เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
OS / SF MONSTA XEDEE
SEVENS DAY AND ONE WEEK (เจ็ดวันจูเอ็ม) { JOOHEON X IM }
  •  

     







    “มาลองซ้อมเป็นแฟนกันดูมั้ย?”


    ห้ะ?


    ไอ้บ้านี่มันพูดอะไรของมัน?

     

     

     

    ตกใจใช่มั้ย?


    เขาก็ตกใจเหมือนกัน


    อิมชางกยุนมองหน้าคนตรงหน้าด้วยความสงสัย อีจูฮอนตามวอแวเขามานานแล้ว ถ้าภาษาที่คนทั่วไปใช้กันคงเป็น “ตามจีบ” เขามาสักพักแต่การ “ตามจีบ” ของจูฮอนน่ารำคาญเกินไปในความคิดของชางกยุน สามเดือนที่แล้วอยู่ๆก็มีเสียงตามสายของคณะประกาศขึ้นมาว่า ชางกยุนเป็นสมบัติของอีจูฮอนแต่เพียงผู้เดียว เล่นเอาเจ้าของชื่อถึงกับเลือดขึ้นหน้าชางกยุนทั้งโกรธทั้งอายเขาไม่ใช่วัตถุหรือของเล่นที่ใครจะจับจองเป็นเจ้าของได้ตามใจชอบ


    หลังจากนั้นสิ่งที่ชายตาเล็กทำก็เป็นรูปแบบการจีบทั่วไป แบบที่คนสมัยใหม่เขาทำกันส่งข้อความมาหาเขาทุกวันตอนเช้าและเย็น ฝากน้ำและขนมมาให้ อยู่รอเขาถึงเย็นซ้ำๆกันทุกวันมาเป็นเวลาสามเดือน ชางกยุนไม่ทำอะไรเขาเพียงแต่เมินเฉยพฤติกรรมเหล่านั้น เห็นข้อความก็เพียงแค่กดอ่านน้ำขนมก็เอาไปทิ้ง อยู่รอถึงเย็นเขาก็ทำเป็นเพียงแค่เดินผ่าน


    อีจูฮอนน่ารำคาญเกินไป

        





     

     


    “ไม่”ชางกยุนปฏิเสธคำของจูฮอน น่ารำคาญขนาดนี้ พ่อไม่สั่งมือปืนไปยิงทิ้งก็บุญหัวแล้ว


    “ไม่ต้องเป็นแฟนกันจริงๆแค่ซ้อมเป็นแฟนกันเฉยๆ”


              เอาจริงดิ? นี่ยังไม่รู้ตัวอีกหรอว่าเขาทนมาแค่ไหน ถึงแม้เพื่อนๆเขาจะคอยเชียร์ว่าจูฮอนดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ น่ารักประมาณนั้น น่ารักประมาณนี้ชางกยุนไม่เคยเห็นมุมพวกนั้น สำหรับเขาให้ผู้ชายตรงหน้านี้ มีเพียงคำเดียวเลยคือ


              “รำคาญ”


              แต่สีหน้าของจูฮอนไม่ได้เปลี่ยนไป เหมือนเขาชินชากับพฤติกรรมและคำพูดแทงใจดำของชางกยุนเสียแล้ว นั่น…ยิ่งทำให้ชางกยุนหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น


              “แค่สัปดาห์เดียว”


              “…..”


              “ถ้าสัปดาห์หนึ่งผ่านไปชยุนยังคิดว่าพี่น่ารำคาญ พี่จะไม่ยุ่งกับชยุนอีกเลย”


              “ไม่ยุ่งอีกเลย จริงหรอ?”


    ข้อเสนอน่าสนใจน่าสนใจตรงที่ว่า ผู้ชายตรงหน้าจะหายไปจากเขาตลอดกาลแค่สัปดาห์เดียวที่ต้องทนเป็นแฟนปลอมๆ ให้อีจูฮอนมันไม่เหนือบ่ากว่าแรงเขาอยู่แล้วเขาก็แค่ทำเหมือนที่ผ่านมา ไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องแคร์ผู้ชายที่แสนน่าเบื่อคนนี้คงไม่มีมุกอะไรใหม่ๆมาทำให้เขาประทับใจหรอก


               “Deal”


              ชางกยุนมั่นใจในความใจแข็งของตน เขาเชื่อเสมอว่าคนจะใช่ มันต้องใช่ตั้งแต่แรกเขาคงไม่มีวันตกหลุมรักอีจูฮอนภายในเจ็ดวันแน่ๆ

        





     

     


     

     

    Monday


    ชางกยุน Feeling: นี่คิดผิดรึเปล่าวะ ?

             

         


         อีจูฮอนโผล่มาตั้งแต่แปดโมงเช้า ชายหนุ่มตาเล็กมาเคาะประตูห้องเขาแต่หัววัน พร้อมกับกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ เขาให้เหตุผลกับชางกยุนว่าคนเป็นแฟนกันมันก็ต้องอยู่ด้วยกันสิถึงจะครบสูตร เขาทำได้แค่เปิดประตูห้องค้างไว้แล้วกลับไปนอนต่อ ทิ้งให้ผู้มาเยือนจัดข้าวของของตนในห้องตัวเองอย่างถือวิสาสะ ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมของมหาลัยชางกยุนจึงอยู่เล่นเกมจนลืมวันลืมคืน เขาสลบไปนานแค่ไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีกลิ่นอาหารบางอย่างที่ลอยเข้ามาแตะจมูกคนตัวเล็กเสียแล้ว


              “อื้อออ”


              เขาบิดตัวไปมาทั้งที่รู้สึกว่านอนมาหลายชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ชางกยุนพยายามม้วนตัวหนีกลิ่นอาหารที่ลอยมาในอากาศ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหิว เออ…ลุกก็ได้วะ


              “อ้าว ตื่นแล้วหรอ ?”


              ภาพที่คนตัวเล็กเห็นคือชายหนุ่มรุ่นพี่กำลังตักเส้นพาสต้าใส่จาน เขาดูสาละวนอยู่กับอาหารตรงหน้าดูเงอะงะแต่แอบเชี่ยวชาญพิลึก จูฮอนเพียงแต่เงยหน้ามายิ้มให้เขาแล้วหันกลับไปจัดการในครัวต่อ คนตัวเล็กได้แต่เกาหัวแบบงงๆ กับสถาการณ์ตรงหน้า


    จูฮออนจะรู้ไหมว่า ครัวของเขาแทบไม่เคยได้ใช้งานเลย


              ชางกยุนไม่พูดอะไรไม่แม้แต่จะส่องกระจกดูสภาพตัวเอง หัวเขาฟูกระเจิง กับจูฮอนเขารู้สึกว่าไม่ต้องสร้างภาพอะไรให้ประทับใจอยากแต่จะเอาด้านแย่ๆออกมาให้เห็นด้วยซ้ำ เขาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตรงหน้าเคาเตอร์ในห้องครัวกำลังจะหยิบซอสมะเขือเทศสีสดมาราดจานพาสต้าตรงหน้า แต่กลับถูกมือหนาจับหมับเข้าให้


              “ชิมก่อนปรุงสิครับ”


              มีสิทธิ์อะไรมาสั่งเขาวะ


              “แต่….”


              “ชิมก่อนสิครับ ไม่อร่อยค่อยปรุงพี่จะได้รู้ว่าชยุนชอบกินรสชาติแบบไหน”


              โอเค เขายอมแพ้ ชางกยุนจงใจชักสีหน้าใส่เพื่อให้รู้ว่าเขาไม่พอใจแต่ถึงอย่างนั้นมือซ้ายค่อยๆวางซอสมะเขือเทศลง ส่วนมือขวาก็ม้วนเส้นพาสต้าเข้าปาก


    “อร่อยไหม?”


    จูฮอนยิ้มรอคำตอบเวลายิ้มแบบนี้ยิ่งทำให้ตาที่เล็กอยู่แล้วเล็กลงไปอีก


    หน้ายิ้มตาไม่เห็นจำเป็นต้องยิ้มตามเลย…


    ชางกยุนเคี้ยวตุ้ยพลางตักคำที่สองเข้าปาก


    “กินคำที่สองแสดงว่าอร่อย”


    “หิวต่างหาก”


    อร่อยๆจริงแหละ….. แต่จะให้พูดน่ะหรอ ฝันไปเถอะอีจูฮอน เขาไม่ยอมพูดว่ารสชาติมันดีแน่ๆถึงแม้ฝีมือทำพาสต้ามีทบอลของจูฮอนจะทำให้เขาถึงตะลึงในคำแรกที่รับรส ทำไมเขาถึงไม่เคยรู้ว่ารุ่นพี่ที่ภายนอกดูไม่ได้เรื่อง จะทำอาหารอร่อยขนาดนี้ รสชาติมันกลมกล่อมไปหมด แถมยังทำติดรสหวานอย่างที่ตัวเขาชอบ หรือบางทีเขาอาจจะกินอาหารแช่แข็งมากเกินไป จนไม่เคยชินกับอาหารที่สดใหม่แบบนี้


    “วันนี้อยากไปไหนไหม?”


    จูฮอนเอ่ยถามในขณะที่อีกคนกำลังจัดการพาสต้าในจาน ชางกยุนลืมไปว่าตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ระหว่างเล่น “เกม7วันฉันกับเธอ” เขาไม่ได้มีแผนอะไรเป็นพิเศษ ปกติปิดเทอมเขาก็เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้อง เล่นเกมทั้งวันทั้งคืนออกไปสังสรรค์กับเพื่อนบ้าง เดินห้างคนเดียว แต่เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการกลิ้งไปกลิ้งมาในห้องกว้างๆนี่ เขาไม่เคยมีแพลน แค่อยากทำอะไรก็ทำ ตามสไตล์หนุ่มโสด


    “ไม่”


    “ตื่นมาก็เย็น เสียเวลาไปแล้วตั้งวันหนึ่ง”


    จูฮอนบ่นอุบแต่มือกลับกลับคว้าจานของชางกยุนไปล้างทำความสะอาด จูฮอนจัดการใส่ถุงมือและผูกผ้ากันเปื้อนอย่างมือโปร


    “พี่ไปเอาถุงมือกับผ้ากันเปื้อนมาจากไหน?”


    “ในลิ้นชักข้างตู้เย็น”


    ทำไมเขาเป็นเจ้าของห้องแท้ๆแต่กลับไม่เคยรู้เลยว่ามีของแบบนี้อยู่ในห้องเขาด้วย แล้วทำไมเขาต้องรู้สึกหัวเสียที่เหมือนคนแพ้แบบนี้ล่ะ แค่เขาไม่รู้ว่าถุงมือยางกับผ้ากันเปื้อนอยู่ตรงไหนแค่นั้นเอง


    “ชยุนไม่เคยทำกับข้าวเลยล่ะสิ กระทะมีดอะไรพวกนี้ฝุ่นจับไปหมดแล้ว ในตู้เย็นก็มีแต่อาหารแช่แข็ง กินมากๆมันไม่ดีนะครับ”


    “รู้แล้วบ่นเป็นพ่อเลย”


    “เจ็ดวันนี้ชยุนห้ามกินอาหารแช่แข็งเลยนะ อยากกินอะไรเดี๋ยวพี่ทำให้กิน โอเคไหมครับ?”


    “เหอะ”


    คนโดนเทศน์มองบน อาจเพราะเขาอยู่คนเดียวมากเกินไป จนไม่ได้ใส่ใจอาหารการกินหรือสุขภาพของตัวเองมากนัก เขาไม่อยากจะนั่งเสวนากับคนตรงหน้าอีกแล้วเดี๋ยวจะโดนบ่นไปมากกว่านี้ ชางกยุนเลยเดินคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่ออาบน้ำชำร่างกาย

        





     

     


      

    “เฮ้อ”

    สายน้ำไหลผ่านร่างของคนตัวเล็กเขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ การกินข้าวมื้อนี้ไม่เหมือนมื้ออื่นๆถ้าไม่นับกินข้าวกับเพื่อน ก็ไม่มีใครมานั่งกินข้าวกับเขานานแล้วไม่ต้องนับทำอาหารเลย ครัวนี้ถูกใช้เฉพาะตอนที่พ่อกับแม่มาเยี่ยมเท่านั้น รสชาติพาสต้ามีทบอลเมื่อกี้ยังหลงเหลือยู่ในปากมันอร่อยจริงๆนะ…

    หรือการมีจูฮอนเจ็ดวันมันจะไม่น่ารำคาญขนาดนั้นกันนะ ?

     

     

     

     

        





     

     


     

    ค่ำคืนวันจันทร์หมดไปกับการเล่นเกม


              ชางกยุนนั่งแหมะลงบนพื้นห้องนั่งเล่นและเริ่มเล่นเกมอย่างเอาเป็นเอาตาย หารู้ไม่ว่ามีอีกสายตากำลังมองเขาอยู่ นัยน์ตาเรียวเล็กจับจ้องพฤติกรรมคนเด็กกว่าอย่างเอ็นดูภาพลักษณ์ที่มหาวิทยาลัย ชางกยุนดูเย่อหยิ่ง ไม่พูดไม่จา ดูไปดูมาอาจไม่น่าคบแต่ชางกยุนตรงหน้าเขานี้กลับกลายเป็นเด็กประถมในสายตาของจูฮอน เสื้อสีขาวตัวเก่ากับกางเกงนอนขายาวมันเหมาะกับชางกยุนมากกว่าเสื้อเชิ้ตสีสดกางเกงยีนส์รัดรูปเสียอีก ชายหนุ่มรุ่นพี่หลุดขำในขณะที่มือยังคงเช็ดผมที่เปียกหมาดจากการอาบน้ำ


              เสียงนั่นทำให้ชางกยุนหันมาพบกับภาพอีจูฮอนในเสื้อกล้ามสีดำตัวโคร่งกับบ็อกเซอร์ขาสั้นลายสก๊อตมือขวากำลังใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กขยี้หัวอย่างชินมือ หยดน้ำใสยังคงเกาะตามเส้นผมและร่างขาวนั่นแต่ดวงตาเรียวยาวกับจับจ้องมาที่ตัวเขา ทุกอากัปกริยานั้นทำให้ชางกยุนนิ่งอึ้งไปพักใหญ่


              “…..”


              เสียงเหมือนโดยดูดกลืนหายไป ไม่มีใครเคยทำแบบนี้ในห้องของเขามาก่อน ใช่ ! เขาอาจไม่เคยชินกับการอาศัยอยู่กับคนอื่นโดยเฉพาะคนที่ “ไม่สนิท” และเป็นคนไม่สนิทที่ใส่ชุดนอนที่ “เปิดเผย” เกินไป อีจูฮอนไม่ได้รูปร่างสูงโปร่ง ผิวสีแทน หรือร่างกายเป็นมัดกล้ามอย่างนักกีฬา แต่ผิวที่ขาวสว่างราวกับน้ำนมมันไม่เหมาะกับคนตรงหน้านี้สักนิด ประกอบร่างกายที่ดูทะมัดทะแมงตามแบบฉบับผู้ชาย ยิ่งทำให้ชางกยุนไปราวกับถูกสะกด


              “ชยุนมองคนอื่นแบบนี้ประจำหรอครับ ?”


              คำถามเชิงหยอกเหย้าทำให้เจ้าก้มหน้างุดแล้วหันกลับไปเล่นเกมต่อ เขาไม่ตอบ แต่กลับรัวกดคอนโซลในมือด้วยความเร็ว เสียงขำร่วนลอยหลังมาจากอีจูฮอน


              นี่เป็นครั้งที่สองของวันที่ชางกยุนรู้สึกแพ้ทั้งๆที่นี่ไม่ใช่การแข่งขัน


              หลังจากจัดการตัวเองเสร็จจูฮอนก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาข้างๆเขา นั่นทำให้ชางกยุนต้องขยับหนีอีกสามเสต็ปไม่รู้ว่าทำไม แต่ร่างกายกลับปฏิบัติไปแบบนั้นโดยที่สมองไม่ได้สั่งการเขาเริ่มกำคอนโซลในมือแน่นขึ้น ภาพคนข้างๆที่มีน้ำเกาะพราวยังคงสลัดไม่หลุดจากหัว


              “หูแดง”


              ไม่ว่าพลาง อีจูฮอนเอื้อมมือมาจับหูชางกยุนอย่างถือวิสาสะนั่นทำให้คนตัวเล็กถึงกับร้องเสียงหลง เขารีบเอามือมาแนบกับหูตัวเองทันทีหัวใจที่บังคับไม่ได้เต้นรัวราวกับจังหวะกลอง


    ชางกยุนเคยมั่นใจในความใจแข็งของตัวเองมาโดยตลอด


              เขาเคยมั่นใจ จนได้กินพาสต้ามีทบอลนั่น


              เขาเคยมั่นใจจนเห็นภาพอีจูฮอนออกมาจากห้องน้ำ


              เขาเคยมั่นใจจนหูเล็กของเขาไปอยู่ในมือหนาของคนตรงหน้า


              ตอนนี้เขาเริ่มไม่มั่นใจอะไรสักอย่างแล้ว!


              เขาลุกหนีผู้บุรุกแล้วอ้อมไปนั่งอีกฝั่งของโซฟา เขาไม่เคยรู้เลยว่าโซฟาตัวนี้มันแคบขนาดนี้รู้แบบนี้ จะซื้อโซฟาให้ใหญ่คับห้องไปเลยจูฮอนกระแอมเบาๆเพื่อให้ชางกยุนหลุดออกจากบรรยากาศกระอักระอ่วน


              “Winning เปล่า?”


              “พี่ไม่มีทางชนะผม”


              “แล้วถ้าพี่ชนะล่ะ ?”


              มือของจูฮอนไวเกินไปแล้ว เขาจัดการสับเปลี่ยนเกมในขณะที่ปากยังพูดเจื้อยแจ้ว เขาจัดการเซ็ทอัพทุกอย่างพร้อมเล่นโดยที่เจ้าของห้องไม่แม้แต่จะมีโอกาสเอ่ยปาก


              “พี่ขอนอนเตียงชยุน”


              มากเกินไปแล้วนะ อีจูฮอน…


              “ไม่ให้”


              “กติกา ต้องเป็นกติกา”


              เจ้าของตาเรียวเล็กเลิกคิ้วสูงรอคำตอบจากเขา แค่นี้เขายังแทบประสาทเสีย นี่ถึงกับจะคลานขึ้นมานอนเตียงเดียวกันแล้วงั้นหรอมากเกินไปแล้วอีจูฮอน มากเกินไปแล้ว!


              “ชนะก่อนค่อยว่ากัน”


              “จัดไปครับ”

     

        





     

     


     

              ชางกยุนไม่เคยเล่นเกมแล้วเครียดขนาดนี้มาก่อน ให้ตายสิ เขาเคยมั่นใจมาตลอดว่าฝีไม้ลายมือเขาไม่เคยแพ้ใครแต่ทำไมตอนนี้ไอ้หมอนี่ไปแล้วถึง 2-0


              “โถ นึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็ไก่อ่อน” จูฮอนเปรยหลังจากทำคะแนนได้ในลูกที่สาม


              “โถ่เว้ย”


              คนตัวเล็กสบถอย่างหัวเสีย เกมแล้วเกมเล่าผ่านไป ชางกยุนไม่ชนะจูฮอนเลยสักนัดเดียว เขาแพ้ แพ้ และแพ้แบบย่อยยับแต่ถึงอย่างนั้น คนน่ารำคาญของเขาก็ยังให้เล่นใหม่เรื่อยๆจนกว่าจะพอใจ


              เวลาหมุนไปเรื่อยๆ ห้องที่เคยเงียบเหงาบัดนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเยาะเย้ย และแกล้งกันไปแกล้งกันมาของชายหนุ่มสองคน สุดท้ายจูฮอนก็สลบไประหว่างที่รอชางกยุนเข้าห้องน้ำมือของจูฮอนยังคือคอนโซลอยู่ในมือไม่ปล่อย แต่หัวกลับมุดโซฟาไปแล้วชางกยุนจึงจัดการปิดเกมให้เรียบร้อยก่อนจะตัดสินใจเข้านอน

             

        





     

     


     

    02:45


    ชางกยุนนอนไม่หลับ เขาพลิกตัวไปมาคิดทบทวนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงแค่ครึ่งค่อนวันนี้


    อีจูฮอนที่เคยดูเป็นคนทั่วไปที่ไกลตัวตอนนี้นอนสลบอยู่ในห้องนั่งเล่นของเขา


    เป็นครึ่งวันที่ยอมให้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิตง่ายเกินไป….


    จริงๆตัวเขาไม่เคยปฏิเสธไปตรงๆแค่ไม่ตอบรับ แต่เพียงแค่ไม่ถึง24ชั่วโมงที่อยู่ด้วยกันบางทีชายหนุ่มที่นอนมุดโซฟาอยู่นั่น อาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เขาคิด อย่างน้อยอีกหกวันที่เหลือ ก็มีคนทำกับข้าวให้ เล่นเกมเป็นเพื่อนแค่นั้นมันคงพอสำหรับ การ “เล่นเป็นแฟน” ของชางกยุนแล้ว


    เกือบจะตีสามเขาตัดสินใจสะบัดผ้าห่มออกจากตัวและลุกขึ้นไปหาผ้าห่มอีกผืนที่พอจะจำได้ว่าอยู่ในตู้เก็บของ คนตัวเล็กหอบผ้าห่มผืนใหญ่ออกจากตู้ก่อนจะโยนลงบนตัวของอีจูฮอน


    ตื่นกับหลับไม่ต่างกันเลยตาหายเหมือนกัน


    ชางกยุนนึกขำขำทั้งคนตรงหน้า และขำตัวเอง เขาตัดสินใจอยู่นานว่าจะปล่อยให้จูฮอนนอนหนาวอยู่ข้างนอกดีหรือไม่และเหมือนด้านดีของเขาจะชนะ อย่างน้อยก็ถือเป็นรางวัลสำหรับดาวซัลโวในคืนนี้


    “โถนึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็ไก่อ่อน”


    วันนี้ชางกยุนได้เลื่อนสถานะของอีจูฮอนจากคนน่ารำคาญทั่วไป กลายเป็นคนรู้จักที่น่ารำคาญ เสียแล้ว








       


    เจอกันที่เดิม กรี๊ด หวีด อะไร เจอกันได้ที่ #ฟิคดี๋พรีรองเท้า 



     

     




     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in