เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Gabriel's Workshop - A Den of Antiquities Spin-Offpiyarak_s
A Meal in Autumn
  • “There is something incredibly nostalgic and significant 
    about the annual cascade of autumn leaves.” 
    ― Joe L. Wheeler






    เจคอบไม่ได้เห็นอาหารบ้านเกิดมานานเท่าใดแล้วก็จำไม่ได้ 
    อาหารที่กินเป็นมื้อสุดท้ายคือขนมปังแข็งและจืดชืด พอรู้สึกว่าได้กิน แต่ไม่อิ่มท้อง
    เพราะที่ค่ายกักกันบุคเคินวัลด์ ขนมปังที่ไม่พอยาไส้ก้อนนั้นคืออาหารของทั้งวัน

    ในเวลานี้ ตรงหน้าของเขา คือ อาหารออสเตรียที่เขาเกือบจะลืมรสชาติไปแล้ว
    เริ่มจากฟริตทาเทนซุปป์ ซุปเนื้อน้ำใส ใส่แพนเค้กทอดบาง ๆ หั่นเป็นเส้น 
    จานหลักเป็นเวียนเนอร์ชนิตเซล เนื้อลูกวัวแล่บาง ชุบแป้งขนมปังทอด 
    เสิร์ฟพร้อมเสี้ยวมะนาวเหลือง และมันฝรั่งหัวเล็กต้มคลุกเนยกับพาร์สลีย์ 
    ตบท้ายด้วยไอศกรีมโรยน้ำมันเมล็ดฟักทองกับเมล็ดฟักทอง และกาแฟร้อน

    เจคอบนั่งมองอาหารที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง และมองคนร่วมโต๊ะกินเงียบ ๆ
    เขาคิดถึงอาหารพวกนี้เหลือเกิน แต่น่าเสียดาย ที่เขากินมันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

    ความจริงแล้ว ในเวลานี้ เขาไม่จำเป็นต้องกินอะไรอีกต่อไปแล้วต่างหาก
    การได้ออกมาพบโลกภายนอก และได้สัมผัสกับสิ่งที่ห่างหายไปนานเหลือเกิน
    ก็มากเพียงพอแล้วสำหรับเขา แค่นี้เขาก็ดีใจมากพอแล้วกับสิ่งที่ได้รับ
    คนที่พามาไม่ได้บอกกล่าวเรื่องนี้กับเขาล่วงหน้า แต่เขารับรู้ว่า อีกฝ่ายตั้งใจทำให้ 

    เขาเฝ้ามองเจ้าของเค้าหน้าพิมพ์เดียวกันกินอาหารมื้อค่ำของตนเองจนเสร็จ
    เขารอให้อีกฝ่ายจ่ายเงินอาหาร จึงเดินตามอีกฝ่ายออกจากร้าน 

    "ขอบใจนะ ที่พามา"
    คำขอบคุณดังกล่าวไม่ได้มีแค่เพียงเขาคนเดียวที่เอ่ยมันออกมา

    เกเบรียล มาห์เลอร์รับรู้ และยิ้มตอบ โดยไม่ได้พูดอะไร 
    เขาสวมเสื้อโค้ต และสอดมือลงในกระเป๋า ซึ่งภายในนั้นมี
    สมุดปกหนังเล่มเก่าที่ได้จากเมืองที่เคยเป็นที่ตั้งค่ายกักกันในเยอรมัน
    มันเป็นสมุดปกหนังที่มีลวดลายเหมือนรอยสักบนอกของปู่ที่เกเบรียลเห็นในภาพถ่าย

    ที่บุคเคินวัลด์ มีเรื่องเล่าจากผู้รอดขีวิตจากค่ายกักกันนั้นว่า 
    ภรรยาผู้คุมค่ายและผู้คุมสถานที่อันแสนโหดร้ายนั้น เอาหนังของนักโทษมาทำเครื่องใช้
    แผ่นหนังที่มีรอยสักที่ถูกใส่ไว้ในกรอบหลายชิ้น ถูกนำมาแสดงในศาลอาชญากรรมสงคราม
    ไม่ว่าชะตากรรมของปู่จะเป็นเช่นไร ตอนนี้ ไม่มีความจำเป็นที่ต้องรื้อฟื้นเรื่องเก่าที่โหดร้ายอีกแล้ว


    ในสายลมฤดูใบไม้ร่วง และสายหมอกสีขาวที่โรยตัวลงโอบล้อมพวกเขาไว้ 
    เงาร่างบางเบาซีดจางที่ไม่มีใครอื่นมองเห็นหรือสัมผัสได้ดูมีชีวิตชีวายิ่งกว่าครั้งไหน
    แววตาของชายชาวออสเตรียเชื้อสายยาวเป็นประกาย ริมฝีปากคลี่ออกเป็นรอยยิ้มกว้าง
    ยามใบไม้สีแดงที่ถูกลมแรงปลิดลงจากต้นปลิวผ่านร่างกายที่ไม่อาจเอื้อมคว้าอะไรได้อีกแล้ว


    ในความรู้สึกของเกเบรียลเวลานี้ เจคอบเป็นเหมือนใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง
    เป็นใบไม้ที่ร่วงหล่นที่ยังคงเต้นรำอยู่กลางอากาศอย่างเป็นอิสระราวกับมีชีวิต 

    เจคอบ... ปู่ของเขา... เพิ่งได้ใช้ชีวิตอย่างแท้จริงหลังจากเสียชีวิตไปแล้ว
    เพราะชีวิตของชาวยิวในค่ายกักกันของนาซียากที่จะเรียกได้ว่าเป็นชีวิต 

    สิ่งที่เขาทำให้เจคอบในตอนนี้ น้อยนิดเหลือเกินเมื่อเทียบเท่ากับความทุกข์ทรมาน
    ที่อีกฝ่ายเคยได้รับในช่วงสุดท้ายของชีวิต เขารู้ว่า เขาชดเชยชีวิตที่สูญหายไปไม่ได้
    จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่อาจเรียกวิญญาณที่ยังผูกติดอยู่กับส่วนหนึ่งของร่างกายที่ยังคงอยู่
    ของเจคอบ มาห์เลอร์ว่า เขาได้รับอิสรภาพแล้วอย่างเต็มปากเท่าใดนัก
    แต่อย่างน้อยที่สุด การได้สัมผัสกับโลกภายนอกที่ไม่มีใครบังคับก็เป็นสิ่งที่เขาทำให้ได้ 

    เกเบรียล มาห์เลอร์เฝ้ามองเจคอบ มาห์เลอร์อย่างเงียบๆ ใครคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้นจากด้านหลัง
    "ยังไม่ดึกเท่าไหร่ เราไปเดินเล่นหลังอาหารกันสักหน่อยดีไหม" 
    คนที่ร่วมอาหารมื้อค่ำและเจ้าของเสียงขอบคุณอีกเสียงที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับเจคอบก่อนหน้านี้บอก 
    เกเบรียลหันหน้าไปมองสแตนลีย์ พาร์คเกอร์ พยักหน้ารับ และยิ้มให้แทนคำขอบคุณที่เข้าใจ 

    หลายคนอาจแปลกใจที่วินสตัน เดอร์แรมเลือกยกกิจการร้านของเก่าให้สแตนลีย์ พาร์คเกอร์
    ลูกจ้างเก่าแก่ที่อยู่คู่กับร้านมานาน ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใด ๆ กับตนเองทั้งสิ้น
    แต่เกเบรียลที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับเขามานานรู้ว่า การตัดสินใจของชายชราผู้จากไปถูกต้อง

    และเขาตัดสินใจถูกแล้วที่ยังอยู่ทำงานที่นี่... ที่ร้านขายของเก่าสุดปลายถนนอัลเบียนแห่งนั้น

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in