เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Book ReviewJaturaphat Wannapoporn
ความเรียงที่ระลึก บันทึกถึงฮ่องกง (Review)

  • ผู้แต่ง: Jirabell (จิรเดช โอภาสพันธ์วงศ์)

    สำนักพิมพ์ : Bun Book

    ราคาตามปก : 270 บาท

    จำนวนหน้า : 288 หน้า


    ผมซื้อหนังสือเล่มนี้ในช่วงที่กำลังเห่อหนังสือเกี่ยวกับต่างประเทศ ซื้อมาซะแทบจะเต็มชั้นหนังสือ แต่เช็คดูแล้วนะว่าเรื่องเกี่ยวกับฮ่องกงมันยังไม่มี แถมบูท Bun Book ในงานหนังสือปีก่อนมีโปรโมชั่นลดราคาอยู่ ผมก็เลยตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นเยอะ สุดท้ายก็ได้มาครอบครองพร้อมกับหนังสืออีกหลายเล่ม กลับบ้านมาก็ลองหยิบขึ้นมาอ่านคำโปรยบนหน้าปกหนังสือ และจ้องมองดูรูปปกก็รู้สึกเหงาขึ้นมาแปลก ๆ 
    เรือแล่นในสายหมอกที่กำลังบดบังตึกสูงอันเต็มไปด้วยคนเหงา ...... ขอเหงาด้วยคนละกัน

    จิรเดช โอภาสพันธ์วงศ์ ผู้ใช้นามปากกา jirabell เป็นนักเขียนผู้ส่งผ่านความเหงาจากตัวอักษรในหน้าหนังสือสู่ผู้อ่าน พี่เบลล์มีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้ากองบรรณาธิการของนิตยสาร a day แต่ดันไปออกหนังสือเล่มนี้กับสำนักพิมพ์ Bun Book เอ้อ!! งงเด้!! แต่ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเรา แต่พี่เบลล์ก็เคยออกหนังสือกับ Bun Book มาก่อนหน้านี้ เบ็ดเสร็จสองเล่ม คือ ความทรงจำอยู่ที่ไหน ความคิดถึงอยู่ที่นั่น และ เราไม่ได้อยู่คนเดียว-อยู่คนเดียว ซึ่งผมก็ยังไม่เคยได้ยลโฉมทั้งสองเล่มนี้มาก่อน เล่มนี้จึงเป็นเล่มแรกที่จะได้พิสูจน์ฝีมือการเขียนของพี่แกน่ะเอง


    ความรู้สึก 

    จริง ๆ ตอนแรกก็ไม่อยากจะจัดว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นหนังสือเที่ยวเท่าไหร่ เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นการย้อนความหลังหรือเล่าประสบการณ์ตอนพี่เบลล์อาศัยอยู่ที่ฮ่องกง แต่เพราะพี่เบลล์ไปเยือนหลายที่มาก แถมไม่ค่อยจะไปที่เที่ยวดัง ๆ แบบที่คณะทัวร์เค้าชอบไปกัน ผมก็เลยจัดว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเที่ยวด้วยละกัน และอีกจุดเด่นที่ชอบคือเวลาที่พี่แกเล่าถึงสถานที่ใด พี่แกจะไม่ได้เล่าแต่สิ่งที่เห็น แต่พี่แกจะเล่าถึงความรู้สึกที่มีต่อสถานที่นั้น (หรือเคยมี) และคนในละแวกนั้นด้วย คือมันล้ำไปอีกระดับอ่ะ มันทำให้คนอ่านแบบเรา ๆ เข้าถึงความทรงจำใน ณ ตอนนั้นด้วย อ่านแล้วเห็นภาพและเข้าใจฟีลลิ่งนั้นเลย

     

    โคตรเหงา 

    คือก็ไม่รู้ว่าตอนเขียนพี่แกมีอารมณ์เศร้า เหงาหงอย มาจากไหน ทุกตัวหนังสือตัวอักษรที่อยู่ในแต่ละหน้ามันถึงได้ดูเศร้าไปโม๊ดดดด ถ้าดูหนังอยู่ก็รู้เลยว่านี้มันหนังของหว่องกาไว (หว่อง ก๊า ไหว่) ชัด ๆ ทำไมมันเหงาอะไรจะปานนี้ เหงาจนโน้มน้าวให้คนอ่านเหงาตามไปด้วยได้นี่ไม่ธรรมดาเลย (เหงาสมชื่อหนังสือเลยนะเนี่ย) ที่ผมรู้ว่าพี่แกมีฟีลลิ่งเหงา เหงา แบบเสนาหอย ก็เพราะสังเกตจากที่แกชอบที่จะเขียนความคิดความรู้สึกของแกใส่ลงไปในหนังสือนั่นแหละ คนเหงาเขาก็ชอบคุย ชอบถามตัวเอง และก็อยากระบายมันออกมาตามประสานั่นแหละครับ

     

    กับความหลัง

    ขอเกริ่นสักนิดนึงว่าช่วงเด็กพี่เบลล์แกอาศัยอยู่ที่ฮ่องกงครับ อยู่กับญาติ ๆ พี่สาว พี่ชาย อี้ เตี๋ย อะไรก็ว่ากันไป พี่แกก็เลยมีความหลังอยู่กับบางสถานที่บ้าง ทีนี้เวลาแกไปเที่ยวที่ไหน หรือเห็นเหตุการณ์อะไรที่คล้ายกับความหลังในอดีตพี่แกก็จะเล่าให้ฟังครับ ก็มีทั้งเหตุการณ์น่าประทับใจ ฟีลลิ่งครอบครัวอบอุ่น หรือเรื่องราวเศร้าสร้อย ไปจนถึงเรื่องหลอน ๆ 555 ก็ได้หลากอารมณ์ดี (ยกเว้นอารมณ์อยากหัวเราะ) โดยเฉพาะเรื่องเศร้า ๆ นี่พี่แกเขียนเก่งเหลือเกิน ถ้าใครมีความหลังคล้าย ๆ พี่แกก็น่าจะสะเทือนใจไม่น้อย

     

    และภาพถ่าย

    ผมชอบภาพถ่ายที่เอามาประกอบหนังสือเล่มนี้มากกกกก และส่วนใหญ่จะเป็นภาพถ่ายแนวสตรีท มีบ้างที่เป็นแลนด์สเคปให้เห็นสถานที่ชัด โทนสีจะซีด ๆ คล้ายกับเวลาเราใช้กล้องฟิล์มถ่ายนิดนึง แต่ก็ยังคงสีสันไว้บางส่วนให้รู้สึกว่าภาพถ่ายไม่ได้ถูกบิดเบือนตกแต่งจนเกินไป องค์ประกอบในภาพนี่ถือว่าเด็ดใช้ได้เลย ที่สำคัญคือสื่อความเหงาได้ดี ดังนั้นพวกเราเหล่าคนอ่านก็เลยได้เห็นทั้งที่เที่ยว วิถีชีวิต และบรรยากาศของฮ่องกงไปพร้อม ๆ กันในหนังสือเล่มนี้



    ในวาระสุดท้ายของชีวิต การไม่ได้เดินทางเป็นปัญหาที่เล็กเท่าฝุ่นผง

    เมื่อเทียบกับการไม่มีใครสักคนให้อยู่เคียงข้าง


    Rating : Great!!  


    อ่านแล้วเหงาจังฮู้ แต่อยากไปเที่ยวฮ่องกงสุด ๆ ไปเลย 55  


    ยังไงถ้าข้อมูลผิดพลาดประการใดก็กราบขออภัยใน ณ ที่นี้ด้วยนะครับ -/-

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in