เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
โชว์ห่วย โชะเด๊ะWatch Take
พูดไม่รู้เรื่อง
  •           คุณเคยเจอมั้ยครับ ทั้ง ๆ ที่เค้าก็พูดภาษาเหมือนกับเรา ไม่ได้ติดสำเนียงอะไร แต่เราไม่สามารถสื่อสารกับเค้าได้สัมฤทธิ์ผลมากนัก ซึ่งคนขายของอย่างพวกผมก็ต้องเจอ ๆ กันบ้างในชีวิตประจำวัน อาจจะวันละครั้ง หรือวันละหลายครั้ง แล้วแต่โชคชะตาจะพาชีวิตไปเจอกับลูกค้ามัน ๆ ต่างรูปแบบยังไงบ้าง
              นี่คือบทสนทนาระหว่างหม่าม้าของผมกับลูกค้าคนหนึ่ง เป็นกระทาชายอายุราวสี่ซ้าห้าสิบปีมาซื้อของในร้านของเรา
              หม่าม้า: น้าจะเอาอะไรมั่ง
              สมมติว่าชื่อน้ามั่น: เอาเบนโลขวดนึง
              ในใจของหม่าม้าตอนนั้นก็คิดว่าทำไมตาคนนี้ใจดีจัง ซื้อยาเบนโลให้เมีย ซึ่งมันเป็นยาสำหรับสตรี ก็ไม่รู้ว่าผู้ชายจะซื้อไปทำอะไร นอกเสียจากจะซื้อให้เมีย จากนั้น น้ามั่นนามสมมติก็พูดต่อ "ไอ้ขวดเขียว ๆ อะ" นี่ก็เป็นการยืนยันเพื่อให้แน่ใจว่าแม่ค้าจะหยิบมาถูก หม่าม้าก็ไปหามา แล้วยื่นให้น้ามั่น แต่สีหน้าที่น้ามั่นส่งมา เหมือนจะมีข้อผิดพลาดอะไรกับยาขวดเขียว ๆ ขวดนั้น
              น้ามั่น: ไม่ช่ายยย ไอ้ขวดเขียว ๆ อะ เบลโล ๆ
              หม่าม้า : ใช่ไมโลรึเปล่า ขวดเขียว ๆ อะ
              น้ามั่น : เออ ๆ ไมโลๆ
              บางทีทุกท่านอาจจะคิดว่าเรื่องมันจะจบแค่นี้แฮปปี้เอนดิ้ง ลูกค้าได้ของที่ต้องการไป คนขายได้ตังค์ไปก็จบ เอนด์เครติดขึ้นมา เพลงเพราะตามมา แต่... มันดันมีซีนที่ซ่อนอยู่หลังเครดิต
              น้ามั่น : ไม่ใช่ ๆ ไอ้ที่เป็นน้ำ ขวดเขียว ๆ อะ! 
              น้ามั่นเริ่มทำท่าไม่พอใจ เหมือนกับว่าขายของแค่นี้ทำไมไม่รู้ ส่ายหน้า ส่ายหัว ทำท่าสุดที่จะขัดใจเค้ามาก ๆ
              หม่าม้าก็ไปหยิบไอเท็มมาชิ้นนึง ซึ่งมันส่องประกายความหวังออกมา เป็นน้ำ แล้วก็เป็นขวดสีเขียวใส แทบจะส่องทะลุตาของน้ามั่น หน้าของน้ามั่นฉายแววว่าได้สิ่งที่ต้องการมาแล้ว
              น้ามั่น : ใช่ ๆ นี่แหละ ๆ เมลโล่ ๆ อะ
              หม่าม้า เหลือบตามองบนจนตาดำจะกลับหลังอยู่แล้ว... ทำไมไม่บอกว่าเป็นเมลโล่! เป็นน้ำซ่า ๆ ขวดเขียว ๆ น้ามั่นนนนนน!
              มนุษย์เราบางทีก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เราต้องการมันคืออะไร แล้วก็ไม่บอกชัดเจน จนสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับพ่อค้าแม่ขาย ไอ้ขายเราก็อยากขาย แต่ก็หยิบให้ไม่ถูกก็ไม่รู้ว่า "ลื้อจะเอาอาลายยยย" (บังทีก็หยักพุ่กแบ็กนี้เหมืองกัง) คืองงกันไปเป็นแถบ
              บางคนก็มีอีกแบบคือ คิดคำขึ้นมาเองเสียจนคราวนี้เป็นผมเองที่เจอเองมากับตัว คราวนี้เป็นแม่ชีนุ่งขาวห่มขาวมาเลยมาบอกผมว่า "ซื้อดินสอหน่อยจ้ะ" ไอ้เราก็ครับ ๆ แล้วก็หยิบขึ้นมาครับ ดินสอไม้เบสิค ๆ ลายริ้วเหลืองแดง ๆ แล้วคุณแม่ชีท่านนั้นก็ทำสีหน้าราวกับน้ามั่นที่ไม่ได้ของดั่งใจที่ต้องการ มันดูขุ่นมัว มันดูคับข้องใจในสิ่งที่ผมหยิบมันขึ้นมา "ไม่ใช่ ๆ ไม่ใช่อันนี้" ผมก็เลยต้องตอบกลับไปว่า "ใช่แท่งเขียว ๆ แบบ 2B รึเปล่าครับ" แล้วเราก็หยิบขึ้นมา... แม่ชีเพิ่มระดับความไม่ได้ดั่งใจของตัวเองเพิ่มขึ้นสองเท่าแล้วก็พูดเสียงดังขึ้นอีกนิดว่า "ไอ้ดินสอหมึกสีแดงอะ!" ...
              ฉับพลันทันใดเหมือนวัชรพงศ์ เข้าไปอยู่ในดินแดนสนธยา เข้าไปอยู่ในโลกที่ความเป็นดินสอกับความเป็นปากกานั้นมันไม่ชัดเจน มันพร่าเลือน มันมั่ว ๆ งงงวยหนหวยอนอวยไปหมด น้ำตาเริ่มรื้น แต่พอได้สติขึ้นมาผมก็เห็นวัตถุสีแดงส่องแสงแห่งความหวัง ราวกับว่ามันจะทะลวงเข้ามาในแดนสนธยานั้น เพื่อพาให้วัชรพงศ์ออกจากที่นี่ไป
              "ใช่อันนี้เปล่าครับ" ผมบอกแม่ชี
              "ใช่จ้ะ เท่าไรจ๊ะ" แม่ชีถามกลับ
              "12 บาทครับ" ผมตอบแม่ชี
              เธอเดินจากผมไปท่ามกลางทุ่งลาเวนเดอร์ลั้นลาตามประสาคนได้ของที่ต้องการ แล้วทิ้งผมเอาไว้กับบรรยากาศดาร์ค ๆ มืดมิดพิศวงงงงวยหนหวยอนอวย (งงใช่มั้ยล่าว่าอ่านว่ายังไง! ) แล้วทันใดนั้นเหมือนกับภูเขาไฟที่ระเบิด ณ กรุงปอมเปอี แทบอยากจะตะโกนไปหาป้าแม่ชีดัง ๆ เอาให้ดัง 120 เดซิเบลเลยนะ "เค้าเรียกว่าปากกาเคมีสีแดงคร้าบบบบบ!!! พี่น้องคร้าบบบบ!!! นะครับป้าาาาาาา!!!!" วัน ๆ ผมก็จะเจอเรื่องราวประมาณนี้แหละเรื่องที่พอมานึกทีหลังก็ตลกตัวเองอยู่เหมือนกัน
              นอกจากนั้นก็ยังเจออีก คราวนี้ลูกค้าบอกว่าไปหยิบขันสีเขียวมาให้หน่อย ไอ้ผมก็รีบไปหยิบมาให้ดั่งใจทั่นต้องการ เป็นขันสีเขียวสดใสใบน่ารักน่าชัง แต่เหมือนเดิมในเสี้ยววินาทีที่เห็นสีหน้าของลูกค้าคือ
              พ่อค้า: "ข้าหยิบผิดอีกแล้วใช่มั้ยท่าน"
              ลูกค้า: "ใช่"
              พ่อค้า: "แล้วท่านต้องการอะไรจาก (สังคม?) ข้ากันแน่"
              ลูกค้า:"ก็ขันสีเขียวไง"
              พ่อค้า: "แล้วอันนี้มันไม่เขียวรึไงท่าน"
              ลูกค้า: "ก็ไม่ใช่เขียวแบบเนี้ยยย!"
              พ่อค้า: "แล้วเขียวของท่านมันเป็นแบบไหนกันฮึ! ข้าจักได้ไปหยิบให้ท่านถูก"
              พ่อค้าเข้าสู่ดินแดนสนธยาอีกครั้ง แต่คราวนี้เนื่องจากพ่อค้าสมองใส นึกขึ้นได้ถึงความแตกต่างของยุคสมัยเรากับลูกค้าต้องแตกต่างกันอย่างแน่นอน เพราะในตอนนี้ขันในบ้านเรามีแค่สีเขียว ชมพู ฟ้า แค่สามสี พอนึกไปนึกมาก็ไปหยิบมาอันนึง
              ส่งให้ บอกราคา จ่ายตังค์ ครบ จบ ไปและ บ้าย... (คือ Bye แต่ออกสำเนียงวัยรุ่น) จบตอน...
              อะ! อะไรนะ ไม่รู้เหรอว่าพ่อค้าหยิบอะไรให้ลูกค้าไป คืออย่างนี้ครับ ถ้าท่านมีผู้หลักผู้ใหญ่อยู่ในบ้านอายุอานามราว ๆ 60-70 ปี ท่านลองถามเรื่องเกี่ยวกับสีสันดู ถามง่าย ๆ ว่าไอ้นี่สีอะไร ไปเรื่อย ๆท่านก็จะพบความจริงที่ว่า คนแก่ ๆ เค้าเรียกสีฟ้า กับสีเขียว เป็นสีเดียวกัน!
              จากเท่าที่สืบมาได้ว่าในสมัยก่อนนั้น เรายังไม่มีคำเรียกสีฟ้า เราจะเรียกสีฟ้าในปัจจุบันนี้ว่าเป็นสีเขียว* สีฟ้าพึ่งจะมาบัญญัติใหม่ในยุคนึง ดังนั้นการที่ผู้สูงอายุบางท่านจะคุ้นชินแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอย่างใด หากแต่เป็นเราเสียอีกที่จะต้องทำความเข้าใจว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เราจึงอยู่ร่วมกันกับมนุษย์ที่มีความแตกต่างหลากหลายกันขนาดนี้ได้อย่างมีความสุข
              รู้สึกว่าพ่อค้ายังไม่ค่อยได้ดั่งใจลูกค้าอยู่บ่อย ๆ นะ!
              ปล. ถ้าช่วงไหนได้ข้อมูลเชิงลึกกว่านี้จะเอามาเพิ่มเติมให้อ่านกันนะครับ
    เมลโล เจ้าปัญหา*

    *ที่มา 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in