เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Fly we to Ho Chi Minhmqc wanderer story
Fly we to Ho Chi Minh

  • "นี่ๆ พวกเรา หาทริปไปต่างประเทศกันมะ ใกล้ๆในเอเชียก็ได้  พวกยูปิดเทอมกันเมื่อไหร่ จัดสักทริปเหอะ เจ้ขอ" เจ้แนน สาวหมวยคนโตเอ่ยขึ้นกลางวงสนทนา


            ในวันที่พวกเรารวมตัวกันไปเที่ยวสักคาเฟ่หนึ่ง หลังจากทริปล่าสุดที่พวกเรากลับมาจากกระบี่ที่แสนจะสนุกสนานและโลดโผนผจญภัยมากๆ ทำให้เจ้ (รวมถึงพวกเรา 2-3 คนคิดในใจลึกๆ) กระหายและติดใจการเดินทาง การท่องเที่ยวแบบเป็นกลุ่มแก๊งค์ซะแล้ว และประโยคนั่น เป็นจุดเริ่มต้นให้พวกเราเริ่มลงมติเสียงว่า "เราจะไปประเทศไหนกันดีนะ"


    DAY 1


           04.00 น. 
           "ช้างงงงๆ ตื่นๆมึง ลุกไปอาบน้ำ"
            .....
            

           05.30 น. สนามบินดอนเมือง 
           
           หลังจากที่พวกเรานัดแนะ เช็คอินอย่างเรียบร้อย เพื่อรอขึ้นเครื่องในตอน 06.55 น.  นี่เป็นการขึ้นเครื่องบินออกนอกประเทศครั้งแรก และพวกเราสาวๆ 5 คนต่างตื่นเต้น ถ่ายรูป วิดีโอ สตอรี่ไอจีต่างๆ กันมากมาย เพื่อฆ่าเวลาในการรอในเกต 

    Finally We arrived!

    สนามบิน ตันเซินเญิ้ต เวียดนาม

          ในที่สุด ประเทศที่เราใช้ความยุติธรรมตัดสินเลือกลงมติด้วยการ โอ น้อย ออก นั่นก้ะคื้ออออ


    "เวียดนามมมมมมนั่นเองงงงงงงง"


    /เราได้โปรไปกลับ Bkk-SGN ในราคา 2490 บาทนะค้า

    แพลนของเรา 4 วัน 3 คืน ได้แก่ โฮจิมินห์ - มุยเน่ ( 1คืน ) - ดาลัต ( 2)


         เราก็มาถึงประเทศเวียดนามกันแล้ว แอบตื่นเต้นไม่เบาแฮะ สิ่งแรกที่พวกเราทำนั่นก็คือ แลกเงิน เพื่อซื้อซิมโทรศัพท์ไว้ใช้อินเตอร์เน็ต โซเชียลต่างๆ ด้วยการศึกษามาอย่างรอบคอบว่าค่าเงินเวียดนามเนี่ย แลกทีเราจะได้เงิน เป็นแสนเป็นล้าน!! คุณพระ เราต้องระมัดระวังตัว และ

           "เจ้! ตังร่วงหมดแล้ววว, เอ้าพาสปอร์ตก็หล่นน่ะ ..... "
           

           ค่ะ นี่แหละ เรา  ต้อง  รอด


          ก้าวแรกที่ลากกระเป๋าออกมาเจอ เวียดนามที่แท้ทรู แท้แด้!!! คนเป็นล้าน เหมือนแฟนคลับมารอนักร้อง โอ้พระเจ้า!!!  Gu ask real!? คนเยอะมากๆค่ะคุณกิตติ ไม่ทราบว่าประชากรเวียดนามจะออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างล้นหลามขนาดนี้ ดิฉันและเพื่อนๆถ่ายสตอรี่ไอจีประหนึ่ง เหล่าบลิ้งคึ มารอ 4 สาวแบลคพิงค์กันเลยทีเดียว! ดิฉันตื้นตันกับการต้อนรับมากค่ะ ปนๆเขิน และหนวกหู ที่ทุกคนตะโกนเรียกหาคนที่พวกเค้ามารอกัน เราก็เขินๆนิดหน่อย จะว่าไปแล้ว



         เมื่อเราเดินออกมาจากประตูสนามบินแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำเลย มองค่ะ! มองหา เจ้ารถเมล์ สาย ที่จะพาเราเข้าเมืองโฮจิมินห์นั่นเอง ค่าโดยสารไม่แพงคะ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 8 บาท รถเมลล์บ้านเค้าก็สุดแสนจะทันสมัยมากๆเลย ไม่ต้องกังวลแต่อย่างใดเลยนะคะ (อินเนอร์พี่ติ้ก เจษ) บอกป้ากระเป๋ารถเมลล์ว่าไปลง "ฟาร์ม งู เหลา" ค่ะ

         "ฟาร์ม งู เหลา" นะคะ ก็เหมือนถนนข้าวสารบ้านเราเลยค่ะ แต่! (แอบสกปรกกว่ามากๆเลยละค่ะ ต้องระวังสัตว์เล็ก สัตว์น้อย อย่างน้องปีเตอร์ หรือน้องหนู กันนิดนึงค่ะ) 
         แพลนแรกของเราในวันนี้นะคะ นั่นก็คือ จองตั๋วรถนอน เพื่อมุ่งหน้าไปยัง มุยเน่ ทะเลทรายยอดฮิต นั่นเองค่ะ

         เล่าภาพบ้านเมืองโฮจิมินห์คร่าวๆ ก่อนนะคะ บอกก่อนเลยว่า สิ่งแรกที่เห็นคือ ความเจริญค่ะ แตกต่างจากภาพในจินตนาการที่คิดไว้เยอะมากๆ ตึกที่นี่จะสูงมากๆ ส่วนบ้านเมืองก็ปกติทั่วไป คล้ายๆกรุงเทพบ้านเราเลยค่ะ แต่ผู้คนยังคงความเป็นวัฒนธรรมแบบเดิมอยู่ ซึ่งเห็นได้จากการแต่งตัวของคนที่นี่ค่ะ แต่เราไม่ค่อยได้เจอวัยรุ่นที่นี่เท่าไหร่นัก อาจจะเพราะเราไปวันที่ตรงกับวันธรรมดา เหล่าวัยรุ่นอาจจะต้องไปโรงเรียนกันน่ะค่ะ 


         และแล้ว ลุงคนขับรถเมล์ก็ปล่อยเราลงค่ะ ที่ฟาร์มงูเหลาค่ะ เจ้าฟาร์มนี้เนี่ยจะต้องนั่งรถเลยวงเวียนตลาดเบนถั่นไปก่อนนะคะ 
         เมื่อเราลงจากรถปุ๊บ มองไป 360 องศารอบตัว ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย เอ๋.... ไหนน้าที่ๆเราจะต้องไปจองตั๋ว ทำไมไม่ตรงกับรีวิวในพันทิปเลย!!!! 
         เอาล่ะสิ ตั้งสติค่ะ พวกเราก็เปิดกูเกิ้ลแมพ และ It said เดินประมาณ 500 เมตร อ่ะ.. เดินค่ะ เดินเลี้ยวซ้ายก็แลว ขวาก็แล้ว ออกซอยนั้น เข้าซอยนี้ เอ๋??? ฉันอยู่ที่ไหน!!!!????

    ลุงรถเมลล์จะปล่อยเราลงตรงนี้ค่ะ ถ่ายรูปก่อน ถ่ายกับอะไรก็ไม่รู้!!!?
        
         และวันแรกของพวกเรา ใช่ค่ะ  หลง!!!!! กระเป๋าก็หนัก ร้อนก็ร้อน เพื่อนก็อยากจะแวะถ่ายรูป พระเจ้าช่วยด้วยยยยยยย 

        ในที่สุด เราก็ลากสังขารมาถึงย่านที่เรียกว่า "ฟาร์มงูเหลา" จนได้ค่ะ ซึ่งวิธีไปไม่ยากค่ะ หากนั่งรถเมลมาลงตรงนี้นะคะ 

    ทุกคนต้องหันหน้าไปหาเจ้าสีเหลืองๆ แล้วข้ามถนน และเดินเลียบฟุตบาทไปเรื่อยๆ จะเจอสวนสาธารณะค่ะ และผ่านสวนสาธารณะไป ข้ามถนนอีกที ก็จะเจอ "ฟาร์ม งู เหลา"!!!   /หากใครกลัวลำบากจริงๆ นั่งรถแทกซี่จากสนามบิน ก็เป็นทางออกที่ดีค่ะ 

         เอาหล่ะ เริ่มเดินทางตามแพลนที่เราวางไว้กันเถอะ เดินหาร้านเอเจนซี่ที่จองรถบัสนอนค่ะ และหาร้านกินข้าวนั่นเอง 

         เดินไปเรื่อยๆ จากการเชคข้อมูลมาจากหลายๆร้าน จากการแบ่งคนของเรา ทีมเฝ้าของ ทีมหาบริษัทจองรถบัส ในที่สุด เราก็เลือกจองที่  Phuong Trang ค่ะ สังเกตุว่าบริษัทจะสีส้มนะคะ

         ข้อดี  ของที่นี่คะ คือราคาถูก และเราได้จองทัวร์สำหรับเที่ยวที่มุยเน่ ครึ่งวัน พร้อมคนขับรถที่จะไปรับเราถึงที่พักค่ะ เราจองเป็นทริปครึ่งวันเช้า

         จากนั้นเราก็กลับไปหาทีมเฝ้าของค่ะ และเดินหาร้านอาหาร ซึ่งเมนูที่ทุกคนอยากกิน ณ จุดนั้น คือ อะไรก็ด้ายยยย ได้โปรด หิวมากกกก 

        จนสุดท้าย เรามาหยุดอยู่ที่ Saigon Downtown BB Hostel ค่ะ เนื่องจากว่า เราเห็นเค้าเขียนภาษาไทยอยู่หน้าร้านว่า รับฝากกระเป๋านั่นเอง ซึ่งราคาฝากกระเป๋านั้น เค้าคิด 30.000 ด่อง ต่อ กระเป๋า 1 ใบค่ะ แต่เจ้าของร้านใจดีมากๆ คิดให้เป็นประมาณ 2 ใบ ต่อ 1 คนค่ะ 

         รีวิว  เจ้าของร้านใจดีมากๆเลยค่ะ พูดภาษอังกฤษได้ และพยายามจะพูดภาษาไทยกับเราด้วยค่ะ คอยแนะนำร้าน แนะนำที่ท่องเที่ยว บริษัททัวร์ต่างๆ น่ารักมากๆเลยค่ะ 

    ถ่ายจากด้านในร้านค่ะ ตรงข้าม ร้าน BB hostel จะเป็นที่รอรถบัส ด้านขวาร้านสีขาวๆ คือร้าน
    Ban Mhi นั่นเองค่ะ ส่วนบริษัทรถบัสจะอยู่ฝั่งเดียวกับร้าน BB เลยไปทางขวาของร้านนะคะ


         ในตอนแรกพวกเราวางแผนว่าจะไปทานเฝอ ที่ร้าน เฝอ33 ที่ดังมากๆในตลาดเบนถั่นค่ะ แต่ทว่า ฝนดันตกเสียก่อน พวกเราเลยต้องกลับมาตายรังที่ร้าน BB hostelค่ะ ด้า่นล่างของร้านเป็นเหมือนคาเฟ่ย่อมๆค่ะ 

    นี่เป็นอาหารเวียดนามมื้อแรกของพวกเราค่ะ เฝอรสชาติใช้ได้เลยนะคะ ส่วนข้าวผัดที่นี่ จะจืดๆมันๆ เหมือนอมน้ำมันนิดหน่อย แต่พอทานได้ค่ะ 


         พออิ่มท้องและฝนเริ่มซาลงแล้ว พวกเราก็ไปเดินเล่นในย่านฟาร์มงูเหลาค่ะ 



    ตรอก ซอก ซอย ในฟาร์มงูเหลา ค่ะ

    และแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้นกับเรา T_______T

        เกริ่นก่อนว่า ที่โฮจิมินห์เนี่ย ไม่มี 7-11 นะคะ มีแต่มินิมาร์ทเล็กๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นค่ะ อ่ะะ เดินเข้าไปดูหน่อยซิ มินิมาร์ทเวียดนาม หน้าตาเป็นอย่างไรรรร

         เข้าไปปุ้บ ค่ะ กลิ่นอับความเก่าของร้านมาเต็มมากๆค่ะ 55555 เก่าใช้ได้เลยค่ะ และ เมื่อก้มลงพื้น ก็มีเจ้า ปี เตอร์!!!!!  ค่ะ  เดินสับขาประหนึ่งแคทวอร์คที่มิลานค่ะ ยอรอบุล จะเพนลมค่ะ แต่ด้วยความที่ไม่ค่อยกลัวน้องปีมาก ก็สำรวจร้านต่อค่ะ ยัง ยังไม่ออกจากร้านอีก!! เพื่อนเราคือทนไม่ไหวขอตัวออกไปนอกร้านค่ะ จนสุดท้ายเราเดินไปหยิบไอติมมาหนึ่งแท่ง กินเพื่อความยากรู้ (อีกแล้ว)  ในระหว่างที่รอจ่ายเงิน ซึ่งนานมากๆ เพราะพนักงานกวาดพื้นอยู่ ฉัน ต้อง รอ เธอ หรื๊อออออ 

        หมับ..
        เจ้า
        ปี
        เตอร์

        !!!

       มันมาเกาะที่หน้าอกของฉัน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! 

        กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดสิคะ รออะไร ทั้งดิ้นทั้งกลัว โอ้มายก้อด ช่วยด้วย แก close up กับฉันมากไปแล้วนังปีเตอร์!!!! T__________T จุดๆนั้นจ่ายเงินแล้ววิ่งเท่านั้นค่ะ วิ่งค่ะ เอ๋วิ่งไปแด้วย กรี้ดไปด้วย เอ๋วิ่งไปพลางกรีดร้องเหมือนคนกำลังโดนเพลิงนรก 
        
         สิ่งที่จำได้ติดตาคือ เจ้าปีเตอร์ 'ตัวนั้น' และ พนักงานชายที่กวาดพื้นหันมา 'หัวเราะ' ให้เรา ใช่ค่ะ นังหัวเราะ ราวกับเป็นเรื่องปกติ โอ้มายก้อด พระเจ้าคะ ให้หนูตายตรงนี้ T_________T 

    "แม่รู้มั้ยคะ หนูโดนแมลงสาบเวียดนามบินมาทักทายที่หน้าอก" เป็นเกียรติมากค่ะแม่ T___________T

        เราสงบสติอารมณ์และปลอบขวัญกันอยู่สักพัก โมโหในความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง ที่นำภัยเข้าตัวมากๆ พลางรีบปรับอารมณ์เพื่อไม่ให้เพื่อนคนอื่นกร่อยไปด้วย ต้องฮึบในใจมากๆ พลางจะร้องไห้ 

         ผ่านเรื่องราวสุดระทึกไปแล้ว 1 เรื่องเต็มของวันนี้ ก็ใกล้ถึงเวลาที่เราจะต้องนั่งรถบััสนอนไปที่มุยเน่กันแล้วละค่ะ ซึ่งที่จอดรถบัสเนี่ย ไม่ไกลเลยค่ะ อยู่ฝั่งตรงข้ามบริษัทที่เราจองเลย ซึ่งข้างๆมีร้าน"บั่นหมี" ซึ่งเป็นเมนู Top list ที่ต้องกินในเวียดนามค่ะ เรากับเพื่อนจัดไป 1 อันค่

    หน้าตาของ Ban Mhi ใหญ่มว้ากกกกกกก ทานกับเพื่อนสองคน คืออิ่มมากๆค่ะ อร่อยมากๆด้วย ข้างในเป็นหมูสับละเอียดๆผสมพริกไทย และไข่รวนๆ เจ้าขนมปังเนี่ย กรอบนอกนุ่มใน ไม่จืด ไม่ฝาด อร่อยมากๆ แนะนำค่ะ ทุกคนต้องทาน ชิ้นละ 30.000 VDN หรือประมาณ 45 บาทเท่านั้นเองง 


         เราต้องนั่งรถบัสไปก่อนนะคะ เพื่อไปลงแถวๆชานเมืองโฮจิมินห์ เพื่อไปขึ้นรถนอนอีกต่อหนึ่งค่ะ จัดการกระเป๋าอะไรเรียบร้อยไม่นานรถก็ออกค่ะ ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็ถึงชานเมืองที่ต่อรถนอนไปมุยเน่แล้วละค่ะ

         
          และนี่คือหน้าตารถนอนค่ะ เราเลือกนอนชั้น 2 กันทั้งหมดค่ะ เนื่องจากอ่านรีวิวมาว่า ถ้านอนชั้นล่างจะเหม็นกลิ่นเท้า นั่นเองค่ะ บอกตามตรงว่า รถนอนเนี่ยต่างจากที่เราคิดไว้เยอะมากๆค่ะ เราคิดว่ามันจะต้องเหม็นและเก่ากว่านี้ แต่จริงๆแล้วดีกว่าที่คิดเยอะมากๆเลยละค่ะ ใหม่และสะอาด แอร์เย็น ไม่ต้องเป็นกังวลแต่อย่างใด (ฟิลเตอร์พี่ติ้ก เจษ อีกแล้วค่ะ)



    ผ่านไปเกือบ 4 ชั่วโมง ก็มาถึงแล้ววว

     "มุยเน่ เมืองทะเลทรายยยยยย"

       เรามาถึงช่วงหัวค่ำค่ะ ประมาณ ทุ่มนิดๆ และเมืองท่องเที่ยวแบบนี้ บ้านเมืองของมุยเน่นั้น 
    .
    .
    .
    เงียบค่ะ เงียบสงบ เงียบกริ้บ เงียบในเงียบ  มีใครอยู่มั้ยค้า เฮ่นโหลลลลล๊555555

         รถบัสมาส่งเราที่หน้ารีสอร์ตค่ะ ที่พักของเราในคืนนี้คือ The Rang Garden ค่ะ ขอรีวิวว่า แอบไม่ดีค่ะ เก่านิดหน่อย ไฟมัวๆ  และอาหารเช้าไม่อร่อยเลยค่ะ ไม่ดีมากๆ ข้อดีข้อเดียวคือ อยู่ติดทะเล ได้ยินเสียงคลื่น และห้องใหญ่มากๆๆๆๆๆค่ะ 

          คืนแรกของเราวันนี้ เดินจากที่พักไปหาอะไรรองท้อง และสิ่งที่พลาดไม่ได้ในการมามุยเน่ นั่นก็คือออ
          "อาหารทะเลลลล" 


    เห็นถ้วยเกลือกับมะนาวตรงนั้นมั้ยคะ อันนั้นคือน้ำจิ้มที่เค้าให้มาค่ะ 55555 รสชาติเกลือเค้าเฝื่อนๆเค็มๆแปลกๆค่ะ คิดถึงน้ำจิ้มซีฟู้ดบ้านเรามากๆ

    จานนี้รสชาติจะคล้ายๆผัดเปรี้ยวหวาน แต่อร่อยค่ะ ใช้ได้เลย
     ในส่วนของการตกแต่งจานของที่นี่คือ หายไปก่อนค่ะ เชฟเอียนหลั่งน้ำตาค่ะ

    อาหารทะเลที่นี่สดมากๆ เนื้อหมึก เนื้อกุ้ง เนื้อหอยต่างๆ จะหวานมากๆค่ะ แถมราคายังไม่แพงอีกด้วย

    อันนี้ Recommened มากๆค่ะ อาจจะไม่ใช่อาหารทะเล แต่ผัดผักบุ้งอันนี้จะหอมเนย หวานๆกรอบๆ บอกไม่ถูกแต่อร่อยมากๆค่ะ


    หลังจากที่อิ่มท้องกันแล้ว กลับที่พัก พักผ่อน เตรียมร่างกาย เพื่อไปเริงร่าที่ทะเลทรายพรุ่งนี้เช้ากันค่ะ
    /
    /

    *หมายเหตุ เรื่องราคาอาจจะจำได้บ้างไม่ได้บ้าง ใช้ความรู้สึกล้วนๆ ต้องขอโทษจริงๆนะคะ  T^T
    เจอกัน​ DAY 2 ค่าาาา

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Bella Nan (@fb2052753851684)
แนะนำว่าควรตามรอยมากๆ??
mqc wanderer story (@fb2083863305225)
@fb2052753851684 ขอบคุณนะค้าา
Panisara Srr (@fb2058799580840)
So good