เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
สามจบแล้วก้มกราบPDpuggerino
Parasite: ความพ่ายแพ้ของคนจนและทุกข์ของคนรวย (สปอยล์)
  •                                                                                     

    ปรสิตคืออะไร?

    ทำไมต้องชนชั้นปรสิต?

    คุณเคยเห็นปรสิตไหม?

    เคยได้กลิ่นมันหรือเปล่า?



          ตอนนี้เรื่องนี้เข้าลิสต์หนังดีประจำปีแล้วค่ะ ตัวหนังมีประเด็นที่น่าสนใจอย่างการต่อสู้ของชนชั้นล่าง สัญลักษณ์เยอะมากและแปลไม่ออกก็เยอะ555

          ด้วยความที่เคยดูหนังปาล์มทองน้อยมากแต่รีวิวเรื่องนี้หลายคนก็บอกว่าโอเค ดูไม่ยาก เลยลองซะหน่อย สรุปก็คือดีมากกกกกก จัดอยู่ในหนังประเภทตลกร้าย เสียดสีสังคม ดูไม่ยากค่ะ แต่ถ้าตีความก็น่าจะสนุกไปอีกแบบเพราะถึงจะเป็นหนังเกาหลีแต่เรื่องชนชั้น เรื่องฐานะ ปากท้องเป็นอะไรที่สากลมาก คนธรรมดาอย่างเราคืออินมาก 

          เรื่อง Parasite เล่าเรื่องย่อคร่าวๆ ก็คือ หนังเล่าเรื่องความชิบหายของครอบครัว “คิม” ที่ชีวิตความเป็นอยู่ก็คือชนชั้นล่าง บ้านอยู่ย่านสลัม ใต้ถนน วิวเป็นคนเมายืนฉี่ พ่อ 'คิมคีแทค'(ซองคังโฮ) และแม่ 'คิมซงชุก' (จางฮเยจิน) ตกงาน ลูกชาย 'คิมคีวู' (ชเววูชิก) ก็ไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย ลูกสาวอย่าง 'คิมคีจอง' (พัคโซดัม) ก็ไม่ได้เรียนต่อ พวกเขาเรียกได้ว่าอยู่ในช่วงขาลงของชีวิต งานที่ทำได้ตอนนี้ก็รายได้ไม่มากนัก ในวันหนึ่งการมาของผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนของคิมคีวู ผู้เป็นลูกชายของบ้านก็ได้เปลี่ยนแปลงครอบครัวนี้ไปตลอดกาล โดยพวกบ้านคิมทุกคนนั้นฉลาด ปรับตัวเก่ง เรียกง่ายๆ ว่าทุกคนในบ้านมีสายเลือดของการเป็น “ปรสิต” ที่ปรับตัวเก่งอยู่ในตัวจึงทำให้เรื่องที่ควรจะเป็นเรื่องเล็กๆ อย่างการได้โอกาสที่เพื่อนของคีวูซึ่งเรียนมหาวิทยาลัยมอบให้คือไปสอนพิเศษภาษาอังกฤษลูกสาวบ้านปาร์คทวีความฉิบหายเข้าไปมากกว่าเดิม 

         และมันก็ฉิบหายจนทำให้จุดจบของเรื่องที่ไม่เป็นไปตามสูตรสำเร็จ ไม่มีใครเป็นผู้ชนะที่แท้จริง ทุกคน ทุกบ้านมีแต่เสีย และแน่นอนว่ามันก็ไปตรงตามชื่อเรื่องภาษาไทยเลยค่ะว่า “ชนชั้นปรสิต” ที่ดูเหมือนจะสูญเสียมากทีสุด แต่หนังก็ใจร้ายกับคนดูมากขึ้นไปอีกในตอนท้ายที่โยนคำถามให้คนดูกลับไปคิดต่อว่า ตลอดทั้งเรื่องที่ดูมาเนี่ย ความหวังที่อีครอบครัวปรสิตจะร่ำรวยโงหัวขึ้นมาจากความจนได้ หรือความสุขในครอบครัวปาร์คมันไม่มีตั้งแต่แรกแล้วกันแน่วะ!



    ความพ่ายแพ้หมดรูปของคนจน 

          หนังให้คำจำกัดความเรื่องปรสิตได้ดีมาก ถ้าหากว่าเราจะให้คำจำกัดความ “ปรสิต” ก็คือ สิ่งมีชีวิตที่ดำรงชีวิตด้วยการอาศัยและแพร่พันธุ์ภายในสิ่งมีชีวิตอื่น แน่นอนว่าตัวละครบ้านคิมทุกคนล้วนแต่เป็นปรสิตที่ต้องอาศัยครอบครัว “พัค” ซึ่งเป็นครอบครัวที่ร่ำรวย ใจดี และมีความเรียบง่ายอย่างที่คุณนายปาร์ค(โจยอจอง)มักจะพูดติดปากว่า “simple” ในการดำรงชีวิต ครอบครัวพักเป็นครอบครัวตามคำติดปากของคุณนายพัคเลยค่ะ ครอบครัวธรรมดาที่ร้ำรวยจากการทำธุรกิจ สามีที่ทั้งเรื่องเราจะได้ยินว่าคุณปาร์ค(อีซอนกยุน) ทำงานหนัก คุณนายปาร์คเองนั้นเป็นแม่บ้าน ไม่ได้ทำงานอะไร ชอบออกงานสังคม ลูกชายเรียนลูกเสือ ลูกสาวซึ่งเป็นเด็กม.ปลายเรียนพิเศษตัวต่อตัวตามแบบคนมีเงิน ครอบครัวปาร์คคือครอบครัวที่เป็นครอบครัวที่ 'ดูเหมือน' จะอบอุ่นว่างๆ ไปตั้งแคมป์ ใช้ชีวิตแบบเอนจอยไลฟ์ มีแม่บ้าน มีคนขับรถ สั่งของจากอเมริกา ซึ่ง simple มากๆ มีสิ่งที่เรียกว่า “เงิน” ซึ่งถือว่าเป็นพระเจ้าของทุกคนในเรื่องแบบไม่อั้น เงินสำหรับครอบครัวปาร์คนั้นดูเหมือนจะหามาง่ายๆ และตอนใช้จ่ายก็ยังคงคอนเซปต์ง่ายๆ ถ้าอยากให้ค่าสอนเพิ่มก็เพิ่มไปเลย ในขณะที่ชีวิตของครอบครัว 'คิม' ไม่เคยมีอะไรง่ายเลย จะทำงานก็ทำผิด จะเข้าทำงานดีๆ มีชีวิตดีๆ ก็ต้องไปพึ่งคนอื่น ซึ่งในที่นี้คนที่หยิบยื่นโอกาสนั้นให้ก็คือ อีกตัวละครที่มีบทบาทเพียงต้นเรื่องและกลับมาแต่เพียงชื่อ คือ “มินฮยอก” ซึ่งเป็นครูสอนพิเศษคนก่อนหน้าที่ให้โอกาสคิมคีวูได้เข้าไปทำงานต่อจากตนเอง แทนที่หนังจะเข้าข้างตัวเอกและพยายามทำให้ครอบครัวคิมเป็นคนดี แต่ก็ยากที่จะปฏิเสธว่า ครอบครัวคิมนั้นมีความคิดตามแบบปรสิตที่เป็นที่มาของการโกหกที่ไม่รู้จักจบสิ้น และความฉิบหายที่หนังแอบ Foreshadow ทำนายมาตั้งแต่ต้นเรื่องว่าเรื่องนี้มันไม่มีทางสวยงาม



           หนังก็ไม่ได้แก้ตัวว่าคนพวกนี้มันชั่วเพราะมันจน มันต้องได้รับการให้อภัย พ่อต้องมากอดลูกแล้วบอกว่าพ่อรักลูก ไม่เป็นไร จงเป็นคนชั่วต่อไปเถอะ เราจนเดี๋ยวคนก็ให้อภัย แต่หนังทำให้เราเชื่อว่าตัวละครแม่งชั่ว เจ้าเล่ห์ แต่ทำไงได้ก็ไม่มีตังนี่หว่า ด่าเราเลย เพราะการเป็นคนชั่วมันทำให้ครอบครัวนี้มีเงิน อย่างน้อยก็ต่อชีวิตครอบครัวไปอีกวัน หรืออีกซักเดือน ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้วัดระดับคุณธรรม จริยธรรมในตัวคนดูมาก เพราะถ้าคุณเอาใจช่วยอิพวกคิมให้ทำสำเร็จนี่ก็คือคุณเอาใจช่วยคนทำผิดอยู่ หรือถ้าไม่เอาใจช่วยเลยก็จะคิดไปตามแบบที่ว่ามันจนแล้วยังโง่อีก ทำไมไม่ไปทำอาชีพสุจริต คนเรามี 24 ชั่วโมงเท่ากันเว้ย เป็นที่น่าสงสัยว่าในที่นี้คนแก้ปัญหาที่ควรถูกด่าที่สุดก็คือ “รัฐ” ซึ่งไม่ปรากฏตัว ลอยตัวชิวๆ หรือแท้จริงแล้วคนจนสำหรับรัฐแล้วก็เหมือนกับแมลงทั้งหลายที่ตัวละครพูดว่า “ต้องโดนกำจัด” และ "ทำให้หายไป”

           โดยภาพที่สะท้อนให้เห็นเมสเสจการกำจัดและทำให้หายไปนั้นก็คือการพ่นยากำจัดแมลง ครอบครัวคิมซึ่งอยู่ต่ำกว่าระดับถนนก็โดนไปเต็มๆ ไม่มีค่าพอให้เห็นจึงถูกกำจัดไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม หรือห้องใต้ดิน ที่หนังย้ำชัดว่าคนชายขอบอย่างคนจน ต้องถูกเอาไว้ข้างล่าง คอยแย่งข้าว แย่งน้ำ หลบๆ ซ่อนๆ เหมือนกับปรสิตที่ใช้ชีวิตราวกับไม่มีตัวตน

           พวกคนจน ในที่ก็คือครอบครัวคิมจึงได้แต่หวังว่าซักวันนึงจะมีชีวิตที่ดีกว่าที่เป็น และวาดหวังว่าสักวันนึงเราจะรวย เราจะมีชีวิตดีๆ หรืออย่างน้อยก็ขอเป็นคนรวยซักวันหนึ่งก็พอ ซีนที่ปวดใจสำหรับเราก็คงจะเป็นซีนที่สนามสีเขียวที่บ้านพัก สะท้อนความรักความผูกพันของครอบครัวคิมที่มักจะเป็นภาพที่คนทั่วไปแชร์ในโซเชียลว่าถึงจนก็มีความสุขตามอัตภาพ และการมีชีวิตไปวันๆ แบบรอไปตายเอาดาบหน้า


            ครอบครัวปาร์คเหมือนตัวแทนชนชั้นที่ได้รับความสุขสูงสุดก็คือพวก upper-class หรือที่เราเรียกว่าชนชั้นสูง คนมีตังเยอะๆ ว่างั้น ส่วนครอบครัวคิมนั้นได้แต่เพียงคิดฝันถึงวันที่มีความสุขในอนาคตเหมือนหวังน้ำบ่อหน้าในซีนก๊งเหล้าในห้องนั่งเล่น หนังโหดเหี้ยมที่ให้ตัวละครคนจนอย่างพวกครอบครัวคิมที่ต้องเจอกับความสุขแบบปลอมๆ อย่างการใช้ของในบ้านที่ไม่ใช่ของตนเอง การสมมุติว่าจะแต่งงานกับลูกเจ้าของบ้าน จะกินกับแกล้มยังต้องกินขนมของหมาที่ดูแล้วหมาสามตัวในบ้านที่น่าจะมีชีวิตดีกว่าชีวิตในสลัมของพวกเขาซะอีก ก็คนจนอะเนอะ ขอแค่วันเดียวให้ตัวเองและครอบครัวมีชีวิตในฝัน ขอลองรวยสักครั้งก็ยังดีวะ แต่ยิ่งพวกคิมแฟมิลี่พยายามจะเป็นคนรวยเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนปัญหาจะมามากขึ้นไม่จบไม่สิ้น เพราะปรสิตเมื่อคิดจะยึดร่างกายที่เป็นที่อยู่อาศัย สุดท้ายมันก็จะต้องตาย ปรสิตสร้างอาหารเองไม่ได้ และไม่มีวันที่จะสร้างอาหารซึ่งในที่นี้คือการหาเงินเองโดยปราศจากโครงสร้างทางสังคมทีให้โอกาส ปรสิตอย่างพ่อแม่ที่ตกงาน ลูกชายลูกสาวที่โดนปิดโอกาสการเรียนต่อทั้งๆ ที่ไม่มีเงินจึงเข้าสู่วงจรที่เรียกว่าโง่ จน เจ็บ เพื่อทำให้คนกลุ่มหนึ่งแน่นอนว่าหนังก็สื่อมาชัดเจนว่าพวกครอบครัวปาร์คนั้นมีชีวิตสุขสบายเพราะมีพวกครอบครัวคิมนี่แหละคอยรับใช้ให้เอนจอยชีวิตรวยๆ ต่อไป


         ปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินคือความสุขและครอบครัวคิมมีความฝัน ความฝันของคนจน คนตัวเล็กๆ ที่ต้องพยายามเอาตัวรอดเป็นอะไรที่ทำให้คนดูอย่างเราใจสลาย หนังแสดงภาพตอนแรกที่มีคนเมามายืนฉี่หน้าบ้าน ในตอนแรกพวกเขาทำได้แค่บ่น พอชีวิตดีขึ้น พวกเขาก็กล้าลุกขึ้นสู้ ราวกับว่าการมีเงิน ทำให้พวกเขามีตัวตน ไม่หดอยู่เแต่ในกระดองอีกต่อไป 

        ชัดเจนว่าปรสิตคิมแฟมิลี่นี้และถูกบังคับให้ดำรงอยู่ในชนชั้นปรสิตต่อไปแม้จะมีความฝัน แต่หนังเหมือนจะใจดีที่ให้ครอบครัวคิมมีความฝัน ใช้ชีวิตต่อไปอย่าง simple แต่ในตอนสุดท้ายหนังก็หัวเราะตัวละครและใจร้ายกับคนดูอย่างเราอย่างมากเช่นกันเพราะทุกคนที่ดูย่อมจะรู้ว่าลึกๆ แล้ว มันไม่ทีทางเป็นจริง มันเป็นเพียงความฝันที่ทำให้เรายังอยากมีชีวิตต่อ เป็นแค่ภาพลวงตาเหมือนฝันของคีวูที่ทำให้เรายังยอมรับกับโชคชะตาและความไม่เป็นธรรมเหล่านี้


          หินนำโชคนี่ก็เป็นสัญลักษณ์ที่ผู้กำกับซ่อนเอาไว้ ทำไมมันต้องตามคิมคีวูตลอด? 

          หินนี้ก็คือตัวอย่างที่ดีของสัญลักษณ์ความความหวังว่าวันหนึ่งความรำ่รวยจะมาถึงพวกคนจน 

          คีวูมีความฝันตลอดว่าเขาอยากมีชีวิตดีที่ขึ้น ครอบครัวเขาต้องดีขึ้น แม้แต่ตอนสุดท้ายเขาก็ยังหวังที่จะรวย ,

           หินจึงอยู่กับเขาตลอด และสุดท้ายหินนั้นก็ได้ตอบแทนความหวังของเขาอย่างสาสม


             คนจนทำดิ้นรนแค่ไหนก็ไม่พ้นความจน กลิ่นของคนจนก็จะติดตามตัวไปเสมอ เพราะคนจนสำหรับคนรวยก็คือปรสิตที่คอยกัดกินภาษีที่ตัวเองทำงานหนัก กัดกินอย่างแอบแฝงในรัฐ โดยเฉพาะในไทยน่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก จนก็ลำบากแล้วรัฐบาลยังมาบอกว่าเราจ่ายภาษีน้อยอีก!!! 

            ในที่นี้เราขอตีความว่ากลิ่นประจำตัวของคนจนก็คือสิ่งที่คอยกวนใจคนรวย เรามักจะได้ยินเสมอว่าปรสิตมักจะทำให้เกิดความรำคาญใจในผู้ให้อาศัย ครอบครัวปาร์คมักจะได้กลิ่นสาบของคนขับรถ กลิ่นของบ้านเท่ารูหนู กลิ่นบนรถไฟ เหมือนว่าจะแต่งตัวดูดีเพียงไหน กลิ่นของคนจนที่คุณปาร์คบอกก็เหมือนกันเสมอ คือเป็นกลิ่นสาบ ฉุนจมูก ราวกับจะบอกว่าคนรวยนั้นไม่เคยมองเห็นคนจนในสายตา พวกเราเป็นแค่กลิ่นที่คอยกวนใจ และคำถามที่ติดใจพวกเขาว่าทำไมต้องมีเราอยู่คอยรีดไถภาษีของพวกเขาเสมอมา ไม่ต่างจากครอบคัวคิมที่อยู่เป็นปรสิตในบ้านหลังนั้นที่เป็นสถานที่ที่รื่นรมย์ราวกับฉากหน้าในประเทศสวยหรูหลายๆ ประเทศ โดยที่คนจนก็เป็นแค่ตัวประกอบ เป็นกลิ่นที่รับรู้ได้ แต่มองไม่เห็นอย่างครูสอนพิเศษ คนขับรถ แม่บ้าน ที่ทำงานให้พวกคนรวยๆ กลุ่มหนึ่งรวยต่อไป

         ความพ่ายแพ้ของคนจนใน Parasite ไม่ว่าจะเป็นมหากาพย์ความฉิบหาย โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น บทสรุปจึงเป็นความพ่ายแพ้ของตัวละครที่อาจารย์ประวิทย์เรียกว่า “ตัวละครที่เสือกเกิดมาจน” ซึ่งจะตอกหน้าคนดูและย้ำกับชีวิตพวกปรสิตทั้งหลายอีกครั้งว่า “จงอย่าเป็นในสิ่งที่ไม่ควรเป็น” การแพ้ครั้งสุดท้ายที่เป็นความพ่ายแพ้หมดรูปของคนจน ของชนชั้นที่เป็นปรสิต ถึงจะดิ้นรนยังไง กลิ่นของชนชั้น วิถีชีวิตแบบปรสิตก็จะติดตามและโดนตีตราว่าไม่มีค่าตลอดไปอยู่ดี


    ทุกข์ของคนรวย

    ทำไมคนรวยต้องไม่มีความสุข? คนรวยในเรื่องถูกนำเสนอแบบ “simple” ถูกนำเสนอแบบกว้างๆ อย่างคุณปาร์ค ที่เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่เหมือนชีวิตยังขาดอะไรไป เขาไม่ค่อยได้กลับบ้านเร็วเท่าไหร่ สังคมที่ทำงานก็ดูวุ่นวาย จนต้องหนีออกมาบ่อยครั้ง เช่นเดียวกับคุณนายปาร์คคนสวย ดูดี ชอบออกงานสังคม เป็นคนจัดการชีวิตในบ้าน แต่สายตาเหมือนยังต้องการอะไรเพิ่มตลอดเวลา อยากได้สิ่งที่ดีกว่าที่ตนเองมี ลูกสาวที่ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดมาก แต่ก็พอเดาได้ว่าเธอน่าจะขาดความอบอุ่นอยู่พอตัว และสุดท้ายลูกชายที่ไม่ค่อยได้มีบทบาทอะไรนัก แต่ก็เป็นคีย์สำคัญของเรื่อง

           ชีวิต ความรวย ความเป็นอยู่ในเรื่องถูกทำให้ตรงข้ามกับชีวิตความเป็นอยู่ของพวกปรสิตทั้งหลาย พวกเขามีทุกอย่างที่ดี บ้านสะอาด มีวิวสนามสวยๆ ฝนตก น้ำท่วมก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตยากลำบากเท่าไหร่ การจัดงานหรูๆ เหมือนเป็นธรรมดาของบ้านนี้ แต่ที่พวกเขาไม่มีค่อยมี คือ ความสุขเพราะบ้านพัคช่างแห้งแล้ง บ้านถูกจะวางไว้กว้างๆ สีของบ้านและแสงไฟจะดูหม่นหมอง แสงไฟที่มักจะติดๆ ดับๆ (อันนี้มีเฉลยในเรื่องซึ่งฉลาดมากกกกกกก) และที่สำคัญคือเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าและเมื่อมาอยู่พร้อมหน้ากันก็มักจะมีอะไรมาขัดขวางเสมอ อย่างการไปแคมป์ที่ฝนตกหนัก หรืองานวันเกิด หนังต้องการจะสื่อว่าทุกข์ของคนทุกคนก็คือการที่เวลาผ่านไปและความเหงาไม่ว่าจะเป็นใคร ชนชั้นไหน กาลเวลาและความเหงาก็ทำร้ายเราเสมอ

         

        มาถึงตอนท้ายหนังพยายามนำเสนอหัวใจของเรื่องคือย้ำการมีอยู่ของปรสิตราวกับจะถามว่าที่นั่งๆ ดูอยู่เนี่ยเคยเห็นปรสิตที่ซ่อนอยู่ในสังคมกันมั้ย ถ้าไม่เคยเห็นก็แสดงความดีใจด้วย เพราะคุณก็จะเห็นปรสิตชัดเจนในเรื่องนี้ซึ่งโดยปกติแล้วน่าเศร้าที่เป็นความจริงว่า "เราจะเห็นปรสิตก็ตอนมันจะตายหรือถูกทำให้ตายเท่านั้น"

         การที่ปรสิตนั้นตัดสินใจทำการกระทำอย่างการดูดเลือด ดูดเนื้อโฮสต์ของตนเองจนหมดสิ้นในตอนท้าย แน่นอนโฮสต์นั้นก็จะต้องจากโลกนี้ไปและตัวปรสิตเองก็ต้องตายจากไปเช่นเดียวกัน ผลลัพธ์ของมหากาพย์นี้ก็ชัดเจนว่ามีแต่คนสูญเสีย แต่ความพ่ายแพ้ที่หนักสุดก็คงไม่พ้นตกไปที่ปรสิต ความสาหัสจากการถูกละเลย การตามล่าจากตำรวจ การกลับไปไร้ตัวตน 

         สุดท้ายนี้ Parasite จึงจบลงที่ความฝันของคิมคีวูในตอนท้าย หนังเหมือนจะหัวเราะเยาะคนดูอย่างเราที่ย่อมรู้ดีว่าการทำตามฝันในที่คือได้ซื้อบ้าน ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนความประสบความสำเร็จ ความมั่นคงในโลกยุคปัจจุบัน การได้ทวงคืนในสิ่งที่ตัวเองสูญเสียจากพวกเดียวกัน หรือพวกที่รวยกว่าอย่างพวกปาร์คไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริงในตัวละครคีวู ที่ประสบเคราะห์ซ้ำกรรมซัก เจอชีวิตที่ไม่ simple มาตลอด เช่นเดียวกับพวกปรสิตที่ถึงแม้มันจะดิ้นรนเอาชีวิตรอด พยายามออกจากวงจรชีวิตที่ยากลำบาก แต่สุดท้ายก็ต้องกลับไปเป็นตัวดูดเลือด ดูดเนื้อตามชาติกำเนิดอยู่ดี ความหวังของคนจนก็เป็นแค่ความหวังอยู่ตลอดไป ทำยังไง พยายามแทบตาย ใช้ชีวิต 24 ชั่วโมงแบบคุ้มค่า สุดท้ายก็ต้องกลับไปจน ไปอยู่ที่ต่ำๆ รอให้รัฐกำจัดเช่นเดิม หากโครงสร้างในสังคมมันยังมีช่องว่างของความเหลื่อมล้ำที่กว้างจนไม่มีพื้นที่ให้ชนชั้นล่างแบบนี้

                                                                                     

                                                                                            -กราบค่ะ สปอยล์หนักจริงๆ-



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in