เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แอบอ่านไดอารี่.. 2009 เกาหลีเบื้องต้น101keep an ire on him
2009 เกาหลีเบื้องต้น101 - Day 1/3
  •           หลังจากฝากกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ออกเดินหาโทรศัพท์ ก่อนที่จะมาคุณนายที่บ้านได้ฝากบัตรโทรศัพท์และเหรียญเงินวอนมาหนึ่งกำ มันเป็นของเหลือจากการมาเยี่ยมเยือนของท่านเมื่อสองอาทิตย์ก่อน แต่อาจจะเป็นของจำเป็นสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างฉันที่ไม่มีใครมารับและอาจหาทางไปที่พักไม่เจอ โชคยังดีที่เหตุการณ์อย่างหลังไม่ได้เกิดกับฉัน ฉันเลยหยิบบัตรโทรศัพท์ออกมาหวังจะใช้บริการติดต่อกลับไปยังบ้านที่ฉันเพิ่งจากมาเมื่อเจ็ดชั่วโมงก่อน

              ฉันกรอก “อันยอง ฮาเซโย” ไปตามสายเสียงคุณนายหัวเราะร่า พร้อมกับยิงคำถามรัวมาเป็นชุด ท่านอาจลืมไปแล้วว่าฉันเองใช้ชีวิตดูแลตัวเองมากว่าเจ็ดปีและอายุของฉันนั้นก็เลยเบญจเพสแล้วด้วยแต่ในสายตาของแม่ ท่านอาจยังเห็นฉันเดินไปมาด้วยรถช่วยพยุง ที่มีของประดับประดาพลาสติกตกแต่งสีสันสดใสอยู่ดี ก่อนที่จะมาที่นี่..

               ..ท่านไม่เห็นด้วยที่ฉันจะเดินทางคนเดียว ท่านไม่เห็นด้วยที่ฉันจะนอนที่ guesthouse ทั้งๆที่ฉันมีห้องมีเตียงเป็นของตัวเอง และแชร์แค่ห้องน้ำเท่านั้น ท่านไม่เห็นด้วยที่ฉันจะขึ้นรถบัสจากสนามบินเข้าเมืองเองเพราะท่านทราบว่าฉันมีเพื่อนอยู่ที่นี่แต่เพราะฉันเลือกมาช่วงเวลาที่คนธรรมดาสามัญยังต้องทำงาน เพื่อนฉันจึงไม่สามารถเดินทางมารับฉันได้

              แต่.. ท่านเห็นด้วยที่ฉันจะมาแค่ห้าวันและท่านเห็นด้วยที่ฉันจะปล่อยให้กระเป๋าว่างหนึ่งด้าน เพื่อที่ฉันจะได้ขนไหกิมจิและหีบห่อสินค้าตามรายการที่ท่านสั่งมา สุดท้ายก่อนจะวาง ฉันสัญญากับท่านว่า ฉันจะโทรหาท่านทุกเช้าเหมือนที่ฉันเคยทำคราวที่ฉันต้องห่างบ้านเป็นครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน

         วันนี้ฉันคงทำอะไรไม่ได้มาก เนื่องมาจากความเหนื่อยล้าจากเมื่อคืนที่ฉันตาเบิกโพลงตลอดหกชั่วโมงของการเดินทาง ฉันเดินมาเจอร้านสะดวกซื้อ GS25 ที่ปากทางเข้าบ้านฉัน ฉันแวะซื้อนมกล้วย ขนมอีกนิดหน่อย น้ำเปล่าและไม่ลืมขอซื้อบัตร T-Money ที่จะพาฉันเดินทางไปรอบๆเมืองหลวงของเธอนั่นไง บัตรนี้สนนราคาอยู่ที่สองพันห้าร้อยวอน ฉันจัดการเติมเงินไปหนึ่งหมื่นวอนเพราะฉันไม่แน่ใจว่า การเดินทางแต่ละทีนั้น คิดเป็นราคาค่าเงินเท่าไหร่ เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ฉันพร้อมที่จะพบเธอแล้วล่ะ

    ..ใจฉันมันเต้นดังเกินไปรึเปล่านะ..

           ภาพตรงหน้าเมื่อฉันหันหลังให้กับซอยเข้าบ้านของฉันนั้นมันคลับคล้ายคลับคลาบ้านที่ฉันจากมาอยู่พิลึก ภาพบ้านเมืองอยู่เบื้องหน้าและมีภาพภูเขามหึมาอยู่เบื้องหลัง ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆแสงแดดอ่อนๆปลุกให้ฉันตื่นตัวได้นิดหน่อยหลังจากที่ฉันไม่ได้นอนมาทั้งคืน ที่หมายแรกที่ฉันจะไปในวันนี้คือวัดโชเกซา (Jogyesa Temple) มาถึงที่แล้วฉันต้องไปแสดงความเคารพผู้ใหญ่ของเธอก่อนสิ วัดโชเกซาห่างจากบ้านฉันแค่ไม่กี่ร้อยเมตรระหว่างทางที่ฉันเดินไป ฉันเดินผ่านเหล่าต้นแปะก๊วยที่กำลังแข่งกันอ่อนสีลงและพร้อมที่จะร่วงหล่นสู่พื้นดินฉันเห็นมีธงชาติประดับประดาตามต้นไม้ด้วย ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอมีงานอะไรหรือแค่เพราะช่วงนั้นเป็นวันหยุดสำคัญของเธอหรือเปล่า


             ก่อนที่ฉันจะก้าวเข้าวัดฉันได้ยินเสียงพระสวด ไม่สิ จะว่าไปถ้าจะบอกว่า ฉันเดินตามเสียงนี้มาก็ไม่ผิดนัก บรรยากาศในวัด ดูสงบ และศักดิ์สิทธิ์ทำให้ฉันลังเลกับการใช้กล้องในมืออยู่ไม่น้อย ฉันได้แต่แอบถ่ายบรรยากาศรอบๆ เก็บภาพผู้คนที่เดินผ่านไปมาบ้าง ฉันเลือกที่จะนั่งม้านั่งไม้ที่ห่างออกมาสักหน่อย ตอนนี้ที่โซลเริ่มจะเย็นแล้วถึงแม้ที่ที่ฉันนั่งนั้น แสงแดดจะส่องลงมาเต็มๆ แต่ไม่ได้ทำให้ฉันอยากลุกจากที่นั่งตรงนั้นเลย ฉันเลือกที่จะให้ร่างกายได้สังเคราะห์วิตามินดีต่ออีกสักหน่อย

          ฉันนั่งปล่อยใจให้ลอยไปตามเสียงสวดซักพักจนฉันคิดว่าถ้าฉันนั่งนานกว่านี้ไม่ใช่แค่จิตเท่านั้นแต่ตาของฉันก็พาลจะปิดตามไปด้วย ฉันเลยตัดสินใจก้าวเท้าออกจากวัดแห่งนี้

    ..เตรียมพร้อมที่จะพบสิ่งใหม่ๆที่เธอกำลังจะนำเสนอฉันอยู่..

         ฉันก้าวเท้าออกจากวัดสั่งให้ตัวเองเลี้ยวซ้าย เดินเลียบถนนไปเรื่อยๆ แวะถ่ายรูปเรื่อยเปื่อยตามประสา ตอนนั้นเองที่ฉันได้ยินเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง ฉันหันไปสบตากับคุณลุงท่านหนึ่ง ชุดที่ท่านใส่แลดูเหมือนนักบวช ท่านมาพร้อมจักรยาน หากแต่เท้าของท่านอยู่ที่พื้น ไม่ใช่ตัวถีบ ท่านขี่มาจอดข้างฉัน เมื่อฉันหยุดเดินท่านถามฉันเป็นภาษาเกาหลีพร้อมทำท่าทางว่า ให้ท่านถ่ายให้ไหมปกติฉันไม่ใช่คนชอบถูกถ่ายรูปอยู่แล้ว จึงหันยิ้มให้ท่านพร้อมทั้งบอก “ไม่เป็นไร ขอบคุณ” ด้วยภาษาอังกฤษพร้อมกับแจกโค้งหนึ่งทีท่านยิ้มตายิบหยีแล้วออกแรงปั่นต่อไป 


            ฉันยังคงยืนงงกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ฉันเงยหน้าขึ้นมามองท่านอีกครั้ง ฉันเห็นท่านหยุดยืนคุยกับใครสักคนที่อยู่ห่างจากฉันไปประมาณร้อยเมตร เมื่อฉันเดินทันท่านและกำลังก้าวขึ้นนำอยู่นั้น คำศัพท์ภาษาเกาหลีที่จำกัดของฉันทำให้ฉันจับใจความได้แค่คร่าวๆว่า ท่านคงถามคุณป้าที่กำลังยืนรอรถเมล์อยู่ว่าจะไปที่ไหนเพื่อให้แน่ใจว่า คุณป้าขึ้นถูกสาย ฉันได้ยินเสียงคุณป้ากล่าวขอบคุณแว่วๆมาจากทางด้านหลัง

             และแล้วคุณลุงก็ปั่นทันฉันอีกรอบ เราหันมามองแลกเปลี่ยนยิ้มให้กัน และคุณลุงก็ถามฉันเป็นภาษาเกาหลีว่า ฉันกำลังจะไปที่ไหนฉันบอกที่หมายท่านไป ท่านบอกว่ามาถูกทางแล้ว พร้อมกับชี้บอกทางให้แล้วท่านก็ยิ้มพร้อมกับถามว่า ฉันมาจากที่ไหน

    “ญี่ปุ่นหรือ”

    “ไม่ใช่ค่ะ”

    “อเมริกาหรือ”

    ฉันอมยิ้ม “ไม่ใช่ค่ะ”

    ท่านมองหน้าฉันงงๆ ฉันเลยเฉลยว่า “หนูคนไทยค่ะ”

    ท่านทำตาโต พร้อมกับทวนว่า ฉันมาจากเมืองไทยเหรอ ท่านส่ายหัวแล้วพูดอะไรสักอย่างที่ฉันยังไม่เคยเจอจากหนังสือสนทนาภาษาเกาหลีฉบับเร่งรัด แต่ฉันเดาเอาว่า ท่านคงคิดว่าฉันหน้าตาไม่ค่อยจะเหมือนละมั้ง ฉันบอกขอบคุณเป็นภาษาเกาหลีพร้อมกับโค้งเพื่อลาท่านออกมา คล้อยหลังฉันยังเห็นท่านเดินไปสนทนาพาทีต่อกับพนักงานรักษาความปลอดภัยของตึกแห่งหนึ่งซึ่งตอนนี้ปิดประตูเหล็กแน่นหนา ท่านคงจะเป็นคนแถวนี้เลยทำหน้าที่เจ้าบ้านได้อย่างดีเยี่ยม

    ..นี่เธอกำลังโปรยเสน่ห์ใส่ฉันอยู่ใช่ไหม..

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in