็สนับสนุนในความฝันของกันและกันอย่างเต็มที่
พวกเขาใช้เวลาร่วมกันมากมาย
มีอาย้ายเข้ามาอยู่กับเซบาสเตียน
วันหนึ่งเซบาสเตียนบังเอิญได้ยินที่มีอาคุยโทรศัพท์กับแม่
เธอบอกแม่ของเธอว่า เซบาสเตียนกำลังเก็บตังเพื่อนำไปเปิดคลับของตัวเองอยู่
ทำให้เขาตัดสินใจยอมเข้าร่วมงานกับเพื่อนเขาเสนอมาเพื่อเก็บเงิน
ถึงเขาจะไม่ชอบแนวเพลงที่เพื่อนเขาทำก็ตาม
แต่มีอาจะได้เห็นว่าเขาทำงานที่มั่นคง
มีอายังคงไล่ตามความฝันของเธอไปเรื่อยๆ
แต่เซบาสเตียนกลับยอมแพ้ให้กับความฝันของตัวเอง
เซบาสเตียนคิดว่ามันคงดีที่เขาจะมีงานทำที่มั่นคงและมีอาก็คงต้องการให้เป็นอย่างนั้น
เซบาสเตียนยอมแพ้และคิดว่าคงจะไม่มีใครชอบดนตรี/เพลงแจ๊สอีกแล้ว
แม้แต่มีอาก็เคยบอกเขาแบบนั้น
แต่มีอาเปลี่ยนไปแล้ว
เธอรักเพลงแจ๊สก็เพราะเซบาสเตียน
เธอพยายามบอกเขาว่า นี่มันไม่ใช่ความฝันที่แท้จริงของคุณนะ
แต่เขาก็บอกว่า ไม่หรอก นี่แหละความฝันของผม
บางทีผมก็แค่อยากให้มีคนมาชื่นชอบในตัวผมบ้าง
"คุณสนใจเรื่องความชอบของคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"
"คุณเป็นนักแสดงนะ คุณถามแบบนี้ทำไม" เขาพูด
นั่นคงเป็นคำพูดที่ทำให้เธอผิดหวังในตัวเขา
และเธอเลือกที่จะเดินออกจากบ้านของเซบาสเตียนไป
ในวันที่เซบาสเตียนต้องไปออกทัวร์
ก็เป็นวันที่มีอาจัดงานแสดงของเธอเอง
ผลที่ออกมาไม่ได้ดีเหมือนที่เธอคาดหวัง
มีผู้ชมไม่ถึงครึ่งฮอลล์
เธอได้ยินผู้ชมบางคนพูดว่าการแสดงของเธอนั้นไม่ดี
และที่ยิ่งไปกว่านั้นเซบาสเตียนคนที่เธอรักไม่ได้มาชมการแสดงของเธอด้วยซ้ำ
นั้นคงยิ่งทำให้เธอผิดหวังมากขึ้นไปอีก
เซบาสเตียนเพิ่งเดินทางมาถึงในตอนที่เธอกำลังจะเดินทางกลับ
เธอบอกเขาว่ามันจบแล้วทุกอย่างทั้งการทำตามความฝันอยากเป็นนักแสดงและเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเรา
การไล่ตามความฝัน คงไม่มีใครที่สมหวังตั้งแต่ครั้งแรกเราอาจต้องทำมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อที่จะประสบความสำเร็จ
แต่บางครั้งชีวิตมันไม่เป็นเช่นนั้น เราถูกทำให้ผิดหวังนับครั้งไม่ถ้วน เราล้มเหลว เราท้อแท้
จนในที่สุดเราเลือกที่จะยอมแพ้กับความฝันนั้น
เพราะบางทีมันก็เกินกว่าที่เราจะรับไหว
เพื่อที่จะทำตามความฝัน เราต้องแลกด้วยความเจ็บปวดขนาดนี้เลยหรือ ?
ไม่นานหลังจากนั้นมีทีมแคสติ้งพยายามจะติดต่อเธอแต่ไม่สามารถติดต่อได้
พวกเขาจึงโทรหาเซบาสเตียน
ในตอนแรกเขาตอบไปว่า เธอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว
แต่เมื่อคนปลายสายบอกว่าเกี่ยวกับการแคสติ้งแต่ไม่สามารถติดต่อเธอได้
เขาก็ไม่ลังเลที่จะไปตามหาและบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้
เมื่อเขาหาเธอพบ
เขาบอกเรื่องแคสติ้งกับเธอ
เธอกลับบอกว่า เธอจะไม่ไป เธอเหนื่อยที่จะต้องผิดหวังแล้ว
“ฉันทิ้งการเรียนเพื่อมาทำตามความฝันเป็นเวลาหกปี และฉันไม่อยากทำมันอีกต่อไปแล้ว ”
“ทำไมถึงไม่อยากทำมันแล้วล่ะ” เขาถามเธอ
“เพราะมันเจ็บปวดเกินไป”
เซบาสเตียนบอกว่าเธอทำตัวและร้องไห้เหมือนเด็กและตัดบทสนทนาด้วยการบอกว่าเขาจะมารับเธอพรุ่งนี้เช้า
วันต่อมามีอาตัดสินใจไปแคสติ้ง
โดยมีเซบาสเตียนตามไปให้กำลังใจถึงหน้าห้องแคสติ้ง
หลังจากที่เธอแคสติ้งเสร็จ
พวกเขาก็กลับไปที่เดิมที่พวกเขาเคยไปเดินเล่นด้วยกันอีกครั้ง
มีอาบอกว่าเธอไม่คาดหวังว่าเธอจะได้รับเลือก
“เขาจะเลือกคุณแน่ คุณจะได้รับการติดต่อมาแน่นอน ผมมั่นใจ”
เซบาสเตียนบอกเธอซ้ำๆ
มีอาถามเขาว่า
“เรื่องของเราจะเป็นยังไงต่อไป”
“ก็คงทำอะไรกับมันไม่ได้แล้ว พอคุณได้รับงานนี้…”
“ถ้าหากว่าฉันได้งานนี้” เธอแก้คำพูดของเขา
“เมื่อคุณได้รับการคัดเลือก คุณก็ต้องทุ่มเททุกอย่างให้กับมัน เพราะมันเป็นความฝันของคุณ”
“แล้วคุณล่ะ”
“ก็ทำตามความแผนของผมไง อยู่ที่นี่ แล้วทำตามความฝันต่อไป”
“คุณไปอยู่ปารีสที่นั่นมีดนตรีแจ๊สดีๆให้คุณฟัง ยังไงตอนนี้คุณก็รักแจ๊สแล้วใช่ไหม..."
“ใช่”
"ส่วนระหว่างเราก็คงต้องดูกันไป"
พวกเขาทั้งคู่เงียบไปสักพัก
"I'm always gonna love you." -Mia
"I'm always gonna love you, too" -Sebastian
ประโยคที่พวกเขาบอกกันและกันก่อนจะแยกย้ายไปทำตามความฝันของตัวเอง
ห้าปีต่อมา
พวกเขาทั้งคู่สามารถทำตามความฝันที่วาดเอาไว้ได้
มีอาทำตามความฝันของเธอได้สำเร็จ
เธอกลายเป็นนักแสดงชื่อดัง
เซบาสเตียนเองก็กลับมาทำตามความฝันของเขาเช่นกัน
เขาเปิดคลับโดยใช้ชื่อ Seb's
ชื่อที่มีอาเคยบอกให้เขาตั้งเป็นชื่อร้าน
พวกเขาทั้งคู่ไม่ได้พบกันเลยหลังจากแคสติ้งครั้งนั้น
มีอาก้าวเดินต่อไปในเส้นทางนักแสดง
เธอวางความรักของเธอและเซบาสเตียนเอาไว้ที่เดิม
และเธอก็ก้าวเดินต่อไป
เธอแต่งงาน มีครอบครัวและลูกสาวที่น่ารัก
กลับกัน เซบาสเตียนไม่ได้ทิ้งมันไปไหน
เขายังคงอยู่ที่เดิม
ความรักที่เขามีต่อมีอายังคงเป็นเช่นเดิม
พวกเขาบังเอิญกลับมาเจอกันในร้านSeb's
ในขณะที่เธอและสามีกำลังจะเปิดประตูรถ
พวกเขาทั้งคู่ได้ยินเสียงดนตรีแจ๊สดังมาจากในคลับที่อยู่เยื่องออกไป
พวกเขาตัดสินใจเดินเข้าไปในคลับดังกล่าว
SEB'S
แน่นอนว่ามีอาจำมันได้ทันทีเพราะมันเป็นชื่อที่เธอเคยบอกให้อีกคนนำไปตั้งเป็นชื่อร้าน
และตัวโน้ตที่ใช้แทนเครื่องหมายอัญประกาศเดี่ยว (')
เธอยืนนิ่งไปสักพักก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน
เธอนั่งลงข้างสามีของเธอ
ทั่วทั้งร้านถูกปกคลุมไปด้วยดนตรีแจ๊ส
และผู้คนมากมายที่หลงรักในดนตรี
เซบาสเตียนเดินขึ้นไปบนเวทีเพื่อแนะนำนักดนตรี
เมื่อเขากวาดสายตาลงมา
วันนี้เขาได้พบกับคนที่เขารักอีกครั้ง
เขาสบตากับเธอ
และเขานิ่งไป
"Welcome to Seb's"
เขาเอ่ยก่อนเดินไปนั่งที่เปียโนเพื่อบรรเลงทำนอง
เขาเลือกบรรเลงบทเพลงเดียวกันกับครั้งแรกที่เขาเล่นเปียโนเสร็จแล้วได้พบมีอา
ฉากในหนังตัดกลับไปในตอนที่พวกเขาได้พบกันครั้งแรก
จะเป็นยังไงถ้าเขาหยุดแล้วพูดคุยกับเธอในครั้งแรก
ตอนนี้จะเป็นอย่างไร
หากวันนั้นเขาไม่ไปทำวงดนตรีกับเพื่อนที่เขาไม่ชอบ
ที่เขาทำไปทั้งหมด เขาคิดว่าเขาทำเพื่อมีอา
ถ้าหากวันนั้นเขาได้เข้าไปรับชมการแสดงเดี่ยวของเธอ
ถ้าหากว่าเขาได้อยู่ข้างๆ เธอในตอนที่ไปทำตามความฝันที่ปารีส
ถ้าหากว่าย้อนกลับไปเขาเลือกไล่ตามความฝันของเขา
ถ้าวันนี้คนที่เดินกุมมือเธอเข้ามาในร้านไม่ใช่คนอื่น
แต่เป็นเขาเอง
ถ้าเป็นอย่างนั้น ตอนนี้พวกเขาคงได้ใช้ชีวิตร่วมกัน
มีลูกที่น่ารักด้วยกัน
ก้าวต่อไปและเติบโตเคียงข้างกัน
แต่ในท้ายที่สุดบทเพลงที่บรรเลงอยู่ก็ต้องจบลง
และเมื่อบทการแสดงดำเนินมาถึงฉากสุดท้าย
ม่านก็ค่อยๆเลื่อนปิดลงมาอยู่ดี
เมื่อบทเพลงที่เซบาสเตียนบรรเลงจบลง
มีอาก็เลือกที่จะลุกเพื่อเดินออกไปจากร้าน
แต่ก่อนที่จะเดินออกไป
มีอาเธอหันกลับไปมองเซบาสเตียนที่นั่งอยู่บนเวทีอีกครั้ง
เซบาสเตียนเองก็หันมามองเธอเช่นกัน
เขายิ้มให้เธอ
เธอเองก็ยิ้มให้เขา
ฉันดีใจที่ได้เห็นเธอทำตามความฝันที่เธอเคยวาดไว้
ฉันดีใจที่เธอประสบความสำเร็จ
ฉันยินดีจากใจจริงที่เห็นเธอมีความสุข
ในตอนสุดท้ายมีอาก็เดินออกจากร้าน
และเซบาสเตียนก็ยังคงบรรเลงบทเพลงให้ผู้คนฟังต่อไป
ในช่วงของการกักตัวที่ผ่านมาผู้เขียนได้มีโอกาสดูหนังเรื่อง INCEPTION บน NETFLIX แล้วรู้สึกประทับใจมากแม้จะเป็นหนังที่ฉายในปี 2010 ก็ตาม วันนี้ผู้เขียนจึงอยากจะมีรีวิวคร่าว ๆ ซึ่งเป็นเพียงความคิดเห็นผ่านมุมมองของตัวผู้เขียนเองนะคะ มาเริ่มกันเลยค่ะ
โดยเรื่องนี้จะเป็นเรื่องของการเข้าไปในความฝันของผู้อื่นเพื่อเข้าไปขโมยบางอย่างที่อยู่ในจิตใจหรือความคิด ซึ่งพระเอกของเรานั่นก็คือ Leonardo Dicaprio รับบทเป็น Cobb นักจารกรรมความฝัน มีภรรยาซึ่งติดอยู่ในความฝันไม่สามารถแยกแยะได้ว่าตัวเองอยู่ในโลกความเป็นจริงหรือความฝันกันแน่ จึงฆ่าตัวตายในที่สุด รับบทโดย Marion Cotillard รับบทเป็น Mal ส่วนผู้ที่จะมาออกแบบโลกความฝันให้นั่นก็คือ Ellen Page รับบทเป็น Ariadne เป็นสถาปนิก โดย Cobb มีผู้ช่วยอีกหนึ่งคนนั่นก็คือ Joseph Gordon-Levitt รับบทเป็น Arthur และยังมีคนอื่นอีกมากมายแต่เราจะขอพูดแค่ตัวละครหลัก
Cobb ได้ถูกว่าจ้างให้เข้าไปในความฝันของลูกชายนักธุรกิจคู่แข่งของผู้ว่าจ้าง เพื่อเข้าไปเปลี่ยนความคิดให้ลูกชายนักธุรกิจล่มสลายอาณาจักรของพ่อตัวเอง ซึ่งถ้าเขาทำสำเร็จเขาจะสามารถกลับบ้านของเขาที่มีลูก ๆ รออยู่ได้โดยไม่ถูกจับเนื่องมาจากอาชีพที่เขาทำนั้นผิดกฎหมาย เขาจึงรับภารกิจนี้ ซึ่งเขาและ Arthur ได้เดินทางไปฝรั่งเศสเพื่อหาสถาปนิกมาช่วยออกแบบฝัน ซึ่งก็ได้ Ariadne มา เขาได้ลองให้เธอเข้าไปในความฝันและลองออกแบบดูซึ่งหลังจากออกจากความฝัน Arthur ได้บอกกับเธอว่า เธอจำเป็นต้องมี Totem ติดตัวไว้ตลอด Totem ในที่นี้คือสิ่งของขนาดเล็ก มีน้ำหนักหน่อย โดยคนอื่นห้ามรู้ และต้องเฉพาะตัว ซึ่ง Totem ของ Cobb คือลูกข่าง เขาจะเช็คตัวเองโดยการหมุนลูกข่างถ้าลูกข่างหยุดหมุนปกติแสดงว่าอยู่ในโลกจริงแต่ถ้าไม่ แสดงว่าอยู่ในโลกความฝัน ถ้าเห็น Totem ของตัวเองจะแน่ใจว่าไม่ได้อยู่ในความฝันของคนอื่น ตอนนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วจะออกจากฝันนั้นยังไง การออกจากฝันสามารถทำได้โดยการปลุก ซึ่งในการทำภารกิจก็จะมีคนนึงที่อยู่คอยปลุกคนที่เหลือและในฝันแต่ละชั้นก็จะเปลี่ยนคนปลุกไปเรื่อย ๆ การปลุกทำได้โดยการเปิดเพลงที่คุ้นเคย ตกจากที่สูง หรือ ตายในความฝัน นี่ก็เป็นเนื้อเรื่องคร่าว ๆ นะคะ สำหรับใครที่อยากรู้ว่าเขาจะสามารถทำสำเร็จและออกจากโลกความฝันได้หรือดำดิ่งอยู่ในนั้นก็ต้องไปลุ้นกันในหนังนะคะ ผู้เขียนขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่อ่านมาจนถึงตรงนี้มากๆค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in