เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
การเดินทางของความคิดmelly_milk
เพลงรักนิวตริโน
  • ความรักที่บริสุทธิ์อยู่เหนือกาลเวลาคงจะเป็นหัวใจหลักที่สอดแทรกอยู่ภายในหนังสือเล่มนี้แต่ระหว่างทางเรากลับพบว่ามีอีกหลายสิ่งที่น่าสนใจ กำลังทำหน้าที่ของมันอย่างขมักเขม่นและทำได้ดีเกินกว่าจะเป็นเพียงเรื่องราวที่ถูกกระทำ เพราะบางครั้งเรื่องราวเหล่านั้นได้เปลี่ยนสถานะเป็นผู้กระทำ(ต่อผู้อ่าน) และได้ก้าวข้ามจากเรื่องที่ถูกสร้างไปสู่สภาวะเสมือนจริงท่ามกลางความไม่ปกติของปรากฎการณ์ตลอดเรื่อง ทั้งความผิดแปลก ไร้เหตุผล สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเชื่องช้าและฉับพลัน การเปลี่ยนผ่านของชีวิต ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เราจะพูดถึงมันได้ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นกลายเป็นเสน่ห์ของผลงานชิ้นนี้ไปโดยปริยาย

    ความผิดแปลกไปจากธรรมชาติที่ตัวเรารับรู้กับหลักการและเหตุผลนั้น เสมือนเป็นคู่ตรงข้ามกันในทางอ้อม ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเดินไปในทางเดียวกันได้  แต่สำหรับหนังสือเล่มนี้ "เพลงรักนิวตริโน" โดยอนุสรณ์ ติปยานนท์ กลับสามารถร้อยเรียงมันเข้าไว้ด้วยกันอย่างแนบเนียน เรื่องราวของสมิทธิ ชายหนุ่มที่ได้พบเจอกับหญิงสาวที่ทำกาลเวลาหล่นหายจนแปรเปลี่ยนเป็นความลึกลับที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป กับการดำเนินเรื่องภายใต้บรรยากาศของฮ่องกงในช่วงหลังอาณานิคมก่อนที่ฮ่องกงจะถูกรวบรวมเข้าไว้กับจีนแผ่นดินใหญ่ โดยเนื้อเรื่องที่ร้อยเรียงกันไปนี้ได้ก่อร่างสร้างเหตุและผลของมันมากขึ้นไปเรื่อยๆจนสามารถสร้างความชอบธรรมให้กับความไม่เป็นธรรมชาติเหล่านั้น และยังกลายเป็นหลักให้ตัวละครได้ยึดไว้สำหรับการใช้ชีวิตของเขาที่ดำเนินอยู่บนความแปลกประหลาดตลอดทั้งเรื่อง

     ความรู้สึกสับสนที่เข้ามาในระหว่างการอ่านหนังสือเล่มนี้นั้นถือเป็นด่านแรกที่เราต้องเผชิญ เราจะพบกับความไม่เป็นเหตุเป็นผล เหตุการณ์ไม่คาดฝัน และสิ่งที่แปลกประหลาดพุ่งเข้ามาโดยตลอด สิ่งเหล่านี้ได้ถาโถมเข้ามาเหมือนคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดเข้ามาโดยเขาและเราไม่ทันได้ตั้งตัว แต่สุดท้ายแล้วเรื่องราวก็ค่อยๆเผยความลับที่หล่นหายไปตามกาลเวลาพร้อมกับหญิงสาวที่ชื่อจัสมิน หลิง ซึ่งผู้อ่านจะร่วมค้นหาไปพร้อมกับการเดินทางที่แสนยาวไกลของสมิทธิ โดยที่ไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะพบเจอกับอะไร จะได้พบกับทางออกหรือไม่ และสิ้นสุดปลายทางจะพบทางออกที่มืดมิดหรือแสงสว่างรออยู่


                                              "คืนผัน วันเปลี่ยน และชีวิตผ่าน.." 

    เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดหนึ่ง ความแปลกประหลาดทุกอย่างก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นความปกติด้วยการก่อร่างสร้างตัวของเหตุและผลที่เกิดจากเรื่องราวไร้เหตุผล  แต่ในทางกลับกันเราอาจถูกทำให้ชินและวางมันทิ้งเอาไว้ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว ด้วยเนื้อเรื่องที่นำพาให้ผู้อ่านมุ่งความสนใจไปข้างหน้าและขบคิดกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกันกับสิ่งที่ตัวละครกำลังทำคือการก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน โดยที่เขาสามารถปลดเปลื้องทุกสิ่งทุกอย่างออกไปจากตัวเขา มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นคือความรักต่อจัสมินหลิงที่เขาไม่สามารถละทิ้งออกไปได้ ถึงแม้การก้าวเดินไปข้างหน้าของเขาจะเปรียบเสมือนการเดินทางเพื่อไขว่คว้าอดีต แต่อดีตที่เขาตามหากลับเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในการเข้าใจปัจจุบันและนำไปสู่การปลดแอกต่อสิ่งที่เขาต้องเผชิญมันมาทั้งหมด

    เรื่องราวจากหนังสือเล่มนี้จึงเป็นสิ่งที่มากระทำต่อผู้อ่านได้เป็นอย่างดี เปรียบเสมือนเป็นแรงสั่นสะเทือนเล็กๆที่สร้างรอยร้าวเอาไว้ในความคิดของผู้อ่าน บางครั้งก็ทำให้เกิดภาวะสับสนและหลงทางบางครั้งก็ทำให้เข้าใจสัจธรรมบางอย่างของชีวิต และบางครั้งก็ทำให้กลับมาคิดถึงเรื่องราวของตัวเราเอง เมื่อเราร่วมเดินทางมาจนถึงตอนจบของเรื่อง เรื่องราวทุกอย่างจบลงอย่างไม่ทิ้งปมประเด็นอะไรเอาไว้ให้ติดใจ แต่เรากลับพบว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตัวเรายังไม่จบ เพราะทุกอย่างยังคงตกค้างและดำเนินต่อไปเป็นตะกอนทางความคิด ซึ่งสิ่งที่เราตั้งคำถามเอาไว้ก่อนหน้านี้ที่ว่าตอนสุดท้ายแล้วเราจะเจอทางออกแบบไหนระหว่างแสงสว่างหรือความมืดได้กลายเป็นคำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบไปโดยปริยาย เพราะความรู้สึกที่เกิดจากการอ่านและซึมซับมาอย่างต่อเนื่องมันทำให้เราพบทั้งแสงสว่างและความมืดปะปนกันไป คงไม่สามารถให้น้ำหนักได้ว่าสิ่งใดหนักกว่ากัน แต่คงทำได้เพียงตอบคำถามว่าเราตอบสนองหรือพอใจในแสงสว่างหรือความมืดมากกว่ากันแน่ 

          การอ่านหนังสือเล่มนี้จึงไม่ใช่การรับสารโดยตรงจากผู้แต่ง แต่มีสิ่งที่ซับซ้อนกว่านั้นซ้อนทับอยู่อีกมากมาย ซึ่งการรับรู้นั้นก็จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละบุคคล บางคนอาจเจอแสงสว่าง บางคนเจอความมืด บางคนเจอแสงขาวที่มองผ่านปริซึมแล้วกลายเป็นสีรุ้ง หรือบางคนอาจมองเห็นอนุภาคของนิวตริโนที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่สำหรับเรานั้นเราได้เห็นช่องว่างระหว่างความมืดและความสว่างนั้นว่ามีความกว้างมากน้อยแค่ไหน มีระยะห่างระหว่างกันมากเท่าไร และระหว่างนั้นเราได้เจอกับอะไรที่สะท้อนออกมาจากงานเขียนชิ้นนี้ โดยที่เราสามารถเก็บเกี่ยวมันเอาไว้เป็นหนึ่งในประสบการณ์จากการเดินทางผ่านตัวหนังสือ และปล่อยให้ทุกประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามาได้ทำหน้าที่ของมันจนกลายเป็นส่วนประกอบหนึ่งของชีวิต... 

                                                    


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in