เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แอบอ่านไดอารี่.. 2009 เกาหลีเบื้องต้น101keep an ire on him
2009 เกาหลีเบื้องต้น101 - Day 1/4
  •         ฉันเดินมาถึงสี่แยกหนึ่งถนนแปดถึงสิบเลน ทำเอาฉันยืนงง จนต้องวางแผนให้ดีว่า ฉันจะข้ามไปฝั่งไหนก่อนฉันเฝ้ามองสัญญาณข้ามถนนอย่างใจจดจ่อ และพอจะใจชื้นขึ้นมาบ้างเมื่อฉันเห็นมีกลุ่มคนที่จะข้ามเหมือนฉัน ขณะที่ฉันนั้น เดิน เขย่ง ก้าวกระโดด เพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง เพลิดเพลินไปกับการมองความเคลื่อนไหวรอบๆตัว ทั้งรถราที่พยายามจะพาตัวเองให้ผ่านแยกสัญญาณไฟจราจรทั้งลูกเด็กเล็กแดงที่คุณพ่อคุณแม่พามาเที่ยวต่างพากันถือสายไหมไม้โตสีหวานเดินออกมาจากที่แห่งหนึ่ง แต่เป็นที่ที่ฉันกำลังจะเดินเข้าไป และกว่าจะรู้ตัวว่าฉันเดินเลยทางเข้ามาพบตัวเองอยู่ตรงทางออกนี้ฉันก็เมื่อยเกินกว่าจะเดินกลับไปทางเดิมแล้วฉันเลยสวนกระแสขอเดินชมพระราชวังคยองบก 
    (Gyeongbokgung Palace) จากด้านหลังมาด้านหน้าก็แล้วกัน

           ฉันมาหยุดยืนอยู่หน้าตู้คอนเทนเนอร์ ที่มีหญิงสาวกำลังนั่งปักครอสติชอยู่อย่างอารมณ์ดีฉันแอบมองดีๆ เธอคนนี้ใส่ชุดฮันบกซะด้วย ฉันยื่นเงินให้เธอสามพันวอน เธอยื่นกระดาษแข็งแผ่นเล็กๆให้ฉันหนึ่งแผ่น ฉันกล่าวขอบคุณเธอ และกล่าวขอโทษเธอในใจที่รบกวน ทำให้เธอต้องกลับไปหาจุดเริ่มต้นจากกระดาษที่มองดูแล้วเล่นเอาตาลายได้เหมือนกัน

         ฉันเดินมาประมาณสี่-ห้าก้าวคุณลุงยืนรอรับกระดาษที่ฉันเพิ่งได้รับมาเมื่อครู่ ท่านฉีกเป็นสองส่วนพร้อมกับส่งส่วนยาวมาให้ฉัน ฉันไม่ลืมหยิบ guidebook หน้าปกสีสันสดใสที่มีให้เลือกหลายภาษา เช่น ภาษาอังกฤษ จีน และญี่ปุ่นฉันเลือกหยิบภาษาอังกฤษมาหนึ่งเล่ม ปกติฉันไม่ค่อยจะอ่านนักหรอกแต่หยิบมาไว้ให้อุ่นใจ

           ฉันพาตัวเองเดินเข้ามาเรื่อยๆและเมื่อเดินเข้ามาถึงทางแยกที่ฉันต้องเลือกว่าจะไปซ้ายหรือขวา ฉันเลือกไปทางขวาเพื่อจะไปเจอกับสระน้ำที่ฉันหมายมั่นว่า ยังไงฉันก็ต้องมาให้เห็นกับตา สวยอย่างที่ฉันคิดไว้จริงๆด้วยสินะ ฉันจัดการบรรจงเลือกมุมดีๆ คนน้อยๆถ่ายรูปอย่างหนำใจ พร้อมหย่อนก้นลงนั่งพักเท้าซะหน่อย รองเท้าไม่รักดีกัดซะแล้วสิ เสียชาติเกิดมาเป็นรองเท้าผ้าใบจริงๆ ให้ตายเถอะ


         ลมพัดเย็นๆ ช่วยทำให้ฉันสดชื่นขึ้นมาได้นิดหน่อยจากแดดที่พากันทิ่มแทงกลางกระหม่อมบางๆนี้อย่างไม่ออมมือ ฉันไม่ลืมหยิบสมุดโน้ตออกมานั่งขีดๆเขียนๆแบบที่ฉันทำทุกครั้งที่เจออะไรก็ตามที่ฉันกลัวจะหลงลืมไปตามกาลเวลา ไม่นานนักเท้าของฉันพร้อมจะออกเดินต่อแล้ว ขณะเดียวกัน มีคุณป้าท่านนึงเดินมาสะกิดเธอพูดเป็นภาษาจีนที่ฉันแปลไม่ออกซักคำแต่จับจากท่าทางแล้วเธออยากถ่ายรูปตรงที่ฉันนั่ง ไม่มีปัญหาฉันกำลังจะไปพอดี ฉันหันไปถามท่านด้วยภาษามือว่า จะให้ฉันถ่ายให้ไหม คุณลุงคุณป้าจะได้ถ่ายด้วยกันเธอโบกมือว่าไม่ และโบกมือว่าไปซะ การโบกมืออย่างหลังทำให้ฉันเกิดเซ็งขึ้นมานิดหน่อย ฉันคงบ่นอะไรไม่ได้มากก็ฉันมีเชื้อจีนอยู่ตั้งครึ่งหนึ่งนี่นา

            ฉันออกเดินไปเรื่อยๆ มันกว้างซะจนฉันไม่รู้จะเลี้ยวไปทางไหน หันไปทั้ง 360 องศาพานอราม่าเดินจนรู้สึกว่า ไปทางไหน ทำไมมันถึงเหมือนกันไปหมด นี่ฉันเริ่มเมาพระราชวังเข้าแล้วหรือ guidebook ที่หยิบมาทีแรก ไม่ได้ทำหน้าที่ของมันเลย ฉันเหนื่อย เมื่อยเกินกว่าจะหยิบมันออกมาแล้ว ฉันนึกเสียใจอยู่เหมือนกันฉันรู้สึกเหมือนตัวเองทำความรู้จักพระราชวังแห่งนี้แบบผิวเผินเกินไป พระราชวังแห่งนี้กว้างใหญ่เหลือเกิน ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองเดินครบไหมแต่หลังจากหลายชั่วโมงที่พระราชวังแห่งนี้ ดูเหมือนจะอิ่มแล้วสำหรับฉัน


           ฉันยังโชคดีพอที่จะเดินมาทันเวลาทหารเปลี่ยนเวรยามกันพอดีเสียงชัตเตอร์ดังอยู่ตลอดเวลา     พระราชวังแห่งนี้ตอบคำถามของฉันหมดแล้ว ฉันจึงกล่าวลาซึ่งแน่นอนมันสวนทางกับนักท่องเที่ยวที่เพิ่งมาถึง แววตาที่ดูตื่นเต้นเป็นประกายด้วยความกระหายใคร่รู้เหมือนเป็นการลอกการบ้านคนข้างๆ ฉันไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้จะตอบคำถามพวกเขาเหมือนที่ตอบฉันไหม

    ..แต่เมื่อฉันลองมองคำถามในใจฉันมันยังมีอีกตั้งหลายข้อ ฉันไม่รู้ว่าฉันจะหาคำตอบได้ทั้งหมดก่อนเวลาของฉันจะหมดลงหรือไม่ แต่ฉันจะพยายาม..

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in